ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 85 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1681 - 1700 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1681 | ขอยกเลิกโครงการที่ได้รับอนุมัติจัดสรรเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ (Structural Adjustment Loan : SAL) | กค | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ยกเลิกโครงการว่าจ้างที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อช่วยในการวิเคราะห์การบริหารและการติดตามประเมินผลโครงการ (Technical Advisory) เพื่อสนับสนุนการจัดเตรียมระบบฐานข้อมูลและระบบงานเพื่อรองรับการบริหารโครงการเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตของประเทศ วงเงิน ๓๙ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ๒. ยกเลิกโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน วงเงินรวม ๗๐๐ ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๓. ยกเลิกคณะกรรมการบริหารและติดตามการดำเนินโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและโครงการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบจากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามลำดับ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1682 | โครงการพุทธอุทยานโลก เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา | มท | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานโครงการพุทธอุทยานโลก และรับเป็นโครงการของรัฐบาล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา โดยวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองสัมพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นสถานที่จัดสร้างศาสนสถานและสถานปฏิบัติธรรมจากประเทศนานาชาติ โดยเป็นโครงการขยายต่อจากโครงการศูนย์กลางพุทธโลก ซึ่งตั้งอยู่ ณ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และเพื่อให้พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนใช้เป็นสถานที่เรียนรู้พุทธศาสนาและปฏิบัติธรรมควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ตามแนวคิด “ พุทธอุทยาน” มีเป้าหมาย เพื่อจัดสร้าง “พุทธอุทยานโลก” โดยก่อสร้างองค์จำลองของศาสนสถานจากทั่วโลก อาทิ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล สถานที่ปฏิบัติกิจต่าง ๆ ของสงฆ์ อาคารสำนักงาน สถานที่ปฏิบัติธรรมนานาชาติ แผนงานและงบประมาณ ประกอบด้วย ๖ แผนงาน ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ ๑,๐๑๗ ล้านบาท โดยในส่วนค่าใช้จ่ายของโครงการในชั้นนี้ยังไม่มีภาระผูกพันด้านงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินโครงการพุทธอุทยานโลก โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานกรรมการ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1683 | ค่าชดเชยที่ดินและสิ่งก่อสร้างตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ | สผ | 20/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบการเบิกจ่ายค่าชดเชยตามโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ให้กับกรุงเทพมหานคร จากจำนวน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นจำนวน ๑๔๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐสภากับกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งการเพิ่มเติมค่าชดเชยดังกล่าวไม่กระทบต่อกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการแล้ว ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๒ [เรื่อง ขออนุมัติโครงการและงบประมาณก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณพื้นที่ราชพัสดุถนนทหาร (เกียกกาย) เขตดุสิต และขออนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าชดเชยในโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่] ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า การดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้งบประมาณจำนวนมากและมีความล่าช้าในการดำเนินการค่อนข้างมาก จึงควรเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็วและพิจารณาแนวทางการใช้ประโยชน์ของอาคารรัฐสภาให้เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ โดยในส่วนของการก่อสร้างสะพานเกียกกายในบริเวณใกล้เคียงกับโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรชะลอการดำเนินการไว้ก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรายงานความก้าวหน้าโครงการนี้ต่อคณะรัฐมนตรี ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ [เรื่อง รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย)] |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1684 | การดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทยในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ โดยได้มีการประชุมร่วมกัน ๓ ครั้ง และได้ข้อสรุปที่ต้องดำเนินการต่อไปในแต่ละประเด็น คือ การแบ่งช่วงดำเนินการ รูปแบบความร่วมมือ ขอบเขตการดำเนินงานของแต่ละฝ่าย และแหล่งเงินทุน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Cooperation) โดยเห็นชอบในหลักการ เช่น ฝ่ายไทยจะรับผิดชอบการเวนคืนที่ดินและการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และฝ่ายจีนจะรับผิดชอบด้านการศึกษา (สำรวจและออกแบบ) ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าวในสัดส่วนของแต่ละฝ่ายไปพลางก่อน โดยค่าใช้จ่ายนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของวงเงินลงทุนของโครงการ และทั้งสองฝ่ายจะร่วมดำเนินการสำรวจและออกแบบโครงการรถไฟ เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ เป็นต้น และทั้งสองฝ่ายกำหนดที่จะประชุมครั้งที่ ๔ ณ เมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๖-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Cooperation) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ ๓. เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ๔. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณซึ่งจะพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามกำลังเงินของประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๕. ในขั้นตอนการดำเนินการของฝ่ายไทยที่รับผิดชอบในการเวนคืนที่ดิน หากจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนหรือวิธีการตามกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์โดยตราเป็นกฎหมาย นั้น ให้กระทรวงคมนาคมนำบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน (Memorandum of Cooperation) และ/หรือเอกสารบันทึกความร่วมมืออื่นที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญต่อไป ๖. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดให้มีการเพิ่มข้อความการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของไทยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในประเด็นการเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการ รูปแบบการลงทุน การจัดหาแหล่งเงิน และการพิจารณารายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ และเร่งจัดทำรายงานการศึกษาความเหมาะสมของโครงการตลอดแนวเส้นทางโดยให้ความสำคัญกับการกำหนดรูปแบบการให้บริการ การกำหนดมาตรฐานทางเทคนิคและวงเงินลงทุนของโครงการ แผนธุรกิจการให้บริการโครงการ รูปแบบทางเลือกในการลงทุน ความพร้อมของบุคลากรในการบริหารจัดการระบบรถไฟขนาดทางมาตรฐาน ตลอดจนผลกระทบต่อฐานะการเงิน และเร่งพิจารณาเสนอแนวทางการบริหารจัดการระบบรางของประเทศทั้งระบบให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา รวมทั้งการปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจัดการระบบราง เพื่อให้การกำหนดหน่วยงานเจ้าของโครงการ (ฝ่ายไทย) ในการบริหารกิจการรถไฟขนาดทางมาตรฐานมีความชัดเจนและสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมของรัฐบาลไทย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1685 | การปรับแผนการดำเนินงานโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง | กค | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ อนุมัติในหลักการในการปรับแผนการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่เพื่อให้เหมาะสมกับการดำเนินงานของโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑๕,๙๕๒.๙๖ ล้านบาท ตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไว้แล้ว โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ ๑.๑.๑ เนื่องจากแผนการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยของพนักงานมีวงเงินการดำเนินการที่เปลี่ยนแปลงไปจากวงเงินที่ได้รับอนุมัติไว้เดิมค่อนข้างสูง แม้จะเป็นการเพิ่มสวัสดิการให้กับพนักงานแต่ควรพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสม ไม่เป็นภาระต่อค่าใช้จ่ายของโรงงานยาสูบฯ ในระยะยาว โดยอาจดำเนินการจัดสวัสดิการรถรับส่งพนักงานตามจุดแวะรับเส้นทางหลัก และอาจมีสวัสดิการจ่ายค่าเช่าบ้าน หรือสวัสดิการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับพนักงานเพื่อซื้อบ้านบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ ควรมีมาตรการในการกำกับดูแลการเข้าพักอาศัยให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดสวัสดิการและเกิดประโยชน์กับพนักงานที่มีความจำเป็น ๑.๑.๒ จากการทบทวนกระบวนการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตบุหรี่ โดยการนำเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมมาซ่อมแซมหรือปรับปรุงใหม่มาใช้มากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายการจัดหาเครื่องจักรใหม่ลง ทำให้ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมในอนาคต โรงงานยาสูบฯ ควรพิจารณาถึงความคุ้มค่าของการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวด้วย ๑.๑.๓ การนำเครื่องจักรที่มีอยู่เดิมมาใช้มากขึ้นและการจัดหาเครื่องจักรใหม่ทำให้ต้องมีระยะเวลาในการขนย้าย จัดหา และติดตั้งเครื่องจักร โรงงานยาสูบฯ ควรพิจารณาดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ โดยมีค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุดเพื่อมิให้กระทบต่อการผลิตบุหรี่และแผนงานการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่ ๑.๒ เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีนโยบายให้นำหลักการโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เรื่อง “ข้อตกลงคุณธรรม” มาจัดทำเพื่อสกัดกั้นการทุจริตคอร์รัปชันโครงการของรัฐ จึงเห็นสมควรนำนโยบายดังกล่าวมาใช้ในการจัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบฯ ในส่วนที่เหมาะสมและสามารถดำเนินการได้ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณาเห็นสมควร ๒. ในกรณีที่จะลงทุนก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยให้แก่พนักงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการย้ายสถานที่ทำการเป็นกรณีเร่งด่วน ให้กระทรวงการคลัง (โรงงานยาสูบ) พิจารณาทบทวนการก่อสร้างในลักษณะที่พอเพียง ประหยัด และคุ้มค่าในระยะยาว ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับการเพิ่มสวัสดิการที่พักอาศัยให้พนักงาน รวมถึงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้บริหาร หัวหน้างาน และพนักงานที่ไปปฏิบัติงานไม่ประจำด้วย ควรดำเนินการเท่าที่จำเป็นและคำนึงถึงความประหยัดและคุ้มค่าที่โรงงานยาสูบจะได้รับ ตลอดจนมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการเพื่อให้การจัดการสวัสดิการในภาพรวมมีความเป็นธรรมและยั่งยืนอย่างแท้จริง และเห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตยาสูบแห่งใหม่และการคืนพื้นที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้สามารถส่งคืนพื้นที่โรงงานในปัจจุบัน เพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียวตามแนวนโยบายรัฐบาลต่อไป รวมทั้งเร่งรัดและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกำหนดระยะเวลา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1686 | โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2558 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๕๘ ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๒๕ โครงการ กรอบวงเงินลงทุนรวม ๗,๗๖๙.๑๐๒ ล้านบาท [ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)] ประกอบด้วย โครงการที่มีแหล่งเงินรองรับการดำเนินโครงการ จำนวน ๗ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๒,๗๖๐.๗๗๑ ล้านบาท และโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับและไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑๘ โครงการ วงเงินลงทุนรวม ๕,๐๐๘.๓๓๑ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยแหล่งเงินและรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำหรับโครงการที่ยังไม่มีแหล่งเงินรองรับให้ กปภ. พิจารณาใช้แหล่งเงินทุนโครงการจากเงินรายได้ของ กปภ. เป็นหลักก่อนหรือใช้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังไม่ต้องค้ำประกันตามความเห็นของประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ ให้ กปภ. พิจารณาถึงความคุ้มค่าของการลงทุน จัดลำดับความเร่งด่วนและดำเนินโครงการในกรอบเวลาที่กำหนดอย่างรอบคอบเหมาะสม คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญด้วย ๒. ให้ กปภ. ประสานกับคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในเรื่องการจัดหาแหล่งน้ำดิบสำหรับดำเนินโครงการเพื่อให้พอเพียงต่อความต้องการอุปโภคและบริโภคด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1687 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น | ตช | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว จำนวน ๒๔๐,๙๕๕,๙๖๙ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาอาคารที่พักครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน ๑๔๑ หลัง วงเงิน ๑๖๒,๘๖๕,๑๘๔ บาท และโครงการพัฒนาห้องส้วมนักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน ๑๖๐ หลัง วงเงิน ๗๘,๐๙๐,๗๘๕ บาท โดยให้จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1688 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 07/04/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ ให้ส่วนราชการกำหนดสาระสำคัญของประเด็นการเจรจาหรือความตกลงระหว่างประเทศ ท่าทีของไทยในการเจรจา ผลดีและผลเสีย รวมทั้งผลกระทบในการดำเนินการต่อประเทศไทย และในการเจรจาให้ยึดถือผลประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก นั้น ให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามมติข้างต้นอย่างเคร่งครัด และให้ดำเนินการเพิ่มเติม (๑) ในการเจรจาหรือการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ให้จัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วนของประเด็นการเจรจา กำหนดวัตถุประสงค์ ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยควรต้องได้รับ และผลกระทบในการดำเนินการให้ชัดเจน (๒) ในกรณีการจัดประชุมหรือการเข้าร่วมประชุมทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศจะต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน สารัตถะเชิงรุกในทุกมิติ และประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการประชุมแต่ละครั้ง และ (๓) ในกรณีการจัดทำความตกลงหรือการเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี ทุกส่วนราชการต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนามหรือการตอบรับเข้าร่วมประชุม เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาเสนอแนวทางการทำประมงในเขตแดนของภูมิภาคอาเซียนทั้ง ๑๐ ประเทศ ว่าควรแบ่งเขตแดนอย่างไร สามารถทำประมงข้ามเขตได้หรือไม่ อย่างไร ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการถนนสองช่องทางเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายสู่ชายแดนไทย-เมียนมา และเสนอแนวทางผลักดันให้โครงการดังกล่าวเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดกำหนดมาตรการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาไข่ไก่ล้นตลาด โดยเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามราคาขายไข่ไก่ปลีกในท้องตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย ๒.๓ ให้กระทรวงการคลังชี้แจงสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณะโดยเฉพาะสื่อมวลชนเกี่ยวกับ “หนี้ครัวเรือนของประเทศ” ว่า หมายถึงอะไร มีองค์ประกอบอย่างไร คำนวณจากปัจจัยใดบ้าง และเหตุใดหนี้ครัวเรือนของประเทศจึงอยู่ในระดับที่สูง ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๓.๑ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) หารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน และกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพิจารณากำหนดมาตรการในการดำเนินการให้ผู้ต้องขังที่พ้นโทษและผู้ผ่านกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดกลับคืนสู่สังคม มีอาชีพรองรับ และกำหนดมาตรการในการดูแลและติดตามพฤติกรรมที่มีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่สังคม ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ติดยาเสพติดและผู้ผ่านการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดของโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองด้วย แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป รวมทั้งให้สร้างการรับรู้ให้สังคมทราบมาตรการดังกล่าว และพิจารณาบทบัญญัติของกฎหมายในปัจจุบันที่เกี่ยวกับการดำเนินการดูแลกลุ่มบุคคลดังกล่าว ซึ่งหากมีมาตรการไม่เพียงพอหรือเหมาะสมให้พิจารณาดำเนินการเสนอมาตรการในเรื่องโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไป ๓.๒ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบพิจารณาเสนอการแก้ไขปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ในการแก้ไขปัญหา เสนอเรื่องและประเด็นที่ต้องการการแก้ไขปัญหาพร้อมทั้งแนวทางการแก้ไขให้หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อประมวลและจัดกลุ่มปัญหานำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการแก้ไขปัญหาดังกล่าวสร้างการรับรู้ต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องว่าการใช้อำนาจตามมาตรา ๔๔ นั้น เป็นการใช้อำนาจตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยไม่เพียงใช้เพื่อการรักษาความมั่นคงเท่านั้น หากยังใช้ในเชิงสร้างสรรค์สำหรับการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศด้วย ๔. ด้านสังคม มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) พิจารณาแนวทางการยกระดับสิทธิสตรี เด็ก และผู้พิการในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษา การสาธารณสุข ในสังคมให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมในอนาคต ๕. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๕.๑ มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในฐานะประธานกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พิจารณาความเป็นไปได้และเสนอแนวทางในการก่อสร้างสถานที่จอดรถเพิ่มเติมในบริเวณพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ โดยอาศัยกรณีศึกษาจากต่างประเทศที่สามารถดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้วยเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ ๕.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) กำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยจัดทำเป็นแผนภาพแสดงให้เห็นถึงแนวทางการให้บริการของศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) แต่ละประเภทและความเชื่อมโยงในการส่งต่องานบริการของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งหมดที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่หน่วยงานที่ให้บริการและประชาชนผู้มาขอใช้บริการ ๕.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการสอบสวนหาข้อเท็จจริงกรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตในการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๕.๔ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนและรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์พายุฤดูร้อน ในระหว่างวันที่ ๗-๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้เน้นมาตรการเชิงรุก เช่น การเร่งตรวจสอบความมั่นคงของสิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และการตรวจสอบระบบสัญญาเตือนภัยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕.๕ ให้รัฐมนตรีทุกท่านร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับอธิบดีขึ้นไปลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง (การช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่แล้งซ้ำซากตำบลละ ๑ ล้านบาท) โครงการตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การซ่อม-สร้างถนน โรงเรียน โรงพยาบาล ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เพื่อเร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1689 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 งบกลาง เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ | สธ | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน ๑๘๑,๔๕๓,๑๐๐ บาท ให้มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1690 | โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรรายย่อยผ่านระบบ ธ.ก.ส. ประกอบด้วย ๓ โครงการย่อย ได้แก่ ๑.๑ โครงการปลดเปลื้องหนี้ กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรรายย่อยที่ไม่มีศักยภาพหรือมีเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต ทุพพลภาพ เจ็บป่วยเรื้อรัง และมีปัญหาสุขภาพจนไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ประมาณ ๒๘,๐๐๐ ราย หนี้สินประมาณ ๔,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒ โครงการปรับโครงสร้างหนี้ กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพต่ำที่ผ่านการประเมินศักยภาพแล้วปรากฏว่ายังมีความสามารถในการประกอบอาชีพแต่มีปัญหาในการชำระหนี้จากเหตุสุจริตจำเป็นและเป็นภาระหนัก ประมาณ ๓๔๐,๐๐๐ ราย หนี้สินประมาณ ๔๘,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๓ โครงการขยายเวลาชำระหนี้ กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรรายย่อยที่มีศักยภาพในการประกอบอาชีพ แต่ได้รับผลกระทบจากการงดทำนาปรัง และราคายางพาราตกต่ำ ประมาณ ๔๕๐,๐๐๐ ราย หนี้สินประมาณ ๖๔,๐๐๐ ล้านบาท ๒. ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ โดยใช้ข้อมูลลูกหนี้ที่ ธ.ก.ส. สำรวจ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๓. งบประมาณโครงการ ธ.ก.ส. รับผิดชอบงบประมาณและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1691 | โครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร | กษ | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรให้เชื่อมโยงตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของพื้นที่ และความสมัครใจของเกษตรกร ปรับระบบส่งเสริมการผลิตให้เกิดการพัฒนาในเชิงพื้นที่ขนาดใหญ่ และเพื่อเพิ่มศักยภาพสหกรณ์ในการดำเนินการเชิงพาณิชย์ โดยปรับปรุงและสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานการเกษตรที่จำเป็น (ยุ้ง ฉาง เครื่องมือการเกษตร) และการพัฒนาศักยภาพผู้นำสหกรณ์ในเชิงธุรกิจ รวมทั้งเพื่อให้สหกรณ์เป็นผู้ค้าขายสินค้าเกษตรรายใหญ่อีกรายหนึ่ง โดยการสนับสนุนให้สหกรณ์ของกลุ่มเกษตรกรสมาชิกผู้ผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มบทบาทในฐานะผู้ซื้อผลิตผลจนถึงการแปรรูปและการส่งออกได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเรื่องนี้เสนอคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติพิจารณาก่อนดำเนินการ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเกี่ยวกับการวางแผนด้านการตลาดรองรับให้สอดคล้องกับปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเพื่อให้ราคาปาล์มน้ำมันมีเสถียรภาพและไม่เป็นภาระแก่รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ การให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนการผลิตโดยวิเคราะห์ดินและใบปาล์มน้ำมันมาประกอบการใส่ปุ๋ยทุกครั้ง และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น การพิจารณาจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหรือไม่มีภาระดอกเบี้ยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ปัจจัยความเสี่ยงของโครงการเพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินโครงการเพื่อสร้างความเข้มแข้งและความยั่งยืนในการพัฒนาระบบปาล์มน้ำมัน รวมทั้งการเลือกพื้นที่ดำเนินการโดยพิจารณาศักยภาพของแหล่งน้ำต้นทุน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1692 | ขออนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 31/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีหลักเกณฑ์ในการจำหน่ายหนี้เป็นสูญ แบ่งเป็น ๑๐ กลุ่ม คือ ๑.๑ กรณีโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐที่ไม่ประสบความสำเร็จ ๑.๒ กรณีประสบภัยพิบัติหรือภัยธรรมชาติ ๑.๓ ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ๑.๔ หนี้ขาดอายุความ ๑.๕ หนี้ค้างชำระเป็นระยะเวลาเกินกว่า ๑๐ ปีขึ้นไป ๑.๖ หนี้ที่ไม่สามารถติดตามทรัพย์เพื่อดำเนินการบังคับคดีได้ ๑.๗ เกษตรกรผู้ยืมเงินเสียชีวิต สาบสูญ หาตัวไม่พบ หรือละทิ้งถิ่นที่อยู่ ๑.๘ เกษตรกรผู้กู้ยืมเงินพิการ ทุพพลภาพ วิกลจริต หรือเจ็บป่วยเรื้อรัง ๑.๙ ลูกหนี้ผู้กู้ยืมเงินมีรายได้น้อยหรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ๑.๑๐ หนี้สินของเกษตรกรผู้กู้ยืมเงินมาจำนวนต้นเงินกู้ไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท ซึ่งจากการดำเนินการฟ้องร้องจะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่าย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดหนี้ต้นเงินคงค้างไว้ในจำนวนที่เท่ากัน คือ ไม่เกิน ๓๐,๐๐๐ บาท และกำหนดให้กองทุนหรือเงินทุนภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ใช้ข้อมูลหนี้คงค้าง ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ เป็นกรอบในการสำรวจลูกหนี้เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรที่เข้าข่ายได้รับสิทธิในการพิจารณาจำหน่ายหนี้เป็นสูญตามหลักเกณฑ์ของโครงการ รวมทั้งให้คงอำนาจการจำหน่ายหนี้เป็นสูญของกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีหรือกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะผู้กำกับดูแลกองทุนหรือเงินทุนเร่งจัดทำแผนปรับปรุง/พัฒนาการดำเนินงานระยะเวลา ๓ ปี ของทุนหมุนเวียนในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้ง และพันธุ์สัตว์น้ำอื่น ๆ เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตวัคซีนจำหน่าย เงินทุนหมุนเวียนยางพารา เงินทุนหมุนเวียนในการผลิตเชื้อไรโซเบียม เงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช และกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1693 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย - ศรีสัชนาลัย - กำแพงเพชร | อพท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทการบูรณาการการบริหารพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่นำเสนอในแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร ให้เหมาะสม รวมทั้งจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1694 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง | อพท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรม/โครงการใด ๆ ในบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ให้คำนึงถึงความกลมกลืนและสอดคล้องกับความเป็นเมืองเก่าด้วย และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองโบราณอู่ทองที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๖) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้ความสำคัญกับกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกับแหล่งประวัติศาสตร์ และโบราณสถาน เน้นบทบาทการมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งในฐานะของผู้ให้และผู้รับ รวมถึงให้ความสำคัญลำดับแรกกับการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสินค้าหลักของพื้นที่พิเศษ และการแก้ไขปัญหาพื้นฐานของการส่งเสริมท่องเที่ยวในพื้นที่ ได้แก่ การพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อการเข้าถึงพื้นที่เมืองโบราณอู่ทอง และการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการตลาด นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสม โดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมทั้งแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณีองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1695 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแต่งตั้งคณะทำงาน โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาผลกระทบทั้งผลดีและผลเสียในด้านต่าง ๆ เช่น การพาณิชย์ การเงิน การคมนาคม และด้านอื่น ๆ ให้ครบถ้วน และให้พิจารณาเสนอแนวทางที่เหมาะสมต่อคณะรัฐมนตรี เช่น การใช้เวลามาตรฐานอาเซียนเฉพาะกรณีที่จำเป็น โดยให้คำนึงผลประโยชน์ของประเทศและสอดคล้องกับหลักสากล ๑.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) พิจารณาเสนอมาตรการเพื่อให้สามารถจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ในราคา ๘๐ บาททั่วประเทศ โดยในต่างจังหวัดอาจพิจารณาลดสัดส่วนรายได้ของรัฐลง และให้พิจารณาจัดสรรโควตา และผู้แทนจำหน่ายให้เหมาะสม ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางให้ประชาชนที่มีรายได้ทุกคน รวมทั้งผู้ที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่กฎหมายกำหนดไว้มีหน้าที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้ภาครัฐใช้เป็นฐานข้อมูลรายได้ของประชากรในแต่ละปี เพื่อนำมาวิเคราะห์สถานะทางสังคมของประชากรและแนวโน้มสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคตต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเพื่อลดต้นทุนการผลิต สนับสนุนเครื่องมือและปัจจัยการผลิต และมติเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการสนับสนุนปัจจัยการผลิตทางการเกษตรเพื่อเป็นการช่วยลดต้นทุนให้แก่เกษตรกร โดยเน้นการซ่อมบำรุงอุปกรณ์ เครื่องจักร และเครื่องมือทำการเกษตร รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชที่สอดคล้องกับความต้องการใช้ในประเทศ แล้วสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูกต่อไปได้ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมก่อนฤดูกาลผลิตหน้า โดยเฉพาะการสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืชและการลดราคาปุ๋ย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการประสานภาคเอกชนในการปรับลดราคาโดยเร็วด้วย ๑.๕ จากการเดินทางตรวจราชการและพบปะกลุ่มเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์พบว่า ประชาชนมีความต้องการให้รัฐบาลดูแลในเรื่องทำกิน แก้ไขปัญหาพันธุ์สับปะรดและอ้อย ปริมาณพืชผลที่ไม่เพียงพอ ตลอดจนการขาดแคลนปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ย เครื่องมือ รถไถ รถเกี่ยว จึงมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่ และการวางแผนการส่งเสริมและการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกในพื้นที่ เพื่อให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นจังหวัดนำร่องในการแก้ไขปัญหาเกษตรกรเช่นเดียวกับจังหวัดนครราชสีมา ๑.๖ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแผนบริหารจัดการน้ำ ให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะการขยายระบบประปาหมู่บ้านทั่วประเทศครบถ้วนภายในปี ๒๕๖๐ ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ๒.๑ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ให้เรือประมงไทยขนาดตั้งแต่ ๓๐ ตันกรอสขึ้นไป ติดตั้งระบบติดตามตำแหน่งเรือ (Vessel Monitoring System : VMS) เพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบการทำประมงของเรือประมงไทยทั้งในน่านน้ำไทยและน่านน้ำต่างประเทศ นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีได้เป็นรูปธรรม ๒.๒ มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการโครงการเฉลิมพระเกียรติอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดตั้งมหาวิทยาลัยในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยให้เป็นมหาวิทยาลัยทางเลือกที่มีหลักสูตรการเรียนการสอน ซึ่งเน้นวิชาการเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นต้นแบบด้านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนมพรรษา ๙๐ พรรษา และให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยใช้ที่ดินของรัฐ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เนื่องในวโรกาสเจริญพระชนพรรษา ๖๐ พรรษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1696 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน | อพท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ในส่วนของแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองเก่าน่าน ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่เมืองเก่า ควรคำนึงถึงการรักษาคุณ ค่าความสำคัญดั้งเดิมของโบราณสถาน อาคาร สถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และสภาพแวดล้อมโดยรอบที่เหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี และศักยภาพในการรองรับการท่องเที่ยวของพื้นที่ และเห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเมืองเก่าน่าน ที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเมืองน่านให้เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออกเป็นดินแดนมรดกน่าน มรดกไทย และมรดกโลก มุ่งเน้นการรักษาเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น นำต้นทุนทางวัฒนธรรมมาสร้างสรรค์ใช้ประโยชน์ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมโดยจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน และ ๑ ปี และกำหนดเป้าหมาย ผลสัมฤทธิ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน รวมถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ที่กำหนดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในลักษณะปีต่อปี โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของโครงการ และประโยชน์สูงสุดต่อภาระงบประมาณของประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1697 | แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเลย | อพท | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนแม่บทบูรณาการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง ตามที่องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการแผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เมืองเก่าน่าน เลย และเมืองโบราณอู่ทอง โดยให้จังหวัดเลยเป็นโครงการนำร่องก่อน และเพื่อให้การยกระดับการพัฒนาพื้นที่พิเศษต่าง ๆ มีการบูรณาการและมีความเชื่อมโยงทุกพื้นที่ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินการการฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่พัก ที่จอดรถ ทางเดิน และสุขา เป็นต้น ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว และให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมของชุมชนในพื้นที่ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทยในการบูรณาการด้านการพัฒนาและเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่พิเศษให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ แผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน ทั้งนี้ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกิดขึ้นจะต้องไม่รุกล้ำพื้นที่เขตป่าสงวนหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยเด็ดขาด ๒.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักในด้านการประชาสัมพันธ์และการตลาด โดยเน้นการบูรณาการให้สอดคล้องกับนโยบายด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางการดำเนินงานปีท่องเที่ยววิถีไทย ๒๕๕๘ และขออนุมัติให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทยและเป็นวาระแห่งชาติ) ที่เห็นชอบให้ปี ๒๕๕๘ เป็นปี “ท่องเที่ยววิถีไทย” (2015 Discover Thainess) ๓. ให้ อพท. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาของแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลยที่กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๕) ให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเลย ควรคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของแหล่งท่องเที่ยว (Carrying Capacity) โอกาสและความเสี่ยงที่จะเกิดจากการขยายตัวของนักท่องเที่ยว กลุ่มเป้าหมายที่จะต้องเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น และมีความสนใจเฉพาะด้าน รวมถึงการพัฒนายกระดับมาตรฐานบริการและการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการพำนักระยะยาว (Long Stay) นอกจากนี้ ควรพิจารณาทบทวนจัดลำดับความสำคัญโครงการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาในแต่ละระยะและบทบาทของแต่ละกลุ่มพื้นที่ที่สะท้อนถึงศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวหลักและความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมทั้งควรใช้โอกาสความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งของจังหวัดเลยเพื่อพัฒนาเป็นประตูเชื่อมโยงสู่ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเร่งรัดการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชนในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาและปรับปรุง อพท. ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติไว้เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒) และเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ [เรื่อง การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กรณี องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน)] ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1698 | ผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 นโยบายของคณะกรรมการโครงการและแผนงานในอนาคตของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ นโยบายของคณะกรรมการ โครงการและแผนงานในอนาคตของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยที่ประชุมมีความเห็น ดังนี้ ๑.๑ ในการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าให้คำนึงถึงการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่มาร่วมในการเดินรถให้มีความเหมาะสม และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยควรนำบทเรียนที่ได้จากปัญหาที่พบในการดำเนินโครงการในปัจจุบันไปใช้ในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในโครงการอื่น ๆ ที่จะดำเนินการต่อไปอีก ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานครพิจารณานำพื้นที่ที่ได้มีการเวนคืนเพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ และขณะนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาปรับพื้นที่เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบการค้าขาย เช่น คลองถม มาใช้พื้นที่ดังกล่าวแทน ๑.๓ ควรมีการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนได้รับทราบว่ารถไฟฟ้าแต่ละเส้นทางมีกำหนดแล้วเสร็จเมื่อใด ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่เห็นควรกำกับดูแลการดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งรัดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามแผนงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1699 | แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2558 (Action Plan) | คค | 27/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ สำหรับใช้เป็นกรอบการลงทุนและการดำเนินงานในระยะ ๘ ปี เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนโครงการไปสู่การปฏิบัติ และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ (Action Plan) เพื่อใช้ในการเร่งรัดติดตามการดำเนินงานของหน่วยงาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินการแต่ละโครงการให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นรายโครงการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้กระทรวงคมนาคมรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนต่อคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจทราบเป็นระยะต่อไป ๒. ในส่วนของงบประมาณและแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ และแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมขนส่ง ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ (Action Plan) เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดดำเนินการเตรียมความพร้อมตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ การเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งสินค้าโดยเฉพาะทางถนนและทางราง ให้พิจารณาถึงจุดเชื่อมต่อเพื่อรองรับการเคลื่อนย้ายผลิตผลทางการเกษตรทั้งจากแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าเกษตร และสหกรณ์การเกษตรหลักของประเทศด้วย การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแผนฯ ควรมีการใช้ประโยชน์และเชื่อมโยงกับการผลิตอุตสาหกรรมภายในประเทศ เช่น อุตสาหกรรมขนส่งระบบราง อุตสาหกรรมต่อเรือ อุตสาหกรรมอากาศยาน และการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ผลิตและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภายในประเทศ การเพิ่มบทบาทและสัดส่วนการลงทุนของภาคเอกชนให้มากขึ้นและสร้างความชัดเจนของแหล่งเงินทุนทั้งหมดอีกครั้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การพิจารณาความชัดเจนในเรื่องโครงสร้างการบริหารจัดการในสาขาขนส่งสาธารณะต่าง ๆ เช่น การขนส่งทางบกและทางรางให้มีการแยกบทบาทและภารกิจของหน่วยงานระดับนโยบาย หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ประกอบการออกจากกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม รวมทั้งโครงการที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ทุกโครงการจะต้องมีความพร้อม ไม่มีปัญหาในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการต่อต้านจากประชาชน รวมทั้งไม่มีปัญหาในเรื่องการเวนคืนที่ดินและการส่งมอบพื้นที่ และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อตอบสนองกับความต้องการใช้ทรัพยากรในแต่ละช่วงเวลา และบูรณาการการพัฒนาได้อย่างประสานสอดคล้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1700 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 17/03/2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านการต่างประเทศ ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติเพื่อรับรองวาระการพัฒนาภายในหลังปี ๒๐๑๕ และจัดทำข้อมูลสำหรับนายกรัฐมนตรี ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนจัดตั้งศูนย์บริการด้านธุรกิจ (One Stop Service) ในพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเดินทางไปติดต่อได้สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า (ตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๗ เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) และรายงานความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนยางและผู้ประกอบการยางพารา ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว นั้น ๒.๒.๑ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ กระทรวงกลาโหม (หน่วยทหารในพื้นที่) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความก้าวหน้า ความถูกต้อง และความโปร่งใสของการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการรับซื้อยางพาราว่าได้รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดหรือไม่ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว ๒.๒.๒ ให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรที่มีหัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานรายงานผลการตรวจสอบให้นายกรัฐมนตรีทราบภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางการระบายยางพาราที่รับซื้อจากเกษตรกรรายย่อยและกลุ่มสหกรณ์ชุมชน และจัดหาผู้ประกอบการมาดำเนินการในการขนส่ง/ขนย้ายยางพาราดังกล่าว ๒.๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทบทวนองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงเคราะห์การทำสวนยาง ๒.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหมกำหนดมาตรการเพื่อเตรียมการรองรับผลผลิตทางการเกษตรที่จะออกมาในฤดูการผลิตใหม่ โดยให้ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดรายละเอียดกลุ่มเป้าหมาย ตลาดรับซื้อ การขนส่ง และการระบายผลผลิต ๒.๔ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรต่าง ๆ เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวางขึ้น เช่น การแปรรูปข้าวให้เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดอื่น ๆ การนำผ้าไหมไปผลิตเป็นกระเป๋าแฟชั่น ๒.๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาและเร่งรัดการผลิตเครื่องสีข้าวขนาดเล็ก และส่งเสริมให้มีการนำไปใช้ในชุมชนขนาดเล็กและสหกรณ์การเกษตรต่าง ๆ ๒.๖ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางคมนาคมขนส่งทางรางต่าง ๆ ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อใช้ประกอบในการเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีความสนใจที่จะร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมกับรัฐบาลไทย ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชนชาติไทยให้แก่ประชาชนมีความภาคภูมิใจและให้นานาชาติได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ของชาติไทย ๓.๒ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรระดับอุดมศึกษา โดยจำแนกให้ชัดเจนว่า สถาบันการศึกษาแต่ละประเภทจะมีหลักสูตรอย่างไรบ้าง ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ มหาวิทยาลัยทั่วไปมุ่งเน้นการศึกษาระดับปริญญาตรีตามแบบแผน (เช่น แพทย์ วิศวะ บัญชี รัฐศาสตร์) กลุ่มที่ ๒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมุ่งเน้นการพัฒนาสายเทคนิคและช่างอาชีวะ และกลุ่มที่ ๓ มหาวิทยาลัยราชภัฏมุ่งเน้นการพัฒนาครูและบุคลากรในภาคบริการ (เช่น การท่องเที่ยว โรงแรม) และให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ส่งเสริมแนวทางการจัดการอาชีวศึกษาทวิภาคี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาอาชีวะภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการเตรียมกำลังคนด้านอาชีวะให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจผ่านการเปิดโอกาสให้นักศึกษาอาชีวะได้ฝึกงานกับบริษัทต่าง ๆ ๓.๓ ให้กระทรวงศึกษาธิการและทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการกำหนดให้ผู้รับทุนการศึกษาต้องกลับมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเพื่อชดใช้ทุนตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้จบการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ๓.๔ ให้กระทรวงศึกษาธิการศึกษาข้อเสนอแนะของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และระบบการจัดการศึกษาของประเทศต่าง ๆ และเสนอผลการศึกษาและแนวทางการจัดระบบการศึกษา โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๕๘ เพื่อเสนอต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินมาตรการดูแลความปลอดภัย มาตรการลงโทษผู้กระทำผิด รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุ เช่น การประกันภัย อย่างต่อเนื่องด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักในการหาพื้นที่ควบคุมผู้อพยพแห่งใหม่ โดยร่วมกับกระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และให้เสนอผลความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้า ๔.๓ ให้กระทรวงแรงงานตรวจสอบและจัดทำบัญชีสำนักงานจัดหางานหรือบริษัทจัดหางานทุกแห่งทั้งที่ได้รับใบอนุญาตแต่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และที่ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้หางานทราบ และหามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการหลอกลวงแรงงาน รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมให้แรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียนในท้องที่ใดให้ทำงานในท้องที่นั้น ๔.๔ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระยะแรก ให้ใช้สาธารณูปโภคที่มีอยู่เดิมก่อน โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น ๓ ส่วน คือ (๑) พื้นที่ที่รัฐบริหารโดยจัดโครงสร้างพื้นฐานให้ (๒) พื้นที่เช่าสำหรับภาคเอกชน และ (๓) พื้นที่เพื่อสนับสนุน SMEs ๔.๕ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุงการกระจายอำนาจทางการบริหารให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเร็ว และหากมีความจำเป็นต้องทบทวนกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องด้วย ๔.๖ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ดำเนินการเกี่ยวกับกรณีที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์) มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงให้สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปทราบข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นภายในกระทรวงสาธารณสุขมิใช่การสอบวินัยปลัดกระทรวงสาธารณสุขแต่อย่างใด และแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน กำหนดแนวทางการปรับปรุงระบบบริการรักษาพยาบาลและการประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ๔.๗ ให้กรมประชาสัมพันธ์และสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หน่วยงานเจ้าของโครงการ และกระทรวงการต่างประเทศสร้างการรับรู้ในเรื่องดังต่อไปนี้ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ การดำเนินการเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย การปรับปรุงมาตรฐานการบินพลเรือนของไทยตามแนวทางขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ และการดำเนินการตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ๔.๘ ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐพิจารณาให้ภาคประชาชน เช่น ผู้นำชุมชน หรือผู้บริหารในระดับท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาลมากขึ้น เช่น โครงการศึกษาดูงานเพื่อการพัฒนาประเทศทั้งในและต่างประเทศเพื่อเป็นการเปิดรับความรู้ มุมมอง และแนวคิดใหม่ ๆ และนำมาร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป ๔.๙ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) พิจารณาจัดระเบียบการเดินเรือ เช่น มาตรการควบคุมความเร็วในการเดินเรือ กำหนดจุดจอดเรือหรือปล่อยทุ่น เป็นต้น เพื่อแก้ไขปัญหาเรือท่องเที่ยวสัญจรและจอดบริเวณแนวปะการังตามอ่าวหรือหมู่เกาะต่าง ๆ และทำให้แนวปะการังได้รับความเสียหาย
|
.....