ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 74 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 20 จากข้อมูลทั้งหมด 1478 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 14/10/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๑,๙๑๗ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพัน รวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๖๕๖.๔๐
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๔๔ รายการ วงเงิน ๑๑๗,๗๐๐.๒๐ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว
ให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๒.
อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘ (เรื่อง ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๓.
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น
รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน ค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ
และค่าครุภัณฑ์ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง
ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราแลกเปลี่ยนมีความเหมาะสม หน่วยรับงบประมาณที่มีรายการที่ต้องชำระเป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ
ควรพิจารณาเร่งรัดดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ ๔. เพื่อเป็นการเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพัน
สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เป็นรายจ่ายลงทุนลักษณะค่าครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างรายการใหม่
ให้หน่วยรับงบประมาณจัดส่งราคากลาง คุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการสิ่งก่อสร้าง และรายละเอียดประกอบที่เกี่ยวข้อง
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับการดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และเมื่อได้ผลจัดซื้อจัดจ้างแล้ว หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ
ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบและดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไปได้ ทั้งนี้
ขอให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันสำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่เป็นรายจ่ายลงทุนลักษณะค่าครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างรายการใหม่
โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด
กำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ที่เห็นว่าในการอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันใหม่ในแต่ละปีงบประมาณ
เมื่อรวมกับภาระผูกพันเดิมที่กำหนดไว้ก่อนแล้วทุกกรณี
จะต้องพิจารณายอดภาระงบประมาณที่จะผูกพันให้สอดคล้องกับฐานะทางการคลังของประเทศในแต่ละช่วงเวลา
เพื่อลดภาระงบประมาณในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป และเตรียมงบประมาณไว้สำหรับรองรับรายจ่ายลงทุนรายการใหม่
ๆ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศในระยะถัดไป
โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลระหว่างการลงทุนเพื่ออนาคต การรักษาเสถียรภาพและความยืดหยุ่นทางการคลัง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 2 | การทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมาตรา 50 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 | กค. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการทบทวนสัดส่วนที่ใช้เป็นกรอบในการบริหารหนี้สาธารณะ
ตามมาตรา ๕๐
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมติการประชุมคณะกรรมการฯ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ประกอบด้วย ๑)
สัดส่วนหนี้สาธารณะ ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๗
อยู่ที่ร้อยละ ๖๓.๓๒
ยังอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๗๐ ๒) สัดส่วนภาระหนี้ของรัฐบาล
ต่อประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ เป็นต้นมา ตามการกู้เงินของรัฐบาลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ๓) สัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ต่อหนี้สาธารณะทั้งหมด
ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๗ อยู่ที่ร้อยละ ๑.๐๕ ยังอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ และ ๔) สัดส่วนภาระหนี้สาธารณะที่เป็นเงินตราต่างประเทศ
ต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๗ อยู่ที่ร้อยละ ๐.๐๕
ยังอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนปัจจุบันที่กำหนดให้ต้องไม่เกินร้อยละ ๕ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับแนวทางการดำเนินมาตรการต่าง
ๆ เพื่อรักษาระดับความสามารถในการชำระหนี้
เพื่อให้การบริหารหนี้สาธารณะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศในระยะยาว สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการปรับกรอบสัดส่วนดังกล่าวควรเป็นการปรับกรอบเป็นการชั่วคราว
โดยภาครัฐควรมีเป้าหมายและแนวทางการเร่งรัดการเพิ่มศักยภาพทางการคลัง
โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อการลดขนาดการขาดดุลงบประมาณ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายภาครัฐ
ตลอดจนการจัดสรรงบชำระหนี้ของรัฐบาลให้สอดคล้องกับขนาดของมูลหนี้และดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีงบประมาณ
โดยเฉพาะการจัดสรรงบชำระคืนต้นเงินกู้ของรัฐบาลให้เพิ่มขึ้นเพื่อลดภาระหนี้ของรัฐบาลในระยะต่อไปที่ชัดเจน
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินการด้านวินัยการเงินการคลังของรัฐและการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในภาพรวมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 3 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 1/2568 | กค. | 09/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐในคราวประชุม
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๘
เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณและรัฐวิสาหกิจดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเป็นไปตามเป้าหมาย
และเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป โดยรายงานผลการดำเนินการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ตามมติ คณะกรรมการฯ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เป็นการรายงานผลการดำเนินการต่าง ๆ
ของฝ่ายเลขานุการร่วม ประกอบด้วย กรมบัญชีกลาง
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งได้จัดทำหนังสือแจ้งเวียนเพื่อให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
มาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณต่าง ๆ ตลอดจนการติดตามและรายงานผลการเบิกจ่ายเงินลงทุน
และรายงานการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ มีสาระสำคัญ
ดังนี้ ๑) ภาพรวมการเบิกจ่ายเงิน ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๘
วงเงินรวม ๔,๒๔๙,๓๑๐.๔๒ ล้านาท มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒,๔๙๐,๖๕๑.๖๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๘.๖๑ ๒) ผลการเบิกจ่ายงบลงทุน จากทั้งหมด ๒,๙๗๒ หน่วยงาน มีหน่วยงานเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ณ เดือน เมษายน ๒๕๖๘
จำนวน ๘๕๒ หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๒๘.๖๗ ๓)
การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีบัญชี ๒๕๖๘ กรอบงบลงทุน ๒๕๘,๓๗๑.๙๑ ล้านบาท จนถึงสิ้นเดือน มีนาคม ๒๕๖๘ มีผลการเบิกจ่าย ๗๙,๑๗๒.๗๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๐๖.๒๒ ของแผนการเบิกจ่าย และ ๔)
การเบิกจ่ายเงินลงทุนภาครัฐที่ใช้เงินกู้ ๑๐๖ โครงการ ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๖๘
มีผลการเบิกจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ อยู่ที่ ๖๓,๔๔๐.๓๗
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๑๗ ของแผน พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑๑๙,๓๒๕.๔๒
ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 4 | การเร่งรัดและเพิ่มประสิทธิภาพการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐ ให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 และเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 | สคทช | 02/09/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 5 | การสนับสนุนการดำเนินงานของเหล่าทัพบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา | นร. | 26/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
ต้องขอขอบคุณทหารทุกเหล่าทัพที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างกล้าหาญ อดทน
อดกลั้นต่อการยั่วยุของฝ่ายกัมพูชาที่ใช้ทั้งปฏิบัติการทางทหารและอาศัยประชาชนเป็นโล่มนุษย์นำหน้าการเคลื่อนไหวด้วยวิธีการต่าง
ๆ ในการนี้ หากเหล่าทัพต้องการขอรับการสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือทรัพยากรอื่นใดที่จำเป็น
ในการปฏิบัติหน้าที่ของเหล่าทัพบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
(ศบ.ทก.) เป็นศูนย์กลางในการประสานกับเหล่าทัพ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์
หรือทรัพยากรอื่นใดให้แก่เหล่าทัพที่ต้องการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เพียงพอ
โดยด่วนที่สุด ทั้งนี้ ขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องยึดถือว่าเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกที่ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ
นอกจากนี้ ให้ ศบ.ทก. ประสานการปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
รวดเร็ว และเป็นเอกภาพ ทั้งในด้านการทหาร การต่างประเทศ การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร
การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง (กระทรวงมหาดไทย)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการดำเนินมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น
การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในการป้องกันพลเรือนชาวกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยอย่างผิดกฎหมายและการเร่งรัดติดตามการปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมออนไลน์
(Scammer) บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 6 | การติดตามการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ | นร.04 | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ มกราคม และ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
เกี่ยวกับการช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า
ประปา และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ
ซึ่งมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งรัดการดำเนินการขอผ่อนผันการดำเนินการต่าง
ๆ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐที่เกี่ยวข้อง
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
หรือในที่ดินของรัฐที่ถูกบุกรุก หรือในที่ดินที่อยู่ระหว่างพิสูจน์สิทธิการครอบครองมาก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติในวันดังกล่าว
(๙ มกราคม ๒๕๖๗) สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้าและน้ำประปาได้ในอัตราค่าบริการที่เหมาะสม
นั้น โดยที่ในขณะนี้ยังมีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนว่ายังคงได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานดังกล่าวข้างต้นได้
จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้ ๑. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ มกราคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
การเร่งรัดการดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ) รวมทั้งความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๗
การช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า
ประปา
และการเร่งรัดดำเนินการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐ) ให้แล้วเสร็จและครบถ้วนโดยด่วน ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเร่งจัดการประชุมร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าและรวบรวมปัญหา
อุปสรรคต่าง ๆ ที่ทำให้การดำเนินการเกี่ยวกับการพิสูจน์สิทธิการครอบครองที่ดินของบุคคลในเขตที่ดินของรัฐเกิดความล่าช้า
รวมทั้งให้จัดทำกรอบระยะเวลาในการดำเนินการในเรื่องนี้ให้เหมาะสมและชัดเจน
แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมครั้งต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7 | แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และข้อเสนอโครงการของส่วนราชการที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 - 2570 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.11 สศช | 19/08/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมทั้งสิ้น ๒,๑๒๖ โครงการ งบประมาณรวม ๔๔,๐๗๔.๓๒ ล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญ
เช่น โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมขนส่ง และระบบโลจิสติกส์
โครงการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการจังหวัดระยอง
โครงการพัฒนาและปรับปรุงระบบการคมนาคมเพื่อการขนส่งสินค้ากลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑลและโครงการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลตะวันตก
และเห็นชอบข้อเสนอโครงการของส่วนราชการที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ รวมทั้งสิ้น ๓๖๒ โครงการ วงเงินรวม ๙๗,๗๓๕.๒๔ ล้านบาท โดยมีโครงการสำคัญ เช่น
โครงการเช่ารถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) โครงการยกระดับสินค้าเกษตรอัตลักษณ์จังหวัดภาคใต้ชายแดนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
และโครงการศูนย์วินิจฉัยและรักษาโรคด้วยระบบเทคโนโลยีชั้นสูง ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.)
เสนอ ให้ ก.น.บ. จังหวัด กลุ่มจังหวัด
และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
(องค์การมหาชน) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงความสอดดคล้องกับหลักเกณฑ์ต่าง
ๆ ที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งจังหวัด กลุ่มจังหวัด และส่วนราชการควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดเบิกเงินงบประมาณให้เป็นไปตามแผนการใช้จ่ายงประมาณที่หน่วยงานได้รับการจัดสรร
เพื่อให้การจ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นว่าประเด็นการพัฒนาศักยภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรทุกช่วงวัย
ควบคู่กับการสร้างความมั่นคงของครอบครัวในชุมชน ควรเป็นแนวทางการพิจารณาสำหรับการจัดสรรงบประมาณโครงการด้านสังคมในระดับจังหวัด
กลุ่มจังหวัด และระดับภาค
เพื่อให้ทุกพื้นที่เกิดความตระหนักต่อสถานการณ์ปัญหาอย่างเข้าใจ ประชากรทุกช่วงวัยมีความพร้อมและสามารถวางแผนการดูแลสมาชิกในครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึง
เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับพื้นที่อย่างสมดุล
และส่งผลให้ประเทศมีเสถียรภาพในการพัฒนาอย่างยั่งยืน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8 | ขออนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินโครงการเร่งรัดการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | มท. | 04/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมการปกครองดำเนินโครงการเร่งรัดการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์การแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน
และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ วงเงินทั้งสิ้น ๑๒๓,๕๓๘,๕๓๐
บาท โดยใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จากงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรให้ความสำคัญในลำดับต้นกับการแก้ไขปัญหาเด็กไร้รัฐไร้สัญชาติที่เกิดในราชอาณาจักร
และการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Global Alliance to End
Statelessness |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 9 | ท่าทีไทยในการประชุมสหประชาชาติด้านมหาสมุทร ครั้งที่ 3 (3rd United Nations Ocean Conference : UNOC-3) | ทส. | 04/06/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาทางการเมือง Our ocean, our future : united for urgent action และเห็นชอบต่อการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ
จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ การลดมลพิษทางทะเล
และการป้องกันและบริหารจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือผู้แทนร่วมรับรองร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ โดยไม่มีการลงนาม โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่
๙ - ๑๓ มิถุนายน ๒๕๖๘ ณ เมืองนีซ สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองและการยกระดับการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่
๑๔ แบ่งออกเป็น ๓ ประเด็น ได้แก่ ๑) การอนุรักษ์มหาสมุทรและระบบนิเวศทางทะเล ๒)
การส่งเสริมเศรษฐกิจที่พึ่งพามหาสมุทรอย่างยั่งยืน และ ๓)
การเร่งรัดการดำเนินการในด้านต่าง ๆ เช่น การรับรองความตกลงเกี่ยวกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล
ส่วนการประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ มีสาระสำคัญเป็นการประกาศจุดยืนของไทยว่าจะให้ความสำคัญกับการดำเนินการใน
๒ เรื่อง ได้แก่ ๑) การลดมลพิษทางทะเล และ ๒)
การป้องกันและบริหารจัดการระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาทางการเมืองฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10 | การเร่งรัดการแก้ไขปัญหายาเสพติด | นร. | 20/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรม ปัญหาความเดือดร้อนในสังคมและชุมชน รวมทั้งปัญหาการใช้ความรุนแรงในครอบครัวซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นผู้ติดยาเสพติด
นับวันจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งและมีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ก่อให้เกิดการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงขอมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย
ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด กระทรวงยุติธรรม
(สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด-สำนักงาน ป.ป.ส.) กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกับการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจตรา
ตรวจสอบ จับกุม และยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งผู้ค้าและผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการ
รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินการควบคุมตัวและบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดด้วย โดยให้สำนักงาน
ป.ป.ส. เป็นหน่วยงานประสานการดำเนินการและบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงให้จัดทำแผนกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานต่าง ๆ ในภาพรวม ทั้งนี้
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดเป็นตัวชี้วัดผลงานที่สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 11 | ผลการพิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 14/2559 เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 4 เมษายน พุทธศักราช 2559 พ.ศ. .... | สผ. | 06/05/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๔/๒๕๕๙ เรื่อง คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และการกำหนดอำนาจหน้าที่ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
ลงวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
(ศอ.บต.) ได้พิจารณาข้อสังเกตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
โดยสรุปผลการดำเนินงานได้ ดังนี้ ๑) การสนับสนุนให้ ศอ.บต. จัดโครงสร้างองค์กร
มอบหมายผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานที่มีความรู้และเข้าใจกระบวนการทำงานของประชาชน
และจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็น ๒)
การพิจารณาเสนอชื่อสมาชิกสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ศ. ๒๕๕๓ ๓) การเร่งรัดจัดทำระเบียบที่จำเป็นและสำคัญต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
๔) การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.
๒๕๕๓ และ ๕)
การสนับสนุนให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติกำหนดให้มีผู้แทนจากสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีส่วนร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกระดับ
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 12 | (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง แก้ไขปัญหาราคาโคตกต่ำ | สภช. | 22/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบาย เรื่อง
แก้ไขปัญหาราคาโคตกต่ำของสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประกอบด้วย ๑) ขอให้ภาครัฐห้ามนำเข้าโคเนื้อจากประเทศเมียนมา
๒) ขอให้ภาครัฐดำเนินการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าเนื้อโคที่ผิดกฎหมาย และควบคุมการนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศ
๓) ขอให้ภาครัฐเร่งรัดตรวจสอบควบคุมการนำเข้าสารเร่งเนื้อแดง
และการใช้สารเร่งเนื้อแดงในโคเนื้อ ๔) ขอให้ภาครัฐเร่งรัดผลักดัน
และสนับสนุนให้มีโรงฆ่าชุมชน และโรงแปรรูปโคเนื้อที่ได้มาตรฐานในการบริโภคภายในชุมชน
รวมถึงการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้แนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” และ
๕) ขอให้รัฐเร่งรัดการเจรจาการส่งออกโคมีชีวิต เนื้อโคแช่เย็น แช่แข็ง และผลิตภัณฑ์อื่น
ๆ จากโคกับประเทศคู่ค้าที่สำคัญกับไทย โดยการจัดทำบันทึกข้อตกลงภายใต้พิธีสารกับประเทศคู่ค้าที่สำคัญกับไทยอย่างเร่งด่วน
และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาเพื่อดำเนินการตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป
เช่น กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า การห้ามนำเข้าโคเนื้อจากเมียนมาและการควบคุมการนำเข้าเนื้อโคจากต่างประเทศมีลักษณะเป็นการจำกัดปริมาณการนำเข้าซึ่งควรดำเนินการด้วยความระมัดระวังบนพื้นฐานของความจำเป็นเพื่อมิให้ขัดต่อพันธกรณีของไทยภายใต้กรอบ
WTO |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 13 | การเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญ | นร. | 01/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายชูศักดิ์ ศิรินิล) ในฐานะประธานกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลรายงานว่า
ในคราวประชุมคณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล
เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๘ ที่ประชุมได้มีมติ ๑. เห็นชอบบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast-track) ชุดที่ ๒ ได้แก่ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ
พ.ศ. .... (กระทรวงแรงงาน) ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงพาณิชย์) ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติขจัดการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล พ.ศ. .... (กระทรวงยุติธรรม) ๑.๕
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ....
(กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑.๖
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑.๗
ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๑.๘
ร่างพระราชบัญญัติสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. .... (กระทรวงการคลัง) ๑.๙
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... (กระทรวงพลังงาน) ๑.๑๐
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมอุตสาหกรรมเกม พ.ศ. .... (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ๑.๑๑
ร่างพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... (กระทรวงพาณิชย์) ๑.๑๒
ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กระทรวงอุตสาหกรรม) ๑.๑๓ ร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ....
(กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ๑.๑๔
ร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากปาล์มน้ำมัน พ.ศ. .... (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) รวม ๑๔ ฉบับ
และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเสนอร่างพระราชบัญญัติในความรับผิดชอบโดยเร็วตามกรอบเวลา ๒.
เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดียาเสพติด พ.ศ. ....
ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast-track) ชุดแรก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วเห็นว่า
ยังไม่มีความจำเป็นต้องตรากฎหมายดังกล่าว
คณะกรรมการเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลจึงเห็นควรให้ถอดร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวออกจากบัญชีร่างพระราชบัญญัติที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมีความสำคัญเพื่อเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว
(Fast track) ชุดแรกก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 14 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ ไตรมาสที่ 1 | นร.07 | 01/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ณ ไตรมาสที่ ๑ โดยภาพรวมผลการเบิกจ่ายและผลการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ
วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน ๓,๗๕๒,๗๐๐.๐๐ ล้านบาท มีผลการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน
๑,๑๖๑,๐๕๑.๕๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๐.๙๔ และมีผลการใช้จ่าย (ก่อหนี้) จำนวน
๑,๒๖๙,๔๔๗.๓๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๘๓ ทั้งนี้ จากรายงานในภาพรวมพบว่า
ผลการเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมสูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณ
ตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ อย่างไรก็ดี
หน่วยรับงบประมาณบางหน่วยยังมีผลการปฏิบัติงานล่าช้ากว่าเป้าหมายและแผนที่กำหนด
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 15 | รายงานผลการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อรับฟังข้อเรียกร้องแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกินของกลุ่มผู้ชุมนุม สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า และสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ | นร. | 01/04/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
รายงานว่าเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๘
ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อรับฟังข้อเรียกร้องแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกินของกลุ่มผู้ชุมนุม
สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า และสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ได้แก่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ มีผู้เข้าร่วมประมาณ ๓,๐๐๐ คน โดยมีผลการหารือในประเด็นต่าง ๆ
ที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการต่อไป
สรุปได้ดังนี้ ข้อเรียกร้องที่ ๑
การเร่งรัดให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งฉบับโดยเร่งด่วน
โดยขอให้มีสัดส่วนของกรรมการระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนที่เท่ากัน
และในระหว่างการดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องขอให้ยุติการเตรียมประกาศพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่ม
จำนวน ๒๓ แห่ง จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ ผลการหารือ (๑)
คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะเร่งรัดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน
๓๐ วัน โดยจะพิจารณากำหนดสัดส่วนของกรรมการจากหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และจากภาคประชาชนให้เหมาะสม (๒) รับข้อเรียกร้องที่ขอให้ยุติการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตและละเมิดสิทธิชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ยังไม่ได้ประกาศบังคับใช้เพื่อนำไปหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป (๓)
รับข้อเรียกร้องที่ขอให้ยุติการเตรียมประกาศพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่ม จำนวน ๒๓ แห่ง
จนกว่าจะมีการปรับแก้ไขกฎหมายจนแล้วเสร็จไปประสานหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อชะลอการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์ที่ยังไม่ได้ผ่านการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และจะพิจารณาให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
ข้อเรียกร้องที่ ๒
การเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของราษฎรให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ผลการหารือ รับข้อเรียกร้องดังกล่าวและได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติดำเนินการมอบหมายให้คณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
รับไปดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการสำรวจการถือครองที่ดินของกลุ่มบุคคลตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ เพื่อให้ได้รับสิทธิในการจัดที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยนั้น
ได้ประสานให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาสั่งการให้กรมป่าไม้เร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วต่อไป
ข้อเรียกร้องที่ ๓ ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ) ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานโฉนดชุมชน
เร่งรัดการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน
พ.ศ. ๒๕๕๓ ผลการหารือ รับข้อเรียกร้องในเรื่องนี้เพื่อไปประสานกับรองนายกรัฐมนตรี
(นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ต่อไป
ข้อเรียกร้องที่ ๔
การเร่งติดตามและผลักดันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นเวลานาน
รวม ๔๘๙,๕๓๑ คน ผลการหารือ รับเรื่องนี้ไปประสานหารือกับรองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเร่งรัดการดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
ครบถ้วนตามข้อเท็จจริงโดยเร็วต่อไป
ข้อเรียกร้องที่ ๕
การให้คณะอนุกรรมการอิสระเพื่อศึกษากำหนดแนวทาง
มาตรการเร่งรัดการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ (One
Map) และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน
ตามคำสั่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๒๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ รับกรณีปัญหาของผู้ที่ถูกดำเนินคดีด้านที่ดินป่าไม้ของสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าและสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือไปพิจารณาแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจของคณะอนุกรรมการฯ ผลการหารือ มอบหมายให้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(นายสมคิด เชื้อคง) ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ
รับเรื่องนี้ไปพิจารณาแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจของคณะอนุกรรมการฯ และเมื่อคณะอนุกรรมการฯ
มีมติเป็นประการใดจะได้ประสานหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนในการเสนอการออกร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร
ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ พ.ศ. ....
ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 16 | แนวทางการบริหารสินทรัพย์ที่เกิดจากงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด | นร.11 สศช | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการบริหารสินทรัพย์ที่เกิดจากงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
ซึ่งมีสาระสำคัญ เช่น กรณีการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือไม่มีผู้รับโอน
(ปีงบประมาณ ๒๕๖๓ - ๒๕๖๖) ควรให้ความสำคัญกับการซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
ควบคู่ไปกับการเร่งรัดหาหน่วยงานรับโอนสินทรัพย์ และกรณีการวางระบบบริหารสินทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(ตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๖๗ เป็นต้นไป) ควรให้ความสำคัญกับการวางระบบการโอนสินทรัพย์
โดยการจัดทำและดำเนินการตามบันทึกความตกลงการรับโอนสินทรัพย์
เพื่อให้มีผู้ปกครองดูแล บำรุงรักษา หรือใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์
อย่างคุ้มค่าและเกิดความยั่งยืนในการบริหารจัดการและการใช้งาน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17 | รายงานผลการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม | สวส. | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายเวลาการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
โดยให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาเพื่อดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าว
ตามที่ประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมและสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงาน
ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าแม้ระยะเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้จะเป็นการเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด
รวมทั้งไม่กระทบต่อกระบวนการสรรหาแต่ก็มีผลเกี่ยวข้องกับความต่อเนื่องในการบริหารงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
การดำเนินการที่เป็นไปโดยล่าช้าและไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงควรกระทำเมื่อมีเหตุผลความจำเป็นเท่านั้น
อีกทั้งควรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการที่ยังไม่แล้วเสร็จให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย
สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการสรรหาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เนื่องจากผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการพ้นจากวาระตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และควรเร่งรัดกระบวนการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมด้วย
เพื่อให้การขับเคลื่อนการทำงานของวิสาหกิจเพื่อสังคมมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 18 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... | กษ. | 18/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลพะตง อำเภอหาดใหญ่
จังหวัดสงขลา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลพะตง
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานในการก่อสร้างโครงการคลองระบายน้ำคลองตง
และเพื่อนำที่ดินไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าตามมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๖๒
บัญญัติให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาการใช้บังคับพระราชกฤษฎีกา
หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ และยังประสงค์จะทำการสำรวจเพื่อให้ทราบถึงอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัดต่อไป
ให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับใหม่ล่วงหน้าไม่น้อยกว่าหกสิบวันก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานั้นจะสิ้นผลใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 19 | การเร่งรัดการดำเนินการเบิกจ่ายงบลงทุนของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ | นร. | 04/02/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการประชุมเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ และเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการ
และจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของเรื่องดังกล่าวอีกครั้งในเดือนมีนาคม
๒๕๖๘ นี้ นั้น เพื่อให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน
สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้โดยเร็ว
อันจะส่งผลดีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง จึงขอมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายพิชัย ชุณหวชิร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับไปประสานกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณของทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงบลงทุน ให้แล้วเสร็จโดยเร็วและบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 20 | ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี | นร.05 | 28/01/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ในโอกาสที่ปี
๒๕๖๘ เป็นปีแห่งการครบรอบ ๕๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาดำเนินภารกิจ/จัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามหน้าที่และอำนาจเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เช่น กระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์แบบเมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดของไทยกับเมืองหรือมณฑลของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว
๓๘ คู่ความสัมพันธ์ โดยอาจกำหนดเป้าหมายให้เพิ่มเป็น ๕๐ คู่ความสัมพันธ์
กระทรวงคนาคมเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค
(ซึ่งเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐประชาชนจีน)
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
