ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 100 จากทั้งหมด 347 หน้า แสดงรายการที่ 1981 - 2000 จากข้อมูลทั้งหมด 6925 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1981 | การปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบและแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ภาครัฐ | ทก | 13/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบและแก้ไขอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) เสนอ ดังนี้
๑. ปรับปรุงเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการฯ ๑.๑ ปรับปรุงประธานกรรมการ จาก “ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (CIO) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร” แก้ไขเป็น “ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงที่ปลัดกระทรวงมอบหมาย” ๑.๒ เพิ่มเติมกรรมการ จำนวน ๑ คน คือ พลเอก ดร. วิชิต สาทรานนท์ โดยให้รายชื่อกรรมการและองค์ประกอบอื่นคงเดิม ๒. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ จาก ๑. “พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสม เสนอแนะแนวทางการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการที่ใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมูลค่าเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะการบูรณาการงบประมาณ เทคโนโลยี และการใช้ข้อมูลร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ รวมทั้งให้มีการใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณาการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” แก้ไขเป็น ๑. “พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสม เสนอแนะแนวทางการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของส่วนราชการ องค์การมหาชน ที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน รวมถึงแหล่งเงินอื่นที่นอกเหนือจากงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นภาระที่รัฐจะต้องตั้งงบประมาณชดใช้ในการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีมูลค่าเกินกว่า ๑๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะการบูรณาการงบประมาณ เทคโนโลยี และการใช้ข้อมูลร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ รวมทั้งให้มีการใช้เกณฑ์มาตรฐานเดียวกันในการพิจารณาการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” โดยให้อำนาจหน้าที่ข้ออื่นคงเดิม
|
||||||||||||||||||||||||
| 1982 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ โดยเพิ่มเติมประธานสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ และประธานสภาเกษตรกรจังหวัดชุมพร เป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 1983 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและอัตราขั้นสูงสำหรับค่าบริการในสนามบิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบรับรองตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์อัตราค่าธรรมเนียมใบรับรองแบบอากาศยานซึ่งแบ่งตามมวลวิ่งขึ้นสูงสุดของอากาศยาน รวมทั้งสอดคล้องกับภาระค่าใช้จ่ายและค่าดำเนินการของผู้ประกอบการ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 1984 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง และ การอนุวัติกฎหมายภายใน | รง | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๘๗ ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ ๙๘ ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง และการอนุวัติกฎหมายภายใน โดยกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะนโยบายดังกล่าวไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานพร้อมความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1985 | ความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อรายงานผลการพิจารณาการดำเนินการตามข้อเสนอแนะและนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | ยธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาการดำเนินการตามข้อเสนอแนะและนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะนโยบายดังกล่าวไปเป็นแนวทางปฏิบัติแล้ว และได้รายงานความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1986 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าร่วมและใช้เด็กโดยกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สม | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การเข้าร่วมและใช้เด็กโดยกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอ ดังนี้
๑. จัดให้มีการทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันในเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องเด็กโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นการทำงานเชิงบูรณาการตั้งแต่ในระดับนโยบาย ๒. มีการบูรณาการข้อมูลและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างเป็นระบบเพื่อแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน รวมทั้งติดตามผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเด็กประจำจังหวัดในการทำหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ และส่งเสริมบทบาทของสภาเด็กและเยาวชนในระดับต่าง ๆ เพื่อเน้นการทำกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาเด็กเยาวชน ตาม พ.ร.บ. ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ๓. เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดทำบันทึกข้อตกลงหรือข้อกำหนดในเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรมต่าง ๆ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ในการสกัดกั้นการบ่มเพาะเยาวชนทั้งในและนอกสถานศึกษา ๔. ประสานในรายละเอียดกับองค์กรภาคประชาสังคมระหว่างประเทศที่ชื่อ “เจนีวา คอล” ซึ่งถือเป็นหน่วยงานมีประสบการณ์ในด้านนี้เพื่อเรียนรู้การดำเนินการขององค์กรดังกล่าวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1987 | การปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA | กค | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA ตามผลการหารือระหว่างประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา และให้นำร่างความตกลงฯ เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ และร่างบันทึกความเข้าใจประกอบการลงนามในความตกลงฯ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย เมื่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ ตามข้อ ๑ แล้ว ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเร่งรัดการเสนอร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามความตกลงฯ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 1988 | การลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses: ACCAHZ) | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) ที่จัดทำขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและจัดหากรอบความร่วมมือและการประสานความร่วมมือในหมู่รัฐสมาชิกอาเซียน กับคู่เจรจาของอาเซียน หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอาเซียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในการป้องกัน ควบคุมและกำจัดโรคสัตว์ข้ามแดนและโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนในอาเซียน รวมทั้งเพื่อสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยด้านอาหาร ด้านสุขภาพสัตว์และมนุษย์ การบรรเทาความยากจน และความเป็นอยู่ที่ดีและการดำรงชีวิตของประชาชนแห่งอาเซียน สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเป็นประเทศสมาชิกหรือประเทศเจ้าภาพจัดตั้งสำนักงาน ACCAHZ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงดังกล่าวในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้ว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอความตกลงในเรื่องนี้ และร่างพระราชบัญญัติเพื่อกำหนดสถานะทางกฎหมายและคุ้มครองการดำเนินงานให้แก่ ACCAHZ รวมทั้งให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ ACCAHZ กรรมการบริหาร และบุคลากรของ ACCAHZ เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้แก่ผู้ลงนาม |
||||||||||||||||||||||||
| 1989 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฟิลิปปินส์ | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ฟิลิปปินส์ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและฟิลิปปินส์ โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญในการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ เส้นทางบิน สิทธิความจุความถี่ การทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และเรื่องที่คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะให้มีการเจรจาการบินรอบต่อไปภายในหนึ่งปี ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญนั้น |
||||||||||||||||||||||||
| 1990 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 และครั้งที่ 4/2558 | ทก | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ และครั้ง ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ ๑.๑ รับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๕/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ จำนวน ๒ ท่าน ประกอบด้วย นายสุเจตน์ จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกิจการอวกาศ และอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการต่างประเทศ ๑.๒ รับทราบความคืบหน้าของการพัฒนาความร่วมมือด้านกิจการอวกาศภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-จีน ครั้งที่ ๓ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการโครงการลดความยากจนและเหลื่อมล้ำทางภูมิเศรษฐกิจโดยการรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ (THEOS-2) โดยให้ปรับเปลี่ยนชื่อเป็น “โครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา” ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ ๒. การประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ ๒.๑ รับทราบการรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรี ใน ๒ กรณี คือ กรณีค่าสินไหมทดแทนของดาวเทียมไทยคม ๓ และกรณีโครงการดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ๒.๒ รับทราบการนำหลักเกณฑ์การอนุญาตการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๒.๓ รับทราบการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดาวเทียมสำรวจโลกระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และ CRESDA โดยมีองค์ประกอบของความร่วมมือในข้อตกลง ๓ เรื่อง ได้แก่ ข้อเสนอโครงการปรับปรุงสมรรถนะของสถานีรับสัญญาณดาวเทียมจุฬาภรณ์ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และโครงการวิจัยร่วม ๒.๔ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำโปรแกรมอวกาศแห่งชาติ (National Space Program) ที่ประกอบด้วยกรอบแนวคิดและเป้าหมายของโปรแกรมอวกาศแห่งชาติ และองค์ประกอบของโปรแกรมฯ ๔ ด้าน (ระบบดาวเทียมสื่อสารของประเทศ ระบบดาวเทียมสำรวจโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ การวิจัยและการสำรวจห้วงอวกาศ) ๒.๕ เห็นชอบกรอบและแนวทางการเจรจาโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) ๒.๖ เห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนากฎหมายอวกาศ
|
||||||||||||||||||||||||
| 1991 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 (ครั้งที่ 3) | พน | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ รวม ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) การขอเลื่อนวันกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ SCOD โครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร (๒) มาตรการพิเศษส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวล ขยะ และก๊าซชีวภาพในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอในจังหวัดสงขลา (๓) การเพิ่มสัดส่วนน้ำมันปาล์มดิบผสมกับน้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่ จากร้อยละ ๑๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๒๓ (๔) การทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ปี ๒๕๕๘ (๕) ข้อเสนอให้โครงการห้วยลำพันใหญ่ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการเซเสด และ (๖) การขยายระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๒. เห็นชอบร่างสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท Shell Eastern Trading (PTE) LTD และบริษัท BP Singapore PTE. Limited โดยให้ใช้วิธีการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการได้ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องมีการปรับปรุงข้อความในร่างสัญญาดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สามารถปรับปรุงข้อความได้โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีอีก ๓. โดยที่เรื่อง (๑) แผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Energy Efficiency Plan : EEP 2015) เป็นเรื่องที่จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๒) การยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาให้ความเห็นชอบ จึงให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้าต่อไป ๔. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการส่งเสริมโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดเล็กมาก (VSPP) ควรมีมาตรการป้องกันปัญหามลพิษจากโรงไฟฟ้าที่รัดกุม การเพิ่มสัดส่วนน้ำมันปาล์มดิบผสมกับน้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้ากระบี่จากร้อยละ ๑๐ เป็นไม่เกินร้อยละ ๒๓ ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม การขยายระบบส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ควรพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ก่อนดำเนินโครงการต่อไป และการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในอนาคต ควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานการรับซื้อไฟฟ้าที่คำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ อาทิ แนวโน้มความต้องการไฟฟ้า ผลกระทบต่อประสิทธิภาพแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าแบบต่อเนื่อง (Base Load) ในพื้นที่ และขีดความสามารถของระบบไฟฟ้าทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ตลอดจนผลกระทบต่ออัตราค่าไฟฟ้า เพื่อให้การกำหนดนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมีความโปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับผู้ประกอบกิจการพลังงานทุกราย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 1992 | การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ | กค | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ๑.๑.๑ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งรองประธาน ๑ ตำแหน่ง จากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยกเลิกตำแหน่งรองประธาน จำนวน ๑ ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยกเลิกตำแหน่งกรรมการ จำนวน ๒ ตำแหน่ง ได้แก่ นางพรรณี สถาวโรดม (ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) และผู้แทนการค้าไทย ๑.๑.๒ ปรับเปลี่ยนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ข้อ ๔ จากเดิม “รายงานผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๒ สัปดาห์” เป็น “การรายงานผลความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีทราบทุก ๑ เดือน” ๑.๒ การปรับปรุงกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศจะใช้ในการติดตามและขับเคลื่อน โดยปรับปรุงกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๘) ให้เหลือเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้เงิน และเพิ่มเติมมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรฐบาลทั่วประเทศ ไว้ในกรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คณะกรรมการฯ จะใช้ในการติดตาม ประกอบด้วย ๔ มาตรการ ได้แก่ (๑) การขับเคลื่อนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน (๒) การส่งเสริมการลงทุน (๓) มาตรการการเงินการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน และ (๔) มาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและความยากจนในการเสริมสร้างความยั่งยืน ๒. ในส่วนขององค์ประกอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ให้เพิ่มผู้แทนสำนักงบประมาณร่วมเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ จำนวน ๑ คน และให้ดำเนินการสรุปการปฏิบัติโดยต่อเนื่อง เป็นมาตรการช่วยเหลือระยะที่ ๑ (คณะรัฐมนตรีชุดเดิม) และมาตรการช่วยเหลือระยะที่ ๒ (คณะรัฐมนตรีชุดใหม่) เพื่อง่ายต่อการประชาสัมพันธ์ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 1993 | การดำเนินการกรณีการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง - ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ของกรมทางหลวง | คค | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการกรณีการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอนดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ของกรมทางหลวง สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะทำงานศึกษาผลกระทบการปรับขึ้นค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑ ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ได้นำแนวทางมาตรการลดผลกระทบกรณีการปรับค่าผ่านทางเมื่อปี ๒๕๕๒ ที่เห็นว่าสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่กระทบต่อสัญญาสัมปทาน และเป็นมาตรการที่เหมาะสมในปัจจุบัน รวม ๕ มาตรการ มาดำเนินการในปี ๒๕๕๗ ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ค่าผ่านทางและเส้นทางเลือกเป็นการล่วงหน้า การบริหารจัดการจราจร การปรับปรุงดูแลสภาพผิวทางจราจรและการขจัดอุปสรรค การจัดให้มีหน่วยบริการฉุกเฉิน และการรายงานข้อมูลสภาพการจราจร ๒. กรมทางหลวงได้มีการพัฒนาปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Social Network ต่าง ๆ รวมทั้งการรายงานสภาพการจราจรผ่าน CCTV และปริมาณจราจรแบบ Real-Time บนเว็บไซต์ของกรมทางหลวง และในระบบ Application บนโทรศัพท์ Smartphone มีการรายงานการจราจรผ่านรายการ Traffic 3 มีการบูรณาการเชื่อมต่อข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลอุบัติเหตุ ข้อมูลเส้นทางที่อยู่ในระหว่างงานก่อสร้าง การประชาสัมพันธ์และรับแจ้งเหตุต่าง ๆ ผ่าน Call center 1586 ๓. ภายหลังการปรับค่าผ่านทางเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ทำให้ปริมาณการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตเพิ่มมากขึ้นในช่วงแรก และค่อยปรับลดลงสู่ภาวะปกติ ส่วนปริมาณจราจรบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ได้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติ แสดงให้เห็นว่ามาตรการลดผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทางครั้งนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงจากมาตรการเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนผู้ใช้ทางสามารถทราบข้อมูลเหตุการณ์ต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางหรือเปลี่ยนแปลงการเดินทางได้ทันท่วงทีส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้เร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการปรับขึ้นค่าผ่านทางครั้งที่ผ่านมา
|
||||||||||||||||||||||||
| 1994 | รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิในการจัดการที่ดินและป่า กรณีประชาชนร้องเรียนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐอ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 64/2557 และฉบับที่ 66/2557 ก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน) | สม | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการจัดการที่ดินและป่า กรณีประชาชนร้องเรียนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐอ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๔/๒๕๕๗ และ ฉบับที่ ๖๖/๒๕๕๗ ก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายโดยมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1995 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. .... | ยธ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจและพื้นที่ปฏิบัติงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
| 1996 | ข้อเสนอการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศ | นร11 | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงโครงสร้าง องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อให้ กอช. เป็นกลไกหลักในลักษณะ Super Board เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ [เรื่อง (ร่าง) ยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่โลก พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔] ๒. มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการปรับแก้ไขระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของ กอช. และเร่งดำเนินการกำหนดอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของประเทศและขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าวโดยเร็ว |
||||||||||||||||||||||||
| 1997 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 10 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 กรกฎาคม 2558) | นร | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ซึ่งมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ โดยศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณารายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ได้แก่ รายงานผลการพิจารณาข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย และรายงานผลการพิจารณาเรื่อง แนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง และคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรีฯ เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
| 1998 | ข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (กรณีมาตรา 84 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กระทบสิทธิมนุษยชน ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550) | สม | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กรณีมาตรา ๘๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ กระทบสิทธิมนุษยชนไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายในกรณีที่รัฐวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชน ๒. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 1999 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของแรงงานข้ามชาติ | สม | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของแรงงานข้ามชาติ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดระบบบริหารแรงงานข้ามชาติ การต่ออายุการจ้างงานและออกใบอนุญาตทำงาน นโยบายในเรื่องการย้ายแรงงานออกนอกเขตจังหวัด และนโยบายในการคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ และมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 2000 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา | นร52 | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พิจารณาข้อเสนอแนะนโยบายดังกล่าว และได้ดำเนินการปรับปรุงแนวทางการรับรอง ๓ ฝ่าย (ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ พนักงานวินิจฉัยฝ่ายปกครอง) โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการในชั้นอุทธรณ์ระดับจังหวัด โดยให้ยื่นขอรับการช่วยเหลือภายในระยะเวลา ๑ ปี นับจากวันที่เกิดเหตุ โดยไม่ต้องรอผลของพนักงานสอบสวน ซึ่งแนวทางดังกล่าวอยู่ระหว่างการเสนอปรับปรุงการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคณะอนุกรรมการด้านการช่วยเหลือเยียวยาฯ (ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน) พิจารณาในการปรับปรุงต่อไป ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
.....
