ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 37 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 721 - 740 จากข้อมูลทั้งหมด 1479 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 721 | รายงานผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2552 เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือทั้งระดับทวิภาคีและระดับ ภูมิภาค เพื่อให้ไทยและเวียดนามเป็นจักรกลของการพัฒนาที่สำคัญของภูมิภาคผ่านความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและ การพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันบนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วน โดยนายกรัฐมนตรีได้หารือกับนายกรัฐมนตรี เวียดนามและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ความสัมพันธ์ การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าเกษตรและข้าว เป็นต้น และมอบให้กระทรวงการต่าง ประเทศ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวง พาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า แห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับ ความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างไทยและเวียดนามในการผลักดันการ จัดตั้งระบบสำรองข้าวฉุกเฉินของประเทศอาเซียนบวกสาม การจัดตั้งกลไกการประสานงานของยุทธศาสตร์ความ ร่วมมือเพื่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนาม (Joint Strategy of Economic Partnership, JSEP) การเร่งรัดการดำเนินงานและการเจรจาภายใต้กรอบความร่วมมือของแผนงาน GMS ยุทธศาสตร์ความร่วม มือเพื่อความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและเวียดนาม รวมทั้งการสนับสนุนบทบาทของจังหวัดและท้อง ถิ่น ภาคเอกชน และประชาชน ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาตามแผนงาน GMS และยุทธศาสตร์ความร่วมมือของทั้ง สองประเทศ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ข้อมูล และการปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความร่วมมือ ระหว่างหน่วยงานรัฐ ความเชื่อมโยงระหว่างภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน ตามวัตถุประสงค์ของ การพัฒนาตามแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 722 | การขยายระยะเวลาในการฝึกอบรมและประชุมสัมมนา | กค | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในการขยายระยะเวลาการฝึกอบรมและประชุมสัมมนาโดยให้ส่วนราชการเร่งรัดดำเนินการ ให้แล้วเสร็จและเบิกจ่ายงบประมาณภายในเดือนกรกฎาคม 2552 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 2. เห็นชอบในกรณีที่ส่วนราชการใดไม่สามารถดำเนินการฝึกอบรมและประชุมสัมมนา รวมทั้งเบิกจ่าย งบประมาณให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2552 ให้เสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน จึงจะดำเนินการได้ ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์) เสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 723 | การป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) | มท | 28/07/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการดำเนินการป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่
ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ของกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดังนี้ 1. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด/ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด/ผู้อำนวยการกรุง เทพมหานคร ตามกฎหมายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและควบคุมแก้ไขสถาน การณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ระดับจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ ระบาดของโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ 2. ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพ ฯ เผยแพร่และประชาสัมพันธ์คำแนะนำในการปฏิบัติตัวสำหรับประชาชน ในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ฯ ตามแนวทางและคำแนะนำของกระทรวง สาธารณสุข 3. ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพ ฯ ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์และมาตรการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถาน การณ์ปัจจุบันที่พบการแพร่เชื้อในประเทศไทย (สถานการณ์ B) ใน 4 ประเด็นหลัก คือ การซักซ้อมความพร้อม การใช้มาตรการด้านชุมชนและสังคม การเฝ้าระวังตรวจหาผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว และการแสวงหาความร่วมมือจาก ทุกภาคส่วนเพื่อรณรงค์ป้องกันควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 4. แจ้งเวียนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552 ให้ทุกส่วนราชการ และรัฐวิสหากิจในสังกัด กระทรวงมหาดไทย ทุกจังหวัด กรุงเทพ ฯ ดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด 5. แจ้งแนวทางการแก้ไขปัญหาการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในปัญหาสำคัญ ที่ต้องเร่งดำเนินการในช่วง เดือนกรกฎาคม 2552 อาทิ การระบาดในโรงเรียนสถานศึกษา การแพร่โรคจากสถานบันเทิง ผับ (Pub) สถาน ที่ท่องเที่ยว การระบาดในค่ายทหาร (รวมทั้งที่พัก ตำรวจ) และการระบาดในโรงงาน สถานประกอบการ เป็นต้น 6. ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพ ฯ ปรับยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาการระบาด ฯ ตามมติคณะกรรมการ อำนวยการ ฯ ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2552 เพื่อให้สอดคล้องตามสถานการณ์ใน 3 ประเด็น หลัก คือ การดูแลรักษาผู้ป่วย การป้องกันการแพร่ระบาดโรค และการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ 7. การจัดประชุมทางไกลผ่านระบบ VDO Conference ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณ สุข กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 เพื่อมอบนโยบายในการเร่งรัดการป้องกัน และควบคุมการระบาดของไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ให้ทุกจังหวัดถือปฏิบัติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 724 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 15 | นร | 21/07/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ
ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 15 (15th GMS Ministerial Conference) ซึ่งจัดขึ้น ณ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 17-19 มิถุนายน 2552 2. เห็นชอบข้อเสนอแผนการดำเนินงานในระยะเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนแผนงาน GMS และมอบหมายให้ หน่วยงานรับไปดำเนินการ โดยประสานกับ สศช. ต่อไป ดังนี้ 2.1 การเตรียมการจังหวัดที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือผู้ว่าราชการจังหวัดตามแนวพื้น ที่พัฒนาเศรษฐกิจ (Governors'' Forum) และการประชุมเวทีขับเคลื่อนการพัฒนาแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ (Econo mic Corridor Forum-ECF) ซึ่งกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมดังกล่าวระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน 2552 โดย ในส่วนของไทยจะจัดประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อสร้างความเข้าใจในกรอบแผนงาน GMS และเตรียมความพร้อม เพื่อเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว มี สศช. และกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบหลัก 2.2 การเร่งรัดการดำเนินงานตามความตกลงขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Transport Agree ment-CBTA) ประกอบด้วย การเร่งรัดการแลกเปลี่ยนสิทธิจราจรการขนส่งข้ามพรมแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ณ ด่านอรัญประเทศ/ปอยเปต ภายในปี พ.ศ. 2552 การเริ่มดำเนินงานเจรจาการอำนวยความสะดวกการขนส่งข้าม พรมแดนระหว่างไทย-ลาว-จีน ภายในปี พ.ศ. 2552 และให้สัตยาบันพิธีสารและภาคผนวกแนบท้าย มีกระทรวง คมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบหลัก 2.3 การผลักดันการดำเนินงานระบบศุลกากรผ่านแดน (Customs Transit System-CTS) ตามแนว EWEC ระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม และขยายการดำเนินงานไปยังประเทศสมาชิกอื่น มีกรมศุลกากรและสภาหอ การค้าแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบหลัก 2.4 การพัฒนาความร่วมมือด้านการลงทุนของอนุภูมิภาคตามแนวทางการดำเนินงานด้านการลงทุน ที่ได้รับความเห็นชอบในที่ประชุมระดับรัฐมนตรี 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ครั้งที่ 15 มีสำนักงานคณะกรรมการส่ง เสริมการลงทุนเป็นผู้รับผิดชอบหลัก |
|||||||||||||||||||||||||||
| 725 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว | นร | 30/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการดำเนินการของกระทรวง
คมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี (3 มิถุนา ยน 2552) เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว ประกอบด้วย 1. การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย 1.1 ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทนัก ท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2552 โดยให้มีผลเมื่อพ้นกำหนด 3 วันนับแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 2. การยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม 2.1 คณะรัฐมนตรีมีมติวันที่ 23 มิถุนายน 2552 อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรม เนียมการประกอบธุรกิจโรงแรมทุกประเภท พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Landing & Parking Fee) 3.1 ออกประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ เรื่อง ขยายระยะเวลาการลดค่าธรรมเนียมในการขึ้น ลงของอากาศยาน และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานและสนามบินที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมการขนส่ง ทางอากาศ ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2552 โดยลดอัตราค่าธรรมเนียมลงร้อยละ 50 และขยายระยะเวลาออกไปจน ถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 3.2 ลดอัตราค่าธรรมเนียมในการขึ้นลงของอากาศยาน (Landing Fee) จากเดิมในอัตราร้อยละ 20 เป็นอัตราร้อยละ 30 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. 3.3 ขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานสำหรับอากาศยานที่จอดไม่เกิน 24 ชั่วโมง จากกำหนดสิ้นสุดเดิมในวันที่ 30 กันยายน 2552 เวลา 24.00 น. เป็นวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เวลา 24.00 น. 4. การลดหย่อนค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติ 4.1 ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรื่อง การลดอัตราค่าบริการสำหรับ บุคคลที่เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2552 โดยต่ออายุประกาศฉบับเดิมออกไปจนถึงวัน ที่ 31 ตุลาคม 2552 5. มาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว 5.1 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 482) พ.ศ. 2552 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 126 ตอนที่ 31 ก วันที่ 18 มกราคม 2552 แล้ว 6. มาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปิดสนามบินในอนาคต 6.1 ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณ ภูมิ พ.ศ. .... ยังอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 726 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน | สสป | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อเสนอแนะ ของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร และกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและ ผู้ยากจน สรุปได้ดังนี้ 1.1 ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร 1.1.1 การบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟู ฯ ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนเกษตรกร มีวาระ การดำรงตำแหน่งคราวละสามปี และจะดำรงตำแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้ ในกรณีคณะกรรมการกองทุน ฟื้นฟู ฯ ดำรงตำแหน่งครบวาระแต่ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟู ฯ ชุดใหม่ ให้คณะกรรมการกอง ทุนฟื้นฟู ฯ ซึ่งดำรงตำแหน่งครบวาระดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ 1.1.2 ให้คณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟู ฯ กำกับดูแลให้เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้น ฟู ฯ ทำงานให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติกองทุนฟื้นฟู ฯ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 1.1.3 การเร่งจัดการหนี้ ให้คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟู ฯ เร่งรัดดำเนินการบริหารใช้จ่ายเงิน กองทุนฟื้นฟู ฯ ที่เหลือสำหรับการจัดการหนี้ประมาณ 800 ล้านบาท เพื่อการจัดการหนี้ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน โดยจัดการหนี้ตามลำดับความสำคัญของหนี้ 1.1.4 การเร่งรัดการพิจารณาอนุมัติแผนและโครงการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ให้คณะกรรม การบริหารกองทุนฟื้นฟู ฯ เร่งรัดการพิจารณาอนุมัติแผนและโครงการฟื้นฟู ฯ ที่ได้ยื่นไว้และทบทวนแล้ว 1.2 ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน 1.2.1 การค้ำประกันการกู้ยืมเงิน กรณีการกู้ยืมเงินเพื่อเป็นทุนในการประกอบอาชีพให้ผู้กู้ยืม สามารถใช้การค้ำประกันการกู้ยืมเงินโดยบุคคล องค์กรนิติบุคคล ส.ป.ก. 4-01 หรือทรัพย์สินที่จดทะเบียนไว้ กับทางราชการ เช่น รถยนต์ เป็นต้น ทั้งนี้ สำหรับการค้ำประกันการกู้ยืมเงินโดยบุคคล ควรกำหนดให้มีวงเงิน การค้ำประกันไม่เกิน 100,000 บาท 1.2.2 องค์กรบริหารเงินกู้อื่น นอกจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ควรจัด ให้มีองค์กรอื่น เช่น สหกรณ์ และธนาคารของรัฐ เป็นต้น ให้สามารถเข้าร่วมโครงการในการให้บริการบริหาร เงินกู้ 1.2.3 เพิ่มวงเงินให้กู้ยืมให้แก่เกษตรกรและผู้ยากจน จากไม่เกินรายละ 500,000 บาท เป็น รายละไม่เกิน 2,500,000 บาท และลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี เป็นร้อยละ 1-4 ต่อปี 1.2.4 ควรกำหนดให้ผู้ที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้ยืมต้องเข้าโครงการฟื้นฟูและพัฒนาขององค์การ บริหารเงินกู้ และปฏิบัติตามข้อกำหนดของโครงการฟื้นฟูและพัฒนาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถหารายได้ใช้ หนี้เงินกู้ยืมและไม่เป็นหนี้อีกในอนาคต 1.2.5 การดำเนินงานของกองทุนหมุนเวียน ฯ ควรเน้นการจัดการหนี้นอกระบบ เพื่อไม่ให้ซ้ำ ซ้อนกับการดำเนินงานของกองทุนฟื้นฟู ฯ ที่จัดการหนี้ในระบบ 1.2.6 การจัดการหนี้ของกองทุนหมุนเวียน ฯ ควรกำหนดเกณฑ์การจัดลำดับความสำคัญของ หนี้เพื่อให้หนี้ที่เป็นภาระหนักและเร่งด่วนของเกษตรกรและผู้ยากจนได้รับการจัดการก่อน 2. รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟู ฯ และ คณะกรรมการกองทุนหมุนเวียน ฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 727 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM retreat) ครั้งที่ 15 | พณ | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่าง
ไม่เป็นทางการ (AEM retreat) ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 4-5 พฤษภาคม 2552 ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยผลการประชุม ฯ ได้พิจารณาแผนงานติดตามประเมินผลการดำเนินงานไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Scorecard) และการเร่งรัดการดำเนินงานด้านงานเศรษฐกิจ และได้หารือเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐ กิจ โดยเฉพาะผลกระทบต่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และภาคการส่งออก โดยที่ประชุม ฯ เห็นควรให้แก้ไข ปัญหาในระยะสั้นขณะนั้น คือ เรื่องสินเชื่อเพื่อการค้าและการส่งออก (Trade Finance) และให้ความสำคัญกับการ พัฒนา SMEs เนื่องจากเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยสนับสนุนแนวคิดของไทยเกี่ยวกับการจัดตั้ง SMEs Council เพื่อเป็นช่องทางในการรวมกลุ่มของภาคเอกชน SMEs อาเซียนให้เกิดพลัง และเป็นเวทีในการแสดง ความคิดเห็น นอกจากนี้ ไทยได้เสนอที่จะจัดงานแสดงสินค้า ASEAN Fashion Plus Trade Fair ในช่วงเดือนสิงหาคม 2552 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสร้างตราสินค้า และจัดกิจกรรมหารือเชิงนโยบายระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคเอกชนในระดับภูมิภาค รวมทั้งข้อเสนอโครงการยุวทูตประชาคมเศรษฐ กิจอาเซียน (AEC Youth Ambassador) เพื่อปูพื้นฐานเกี่ยวกับ AEC ให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้าสู่วัยทำงานและ ตลาดแรงงานในช่วงที่อาเซียนจะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 728 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 10/2552 | นร | 16/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่
10/2552 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2552 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ รศก. เสนอ โดยที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ 1. กรอบการติดตามการประเมินแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 1 ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดเตรียมแบบรายงานผลการดำเนินการตามมาตร การต่าง ๆ ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่ 1 เพื่อใช้ติดตามผลการดำเนินการและการประเมินผล ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 การบริหารจัดการ ส่วนที่ 2 ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดต่อระบบเศรษฐกิจและข้อสังเกตของฝ่ายเลขานุ การ และส่วนที่ 3 ผลสำรวจความพึงพอใจของประชาชนจากการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟู ฯ รวมทั้งมอบหมายให้ หน่วยงานรับผิดชอบหลักการดำเนินงานภายใต้แผนฟื้นฟู ฯ รายงานข้อมูลความก้าวหน้าและผลการดำเนินตาม แผนฟื้นฟู ฯ ตามแบบรายงานที่ สศช. กำหนด และจัดส่งให้ สศช. ตามระยะเวลาที่กำหนดเพื่อใช้ในการประเมินผล สัมฤทธิ์ของการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป 2. การเพิ่มทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ที่ประชุมมีมติรับทราบการเพิ่มทุนของสถาบันการ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการได้ภายหลังจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความ มั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาแล้ว โดยให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องติดตามการดำเนินงานของสถาบันการเงินของรัฐเกี่ยวกับขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่งออก การจัดหาเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรนเพิ่มเติมสำหรับสนับสนุนธุรกิจใน 5 จังหวัดชายภาคใต้ การทบทวนเงื่อนไขการ ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งการเร่งรัดการดำเนินการของกองทุนกู้ยืม เพื่อการศึกษาในการให้สินเชื่อเพื่อการศึกษาร่วมกับธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 3. แนวทางการดำเนินการของคณะกรรมการ รศก. ในระยะต่อไป ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้ฝ่ายเลขา นุการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน และแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ให้คณะกรรมการ รศก. ทราบเป็นประจำต่อไป รวมทั้งให้ฝ่ายเลขานุการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ นำเสนอเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญให้คณะกรรมการ รศก. พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 729 | การเร่งรัดความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาและไทยกับมาเลเซีย | พณ | 09/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการเร่งรัดความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดนระหว่างไทย
กับกัมพูชา และไทยกับมาเลเซีย ของกระทรวงพาณิชย์ ดังนี้ 1. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการเจรจาความร่วมมือกับประเทศ กัมพูชาและมาเลเซียโดยเร็ว ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจเสนอ 2. ให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดติดตามเรื่องเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ในส่วนของโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Joint Development Area : JDA) มา ยังจังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดยให้คำนึงถึงเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่ รักษาประโยชน์ของฝ่ายไทยอย่างเหมาะสม เพื่อแจ้งฝ่ายมาเลเซียต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
| 730 | การเร่งรัดดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว | นร | 03/06/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
21 เมษายน 2552 (เรื่อง ขอเสนอมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว) ให้แล้วเสร็จและเป็นไปตามเวลา ที่กำหนดและรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการทางภาษีให้เร่งรัด ดำเนินการ โดย 1. ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องยกเว้นหรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมทั้งหน่วยงานที่ต้อง แก้ไข หรือออกประกาศกระทรวงเพื่อรองรับการดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูวิกฤตการท่องเที่ยว เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่ง รัดการดำเนินการตามกฎ ระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลาที่ให้ขยายระยะเวลาการ ดำเนินมาตรการ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552) ออกไป 1 รอบปี นับแต่วันที่กฎหมาย หรือ ระเบียบของแต่ละหน่วยงานมีผลใช้บังคับ 2. เห็นชอบในหลักการให้มีการชดเชยงบประมาณให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องสูญเสียรายได้อันเนื่อง จากการยกเว้น หรือลดหย่อนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามการดำเนินการในข้อ 1. เช่น การชดเชยรายได้ค่าธรรม เนียมการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวให้แก่กระทรวงการต่างประเทศ (กรมการกงสุล) เป็นต้น โดยให้สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเร่งรัดการพิจารณารายละเอียดของกรอบวงเงินชดเชย และการผ่อน ผันการนำเงินรายได้ส่งรัฐให้แก่กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2552 (เรื่อง ผลการหารือการยกเว้นค่าธรรมเนียมเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้ รับผลกระทบจากการปิดท่าอากาศยานนานชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง) ซึ่งเห็นชอบใน หลักการกรอบวงเงินชดเชยงบประมาณให้แก่หน่วยงานที่ต้องสูญเสียรายได้ไว้แล้วเป็นเงินจำนวน 1,597 ล้านบาท รวมทั้งวงเงินที่ต้องปรับเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินมาตรการที่ขยายออกไปอีก 1 รอบปี ทั้งนี้ วง เงินชดเชยดังกล่าวให้มีการชดเชยได้ไม่เกินจำนวนเงินที่หน่วยงานต้องสูญเสียไปจริง
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 731 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี | กษ | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำต้น ทุนให้แก่พื้นที่ชลประทาน รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค การอุตสาหกรรมให้แก่พื้นที่ท้ายอ่าง เก็บน้ำ และบรรเทาอุทกภัยที่เกิดขึ้นเป็นประจำในพื้นที่อำเภอพานทอง อำเภอพนัสนิคม อำเภอเกาะจันทร์ อำเภอบ่อทอง และอำเภอเมืองชลบุรี งบประมาณดำเนินงานทั้งสิ้น 6,700 ล้านบาท แผนงานดำเนินงานโครง การ ระยะเวลา 7 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2559) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะ กรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเกี่ยวกับการเร่งรัดประชาสัมพันธ์ และสร้างความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนใน การดำเนินโครงการ ฯ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนด มาตรการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ ฯ และดำเนินการปรับปรุงต้นทุน ค่าก่อสร้างโครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากต้นทุนค่าก่อสร้างมีแนวโน้มลดลง นอกจาก นี้ ให้ความสำคัญกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำให้กับประชาชนที่ได้รับประโยชน์จากโครงการ ฯ เพื่อลดปัญหา ความขัดแย้งและให้เกิดความเป็นธรรมในเรื่องของการใช้น้ำในฤดูแล้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
| 732 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 3/2552 | นร | 28/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหา
ทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2552 โดยที่ประชุม ฯ ได้พิจารณาเกี่ยวกับผลกระทบจาก การบังคับใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551 มาตรา 11/1 ข้อเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติป่า ไม้ พ.ศ. 2484 การทบทวนการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี การเร่งรัดแก้ไขปัญหาและอุปสรรคการนำเข้า เหล็กภายใต้กรอบความตกลง JTEPA แนวทางความร่วมมือเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่มาบตาพุด และ พื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งพิจารณาเรื่องการชะลอการขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) และการนำค่าไฟฟ้ามาหักเป็นค่าใช้ จ่ายในการชำระภาษี ความคืบหน้าโครงการปล่อยสินเชื่อให้ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มาตร การภาษีเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ และการจัดตั้งคณะกรรมการ กรอ.จังหวัด/กลุ่มจังหวัด และเห็นชอบมติคณะกรรม การ กรอ. โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและมติของคณะกรรมการ กรอ . ไปพิจารณาประกอบการดำเนิน การต่อไป แล้วรายงานให้คณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมขอตัดข้อ ความในหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร 1104/1675 ลงวัน ที่ 24 เมษายน 2552 หน้า 7 ในส่วนของมติคณะกรรมการ กรอ. ข้อ 3.2.2 (2) (เกี่ยวกับการปรับลดค่าประกันการ ใช้ไฟฟ้าให้กับภาคอุตสาหกรรม) ออก
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 733 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 เพิ่มเติม | กค | 21/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2552 เพิ่มเติม ดังนี้ 1.1 ให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดเร่งรัดหน่วยงานในสังกัดเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐให้เป็นไปตามเป้า หมายที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ควรให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณต่ำในช่วงต้นปีงบประมาณ โดยการปรับกระบวน การ/ขั้นตอนการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ซึ่งอาจจะพิจารณากำหนดตารางเวลาการจัดทำรายละเอียดโครงการ ให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะงบรายจ่ายลงทุน เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ และจะทำให้ การใช้จ่ายของภาครัฐสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เศรษฐกิจและการค้าโลกชะลอตัว ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย 1.2 ให้ส่วนราชการปรับแผนการฝึกอบรมและการประชุมสัมมนาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนา ยน 2552 โดยให้ยึดแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 3 มีนาคม 2552 โดยให้ผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีเจ้าสังกัดตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. สำหรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้สำนักงบประมาณ ระงับการจัดสรรงบประมาณสำหรับการศึกษาดูงานในต่างประเทศ ส่วนการจัดประชุม อบรม และสัมมนาใน ประเทศ ให้ดำเนินการในต่างจังหวัดอย่างเหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 734 | รายงานผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) | นร | 07/04/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอรายงานผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2552 โดยมีผลการกำกับและติดตาม สรุปได้ ดังนี้
1.1 การดำเนินงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล 1.1 การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 1.2 การสร้างความสมานฉันท์และความปรองดองของคนในชาติ 1.3 การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมษณ 1.4 การขึ้นทะเบียนและเตรียมการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 1.5 การแก้ไขปัญหาการเลิกจ้างแรงงาน 1.6 การช่วยเหลือค่าครองชีพแก่ผู้ประกันตนที่มีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท 1.7 การส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) 1.8 การสนับสนุนการจัดการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 1.2 การพิจารณาแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่จังหวัดปทุมธานีขอรับการสนับสนุน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพของราษฎร โดยการปรับปรุงพื้นที่สวนให้เป็นพื้นที่นาข้าวและปรับปรุงสภาพดินเปรี้ยว และการแก้ไขปัญหาประชาชนไม่มีน้ำดื่มสะอาดของอำเภอธัญบุรี 1.3 การมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ของจังหวัดในเรื่องการสร้างความมั่นคงของประเทศ การเทิดทูน ปกป้อง รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและผู้มีอิทธิพล
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 735 | การเร่งรัดติดตามนโยบายรัฐบาล | นร | 03/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้มีการติดตามการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล
ในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหา โดยให้รัฐมนตรี แต่ละท่านไปตรวจติดตามในพื้นที่ท่านละ 2-3 จังหวัด โดยครั้งแรกนี้อาจเริ่มดำเนินการในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 7-8 มีนาคม 2552 ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีแต่ละท่านแจ้งชื่อจังหวัดที่จะไปตรวจติดตามให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 736 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว | นร | 03/03/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการต่าง ๆ ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2552 และวันที่ 28 มกราคม 2552 เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาและการสนับ สนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มอบหมายให้หน่วยงานรับไปดำเนินการออกกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้ ส่วนราชการเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีที่มอบหมายให้ไปดำเนินการ สรุปได้ดังนี้ 1.1 การยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 3 เดือน กระทรวงมหาดไทย ได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 1.2 การยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดดำเนินการโดย เร่งด่วนต่อไป 1.3 การลดหย่อนค่าประกันการใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิ ภาค ได้อนุมัติในหลักการของการกำหนดมาตรการผ่อนผันการเรียกเก็บค่าประกันการใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ และได้มี บันทึกแจ้งให้การไฟฟ้าเขตทุกแห่งรับทราบและถือปฏิบัติต่อไป 1.4 การลดหย่อนค่าธรรมเนียมการขึ้นลงของอากาศยานและที่เก็บอากาศยาน (Landing & Parking Fee) คณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ได้อนุมัติมาตรการเพื่อส่งเสริมการท่อง เที่ยวของไทยและช่วยเหลือผู้ประกอบการสายการบิน โดยลดอัตราค่าธรรมเนียมในการขึ้น-ลงของอากาศยานใน อัตราร้อยละ 20 และยกเว้นค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยานสำหรับอากาศยานที่จอดไม่เกิน 24 ชั่วโมงให้แก่เที่ยว บินแบบประจำที่ทำการบิน ณ ท่าอากาศยานที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. เป็นเวลา 8 เดือน 1.5 การลดหย่อนค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ ออกประกาศกรมอุทยาน ฯ เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552 เรื่อง การลดอัตราค่าบริการสำหรับบุคคลที่เข้าไปใน เขตอุทยานแห่งชาติ โดยลดอัตราค่าบริการเหลือครึ่งราคาจากอัตราที่ประกาศไว้เดิม ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์- 15 พฤษภาคม 2552 1.6 มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยว ขณะนี้ (ร่าง) พระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 482) พ.ศ. 2552 อยู่ระหว่างทูลเกล้า ฯ ถวายเพื่อทรงลงพระ ปรมาภิไธย 1.7 มาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปิดสนามบินในอนาคต โดยในส่วนของร่างพระราชบัญญัติว่า ด้วยความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ. .... อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณา ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา 1.8 การสลับหรือเลื่อนวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่าง ๆ ให้ต่อเนื่องกับวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เพื่อให้มีวัน หยุดต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น โดยกำหนดให้วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2552 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษเพื่อส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนาและการท่องเที่ยว ส่วนรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวง แรงงานรับไปพิจารณาตามความเหมาะสมให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายต่อไป 2. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวและให้ เสนอคณะรัฐมนตรีทราบทุก 1 เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 737 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 1/2552 | นร | 28/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กรอ. ครั้งที่ 1/2552 วันที่ 21 มกราคม 2552 2. เห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. เกี่ยวกับแนวทางการทำงานของคณะกรรมการ กรอ. และผลการ พิจารณาข้อเสนอด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ แล้วรายงานคณะ กรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป โดยสรุปดังนี้ 2.1 การสร้างความเชื่อมั่นทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะ กรรมการต่าง ๆ ประกอบด้วย คณะกรรมการ กรอ. ระดับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด คณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์ และคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก 2.2 การเสริมสร้างสภาพคล่องและภาษี ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงการคลังพิจารณาศึกษาเรื่องการ ลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือร้อยละ 20-25 และการปรับปรุงโครงสร้างภาษีในระยะต่อไป และพิจารณาเกี่ยวกับ การเร่งรัดการคืนภาษี โดยให้ภาคเอกชนรวบรวมประเด็นปัญหาและข้อมูลวงเงินที่คงค้าง และเรื่องการขอชะลอ การชำระหรือผ่อนชำระภาษีเป็นรายกรณี รวมทั้งเร่งดำเนินการตามแนวคิดที่จะให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุน ดอกเบี้ยผ่อนปรนโดยผ่านสถาบันการเงินที่มีการระดมทุนในลักษณะ Matching Fund 2.3 การแก้ไขปัญหาการว่างงาน ที่ประชุมมีมติให้กระทรวงมหาดไทยรับนโยบายการอัดฉีดเงินภาค รัฐ เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศไปพิจารณา กับเห็นชอบงบประมาณประชาสัมพันธ์และ การจัดมหกรรมลดราคา Amazing Thailand 2009 โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการ และให้ กระทรวงการคลังรับไปพิจารณามาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา ในการนำค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวภาย ในประเทศ หรือใช้บริการโรงแรมมาหักลดหย่อนภาษี และการขออนุญาตผ่อนชำระภาษีประเภทต่าง ๆ ของเอก ชน รวมทั้งให้กระทรวงแรงงานซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณเร่งด่วนเพื่อการฝึกอบรมบุคลากรเร่งดำเนินการฝึก อบรมโดยให้ใช้สถานประกอบการภาคเอกชน เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 738 | แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 - 2554 (รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี) | นร | 13/01/2552 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) ประธานคณะกรรมการจัดทำแผนการ บริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554 เสนอ ดังนี้ 1.1 แผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2552-พ.ศ. 2554 (รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายก รัฐมนตรี) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำความเห็นของคณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ ที่ เห็นควรปรับเพิ่มกรอบความต้องการใช้เงินสำหรับการปฏิรูปการศึกษา และการพัฒนาทรัพยากรน้ำทั้งระบบ รวม ทั้งจัดทำรายละเอียดของแผนพัฒนา และงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ โดยกำหนดกรอบ วงเงินเบื้องต้นสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 50,000 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 60,000 ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดความต้องการใช้เงินในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลและวินัยการคลังตามขั้นตอนในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ไปดำเนินการต่อไป 1.2 มอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามพระ ราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ตามขั้นตอนต่อไป 1.3 มอบหมายให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ ไปประกอบ การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี และแผนปฏิบัติราชการประจำปีต่อไป 1.4 มอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาแหล่งเงินที่เหมาะสม สำหรับ แผนงาน/โครงการ ตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยคำนึงถึงข้อจำกัดด้านงบประมาณและรักษาวินัยการ คลัง 1.5 มอบหมายให้คณะกรรมการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ เป็นผู้พิจารณาความจำเป็น ในการปรับปรุงแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง และความเป็นไปได้ของการ ดำเนินการตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ฯ รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และนำเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณา และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานรับผิด ชอบหลักประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารราช การแผ่นดิน ฯ และรายงานคณะรัฐมนตรีทราบ สำหรับการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรม การติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ของกระทรวงการคลัง 1.6 เห็นชอบหลักการกรณีคณะรัฐมนตรีอนุมัติแผนงาน/โครงการเพิ่มเติมให้คณะกรรมการจัดทำแผน การบริหารราชการแผ่นดิน ฯ ปรับปรุงแผนการบริหารราชการแผ่นดินให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีต่อไป 2. คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่ายังมีนโยบายหรือโครงการสำคัญบางเรื่องที่ไม่สามารถกำหนดกรอบวงเงิน รองรับได้อย่างครบถ้วนเพียงพอ เช่น การปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรน้ำทั้งระบบ เนื่องจากยังมีข้อ จำกัดด้านงบประมาณ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาจัดเตรียมแผนงาน/โครงการต่าง ๆ เพื่อการปร้บ ปรุงแผนบริหารราชการแผ่นดินหรือแผนปฏิบัติราชการแล้วแต่กรณีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
| 739 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | กค | 11/11/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และที่สำนักงบประมาณมีความเห็นเพิ่มเติม และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของ รัฐที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป 2. การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายโอฬาร ไชยประวัติ) เป็นประธานกรรมการ |
|||||||||||||||||||||||||||
| 740 | การขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้และขยายระยะเวลาการค้ำประกันตามโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยสดอบแห้งปี 2547 | กษ | 28/10/2551 | ||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยายระยะ เวลาการชำระหนี้เงินกู้ และขยายระยะเวลาการค้ำประกันตามโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาด ลำไยอบแห้งปี 2547 จำนวน 4,525.358 ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เป็นสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจำหน่ายและ ส่งมอบลำไยอบแห้งส่วนที่เหลือเพื่อนำรายได้มาชำระหนี้เงินกู้ และเร่งปิดบัญชีโครงการ ฯ ให้แล้วเสร็จสิ้นภาย ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 และเร่งหาทางระบายจำหน่ายลำไยแห้งคงเหลือให้หมดจากสต๊อกในความครอบ ครองของ อ.ต.ก. พร้อมทั้งสะสางบัญชี และขอตั้งงบประมาณชำระคืนต้นเงินกู้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อจะได้สามารถปิดบัญชีโครงการ ฯ รวมทั้งให้พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับลำไยอบแห้ง ปี 2547 ซึ่ ง อ.ต.ก. ขอยกเลิกสัญญาซื้อ-ขาย เนื่องจากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติตามสัญญาให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และให้ส่งผลการ ดำเนินงานให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองผลการขาดทุน รวมถึงการเร่งรัดดำเนินคดี ฟ้องร้องค่าเสียหายจากบริษัท ปอเฮงอินเตอร์เทรด จำกัด เพื่อนำมาชำระหนี้เงินกู้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย ฯ เพื่อ ลดภาระงบประมาณในการชำระดอกเบี้ยและผลการขาดทุนตามโครงการ ฯ ต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวง เกษตรและสหกรณ์หารือกับหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางในการชำระหนี้คงเหลือของโครงการ ฯ ให้ ชัดเจนซึ่งอาจเป็นการตั้งงบประมาณเป็นรายปีเพื่อลดหนี้และดอกเบี้ยตามความจำเป็น เพื่อไม่ต้องขอขยายเวลา ชำระหนี้ทุกปี ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
.....
