ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 92 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1821 - 1840 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1821 | ขออนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้ รฟท. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจที่เห็นควรเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการ เน้นการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์จากทรัพย์สินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายเพื่อบรรเทาภาวการณ์ขาดสภาพคล่องทางการเงินในระยะยาว และเห็นควรมีการวางแผนและบริหารวงเงินกู้เพื่อรักษาสภาพคล่องอย่างรัดกุมโดยไม่ให้เกิดวงเงินกู้ที่ซ้ำซ้อนและภาระดอกเบี้ยเกินความจำเป็นที่ส่งผลต่อภาระค่าใช้จ่ายองค์กร การพิจารณากำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการแก้ไขปัญหาการขาดทุนและขาดสภาพคล่องของ รฟท. ให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อให้ รฟท. สามารถพึ่งพาตัวเองได้และไม่เป็นภาระของภาครัฐในอนาคต ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ส่วนประเด็นของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกัน ตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้กระทรวงการคลังมีอำนาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันหรือค่าธรรมเนียมอื่นใดได้ในอัตราและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยภายใต้กฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอนุมัติให้เรียกเก็บหรือไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันก็ได้ ซึ่ง รฟท. จะต้องจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามแบบฟอร์มที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อประกอบการพิจารณาในขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1822 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในลำดับที่ ๑๑-๑๖ ดังนี้
๑. ลำดับที่ ๑๑ วันที่ ๙ กุมภาพันธ์-๔ มีนาคม ๒๕๕๙ (จากเดิมวันที่ ๓-๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบนโยบาย และส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จัดทำรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามแนวทางการปฏิรูปการจัดทำงบประมาณ (มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙) และส่งสำนักงบประมาณ ๒. ลำดับที่ ๑๒ วันที่ ๔ มีนาคม-๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ (จากเดิมวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์-๘ เมษายน ๒๕๕๙) สำนักงบประมาณพิจารณาจัดทำรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี ๓. ลำดับที่ ๑๓-๑๖ วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (จากเดิมวันที่ ๑๒ เมษายน-๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙) คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1823 | รายงานผลการประชุม G -77 Bangkok Roundtable on Sufficency Economy : An Approach to lmplementing the Sustainable Development Goals และผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | นร | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการประชุม G-77 Bangkok Roundtable on Sufficiency Economy : An Approach to Implementing the Sustainable Development Goals และผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุม G-77 Bangkok Roundtable on Sufficiency Economy : An Approach to Implementing the Sustainable Development Goals เมื่อวันที่ ๒๘-๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ เข้าใจแนวทางการพัฒนาตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงและความเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งตระหนักว่า หลักปรัชญาดังกล่าวสามารถเป็นแนวทางหนึ่งในการสนับสนุนการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ของสหประชาชาติ และเป็นมิติใหม่ที่ครอบคลุมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ซึ่งสามารถนำไปสู่กระบวนการแนวคิดใหม่เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นนโยบายในการพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยประเทศไทยได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศต่าง ๆ อย่างจริงใจในการแสวงหา “ความเหมือนในความแตกต่าง” เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ทำให้ประชาชนมีความสุขร่วมกันอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ผลลัพธ์การประชุมจะเป็นข้อคิดเห็นสำหรับการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความร่วมมือของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และการประชุมอื่น ๆ ของกลุ่ม ๗๗ ที่ประเทศไทยจะจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปี ๒๕๕๙ ๒. ผลการเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒.๑ ประเด็นภายในอาเซียน ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของอาเซียนสร้างความเข้มแข็งให้กับสำนักงานเลขาธิการอาเซียนและคณะกรรมการผู้แทนถาวรอาเซียนประจำกรุงจาการ์ตา และได้หารือถึงการสร้างความตื่นตัวในระดับประชาชนให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยยึดหลักการการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังและลดช่องว่างการพัฒนา ๒.๒ ประเด็นความสัมพันธ์กับภาคีภายนอก ที่ประชุมได้แสดงความกังวลต่อพัฒนาการของสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ โดยได้ย้ำถึงการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและยึดหลักการการไม่แพร่ขยายอิทธิพลทางทหารและการยับยั้งชั่งใจ ตลอดจนให้มีการบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีฝ่ายต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea : DoC) อย่างเคร่งครัดและเร่งรัดการจัดทำแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea : CoC) ให้เสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ที่ประชุมย้ำถึงการรักษาความเป็นแกนกลางและเอกภาพของอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นสำคัญ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา รัสเซีย หรือจีน เพื่อให้อาเซียนสามารถเป็นผู้กำหนดทิศทางการหารือและผลักดันผลประโยชน์ของอาเซียนเองได้อย่างแท้จริง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1824 | การขอปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของคณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผู้แทนรัฐบาลเพื่อพิจารณาทำความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศกับรัฐบาลต่างประเทศเป็นประจำ จำนวน ๔ คน โดยให้มีอำนาจหน้าที่คงเดิม ดังนี้
๑. ลำดับที่ ๗ เปลี่ยนจาก อธิบดีกรมการบินพลเรือน กรรมการ เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการ ๒. ลำดับที่ ๘ เปลี่ยนจาก รองอธิบดีกรมการบินพลเรือน (ฝ่ายเศรษฐกิจ) กรรมการและเลขานุการ เป็น รองผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการและเลขานุการ ๓. ลำดับที่ ๙ เปลี่ยนจาก ผู้อำนวยการสำนักกำกับกิจการขนส่งทางอากาศ กรมการบินพลเรือน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เป็น ผู้จัดการฝ่ายการต่างประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๔. ลำดับที่ ๑๒ เปลี่ยนจาก หัวหน้ากลุ่มความตกลงและเจรจาสิทธิการบิน สำนักกำกับกิจการขนส่งทางอากาศ กรมการบินพลเรือน กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เป็น หัวหน้ากองความตกลงระหว่างประเทศ ฝ่ายการต่างประเทศ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1825 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ | กค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๕๘๖) พ.ศ. ๒๕๕๘ จาก “การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับรายรับของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ จากการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจในเครือที่เป็นการบริหารเงิน” เป็น “ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่สำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ สำหรับรายรับจากการบริหารเงินให้แก่วิสาหกิจในเครือทั้งหมด” โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงประมวลรัษฎากรให้สามารถใช้ฐานเงินดอลลาร์สหรัฐในการคิดภาษีของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters : IHQ) เพื่อจูงใจให้บรรษัทข้ามชาติมีการจัดตั้ง IHQ รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินในไทยโดยรวมมากขึ้น ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การปรับปรุงมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ) ต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1826 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2558 | คค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งที่ประชุมรับทราบองค์ประกอบ อำนาจหน้าที่ของ คจร. และการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน คจร. ผลการดำเนินงานของ คจร. ผลการดำเนินงานของอนุกรรมการภายใต้ คจร. ผลการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทด้านการขนส่งและจราจรในเมืองภูมิภาคจังหวัดลำปาง แนวทางการดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในเมืองภูมิภาค ผลการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และโครงข่ายทางหลวงและทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและทางพิเศษ รวมทั้งพิจารณาเกี่ยวกับการปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ คจร. การดำเนินการโครงข่ายทางเชื่อมระหว่างทางยกระดับอุตราภิมุขและทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร การรายงานผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการบริหารจัดการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ การขออนุมัติดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยมีนบุรี (สุวินทวงศ์) การแก้ไขกฎหมายทางด้านการจราจรเกี่ยวกับใบอนุญาตขับขี่และอายุการใช้งานของรถโดยสารสาธารณะ และโครงการที่จะส่งเสริมให้ประชาชนในเมืองออกไปอยู่นอกเมือง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1827 | ร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร พ.ศ. .... | กค | 01/03/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายกลางที่ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและขั้นตอนในการปฏิบัติตามความตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีแต่ละฉบับ รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ (Competent Authority) และให้อำนาจผู้มีหน้าที่รายงานในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามความตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษีได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาว่าในการดำเนินการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม Foreign Account Tax Compliance Act (FATCA) กรมสรรพากรของไทยจะสามารถเข้าถึงข้อมูลของบุคคลและนิติบุคคลไทยที่ประกอบธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างไรเพื่อประโยชน์ในการเก็บภาษีในประเทศไทยต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1828 | รายงานการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเดินทางไปราชการ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๖ มกราคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การพบและหารือข้อราชการกับ H.E. Mr. Yasuhisa Shiozaki รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือในการดำเนินงานที่ครอบคลุมภารกิจด้านการจ้างงาน การพัฒนาฝีมือแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน และการสร้างการรับรู้ให้กับนายจ้างของทั้งสองประเทศ รวมทั้งการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศ และการส่งเสริมการประกอบอาชีพให้ผู้สูงอายุด้วยการปรับปรุงกลไกการจ้างงานในตลาดแรงงานผ่านความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ และสำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่น ๒. การพบหารือกับ Mr. Kyoei Yanakisawa ประธานองค์กร IM Japan และคณะผู้บริหาร เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือเรื่องการฝึกปฏิบัติงานเทคนิคของผู้ฝึกงานคนไทยในประเทศญี่ปุ่น และการเตรียมความพร้อมด้านแรงงานเพื่อรองรับการแก้ไขกฎหมายของรัฐบาลญี่ปุ่น รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ฝึกปฏิบัติงานได้นำความรู้มาใช้ประโยชน์ในการทำงานให้มากขึ้น ๓. การพบหารือกับ Mr. Sadaki Tanaka ประธานบริษัท Bestex Kyoei Co.,Ltd. โดยได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านแรงงานเพื่อให้นายจ้างมั่นใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการปรับปรุงระเบียบกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศ และพร้อมเดินหน้าเป็นศูนย์กลางด้านแรงงานในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงหรือกลุ่มประเทศ CLMV
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1829 | สรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 22 (The 22nd Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๒ (The 22nd Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ มกราคม ๒๕๕๙ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเพิ่มเติมของไทยที่จะให้คณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศสมาชิกทำหน้าที่ศึกษาติดตามประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนจากการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำดอนสะโฮง ของลาว โดยใช้ข้อมูลและทรัพยากรที่มีอยู่ รวมทั้งให้มีการเพิ่มพูนความร่วมมือในการศึกษาด้านการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนร่วมกัน ๒. อนุมัติสัดส่วนการจ่ายเงินสนับสนุนคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๘ ตามที่ไทยเสนอคือ ไทย ร้อยละ ๓๐ กัมพูชา ร้อยละ ๒๐ ลาว ร้อยละ ๒๐ และเวียดนาม ร้อยละ ๓๐ พร้อมทั้งกำหนดให้งบประมาณสนับสนุนรวมจากประเทศสมาชิกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐ ต่อปี ๓. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานการศึกษาการจัดการและพัฒนาแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน (Council Study) และให้มีการจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเพื่อประกอบการพิจารณาขยายระยะเวลาการศึกษาต่อไป ๔. อนุมัติการปรับปรุงกฎระเบียบวิธีปฏิบัติของคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วมเพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินงานและความร่วมมือ ได้แก่ โครงสร้างการบริหารงาน สมัยประชุมต่าง ๆ การตัดสินใจ การสนับสนุนของหุ้นส่วนพัฒนา และบททั่วไป ๕. อนุมัติโครงสร้างองค์กรใหม่ของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง แบ่งออกเป็น ๔ กอง คือ กองวางแผน กองจัดการสิ่งแวดล้อม กองสนับสนุนทางเทคนิควิชาการ และกองบริหารองค์กร เพื่อให้เป็นไปตามหลักการความร่วมมือของปฏิญญาหัวหิน พ.ศ. ๒๕๕๓ และประเทศสมาชิกให้คำมั่นที่จะมีการถ่ายโอนภารกิจหลักด้านการบริหารจัดการลุ่มแม่น้ำโขง จากคณะกรรมาธิการฯ ให้แก่ประเทศสมาชิก ๖. อนุมัติยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำ (BDS) บนฐานการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐ ซึ่งระบุกรอบแนวทางในการใช้ การแบ่งปัน และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ๗. อนุมัติแผนกลยุทธ์คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนส่งเสริมให้การจัดทำแผนระดับชาติ โครงการ และการจัดการทรัพยากรบนพื้นฐานมุมมองระดับลุ่มน้ำ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของความร่วมมือระดับภูมิภาค การตรวจติดตามด้านทรัพยากรน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง และการมุ่งสู่องค์กรที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งอนุมัติในหลักการต่อแผนการดำเนินงานประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๖ ๘. รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามแผนแม่บทระดับภูมิภาค เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจหลักด้านการบริหารจัดการลุ่มแม่น้ำโขงสู่ประเทศสมาชิก ซึ่งคณะมนตรีได้ให้ความเห็นชอบในการประชุมครั้งที่ ๒๐ เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ ๙. รับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและประชาคมโลก ได้แก่ ความร่วมมือด้านการบรรเทาภัยแล้งและน้ำท่วมกับอาเซียน ความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากรน้ำกับออสเตรเลียและรัสเซีย รวมถึงความร่วมมือด้านการประมง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเดินเรือ และไฟฟ้าพลังน้ำกับองค์กรระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1830 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2558 (ระยะที่ 1 ระหว่างวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 - 30 กันยายน 2558) [เรื่อง รายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม 37 ประเด็นการปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ] | นร04 | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการของส่วนราชการ จำแนกตาม ๓๗ ประเด็น การปฏิรูปของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเปรียบเทียบผลการดำเนินการก่อน-หลังวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ) สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิรูประบบและโครงสร้างภาษี โดยได้ปรับปรุงกฎหมายภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้ SMEs หรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้ SMEs ที่เริ่มประกอบกิจการ ๒. การกำหนดมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเพิ่มจากร้อยละ๒๐๐ เป็นร้อยละ ๓๐๐ (จากเดิม ๒ เท่า เป็น ๓ เท่า) ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นเวลา ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒) ๓. การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔,๐๐๐ แบบดิจิทัล (One Map) และพัฒนาเป็น Application เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบแนวเขตป่าไม้ ๔. การปรับสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากที่เป็นหนี้ประมาณ ๘,๐๐๐ ล้านบาท เปลี่ยนมาเป็นบวกถึงกว่า ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ๕. การปรับเพิ่มวงเงินกู้ยืมเพื่อการประกอบอาชีพของคนพิการจากเดิมรายละ ๔๐,๐๐๐ บาท เป็นรายละ ๖๐,๐๐๐ บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย ๖. การขยายความคุ้มครองประกันสังคมภาคบังคับไปสู่ลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการ (เดิมคุ้มครองเฉพาะลูกจ้างชั่วคราวรายเดือน) และขยายความคุ้มครองไปสู่ลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศและไปประจำทำงานในต่างประเทศ (เดิมไม่คุ้มครอง) ๗. การยกร่างและปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสภาประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1831 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | นร | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การเตรียมการเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ๑.๒ การวางแผนเพิ่มน้ำต้นทุนโครงการขนาดใหญ่หรือโครงการผันน้ำ ๑.๓ การจัดทำระบบการเก็บกักน้ำและการส่งน้ำควบคู่กับการดำเนินโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง จำนวน ๓ โครงการ ๑.๔ การจัดการทรัพยากรน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ๑.๕ ความตกลงรับความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย Community Based-Flood Risk Management and Response in the Chao Phraya Basin ๑.๖ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ (โครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ ประจำปี ๒๕๕๙ ให้กับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) ๑.๗ ร่างข้อตกลงโครงการ Technical Assistance of Sewage Technology in Collaboration with Public and Private Sectors in Thailand ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับหน่วยงานระบายน้ำประเทศญี่ปุ่น ๒. ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งรัดให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยบริหารโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งในปี ๒๕๕๙ การจัดเตรียมแผนงาน/โครงการในระยะยาวรวมทั้งการจัดการน้ำที่เกี่ยวกับต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแผนงาน/โครงการใดที่จะต้องขออนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้หน่วยงานดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) ด้วย ๓. ให้คณะทำงานในระดับพื้นที่เร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ที่คาดว่าจะประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอ รวมทั้งดำเนินการให้การช่วยเหลือตามมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามลำดับความสำคัญเร่งด่วน ๔. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค เนื่องจากมีความเป็นไปได้ในการดำเนินการได้มากกว่าการก่อสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1832 | แผนงานในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม | ยธ | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการทั้ง ๔ ข้อ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ หลักการกำหนดกรอบมาตรฐานอัตรากำลัง พื้นที่ และงบประมาณขั้นต่ำของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม เพื่อเป็นแนวทางการเตรียมความพร้อมและรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรมต่อหนึ่งแห่ง ๑.๒ กรอบอัตรากำลัง พื้นที่ งบประมาณของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม สำหรับศาลที่เปิดทำการตั้งแต่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๖-๑ เมษายน ๒๕๕๘ และศาลจังหวัดที่เปิดทำการ ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ๑.๓ แนวทางการจัดหาที่ดินเพื่อจัดสร้างอาคารบูรณาการร่วมสำหรับหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้น ได้แก่ (๑) การจัดหาที่ดินโดยกระทรวงยุติธรรมดำเนินการ ๒ แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ ๑ การหาพื้นที่ที่มีอยู่ของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม แนวทางที่ ๒ การหาพื้นที่จากหน่วยงานภายนอกที่มีพื้นที่ในครอบครอง และ (๒) การขอความร่วมมือสำนักงานศาลยุติธรรม ในการจัดหาที่ดินสำหรับหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินการจัดสร้างอาคารที่ทำการถาวรของตนเองไปพร้อมกับการจัดตั้งศาลชั้นต้นฯ ของสำนักงานศาลยุติธรรม ๑.๔ ให้สำนักงานศาลยุติธรรมร่วมมือกับคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ โดยการส่งร่างแผนการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม ให้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พิจารณาความจำเป็น ความคุ้มค่า ภาระงบประมาณของรัฐ และความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตลอดจนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม รองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรม ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการวางแผนบูรณาการการทำงานระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเดียวกันหรือใกล้เคียง การปรับปรุงกระบวนงานและเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ร่วมกัน และควรคำนึงถึงความจำเป็นของแต่ละพื้นที่เป็นหลัก โดยนำประเด็นปริมาณงานที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่มาใช้ประกอบการพิจารณา รวมทั้งกรณีอัตรากำลังตามแผนเกินกว่ากรอบอัตรากำลังของแต่ละหน่วยงาน ควรให้เสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๙ หากมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นก็เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๙ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. เพื่อให้การดำเนินงานตามแผนงานในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเพื่อรองรับการจัดตั้งศาลชั้นต้นและแผนกคดีในศาลยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้กระทรวงยุติธรรมประสานการดำเนินงานเกี่ยวกับคดีกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านกระบวนการยุติธรรมให้มีความเชื่อมโยงกัน โดยให้การพิจารณาคดีสิ้นสุดและไม่ต้องนำเข้ามาพิจารณาในส่วนกลางตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1833 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ออสเตรเลีย | คค | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ออสเตรเลีย และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและออสเตรเลีย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเกี่ยวกับความจุความถี่และสิทธิรับขนการจราจร สิทธิความจุเที่ยวบินเฉพาะสินค้า สิทธิรับขนการจราจรพักค้างของตนเอง และการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน รวมทั้งเพิ่มเรื่องการเช่าอากาศยาน และการเปลี่ยนแบบอากาศยาน ส่วนร่างหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ มีสาระสำคัญเพื่อยืนยันผลการหารือบันทึกความเข้าใจฯ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1834 | การดำเนินกิจการของคนต่างด้าวในประเทศไทย | อื่นๆ | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ในปัจจุบันการค้าและการลงทุนมีการขยายตัวอย่างมาก ประกอบกับมีคนต่างด้าวเข้ามาประกอบกิจการต่าง ๆ ในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งโดยถูกต้องตามกฎหมายและโดยอาศัยช่องว่างของกฎหมายผ่านตัวแทน (nominee) ดังนั้น การประกอบกิจการใด ๆ หรือการจัดตั้งนิติบุคคลคนเดียวในประเทศไทยจะต้องยึดหลักการให้เจ้าของกิจการที่แท้จริงเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมิให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านทางตัวแทน (nominee) ซึ่งเป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ทั้งนี้ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม จึงมีมติ
๑. ให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งนิติบุคคลคนเดียว พ.ศ. .... ให้เป็นไปตามหลักการของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการดำเนินกิจการของคนต่างด้าวให้เป็นไปตามหลักการของคณะรัฐมนตรีดังกล่าว แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและควบคุมการประกอบกิจการของคนต่างด้าวในประเทศไทยอย่างเคร่งครัดด้วย โดยเฉพาะบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บริษัทเกี่ยวกับการให้บริการรถตู้โดยสาร หรือการเข้ามาลงทุนธุรกิจด้านการเกษตรในท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1835 | กรอบระยะเวลาในการจัดทำกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล | นร | 23/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติว่า โดยที่รัฐบาลมีนโยบายในการปรับปรุงกฎหมายของประเทศให้ทันสมัย กฎหมายที่สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำของสังคม กฎหมายเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน หรืออนุวัติการตามหนังสือสัญญาระหว่างประเทศและกฎหมายที่วางแนวทางการพัฒนาหรือแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นและตระหนักให้มีกฎหมายออกมาบังคับใช้ได้โดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาหรืออุปสรรคในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ รวมทั้งเพื่อบรรเทาความเดือดร้องของประชาชน อันจะช่วยนำพาประเทศเดินหน้าสู่ความมั่นคงต่อไป ดังนั้น เพื่อให้นโยบายของรัฐบาลด้านกฎหมายข้างต้นบรรลุผลสัมฤทธิ์ ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการจัดทำกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาลให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลา (Road Map) ๓ ระยะ ดังนี้
๑. ระยะที่ ๑ ระยะสั้น ตั้งแต่บัดนี้จนถึงกรกฎาคม ๒๕๖๐ ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลซึ่งต้องเร่งรัดให้มีกฎหมายสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนหรือเพื่อช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยต้องเร่งดำเนินการและให้มีผลใช้บังคับโดยเร็ว ๒. ระยะที่ ๒ ระยะกลาง ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้การขับเคลื่อนงานด้านกฎหมายเกิดความต่อเนื่อง ๓. ระยะที่ ๓ ระยะยาว หลังจากรัฐบาลชุดใหม่เข้าบริหารราชการแผ่นดิน โดยเป็นกฎหมายที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๖ ด้าน ระยะ ๒๐ ปี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1836 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 14 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 30 พฤศจิกายน 2558) | นร04 | 16/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน และโครงการส่งเสริมวิถีประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ๑.๒ การปฏิรูปประเทศ ได้แก่ การดำเนินการเชิงนโยบาย โดยทุกส่วนราชการนำวาระการปฏิรูปและวาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาจัดทำแผนปฏิบัติการโดยจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ประเด็นการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๖ จำนวน ๑๑ ด้าน และแบ่งเป็น ๓ วาระ รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อเป็นกลไกการขับเคลื่อนและประสานงาน มีกรอบการขับเคลื่อนการปฏิรูปในการประชุมคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย ๑.๓ การบริหารราชการแผ่นดิน มีผลงานที่สำคัญ ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลรับไปดำเนินการเร่งรัดส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการในประเด็นสำคัญรัฐบาล ได้แก่ การสร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ การจัดทำร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี (ปี ๒๕๖๐-๒๕๗๙) การประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒, ๑๓, ๑๔ และ ๑๕ (รวม ๒๐ ปี) รวมทั้งการใช้ระบบงบประมาณแบบใหม่โดยเน้นการบูรณาการในมิติ Function (ภารกิจพื้นฐาน) มิติ Agenda (ภารกิจยุทธศาสตร์ นโยบายเร่งด่วน แนวทางปฏิรูปภาครัฐ งบประมาณบูรณาการ) และมิติ Area (ภารกิจพื้นที่ ท้องถิ่น ภูมิภาค จังหวัด กลุ่มจังหวัด)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1837 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - รัสเซีย | คค | 16/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-รัสเซีย (Memorandum of Understanding) ฉบับลงนาม วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและรัสเซีย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเพิ่มสิทธิความจุความถี่ ปรับปรุงใบพิกัดเส้นทางบินโดยเปลี่ยนแปลงจุดในไทยและรัสเซีย แก้ไขความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย-รัสเซีย ให้ตรงกับฉบับภาษาอังกฤษ แก้ไขข้อกำหนดการใช้อากาศยานเช่ามาทำการบิน ส่วนประเด็นสิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ และข้อตกลงด้านความร่วมมือทางการตลาด ทั้ง ๒ ฝ่ายเห็นว่ายังมีประเด็นที่ละเอียดอ่อนที่ต้องศึกษาและพิจารณา ซึ่งตกลงว่าจะกลับมาหารืออีกครั้งในการเจรจาการบินครั้งต่อไป ๑.๒ มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดเสนอมาตรการปฏิรูปบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต่อนายกรัฐมนตรีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ) โดยเฉพาะมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร การปรับปรุงระบบการดำเนินงาน รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของผู้บริหารและพนักงานระดับสูงทั้งในอดีตและปัจจุบัน |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1838 | การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ] | กค | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้การจัดเก็บภาษีของประเทศไทยมีความเป็นกลางมากขึ้น รวมทั้งช่วยสนับสนุนและเร่งรัดการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (Real Estate Investment Trust : REIT) ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๓ ฉบับ เพื่อยกเลิกการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง ๒) กองทุนรวมเพื่อแก้ไขปัญหาในระบบสถาบันการเงิน (กอง ๓) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิเรียกร้อง (กอง ๔) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกองทุนรวมดังกล่าวโดยเร็ว และควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ยังไม่สิ้นสุดอายุโครงการและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษี ซึ่งอาจกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1839 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 พ.ศ. .... | นร07 | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๓๒,๖๖๑ ล้านบาท และรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง จำนวน ๘,๓๓๙ ล้านบาท ๑.๒ การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติ ได้แก่ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ในวาระที่ ๑ ๒ และ ๓ และวันอังคารที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบ โดยเพิ่มเติมถ้อยคำในส่วนของเหตุผล จาก “ตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง” เป็น “ตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ” เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ ที่บัญญัติให้ในกรณีจำเป็นจะต้องจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี คณะรัฐมนตรีอาจเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมต่อรัฐสภาได้ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำและวรรคตอนในร่างพระราชบัญญัติให้มีความถูกต้องและเหมาะสม ๒. ให้นำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
| 1840 | ผลการเยือนประเทศกัมพูชาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) | พณ | 09/02/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการเยือนประเทศกัมพูชาของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๓-๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อผลการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ และเพื่อดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริมการค้าการลงทุนของไทยในอาเซียนเชิงรุก สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์พร้อมคณะ ได้พบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (นายซุน จันทอล) ณ กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา โดยมีประเด็นหารือเกี่ยวกับสินค้าผ่านแดนจากกัมพูชาไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และความสมดุลทางการค้า ๒. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาร่วมกันกล่าวปาฐกถา ซึ่งมีนักธุรกิจกัมพูชาให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังกว่า ๒๐๐ คน โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้กล่าวถึงนโยบายของไทยที่ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกัมพูชาเป็นประเทศที่ไทยให้ความสำคัญ สำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาได้กล่าวถึงมาตรการสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติของกัมพูชา และข้อจำกัด เช่น ไฟฟ้า เส้นทางคมนาคม และอุตสาหกรรมที่ขาดแคลน และต้องการให้ไทยมาลงทุน ได้แก่ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมระดับกลาง ธุรกิจท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๓. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชาร่วมเป็นประธานพิธีเปิดงาน Top Thai Brands 2016 ณ กรุงพนมเปญ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓-๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นงานที่ส่งเสริมการขยายตราสินค้าและบริการของไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยร่วมสนับสนุน โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมออกคูหาในงานฯ จำนวน ๒๓๘ บริษัท รวม ๓๒๘ คูหา ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการขายในงานและสั่งซื้อใน ๑ ปี จะอยู่ที่ ๕๐๐ ล้านบาท ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับภาคเอกชนไทยหารือกับภาครัฐและภาคเอกชนกัมพูชาในเสียมราฐ โดยแสดงความตั้งใจที่จะขยายการค้าและการดำเนินธุรกิจของไทยในกัมพูชา ส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมระหว่างกัน ๕. สำหรับการเยือนกัมพูชาในครั้งนี้ ได้เห็นโอกาสของการขยายการค้าและการลงทุนของไทยในกัมพูชาอย่างมาก การปรับปรุงมาตรการและกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้า และปรับทัศนคติของฝ่ายไทยจะกระตุ้นให้การค้าไทย-กัมพูชามีโอกาสขายตัว ๓ เท่า ภายใน ๕ ปี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
.....
