ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 35 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 681 - 700 จากข้อมูลทั้งหมด 1479 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 681 | การเร่งรัดการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออก | นร | 31/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือทุก
หน่วยงานให้เร่งรัดการป้องกันและควบคุมโรคไข้เลือดออกให้เหมาะสมกับพื้นที่ โดยเฉพาะการกำจัดแหล่งเพาะ พันธุ์ลูกน้ำยุงลายตามสถานที่ต่าง ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 682 | การจัดตั้งคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ | กต | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการจัดตั้งคณะกรรมการอาเซียนแห่งชาติ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง
ประเทศ เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทน เป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวง ทุกกระทรวงหรือผู้แทน จำนวน 19 คน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ประธานสภาอุตสาห กรรมแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ประธานสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ร่วมเป็นกรรมการ อธิบดีกรม อาเซียน เป็นกรรมการและเลขานุการ รองอธิบดีกรมอาเซียน จำนวน 2 คน เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ รวม องค์ประกอบคณะกรรมการจำนวนทั้งสิ้น 27 คน มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดหรือเสนอแนะนโยบาย แนวทาง และ ท่าทีของไทยในการเข้าร่วมกรอบความร่วมมืออาเซียน รวมทั้งประสานนโยบายและท่าทีในการดำเนินการต่าง ๆ ใน กรอบความร่วมมืออาเซียน และเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานต่าง ๆ ในการเร่งรัดกระบวนการสร้างประชาคมอา เซียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 683 | โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2559) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2559) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) วงเงินลงทุน 62,503.214 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการทอท. มีมติเห็นชอบโครงการฯ แล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ หากการดำเนินการก่อสร้างตามโครงการในส่วนใดจะต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ให้ ทอท. ดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน 2. ให้กระทรวงคมนาคมและ ทอท. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นเกี่ยวกับการเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมของทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2552 ให้แล้วเสร็จและมีความชัดเจนโดยเร็ว รวมทั้งประเด็นเกี่ยวกับการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและการจัดลำดับการดำเนินงานก่อสร้างของโครงการฯ โดยคำนึงถึงปัจจัยที่จะมีผลกระทบต่อการคาดการณ์ปริมาณการจราจรทางอากาศ ฐานะการเงิน และระยะเวลาในการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงความต่อเนื่องและคุณภาพการให้บริการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการใช้เงินกู้จากต่างประเทศให้ ทอท. พิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นด้วยความรอบคอบรัดกุม และอยู่ในวงเงินที่กำหนดเพื่อมิให้กระทบรายได้ที่จะต้องนำส่งกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 684 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2553 | ทส | 24/08/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอผลการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเรื่องต่าง ๆ จำนวน 9 เรื่อง ดังนี้
1. แผนปฏิบัติการเพื่อลดและขจัดมลพิษในเขตควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง พ.ศ. 2553-2556 (ฉบับทบทวน) 2. การขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำเกาะระ เกาะพระทอง จังหวัดพังงา และพื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ 3. การรับรองโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพและการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย (Partnership of the Conservation of Migratory Waterbirds and Sustainable Usee of their Habitat in the East Asian-Australasian Flyway) 4. โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) ทางหลวงหมายเลข 4 สายชุมพร-ระนอง ของกรมทางหลวง 5. โครงการหอดูดาวแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ 6. การปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานค่าควันดำจากท่อไอเสียของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด 7.การกำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ 8. การปรับปรุงค่ามาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากเตาเผามูลฝอย 9. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยข้อร้องเรียนโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ และปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 685 | ขออนุมัติขยายระยะเวลา เรื่อง การชำระคืนหนี้เงินกู้ ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 ออกไปอีก 10 ปี | คค | 06/07/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการขยายเวลาการชำระคืนหนี้เงินกู้ ค่าออกแบบ ค่าก่อสร้าง และค่าจ้างที่ปรึกษาโครง การรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ยกเว้นเรื่องการขยายเวลาให้รัฐบาลรับภาระหนี้แทน รฟม. เห็นชอบให้ขยายเวลาต่อไปอีก 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2559 ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. เร่งรัดจัดทำแนวทางและมาตรการในการดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกิจการของ รฟม. เพื่อนำ เสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการลดภาระการสนับสนุนใน ด้านงบประมาณการดำเนินงานให้แก่ รฟม. ในระยะยาว และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ กิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2552 [เรื่อง รายงานการศึกษา และวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)] ที่ให้ รฟม. แยกบัญชีผลการดำเนินงาน (รายได้ค่าโดยสารและรายได้เชิงพาณิชย์และต้นทุน) และสินทรัพย์ของโครงการรถไฟฟ้า เส้นทางต่าง ๆ ในลักษณะหน่วยธุรกิจ และเร่งศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบการให้สัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสาย สีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระฯ รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการเร่งรัด พัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนตามนโยบายของรัฐบาล โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง การ รายงานผลการชำระหนี้เงินกู้ฯ และฐานะทางการเงินต่อสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 686 | การพิจารณาทบทวนโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลาสูงสุด 15 ตัน/เพลา จำนวน 7 คัน และการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า น้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 13 คัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 22/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 15 ตัน/เพลา จำนวน 7 คัน วงเงิน 757.680 ล้านบาท พร้อมอะไหล่วงเงิน 75.768 ล้านบาท วงเงินรวม 833.448 ล้านบาท โดย เปลี่ยนวิธีการจัดหาจากวิธีแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีมูลค่าเท่ากัน (Barter Trade) ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณ รัฐประชาชนจีน เป็นการจัดหาด้วยวิธีปกติ โดย รฟท. จะเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายจากเงินกู้ และให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ 1.2 อนุมัติให้ รฟท. จัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าน้ำหนักกดเพลาสูงสุด 20 ตัน/เพลา จำนวน 13 คัน ใน ราคาคันละ 165 ล้านบาท วงเงินรวม 2,145 ล้านบาท โดย รฟท. รับภาระค่าใช้จ่ายจากเงินกู้ และให้กระทรวงการ คลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ 2. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดมาตรการในการเร่งรัดการบริหารโครงการให้มีประสิทธิ ภาพยิ่งขึ้น และให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้ กำหนดไว้ รวมทั้งเร่งพิจารณาหาแนวทางการเพิ่มบทบาทให้ภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในส่วนการขนส่งสินค้าเพื่อลด ภาระการลงทุนในส่วนที่ รฟท. ต้องเป็นผู้รับภาระเองและเพื่อเร่งรัดการพัฒนาการให้บริการด้านการขนส่งทางราง ให้สามารถรองรับความต้องการขนส่งสินค้าที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการเสนอขออนุมัติเพื่อ ดำเนินโครงการปรับปรุงทางระยะที่ 5 และ 6 จากแก่งคอยถึงหนองคาย ระยะทางประมาณ 586 กิโลเมตร รวมทั้ง การก่อสร้างโครงการก่อสร้างทางคู่ส่วนต่อจากฉะเชิงเทราถึงแหลมฉบัง ระยะทาง 78 กิโลเมตร ซึ่งจะเพิ่มขีดความ สามารถของทางให้รองรับน้ำหนักได้มากกว่า 15-18 ตันต่อเพลา นั้น ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. เร่งรัดการขอ อนุมัติและดำเนินโครงการให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 687 | มาตรการเร่งรัดการดำเนินงานสำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | นร | 08/06/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการเร่งรัดการดำเนินงานสำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัด การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ 2. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาด้วยว่ากรณีที่รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินตามกำหนดเวลาเพื่อใช้รองรับ การดำเนินโครงการของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่เป็นโครง การซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินการมากกว่า 1 ปี จะสามารถดำเนินการประการใดเพื่อลดภาระดอกเบี้ยของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 688 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนที่นำทางแห่งชาติการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ พ.ศ. 2551 - 2555 เพื่อเป็นอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต (New Wave Industry) ของประเทศไทย | วท | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอรายงานผลการดำเนินการ
ตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนที่นำทางแห่งชาติการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ พ.ศ. 2551-2555 เพื่อ เป็นอุตสาหกรรมเพื่ออนาคต (New Wave Industry) ของประเทศไทย สรุปผลการดำเนินการได้ดังนี้ 1. ภาพรวมผลการดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพตามแผนที่นำทางแห่งชาติฯ ที่ผ่าน มาส่งผลให้เกิดการริเริ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้แก่ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นโยบายด้าน สิ่งแวดล้อม และมาตรการให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนและภาษีต่าง ๆ การพัฒนาเทคโนโลยีที่มีศักยภาพใน เชิงพาณิชย์ รวมทั้งการจัดทำโครงการนำร่องเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพได้อย่างดีในระดับ หนึ่ง ส่วนปัญหาหลักที่พบ คือ การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุตัวชี้วัดของ 4 กลยุทธ์หลักของแผนที่นำทางแห่งชาติฯ ทำได้ยาก เนื่องจากต้องอาศัยการสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญในการดำเนินการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติก ชีวภาพอย่างบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องมีการปรับแผนเพื่อกำหนดกรอบงบประมาณและตัวชี้ว้ดให้ ชัดเจนและเหมาะสมกับภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2. ในส่วนของงบประมาณดำเนินการ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) ได้รับ การจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณสำหรับโครงการยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพตาม แผนที่นำทางแห่งชาติฯ ในปี พ.ศ. 2551-2553 เป็นจำนวน 248 ล้านบาท และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทค โนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 25 ล้านบาท (พ.ศ. 2553) รวมเป็นเงินที่ได้รับการ จัดสรร 273 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่างบประมาณที่ระบุไว้ในแผนที่นำทางฯ จำนวน 1,635.10 ล้านบาท ส่งผลต่อ การดำเนินการ โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่ 2 การเร่งรัดและสร้างเทคโนโลยี ในเรื่องของการสนับสนุนให้เกิดการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพที่มีศักยภาพสู่อุตสาหกรรม และกลยุทธ์ที่ 3 การสร้าง อุตสาหกรรมและธุรกิจนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมและธุรกิจนวัตกรรม ด้านพลาสติกชีวภาพในประเทศไทย ทั้งนี้ สนช. อยู่ระหว่างการปรับแผนการดำเนินงานเพื่อเร่งพัฒนาให้เกิดการ ลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพอย่างครบวงจร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 689 | การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | คค | 27/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และให้ขยาย
เวลาการขอรับจัดสรรเงินของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เป็น 45 วันทำการ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติ การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในครั้งนี้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการที่ มีการเปลี่ยนแปลง มีดังนี้ 1. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง วงเงิน 189.000 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงเป็น โครงการก่อสร้าง ทางและสะพานขนาดใหญ่ วงเงิน 1,050.000 ล้านบาท 2. โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) วงเงิน 2,600 ล้านบาท เปลี่ยน แปลงเป็น โครงการทางหลวงเพื่อชุมชน วงเงิน 2,339.000 ล้านบาท |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 690 | คำของบประมาณของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และการขยายระยะเวลาสำหรับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และของกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 | นร | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบคำของบประมาณของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และการขยายระยะเวลาสำหรับ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ที่ขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตาม ที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณา การเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำโครงการลำดับที่ 2 มาเพิ่มเติมเป็นคำของบประมาณได้ และกรณีไม่ มีโครงการลำดับที่ 2 เป็นโครงการสำรอง ซึ่งมีจำนวน 1 จังหวัด 3 กลุ่มจังหวัด (จังหวัดสระบุรี จังหวัดภาคกลาง ตอนบน 1 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน) ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดดังกล่าว จัดทำโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพิ่มเติม และเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) และ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเห็นชอบ และส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 9 เมษายน 2553 เพื่อดำเนินการ และเสนอคณะรัฐมนตรีได้ทันภายในวันที่ 27 เมษายน 2553 1.2 ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 โดยให้จังหวัด และกลุ่มจังหวัดโดยความเห็นชอบของ ก.น.จ. ส่งคำขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาออกไปเป็นภายในวันที่ 9 เมษายน 2553 เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และคณะ รัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาการขอจัดสรรเงินตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ต่อไป 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่ม จังหวัดแบบบูรณาการเร่งรัดดำเนินการ โดยคำนึงถึงกรอบระยะเวลาที่มีค่อนข้างจำกัด ภายในวันที่ 9 เมษายน 2553 ด้วย ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 691 | ขอขยายเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (จำนวน 30 รายการ งบประมาณ 160.8959 ล้านบาท) | ทส | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16
กุมภาพันธ์ 2553 [เรื่อง มาตรการเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท)] จากวันที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 30 เมษายน 2553 เฉพาะกรณีงานทำเองที่ดำเนินการโดยกรมการทหารช่างที่รับมอบโอนงานโครงการจากกรมทรัพยากรน้ำ ตาม ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 692 | โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 | กค | 02/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ตามข้อเสนอของธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.2 ขยายระยะเวลาการเก็บเงินและการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่คงเหลือ จำนวน 197.59 ล้านบาท ไปจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 1.3 การจัดสรรค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวสารขององค์การ คลังสินค้าและองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 1.4 มอบหมายการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 ให้คณะกรรมการนโยบาย ข้าวแห่งชาติ (กขช.) กำกับดูแลต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบสต๊อก (Stock) ข้าวของโครงการ ฯ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน ก่อนส่งมอบ กขช. ด้วย 2. กรณีโครงการรับจำนำผลิตผลการเกษตรที่คณะรัฐมนตรีหรือ กขช. หรือคณะกรรมการนโยบายและ มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการ และหากสิ้นสุดระยะเวลาโครงการแล้วแต่ยัง มีภาระหนี้กับ ธ.ก.ส. ให้ ธ.ก.ส. ขอเบิกชดเชยค่าใช้จ่ายได้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยให้เสนอขออนุมัติต่อ คณะรัฐมนตรีเป็นรายโครงการ เพื่อคณะรัฐมนตรีจะได้รับทราบผลการดำเนินงานของแต่ละโครงการอย่างต่อเนื่อง เช่นที่เคยปฏิบัติมา 3. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการระบายข้าวสารภายใต้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2551 เพื่อลดภาระดอก เบี้ยและค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาคุณภาพข้าว ซึ่งจะเป็นภาระของภาครัฐในการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนทุกปี ไปพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 693 | มาตรการเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท) | กค | 16/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติ
การไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 199,960.60 ล้านบาท ) ดังนี้ 1. กรณีหน่วยงานยังไม่ได้เสนอขอจัดสรร ให้เร่งดำเนินการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัด สรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นโครงการที่ อยู่ระหว่างดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหรือที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ให้ขยายเวลาการจัดส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินไป เป็นภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 2. กรณีหน่วยงานได้รับการจัดสรรเงินแล้วแต่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญาให้เร่งดำเนินการลงนามในสัญญา ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2553 3. หากไม่สามารถดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดตามข้อ 1 และ 2 ให้ยุติโครงการเพื่อสามารถ นำเงินไปให้โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการมากกว่าแต่ไม่ได้รับอนุมัติ (ยกเว้นกระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 ให้ขยายเวลาการยื่นคำ ขอจัดสรรต่อสำนักงบประมาณต่อไปก่อน) 4. ให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการบันทึกข้อมูล แผนงาน งวดงานและงวดเงินตามระบบ Projects Financial Monitoring System (PFMS) ที่กระทรวงการคลังกำหนดทุกโครงการ ภายหลังจากได้รับจัดสรรเงินแล้ว และ/หรือลงนามในสัญญาแล้ว และให้กระทรวงการคลังใช้ข้อมูลการรายงานจากระบบ PFMS เป็นข้อมูลพิจารณา ความก้าวหน้าของโครงการ หากไม่มีการบันทึกข้อมูลถือว่าโครงการดังกล่าวยังไม่มีการดำเนินงาน และให้ยุติโครง การ เพื่อสามารถนำเงินจากโครงการดังกล่าวไปให้โครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการมากกว่า แต่ไม่ได้รับ อนุมัติต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำหนดกรอบระยะเวลาที่หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ ต้องดำเนินการ บันทึกข้อมูลให้ชัดเจน เหมาะสม และแจ้งให้ทุกหน่วยงานทราบเพื่อถือปฏิบัติต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 694 | การเร่งรัดการชำระเงินค่าใช้จ่ายในการรับฝากสินค้า | นร | 26/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปเร่งรัดดำเนินการให้มีการชำระเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ
ให้แก่ผู้ประกอบการเจ้าของโกดังสินค้าที่องค์การคลังสินค้าเช่าพื้นที่สำหรับเก็บสินค้าที่เป็นผลิตผลทางการเกษตร ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมกราคม 2553 และให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วย ตามที่นายก รัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 695 | การขยายเวลาการพิสูจน์สัญชาติและการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าว และการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเพิ่มเติม | รง | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการขยายเวลาการพิสูจน์สัญชาติและการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวแก่ แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชาที่จดทะเบียนและได้รับอนุญาตทำงานปี พ.ศ. 2552 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 จำนวน 382,541 คน และตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2552 วันที่ 28 กรกฎาคม 2552 และวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 จำนวน 928,149 คน ออกไปอีก 2 ปี สิ้นสุดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 โดยแรงงานต่างด้าวดังกล่าวต้องกรอกแบบการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 และเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จตามวันเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ ไม่เกินวัน ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2555 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ 2. ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง และแรงงานต่าง ด้าวทราบขั้นตอนการพิสูจน์สัญชาติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในช่วงการเร่งรัดให้แรงงานต่างด้าวที่ได้รับการผ่อนผัน ให้อยู่ในราชอาณาจักร ฯ กรอกแบบพิสูจน์สัญชาติ ฯ ให้เสร็จภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 ตามความเห็นของ กระทรวงการต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 696 | ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) อีกวาระหนึ่ง (สำหรับปี 2553 - 2554) | คค | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ในการประชุมสมัชชาสมัยสามัญ ครั้งที่ 26
ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ระหว่างวันที่ 23 พฤศจิกายน-4 ธันวาคม 2552 ณ สำนักงานใหญ่ IMO ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO ในประเทศกลุ่ม C ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศสมาชิกที่ มีผลประโยชน์เป็นพิเศษในด้านการขนส่งทางทะเลหรือการเดินเรือ อีกวาระหนึ่ง สำหรับแผนการดำเนินงานของ กระทรวงคมนาคมภายหลังจากที่ประเทศไทยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO ได้แก่ แผนงานการส่ง เสริมบทบาทของประเทศไทยในการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของ IMO โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเจ้าภาพจัดการ ประชุมสัมมนาระดับภูมิภาค โดยร่วมมือกับ IMO และการเข้าร่วมงานการประชุมต่าง ๆ ณ สำนักงานใหญ่ IMO รวมทั้งแผนงานการเร่งรัดเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ IMO ซึ่งประเทศไทยยัง ไม่ได้เข้าเป็นภาคีโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 697 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรี (จำนวน 10 คณะ) | นร | 19/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ปฏิบัติหน้าที่ประธาน
กรรมการและรองประธานกรรมการในส่วนที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติเมื่อครั้งดำรง ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1. คณะกรรมการโครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงานเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชน (ต้นกล้าอาชีพ) 2. คณะกรรมการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ 3. คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง 4. คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 5. คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก 6. คณะกรรมการ PPP 7. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายราษีไศล 8. คณะกรรมการมรดกโลก 9. คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจและสินค้าฮาลาล 10. คณะกรรมการบริหารจัดการเรื่องอาหารและพลังงานเพื่อรองรับวิกฤตอาหารและพลังงานโลก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 698 | รายงานผลการเข้าร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวงาน MATIW - Leisure 2009 ณ สหพันธรัฐรัสเซียและผลการเยือนสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน (ระหว่างวันที่ 22 - 24 กันยายน 2552 และระหว่างวันที่ 24 - 26 กันยายน 2552) | กก | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอรายงานผลการเข้าร่วมงานส่งเสริมการ
ขายทางการท่องเที่ยวงาน MATIW-Leisure 2009 ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2552 และ ผลการเยือนสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน ระหว่างวันที่ 24-26 กันยายน 2552 ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่อง เที่ยวและกีฬา สรุปได้ดังนี้ 1. ผลการเข้าร่วมงาน MATIW-Leisure 2009 ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ประเทศไทยได้รับเกียรติจากผู้จัดงาน ในการเป็นเจ้าภาพรวมหรือ "Country Partner" ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์และโฆษณาการท่อง เที่ยวของประเทศไทยผ่านสื่อต่าง ๆ ในงานโดยเฉพาะการส่งเสริมภาพลักษณ์ "Amazing Thailand Amazing Value" ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความคุ้มค่าทั้งในด้านค่าใช้จ่ายและประสบการณ์ของนักกท่องเที่ยว รวมทั้งการเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยที่เข้าร่วมงานดังกล่าวมีความพอใจระดับ ปานกลางถึงค่อนข้างสูง เนื่องจากบริษัทนำเที่ยวรัสเซียได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทย โดยผู้ประกอบการธุรกิจ ท่องเที่ยวของไทยได้นำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยวที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต กระบี่ และสมุย และตลอดการเข้าร่วมงาน มีบริษัทนำเที่ยวรัสเซียมาติดต่อขอข้อมูลและเจรจาไม่น้อยกว่า 40 ราย 2. ผลการเยือนสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้พบหารือกับ ประธานการท่องเที่ยวอุซเบกิสถานเกี่ยวกับการเร่งรัดให้มีการเปิดกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองทาชเคนต์ สาธารณรัฐ อุซเบกิสถาน เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวชาวอุซเบกิสถานในการยื่นขอวีซ่าเพื่อเดินทางมายังประเทศ ไทย และการลงนามในบันทึกความเข้าใจด้านการท่องเที่ยว (MOU) ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐอุซเบกิ สถาน คาดว่าจะสามารถลงนามได้ภายในปี พ.ศ. 2553 รวมทั้งได้พบปะผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวรายใหญ่ ๆ ของสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน เพื่อหารือเรื่องรูปแบบกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวประเทศไทยในรูป แบบต่าง ๆ ในช่องทางที่เหมาะสมและได้รับประโยชน์สูงสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 699 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 149,999.8371 ล้านบาท) | กค | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 (วงเงิน 149,999.8371 ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบ ประมาณภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 กำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 100.00 ของวงเงินตามแผนที่ได้รับอนุมัติ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 1.2 ให้หน่วยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินให้แล้วเสร็จภายในวัน ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้ สำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้ รับอนุมัติแล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2553 1.3 ให้หน่วยงานที่ได้รับเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ บันทึกข้อมูลแผนงาน งวด งานและงวดเงินตามระบบที่กระทรวงการคลังกำหนด และรายงานผลความก้าวหน้าตามแผนงาน งวดงาน และงวดเงินที่สอดคล้องกับความสำเร็จของงานในแต่ละเดือน ไตรมาส เพื่อเป็นข้อมูลในการติดตามเร่งรัด การใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ 1.4 ให้นำอัตราการเบิกจ่ายเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ตามเป้าหมายที่คณะ รัฐมนตรีกำหนดเป็นตัวชี้วัดในคำรับรองการปฏิบัติราชการของหน่วยงาน 1.5 ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับหน่วยงานในสังกัดที่ได้รับเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติ การ ฯ ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินอย่างเคร่งครัด 2. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานและเร่งรัดให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำการบันทึก ข้อมูลการดำเนินงานในระดับพื้นที่และจัดทำแผนปฏิบัติงานเพื่อให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติแผนและ จัดสรรงบประมาณโครงการ ฯ ตามขั้นตอนต่อไปโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
| 700 | การเร่งรัดการชำระเงินค่าใช้จ่ายในการรับฝากสินค้า | นร | 29/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์รับไปเร่งรัดการดำเนินการขององค์การคลังสินค้า (อคส.)
เพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้แก่ผู้ประกอบการเจ้าของโกดังสินค้าที่ อคส. เช่าพื้นที่สำหรับเก็บสินค้าที่เป็นผลิตผล ทางการเกษตรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
