ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 95 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1881 - 1900 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1881 | ทิศทางและกรอบยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) | นร11 | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการดำเนินงานจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และเห็นชอบรูปแบบและเค้าโครงเบื้องต้น และกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำสรุปทิศทางและประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถใช้เป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้ทันต่อสถานการณ์ตามปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งควรกำหนดทิศทาง ขอบเขต และจุดเน้นของแต่ละยุทธศาสตร์ที่จะดำเนินการในแต่ละปีภายใต้แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องกรอบการลงทุนในระยะเวลา ๕ ปี เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐสามารถแปลงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างสอดคล้องกันและเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. เพื่อให้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ มีความครบถ้วนสมบูรณ์ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และแนวทางการปฏิรูปประเทศ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาปรับปรุงรูปแบบและแนวทางการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ใน ๔ ประเด็นหลัก ดังนี้ ๒.๑ แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และมีการแปลงยุทธศาสตร์ชาติดังกล่าวเป็นแผนงาน/โครงการในช่วง ๕ ปี โดยระบุแผนปฏิบัติการ และกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม รวมทั้งให้มีการประเมินผลของการดำเนินงานทุกรอบ ๑ ปี และ ๕ ปี เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลต่อไป ๒.๒ ปรับปรุงเนื้อหาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ให้สอดคล้องและสะท้อนถึงการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการขับเคลื่อนไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา เช่น การพัฒนาอุตสาหกรรมอนาคต การลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาคน และการพัฒนาระบบการศึกษา เป็นต้น ๒.๓ ระบุกลไกการขับเคลื่อนแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะกลไกทางกฎหมาย และกลไกประชารัฐที่จะช่วยสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนดำเนินการตามแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอกลไกดังกล่าวให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี ๒.๔ ในขั้นตอนการจัดทำแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานงานกับคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติอย่างใกล้ชิด และจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อให้แนวทางการพัฒนาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||
| 1882 | แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2556) (ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงมหาดไทย รวม 3 ฉบับ) | มท | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับดังกล่าวเพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการกำหนดให้มีศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตขึ้นในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย และจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการข่าว กระทรวงมหาดไทย ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พ.ศ. .... เป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นการจัดตั้งกองทุนยุทธศาสตร์และแผนงานเป็นส่วนราชการภายในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น รวมทั้งจัดตั้งกองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่นเป็นส่วนราชการภายในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และเปลี่ยนชื่อสำนักพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่นเป็นกองพัฒนาและส่งเสริมการบริหารงานท้องถิ่น และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
| 1883 | ข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 25 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญา | สม | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ ๒๕ เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับการยุติธรรมทางอาญา โดยข้อเสนอดังกล่าวเสนอให้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับวิธีพิจารณาความอาญาในประเด็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในการพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ซึ่งถูกกล่าวหาให้มีความชัดเจนและให้เจ้าพนักงานมีอำนาจกระทำการได้ตามกฎหมายโดยไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมแล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1884 | รายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าร่วมและใช้เด็กโดยกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่จังหวัด ชายแดนภาคใต้ | พม | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าร่วมและใช้เด็กโดยกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มีนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลและคุ้มครองเด็กและเยาวชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และการปฏิบัติตามหลักด้านสิทธิมนุษยชนต่อเนื่องมาถึงร่างนโยบายฯ ฉบับใหม่ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) ก็ได้มีการเน้นย้ำและให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นฝายเลขานุการ โดยกำหนดให้มีกลุ่มภารกิจงานสร้างความเข้าใจทั้งในและต่างประเทศ และเรื่องสิทธิมนุษยชนรองรบในเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะ ๒. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติอยู่ระหว่างเสนอขอความเห็นชอบประกาศใช้ร่างนโยบายฯ ฉบับใหม่ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑) และได้จัดทำแผนปฏิบัติการ การแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแผนปฏิบัติการฉบับนี้ดำเนินไปภายใต้การปรับโครงสร้างกลไกการบริหารจัดการปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย ๗ กลุ่มภารกิจงาน มีการวางเป้าหมายการดำเนินงาน กลยุทธ์ และแนวทาง ตลอดจนกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยมีการบูรณาการร่วมกันของทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นทั้งโครงการและงบประมาณ เพื่อมุ่งเน้นให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยเฉพาะการคุ้มครองเด็กและเยาวชนให้มีความปลอดภัย ปราศจากเงื่อนไขการใช้ความรุนแรง
|
|||||||||||||||||||||
| 1885 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอการปฏิรูปและแนวทางการดำเนินการ ได้แก่ (๑) การบูรณาการสิ่งแวดล้อมสู่นโยบายโดยใช้กระบวนการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment) (๒) ระบบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) และ (๓) ระบบติดตามตรวจสอบและประเมินผล (Monitoring Evaluation and Auditing : ME&A) รวมทั้งเห็นด้วยกับกลไกการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ ได้แก่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการปรับปรุงองค์กร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1886 | ขออนุมัติการลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มมาตรฐานในการตรวจสอบและกักกันโรค รวมทั้งสุขอนามัยของสินค้าข้าวไทยที่จะส่งออกไปจีนตามข้อตกลงทางเทคนิคที่ได้ตกลงกัน และมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบควบคุมคุณภาพความปลอดภัยของข้าวไทย ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารว่าด้วยข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานในการตรวจสอบ รับรอง และควบคุมคุณภาพข้าวไทยให้ได้มาตรฐานและพิจารณาถึงผลกระทบในอนาคตของการจัดทำความตกลงข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวในลักษณะดังกล่าวกับประเทศอื่น ๆ ที่อาจต้องดำเนินการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีน ซึ่งอาจจะมีผลเป็นการกีดกันหรืออุปสรรคทางการค้าของไทย รวมทั้งจะต้องดำเนินการไม่ให้ขัดกับหลักการภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการบังคับใช้มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชขององค์การการค้าโลก (WTO/SPS) ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น ร่วมมือกันในการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชสำหรับการส่งออกข้าวจากไทยไปจีนอย่างเข้มงวดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
| 1887 | ผลการประชุมระหว่างไทย - กัมพูชา เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท และจุดผ่านแดนถาวรบ้านป่าไร่ - โอเนียง | นร11 | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท และจุดผ่านแดนถาวรบ้านป่าไร่-โอเนียง เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยมีประเด็นหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาจุดผ่านแดนถาวรสตึงบทและถนนเชื่อมโยงไปยังถนนหมายเลข ๕ ในกัมพูชา โครงการก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรมโหด บริเวณพรมแดนบ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ในการพัฒนาจุดผ่านแดน สะพานข้ามพรมแดน และถนนเชื่อมโยง ณ บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท รวมทั้งการพัฒนาการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านป่าไร่-โอเนียง และเรื่องอื่น ๆ ได้แก่ กัมพูชาขอรับความช่วยเหลือเป็นเงินให้เปล่าจากไทย ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาพื้นที่ขนถ่ายสินค้าบริเวณสถานีรถไฟปอยเปต และ (๒) การปรับปรุงสะพานข้ามพรมแดนบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี (ไทย)-บ้านคลองจะกร็อม จังหวัดไพลิน (กัมพูชา) ๒. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ๒.๑ กระทรวงการต่างประเทศ นำเสนอที่ประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ พิจารณาให้ความเห็นชอบการเปิดจุดผ่านแดนถาวร ณ บ้านป่าไร่-โอเนียง อย่างเป็นทางการ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Committee : JBC) ไทย-กัมพูชา เร่งหารือกำหนดแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน ๒.๒ กระทรวงคมนาคม นำเสนอบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ในการพัฒนาจุดผ่านแดน สะพานข้ามพรมแดน และถนนเชื่อมโยง ณ บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ไทยลงนามร่วมกับกัมพูชาในระหว่างการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ รวมทั้งเตรียมความพร้อมก่อสร้างสะพานข้ามลำน้ำพรมโหด และนำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเมื่อได้รับหนังสือขอรับความช่วยเหลืออย่างเป็นทางการจากกัมพูชา ๒.๓ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ดำเนินการเพื่อลงนามสัญญาเงินกู้ร่วมกับกัมพูชาโดยเร็ว
|
|||||||||||||||||||||
| 1888 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงคมนาคมและรัฐวิสาหกิจในกำกับกระทรวงคมนาคมและรัฐวิสาหกิจในกำกับกระทรวงคมนาคมปรับปรุงแนวทางและแผนงานการดำเนินโครงการพัฒนาระบบราง โดยเฉพาะโครงการที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุมัติเริ่มโครงการ โดยดำเนินการ ๑.๑.๑ ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดประเภทชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและขนส่งที่ภาคอุตสาหกรรมในประเทศมีศักยภาพในการผลิต และกำหนดให้มีการใช้ชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในโครงการพัฒนาที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศและจูงใจให้เกิดการต่อยอดนวัตกรรมของภาคการผลิตที่เกี่ยวข้อง ๑.๑.๒ ให้มีการพิจารณาโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทั้งระบบเพื่อปรับปรุงโครงการลงทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีความคุ้มค่าสูงสุด โดยเฉพาะการร่วมใช้โครงสร้างพื้นฐานระหว่างรถไฟฟ้าแต่ละสาย เช่น อาคารซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า (Maintenance Depot) เป็นต้น ๑.๑.๓ ให้จัดทำแผนผังการเชื่อมโยงการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและการเชื่อมโยงกับปริมณฑลเพื่อนำไปใช้กับแผนหลักในการพัฒนาระบบการขนส่ง ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความต่อเนื่องของระบบการขนส่งในรูปแบบต่าง ๆ ราคาการให้บริการที่เหมาะสม และการขยายตัวของเมืองด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการศึกษาแนวทางและมาตรการในการลดภาระหนี้สินครัวเรือนและหนี้นอกระบบที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิต ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ และรายงานความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขจัดทำแผนการผลิตบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรทางการแพทย์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยมุ่งเน้นการผลิตบุคลากรเพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนา เช่น การผลิตครูรุ่นใหม่หรือครูตัวอย่างในทุกอำเภอ การผลิตแพทย์และพยาบาลในสาขาที่ขาดแคลนในโรงพยาบาลระดับชุมชน เป็นต้น ทั้งนี้ อาจกำหนดเป้าหมายว่า ภายในปี ๒๕๖๑ จะมีบุคลากรทางการศึกษาและบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอในทุกพื้นที่ ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านกำกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบให้เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎหมาย และการนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกฎหมายว่าด้วยการประมง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และกฎหมายว่าด้วยการเดินอากาศ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ ตลอดจนเพื่อให้มีความสงบเรียบร้อยในสังคม ทั้งนี้ ให้ระมัดระวังการบังคับใช้กฎหมายที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับมอบหมายให้กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคจัดทำแผนการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมและจัดทำเป็นแผนการลงพื้นที่ในภาพรวม เพื่อให้นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน ดูนวัตกรรม และหารือกับภาคเอกชนในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติส่งแผนดังกล่าวให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔.๒ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เร่งรัดการนำเสนอเรื่องกองทุนชุมชนเมืองให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในสัปดาห์หน้า เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ๔.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการของส่วนราชการต่าง ๆ กำกับให้ส่วนราชการวางแผนในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามแนวทางการเสนอเรื่องเร่งด่วนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อย่างเคร่งครัดด้วย ๔.๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑ ธันวาคม ๒๕๕๘) เกี่ยวกับการแถลงผลการดำเนินงานของรัฐบาล ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ นั้น ในการแถลงผลงานในแต่ละเรื่องให้แถลงถึงสภาพปัญหาในอดีต การดำเนินการที่ผ่านมาของรัฐบาล และเป้าหมายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ จะต้องมีความชัดเจนและกระชับเพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจได้โดยง่าย ๔.๕ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการเร่งรัดการปรับปรุงด่านตรวจคนเข้าเมืองให้มีอุปกรณ์ที่พร้อมใช้งานและมีความทันสมัย โดยสามารถเชื่อมโยงกับด่านตรวจคนเข้าเมืองของต่างประเทศได้ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ [เรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการพัฒนาระบบ CCTV และเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสมเพื่อการควบคุมทางศุลกากรรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)] นั้น ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) ร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวโดยเร็ว และรายงานความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๔.๖ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับให้ส่วนราชการที่มีพื้นที่สาธารณะปรับปรุงพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มพื้นที่จอดรถสาธารณะในกรุงเทพมหานครให้มีมากขึ้น โดยหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาให้มีพื้นที่จอดรถสาธารณะในแหล่งชุมชนในกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นการลดปัญหาการจราจร โดยอาจจะพิจารณาดำเนินการตามแนวทาง “จอดแล้วเดิน” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดถนนคนเดินอีกทางหนึ่งด้วย และรายงานความก้าวหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๙ ๔.๗ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดการดำเนินการกำหนดรูปแบบมาตรฐานในการก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การอิสระให้มีความเหมาะสมกับภารกิจที่รับผิดชอบและคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินการ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๔.๘ ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดให้มีหลักสูตรภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานเฉพาะตามกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันสำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ประกอบการในการทำธุรกิจ ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานสำหรับข้าราชการในการดำเนินงานภาคราชการ ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานสำหรับประชาชนหรือผู้ใช้แรงงานในด้านต่าง ๆ เช่น ภาคการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
| 1889 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิเด็ก กรณีการเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่อาศัยอยู่ในชุมชนคอกควาย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก | สม | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิเด็ก กรณีการเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่อาศัยอยู่ในชุมชนคอกควาย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ควรกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นการให้สิทธิและให้โอกาสแก่เด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐได้ โดยไม่จำกัดระดับหรือประเภทการจัดการศึกษา ๑.๒ ควรจัดทำคู่มือหรือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้เด็กซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ๑.๓ ควรจัดสรรงบประมาณและบุคลากรให้เพียงพอ และจัดทำหลักสูตรให้เหมาะสมกับอัตลักษณ์เฉพาะของเด็ก เช่น ภาษา ระดับพัฒนาการ ความพิการทางด้านร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ๑.๔ กรณีพบว่าเด็กซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมประสานส่งต่อไปยังหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิ ๑.๕ ควรสนับสนุนให้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กทุกสัญชาติที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน และจัดสรรงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวแก่สถานศึกษา ๑.๖ ควรกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดการจดทะเบียนการเกิดเพื่อให้เด็กทุกคนมีสถานะบุคคลและจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาและการออกเอสารางทะเบียนให้เด็กซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน ๑.๗ มีหน่วยงานหลักในการประสานงานให้ความช่วยเหลือหญิงและเด็กเคลื่อนย้าย โดยจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบการช่วยเหลือคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพให้ชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็กที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ๑.๘ ควรกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางการดำเนินงานตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพคนต่างด้าวหรือแรงงานต่างด้าว และกำชับให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลและสถานพยาบาลทุกแห่งดำเนินการออกใบรับรองการเกิดให้แก่เด็กต่างด้าวทุกคน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้คนต่างด้าวแรงงานต่างด้าวรับทราบและเข้าถึงสิทธิของคนในอันที่จะได้รับประโยชน์จากการประกันสังคม ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1890 | รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557 | สม | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ เช่น สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม สิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การคุ้มครองและช่วยเหลือกลุ่มที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การประเมินการเตรียมการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหาย การเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิมนุษยชนศึกษา การส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานเครือข่าย การศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน การดำเนินงานสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
| 1891 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ย่านเก่ากับการปกป้องคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน | สม | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ย่านเก่ากับการปกป้องคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ควรให้มีการตรากฎหมายขึ้นมากำกับดูแลย่านเก่าโดยเฉพาะอย่างเป็นระบบ ได้แก่ หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการกำหนดขอบเขตย่านเก่าในเชิงพื้นที่ (Heritage Site) หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการขึ้นบัญชีย่านเก่า การกำหนดกลไกและหน่วยงานในการบริหาร เช่น การซ่อมแซม รื้อถอน การใช้ประโยชน์ การพิจารณารูปแบบของสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ เป็นต้น รวมทั้งมีการกระจายอำนาจให้ราชการส่วนท้องถิ่น การมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณสำหรับดำเนินการอย่างเพียงพอ และมาตรการจูงใจเพื่อการปกป้อง คุ้มครอง หรืออนุรักษ์ย่านเก่า ๑.๒ ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลย่านเก่าโดยเฉพาะ ให้นำกฎหมายต่าง ๆ ที่มีอยู่มาใช้บังคับไปพลางก่อน หรือปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้รองรับวัตถุประสงค์ ได้แก่ การสำรวจย่านเก่าที่สำคัญและมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบจากการพัฒนาพื้นที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ย่านเก่า เช่น มาตรการทางภาษีอสังหาริมทรัพย์ มาตรการการชดเชยสิทธิที่เสียไปจากการอนุรักษ์ย่านเก่า การโอนสิทธิในการพัฒนาพื้นที่ และการลดภาษีเงินได้ของบุคคลหรือนิติบุคคล เป็นต้น ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1892 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูประบบการผังเมือง และการใช้พื้นที่ และร่างพระราชบัญญัติการผังเมืองและการใช้พื้นที่ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | มท | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง การปฏิรูปการผังเมืองและการใช้พื้นที่ และร่างพระราชบัญญัติการผังเมืองและการใช้พื้นที่ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรยังมีความเห็นไม่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เนื่องจากงานด้านผังเมืองประกอบด้วยส่วนที่เป็นการกำหนดนโยบายการผังเมืองในระดับชาติ และส่วนที่เป็นการรับนโยบายเพื่อแปลงไปสู่การวางผังเมืองระดับปฏิบัติ และภารกิจด้านการพัฒนาให้เป็นไปตามผังเมือง ดังนั้น การโอนภารกิจทั้งหมดไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงยังไม่เหมาะสม สำหรับการปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ มีบางส่วนที่สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังดำเนินการอยู่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1893 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายทั้ง ๓,๐๕๑ ตำบล มีการเสนอขอความต้องการตามเงื่อนไขขั้นตอนการขอรับการสนับสนุน และได้รับอนุมัติให้ดำเนินการจำนวนทั้งสิ้น ๓,๐๔๔ ตำบล รวม ๖,๕๙๘ โครงการ และเมื่อดำเนินการจริงพบว่า ชุมชนสามารถดำเนินการได้จนเสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์ จำนวนทั้งสิ้น ๓,๐๔๓ ตำบล รวม ๖,๕๙๖ โครงการ โดยมีตำบลที่ขอยกเลิกการดำเนินงาน จำนวน ๑ ตำบล รวม ๒ โครงการ คือ โครงการประเภทการจัดการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร (การก่อสร้างฝายชะลอน้ำ) ๒. ผลการดำเนินการเกษตรของชุมชน โครงการของชุมชน จำนวน ๖,๕๙๖ โครงการ จำแนกตามประเภทของกิจกรรม ได้แก่ (๑) กิจกรรมด้านการจัดการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรของชุมชน จำนวน ๓,๓๒๘ โครงการ (๒) กิจกรรมด้านการผลิตทางการเกษตรและการแปรรูปผลผลิตเกษตรเพื่อสร้างรายได้ในฤดูแล้ง จำนวน ๖๓๖ โครงการ (๓) กิจกรรรมด้านการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จำนวน ๒,๓๗๑ โครงการ และ (๔) กิจกรรมด้านการจัดการเพื่อลดความสูญเสียผลผลิตเกษตร จำนวน ๒๖๑ โครงการ ๓. ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรและชุมชนเกษตร เกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการ จำนวน ๒.๘๗ ล้านครัวเรือน เกิดการจ้างงานในชุมชน จำนวน ๐.๘๗ ล้านราย และเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการดำเนินงานโครงการ จำนวน ๒,๐๔๘.๐๒ ล้านบาท ๔. ผลการเบิกจ่ายงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนเกษตร จำนวน ๖,๕๙๖ โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๙๙๒,๗๗๗,๔๔๘.๑๙ บาท จำแนกเป็นค่าวัสดุ ๑,๓๗๖,๐๙๒,๙๐๕.๓๗ บาท และค่าจ้างแรงงาน ๑,๖๑๖,๖๘๔,๕๔๒.๘๒ บาท และผลการเบิกจ่ายงบประมาณในการบริหารจัดการโครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙๕,๗๘๗,๘๔๕.๐๕ บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 1894 | ขออนุมัติโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีสะพานพระนั่งเกล้า โครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี 1 และโครงการก่อสร้างสะพานลอยกลับรถไปทางสุพรรณบุรี บริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ของโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ | คค | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีสะพานพระนั่งเกล้า โครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ และโครงการก่อสร้างสะพานลอยกลับรถไปทางสุพรรณบุรี บริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม โดยวิธีการให้กู้เงินต่อหรือค้ำประกันเงินกู้ ภายใต้กรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ทั้ง ๓ โครงการ ในกรอบวงเงิน ๔๒๕,๐๕๐,๒๔๑.๗๔ บาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีให้เป็นรายได้แก่ รฟม. ให้เพียงพอ เพื่อการชำระหนี้แก่แหล่งเงินทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟม. ต่อไป ๒. สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานลอยกลับรถไปทางสุพรรณบุรีบริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ให้กระทรวงคมนาคมหารือกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ดำเนินการและแหล่งเงินดำเนินการ ทั้งนี้ ก่อนเริ่มขั้นตอนการดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ รฟม. ต้องจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจัดทำข้อมูลศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุนตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย |
|||||||||||||||||||||
| 1895 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) | นร12 | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงาน ก.พ.ร. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการพิจารณาสรุปได้ ดังนี้
๑. การกำหนดบทบาทภารกิจ ขอบเขตอำนาจหน้าที่ และโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมชัดเจน ต้องพิจารณาระดับของงานในภารกิจนั้น ๆ ว่า ส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาคควรรับผิดชอบงานลักษณะใดและระดับใด เนื่องจากยังคงมีบางภารกิจที่จำเป็นต้องร่วมกันดำเนินการอยู่ของส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ๒. การพัฒนากลไกเครื่องมือ ระบบการบริหารงาน และการกระจายอำนาจ ปัจจุบันมีกลไกการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ปรากฏอยู่ในกฎหมายหลายฉบับ หากจะพัฒนาปรับปรุงการบูรณาการต่าง ๆ ก็อาจแก้ไขกฎหมายเดิมที่มีอยู่ก่อน แต่หากมีข้อบกพร่องหรือปัญหาต่าง ๆ อยู่ จึงค่อยพิจารณาถึงการยกร่างกฎหมายใหม่ ๓. การพัฒนาระบบงบประมาณ การบริหารงานบุคคล และเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการพัฒนาปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ได้แก่ การปรับปรุงเทคนิคและวิธีการจัดทำงบประมาณ การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การแต่งตั้งคณะกรรมการและจัดทำกฎเกี่ยวกับการปฏิรูประบบบริหารงานบุคคลภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||
| 1896 | การดำเนินโครงการปรับปรุงท่าเรือภูเก็ต และโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา | กค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเป็นมาและขั้นตอนการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือภูเก็ตและโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการปรับปรุงท่าเรือภูเก็ต คณะทำงานประเมินราคาทรัพย์สินของท่าเรือสงขลาและท่าเรือภูเก็ตได้มีการประเมินราคาทรัพย์สินของท่าเรือภูเก็ตแล้ว และคณะทำงานพิจารณากำหนดเงื่อนไขและผลประโยชน์ตอบแทนการบริหารจัดการท่าเรือสงขลาและท่าเรือภูเก็ตได้มีมติให้กรมธนารักษ์ประสานงานกับกรมเจ้าท่าเพื่อขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการประมูล แต่ยังขาดข้อมูลเชิงสถิติในอดีตและข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของท่าเรือ ซึ่งกรมธนารักษ์ได้มีหนังสือขอข้อมูลจากกรมเจ้าท่าแล้ว ๒. โครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา คณะทำงานประเมินราคาทรัพย์สินของท่าเรือสงขลาและท่าเรือภูเก็ตได้มีการประชุมเพื่อพิจารณากำหนดราคาประเมินทรัพย์สินของท่าเรือสงขลาแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างกรมธนารักษ์พิจารณากำหนดเงื่อนไขและผลประโยชน์ตอบแทนเพื่อเสนอคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1897 | รายงานผลการพิจารณาตามรายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีผลการพิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๘ การแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๑ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การปรับขนาดและจำนวนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการก่อสร้างอาคารที่ทำการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การปรับปรุงฐานภาษีเดิมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการจัดเก็บรายได้และขยายฐานรายได้ให้มากขึ้น และการกำหนดให้มีระบบการตรวจสอบการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นมาตรฐาน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1898 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา ๘ วรรคสาม การจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบการส่งต่อเกี่ยวกับการใช้สิทธิของผู้พิการ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวิธีการและขั้นตอนในการได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายประกันสังคมของผู้ประกันตนในช่องทางต่าง ๆ การปรับปรุงกฎหมายประกันสังคม และการบริหารจัดการกองทุนประกันสังคม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1899 | รายงานการพิจารณาศึกษามาตรการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่ตกค้างในประเทศไทย | สว | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษามาตรการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่ตกค้างในประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ที่ตกค้างในประเทศไทย พร้อมกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ เกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมายกับคลินิกเวชกรรม บริษัทนายหน้าหรือสถานบริการที่เกี่ยวข้องกับการรับจ้างตั้งครรภ์แทนที่กระทำผิดกฎหมาย การเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์สาระสำคัญของกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ การรวบรวมข้อมูล รายละเอียด และการสงเคราะห์หรือคุ้มครองเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แทนในประเทศไทย การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การรับแจ้งการเกิดหรือการลงรายการทะเบียนราษฎร รวมทั้งการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบการเคลื่อนย้ายบุคคลหรือการขนส่งไข่ อสุจิหรือตัวอ่อน อันเข้าข่ายเป็นความผิดตามกฎหมาย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 1900 | ขอความเห็นชอบการปรับเพิ่มมูลค่าสัญญาก่อสร้างงานโยธาของสัญญาที่ 1 และ 2 และปรับลดมูลค่าสัญญาก่อสร้างงานโยธาของสัญญาที่ 6 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ โดยกรอบวงเงินรวมของโครงการไม่เปลี่ยนแปลง | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับเพิ่มมูลค่าสัญญาก่อสร้างงานโยธาของสัญญาที่ ๑ และ ๒ และปรับลดมูลค่าสัญญาก่อสร้างงานโยธาของสัญญาที่ ๖ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ เนื่องจากการปรับมูลค่าสัญญาก่อสร้างงานโยธาดังกล่าวมีมูลค่าต่ำกว่า ๕๐๐ ล้านบาท และไม่มีการเปลี่ยนแปลงกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ จึงอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยที่จะพิจารณาดำเนินการได้ตามมาตรา ๗๕(๒) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. เห็นชอบการจัดหาแหล่งเงินกู้ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงการคลัง โดยให้เป็นไปตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยกระทรวงการคลังจะพิจารณากู้เงินในประเทศและนำมาให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กู้เงินต่อ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อเป็นงบชำระหนี้ให้กับ รฟม. เพื่อใช้ชำระหนี้แก่แหล่งเงินกู้โดยตรง ทั้งในส่วนของเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟม. ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับการปรับปรุง แก้ไข และเปลี่ยนแปลงงานของโครงการฯ ต้องเป็นไปตามหลักการความเหมาะสมทางวิศวกรรม และสอดคล้องกับการประมาณการปริมาณผู้โดยสารของโครงการฯ และจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาตามขั้นตอน ได้แก่ ข้อตกลงของการใช้พื้นที่และค่าใช้จ่ายทางเชื่อมบริเวณสถานีบางซ่อน แผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ใต้สถานีพระนั่งเกล้า และเหตุผลและความจำเป็นต่อการให้บริการในส่วนงานปรับปรุงเกาะกลางถนน สำหรับการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นให้วางแผนและเตรียมความพร้อมในแต่ละขั้นตอนอย่างรัดกุมเพื่อให้การดำเนินโครงการแล้วเสร็จตามกำหนดระยะเวลาเป้าหมาย รวมทั้งมีมูลค่าโครงการเป็นไปตามกรอบวงเงินที่คาดการณ์ไว้และอยู่ในกรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติ นอกจากนี้ ควรปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงงานและงานเพิ่มเติมต่าง ๆ เท่าที่จำเป็น เพื่อเปิดให้บริการได้ตามแผนงานที่วางไว้ และการดำเนินการในทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
.....
