ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 87 จากทั้งหมด 169 หน้า แสดงรายการที่ 1721 - 1740 จากข้อมูลทั้งหมด 3379 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1721 | รายงานการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง ผลการพิจารณารายงานการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ 5 เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยด้วยการมอบคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน มูลค่า 2,000 บาท | สว | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง เรื่อง ผลการพิจารณารายงานการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโครงการมหกรรมสินค้าเบอร์ ๕ เยียวยาผู้ประสบอุทกภัยด้วยการมอบคูปองส่วนลดซื้อสินค้าประหยัดพลังงาน มูลค่า ๒,๐๐๐ บาท สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เนื่องจากประเด็นปัญหาเกิดจากข้อขัดข้องของบทบัญญัติของกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้การอนุมัติเงินกองทุนเพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานเกิดปัญหาในอนาคต เห็นควรปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม บทนิยามมาตรา ๓ “การอนุรักษ์พลังงาน” ตลอดจนการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายฉบับดังกล่าวในประเด็นอื่น ๆ ในคราวเดียวกันด้วย ๑.๒ ให้มีการปรับปรุงกฎหมายฉบับดังกล่าวในส่วนขององค์ประกอบของคณะกรรมการกองทุน ตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๓ การอนุมัติโครงการทั้งที่เป็นไปตามแผนอนุรักษ์พลังงานหลักและโครงการที่อยู่นอกแผนหรือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลจะต้องใช้หลักเกณฑ์การจัดสรรที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ๑.๔ กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการกลั่นกรองงบประมาณของกองทุนอนุรักษ์พลังงานโดยเฉพาะ ๑.๕ กรณีการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินและมีข้อโต้แย้งของการตีความตัวบทกฎหมายที่มีข้อคิดเห็นต่างกัน คณะกรรมการกองทุนหรือหน่วยรับตรวจจะต้องแจ้งผลการตรวจสอบ รวมทั้งนำข้อหารือของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งให้รัฐบาลหรือคณะรัฐมนตรีทราบทุกขั้นตอนเพื่อให้คณะรัฐมนตรีใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจเชิงนโยบาย ๑.๖ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดทุกขั้นตอนในการดำเนินโครงการดังกล่าวอีกครั้ง หากพบว่ามีการดำเนินการที่เข้าข่ายการกระทำที่เป็นไปตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป หากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่สามารถดำเนินการดังกล่าวได้ ให้รายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี ๑.๗ ให้เสนอรายงานการตรวจสอบโครงการดังกล่าวไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ และแจ้งผลการตรวจสอบต่อคณะกรรมาธิการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตดังกล่าวได้หรือไม่ประการใดก่อน โดยให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1722 | ขออนุมัติการปรับปรุงแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 (เพิ่มเติม) ที่เป็นโครงการปีเดียว และขออนุมัติแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่เป็นโครงการต่อเนื่องหรือต้องก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พร้อมทั้งแนวทางดำเนินการที่เกี่ยวข้อง | สลธ.คสช. | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเสนอ ๑.๑ อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการจากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้ แผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ที่เป็นโครงการปีเดียว ซึ่งได้เสนอขอปรับปรุงจากเดิม ๑,๖๔๑ รายการ เป็น ๑,๗๕๖ รายการ กรอบวงเงินจำนวน ๗,๘๐๑,๓๓๓,๘๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติงบประมาณ (งบกลาง) เพิ่มเติม สำหรับโครงการที่ใช้เวลาดำเนินงานมากกว่า ๑ ปี จำแนกเป็น งานผูกพันต่อเนื่อง สำหรับโครงการที่ดำเนินการด้วยวิธีดำเนินการเอง จำนวน ๗๗ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๔,๑๑๔,๙๖๖,๖๐๐ บาท และงานผูกพันสัญญา สำหรับโครงการที่ดำเนินการด้วยวิธีจ้างเหมาก่อสร้าง จำนวน ๕ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๔,๓๖๑,๗๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ อนุมัติให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ข้อ ๑.๖ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๔ อนุมัติแนวทางเพื่อการขับเคลื่อนและดำเนินการตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนด ดังนี้ ๑.๔.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานกำกับดูแลและติดตามความก้าวหน้าแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามห้วงเวลาที่กำหนด ๑.๔.๒ เมื่อสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว หากมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดประกอบการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเป็นผลให้วัตถุประสงค์/เป้าหมายในการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ให้ส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเรื่องต่อคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำหรือหน่วยงานที่ได้รับการมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ/ให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ๑.๔.๓ หากมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแผนงาน/โครงการนอกเหนือจากที่ระบุไว้ใน ๑.๔.๒ ที่ไม่เป็นสาระสำคัญหรือยังคงวัตถุประสงค์/เป้าหมายการดำเนินงานเดิมตามแผนงาน/โครงการส่วนราชการ/หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยตรง ๑.๔.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางพิจารณากำหนดแนวทางเร่งรัดการดำเนินงานที่เหมาะสมกับการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ ๑.๔.๕ มอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นหน่วยงานติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่วางไว้ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและประชาชนที่จะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ของแต่ละแผนงาน/โครงการ และหากแผนงาน/โครงการใดเข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่โครงการให้เข้าใจอย่างถูกต้องโดยทั่วกันด้วย ๓. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำประสานข้อมูลเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบ เพื่อประโยชน์ในการประสานงานและกำกับติดตามการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้บรรลุผลต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1723 | ขออนุมัติงบกลางเพื่อดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ 2558 (เพิ่มเติม) พร้อมทั้งขอความเห็นชอบแนวทางการดำเนินงาน | อื่นๆ | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินจำนวน ๗,๘๐๑,๓๓๓,๘๐๐ บาท เพื่อดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดการดำเนินโครงการในส่วนที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จเกิดผลเป็นรูปธรรมภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับน้ำเพื่ออุปโภคและบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร การขุดลอกคูคลอง และการกักเก็บและการระบายน้ำ ทั้งนี้ ให้แผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ดังกล่าว ไม่อยู่ในข่ายต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘) ๒. ในส่วนของโครงการบริหารจัดการน้ำระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องหรือเป็นโครงการที่จะต้องได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อนการดำเนินการ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาทบทวนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำรายละเอียดของโครงการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1724 | แนวทางบริหารจัดการยางพาราเพื่อแก้ปัญหาราคายาง | กษ | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางบริหารจัดการยางพาราเพื่อแก้ปัญหาราคายาง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้องค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) ขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกไปจากเดิมวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้กระทรวงการคลังขยายระยะเวลาค้ำประกันเงินกู้กับ ธ.ก.ส. ออกไป ตามระยะเวลาการขยายชำระเงินกู้ให้ ธ.ก.ส. พร้อมชดเชยต้นทุนเงินในอัตราดอกเบี้ย FDR+1 และให้ อ.ส.ย. บริหารจัดการสต็อกยางของโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสต็อกยางของโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยเบิกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากงบประมาณของโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง ๑.๒ ให้ อ.ส.ย. ใช้วงเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพิ่มเติมอีกจำนวน ๖,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อดำเนินการรับซื้อยางแผ่นรมควัน ชั้น ๓ ไม่อัดก้อน ยางแผ่นรมควันอัดก้อน และยางแท่ง STR 20 วงเงิน ๔,๐๐๐ ล้านบาท และเพื่อดำเนินโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางสำหรับซื้อน้ำยางสด และยางก้อนถ้วย ในวงเงิน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ๒. สำหรับการขยายวงเงินสินเชื่อโครงการมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางเพิ่มเติมอีก ๖,๐๐๐ ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายละเอียด หลักเกณฑ์ วิธีการ และแนวทางการดำเนินงานที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อให้เกษตรกรได้รับประโยชน์โดยตรงจากการดำเนินโครงการฯ แล้วนำเสนอคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ อ.ส.ย. ติดตามกำกับดูแลการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง รวมทั้งมีแผนการระบายยางที่มีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้โครงการประสบภาวะขาดทุน และเมื่อดำเนินโครงการเสร็จสิ้น ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็น ทั้งนี้ ในส่วนของการกู้เงินและค้ำประกันเงินกู้ของ อ.ส.ย. ให้ อ.ส.ย. ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงการขอบรรจุรายการดังกล่าวในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไปในโอกาสแรก ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1725 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี 2557 และแนวโน้มปี 2558 | นร11 | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ ทั้งปี ๒๕๕๗ และแนวโน้มปี ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๗ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๒.๓ ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจนจากการขยายตัวร้อยละ ๐.๒ ในสามไตรมาสแรก และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ขยายตัวจากไตรมาสที่สามร้อยละ ๑.๗ (QoQ_SA) เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๒ ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการใช้จ่ายภาคครัวเรือนขยายตัวในเกณฑ์ดีร้อยละ ๑.๙ ส่วนการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคของรัฐบาลเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๕ ด้านการส่งออกสินค้า มีมูลค่า ๕๖,๗๖๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑.๕ และด้านการผลิตปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกสาขา โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรม สาขาก่อสร้าง และสาขาโรงแรมและภัตตาคารที่กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบหลายไตรมาสที่ผ่านมา สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำร้อยละ ๐.๖ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๑.๑ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๓๑๖,๗๖๗ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๐.๒ ของ GDP ๒. เศรษฐกิจไทยโดยรวมทั้งปี ๒๕๕๗ ขยายตัวร้อยละ ๐.๗ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภคของครัวเรือน และสาขาเกษตรกรรม ซึ่งขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ๐.๓ และร้อยละ ๑.๑ ตามลำดับ แต่การลงทุนรวม และสาขาอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ ๒.๘ และร้อยละ ๑.๑ ตามลำดับ สาขาโรงแรมและภัตตาคาร ลดลงร้อยละ ๒.๑ โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งสิ้น ๒๔.๘ ล้านคน (ลดลงร้อยละ ๖.๗) มูลค่าการส่งออกสินค้าอยู่ที่ ๒๒๔,๗๙๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ ๐.๓ เนื่องจากการลดลงของราคาส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องโดยเฉพาะราคาข้าวและยางพารา ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๕๗ ยังเป็นไปอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังคงมีเสถียรภาพ โดยที่อัตราการว่างงานทั้งปีเท่ากับร้อยละ ๐.๘ อัตราเงินเฟ้อเท่ากับร้อยละ ๑.๙ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๓.๘ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๕ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของภาคการส่งออกตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว การเร่งรัดการใช้จ่ายและการดำเนินโครงการลงทุนที่สำคัญ ๆ ของภาครัฐ การเริ่มกลับมาขยายตัวของปริมาณการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ และการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก สำหรับอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งปีแรก และต้องติดตามและประเมินสถานการณ์การปรับตัวของสถานการณ์ด้านราคาในช่วงครึ่งปีหลังอย่างใกล้ชิด ด้านการส่งออกสินค้าคาดว่ามูลค่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๙ และร้อยละ ๖.๐ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๐-๑.๐ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๔.๙ ของ GDP
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1726 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2557 (เพิ่มเติม) | ทส | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๔ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและอื่น ๆ ซึ่งให้ความเห็นชอบต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง ตั้งอยู่ที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน โดยให้กรมการบินพลเรือนรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในประเด็นการเพิ่มเติมมาตรการการย้ายถิ่นของนกในพื้นที่ และประเด็นมาตรการลดผลกระทบทางเสียง รวมทั้งแนวทางการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานอื่น ๆ ในอนาคต ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศดังกล่าวเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาลงนามให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ๓. เห็นชอบการกำหนดให้อุตสาหกรรมผลิตถ่านโค้ก ทุกขนาด เป็นโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดประเภทและขนาดของอุตสาหกรรมผลิตถ่านโค้ก ทุกขนาด เป็นโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมอบให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศดังกล่าว เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๔. เห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ในเอกสารท้ายประกาศ ๓ ลำดับที่ ๑.๕ ทุกขนาด เสนอในชั้นขอประทานบัตร โดยให้ยกเว้นโครงการเหมืองแร่ทรายแก้วหรือทรายซิลิกา โครงการเหมืองแร่ดินอุตสาหกรรมชนิดดินซีเมนต์ โครงการเหมืองแร่ดินเหนียวสี โครงการเหมืองแร่ดินมาร์ล โครงการเหมืองแร่บอลเคลย์ โครงการเหมืองแร่ดินทนไฟ และโครงการเหมืองแร่ดินเบา และให้จัดทำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Code of Practice) ตามประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ และเห็นชอบร่างประกาศดังกล่าว และมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำร่างประกาศดังกล่าว เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป รวมทั้งให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Code of Practice) ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขประกอบการอนุญาตประทานบัตร โดยถือว่า เป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมายในเรื่องนั้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1727 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 14 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทก | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๔ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนฯ กับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร โดยผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ฯ ครั้งที่ ๑๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาเซียน (ASEAN ICT Masterplan 2015) โดยมีโครงการที่ดำเนินการในปี ๒๕๕๗ ทั้งสิ้น ๑๘ โครงการ ๒. เวียดนามได้ยกร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ ๒ ประกอบด้วย ๘ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การพัฒนาและการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจ การบูรณาการและการเสริมสร้างศักยภาพประชาชนด้วยไอซีที ด้านนวัตกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไอซีที และการรวมเป็นตลาดเดียวในอาเซียน สื่อสมัยใหม่ และเนื้อหาสาระ และความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ โดยจะมีการหารือการจัดทำแผนแม่บทฯ กับประเทศสมาชิกอาเซียนในปีนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อจัดทำแผนให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ ๓. ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการสมทบเงินเข้ากองทุนไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Fund) ในรอบที่ ๒ เพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการความร่วมมือด้านไอซีทีของอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยให้แต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนสมทบเงินประเทศละ ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๔. ที่ประชุมอนุมัติงบประมาณจากกองทุน ASEAN ICT Fund จำนวน ๔๘๕,๘๘๗ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ดำเนินโครงการตามแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ในปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑ โครงการ โดยมีโครงการของไทย ๒ โครงการ คือ โครงการประเมินผลแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ระยะสุดท้าย และโครงการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕. ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมสภาหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมแห่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๐ (The 20th ASEAN Telecommunications Regulators’ Council Meeting : ATRC) โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การติดตามการดำเนินโครงการ/กิจกรรมของ ATRC การรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานในกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้แผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ๖. ที่ประชุมได้รับรองแถลงการณ์กรุงเทพ (Bangkok Statement) ภายใต้หัวข้อหลัก “Transforming ASEAN Moving Towards Smart Communities” ซึ่งระบุถึงการดำเนินการตามแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1728 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางของจังหวัดกาฬสินธุ์ | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ดังนี้
๑. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ได้บรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ขอความเห็นชอบแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) และแนวทางการสนับสนุนงบประมาณ] แล้ว ดังนั้น ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำดำเนินการต่อไป และให้แจ้งรายละเอียดความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดกาฬสินธุ์ทราบอย่างต่อเนื่องด้วย ๒. โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๘ โครงการ วงเงิน ๑๐๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท มอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำนำโครงการนี้ไปบรรจุเพิ่มเติมในแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1729 | แนวทางการดำเนินงานโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ | กค | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการดำเนินงานโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนของสังคมไทยเพื่อสร้างเครือข่ายที่จะร่วมกันสร้างมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้าง ส่งเสริมให้ภาคเอกชนที่เข้าร่วมเป็นผู้เสนอราคาต่อหน่วยงานภาครัฐ มีการป้องกันและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และมีความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งให้ภาคเอกชนและประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของประเทศมีความคุ้มค่ามากที่สุด โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานโครงการฯ ได้แก่ การแต่งตั้งคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (Anti-Corruption Cooperation Committee) การคัดเลือกโครงการจัดซื้อจัดจ้าง การคัดเลือกผู้สังเกตการณ์ (Observers) ตามข้อตกลงคุณธรรม การจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เงื่อนไขการดำเนินงานที่กำหนดเพิ่มเติม ข้อยกเว้น และการประเมินผลโครงการจัดซื้อจัดจ้างตามข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ๑.๒ อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริต (Anti-Corruption Cooperation Committee) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และปลัดกระทรวงการคลัง เป็นรองประธาน และอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดแนวทางและวิธีการในการดำเนินโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กำหนดรูปแบบ ปรับปรุง เนื้อหาของข้อตกลงคุณธรรม พิจารณาคัดเลือกโครงการจัดซื้อจัดจ้างเพื่อเข้าร่วมโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พิจารณาคัดเลือกผู้สังเกตการณ์เพื่อเข้าร่วมโครงการฯ ทบทวน ปรับปรุง และกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการดำเนินโครงการฯ กำหนดแนวทางการดำเนินงานให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือระเบียบใด ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนด รวมทั้งพิจารณารายงานผลการประเมินผลโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่เข้าร่วมโครงการฯ และเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานตามโครงการฯ ตลอดจนพิจารณาหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการเป็นผู้สังเกตการณ์ตามโครงการฯ ๒. ในส่วนขององค์ประกอบของคณะกรรมการ ให้ตัดเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติออก เนื่องจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นองค์กรกลางที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานและโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐอยู่แล้ว |
||||||||||||||||||||||||||||||
1730 | การขออนุมัติดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ 3 ช่วงที่ 3 (ปีงบประมาณ 2559 - 2567) | กต | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การดำเนินโครงการจัดสรรทุนการศึกษาตามความต้องการของกระทรวงการต่างประเทศ ระยะที่ ๓ ช่วงที่ ๓ (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๗) เป็นระยะเวลา ๙ ปี (ปีงบประมาณ ๒๕๕๙-๒๕๖๗) ๑.๒ วงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ เป็นจำนวน ๑๘๘ ล้านบาท โดยให้ใช้ได้จนสิ้นสุดปีงบประมาณ ๒๕๖๗ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายของนักเรียนทุนรัฐบาลควรสอดคล้องตามระยะเวลาของหลักสูตรที่สถาบันการศึกษากำหนดไว้ เช่น ทุนการศึกษาในระดับปริญญาโท ณ สหราชอาณาจักร ซึ่งตามหลักสูตรกำหนดไว้ประมาณ ๑ ปี เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1731 | การเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. 2559 | กก | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานส่งเสริมการจัดการประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับรายละเอียดการดำเนินงาน ควรให้ความสำคัญกับการวางกรอบแผนการดำเนินงานที่บูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนโดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และตระหนักถึงความสำคัญของการบริหารจัดการการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศและโลกโดยรวม พร้อมทั้งการนำเสนอความเป็นไทยเพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์ให้โดดเด่นและแตกต่างภายใต้การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกและสังคมโลกที่จะมีผู้สูงอายุมากขึ้น นอกจากนี้ ควรเร่งพัฒนาความพร้อมของบุคลากรในการจัดการประชุมให้เป็นมืออาชีพและความสามารถด้านภาษาในทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ประมาณการไว้จำนวนไม่ต่ำกว่า ๓๐ ล้านบาท (ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินของผู้เข้าร่วมประชุม) ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำรายละเอียดและเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการดังกล่าวมีผลให้ต้องผูกพันงบประมาณเกินกว่าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้แจ้งไว้ หรือมีการลงนามความตกลงความร่วมมือต่าง ๆ ในการดำเนินงาน ซึ่งอาจมีผลผูกพันเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1732 | โครงการขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ห่างไกล | มท | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๑.๑ อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการขยายเขตระบบไฟฟ้าให้ครัวเรือนที่ห่างไกล วงเงินลงทุนทั้งสิ้น ๑,๒๑๕ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ ๙๑๐ ล้านบาท และเงินรายได้ กฟภ. ๓๐๕ ล้านบาท ๑.๒ ให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๙๑๐ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินลงทุนของโครงการฯ โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ ๒.๑ ในการดำเนินโครงการฯ ควรให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกครัวเรือนเข้าก่อสร้างตามโครงการฯ ได้แก่ มีบ้านเรือนราษฎรที่ตั้งอยู่อย่างถาวร มีเลขที่บ้าน มีผู้อยู่อาศัย ที่ดินมีเอกสารสิทธิ มีเส้นทางคมนาคมสาธารณะเข้าถึง ไม่มีปัญหาในการดำเนินการก่อสร้าง เป็นต้น ๒.๒ บ้านเรือนราษฎรที่จะเข้าโครงการฯ และมีการปักเสาพาดสายไฟฟ้า จะต้องไม่อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน หรือเป็นพื้นที่ที่มีการบุกรุก ๒.๓ การจะปักเสาพาดสายไฟฟ้าพื้นที่ใด จะต้องไม่เป็นการเอื้อประโยชน์แก่บุคคล กลุ่มบุคคล หรือเป็นการดำเนินการในลักษณะที่มุ่งหวังอย่างอื่น นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของโครงการที่กำหนด ๒.๔ การปักเสาพาดสายไฟฟ้าไปยังพื้นที่ใด ๆ ต้องไม่เป็นการทำลายพื้นที่ป่าหรือก่อนดำเนินการได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว และการดำเนินการต้องไม่นำไปสู่การฟ้องร้องหรือการต่อสู้ทางคดีความในชั้นศาล ๒.๕ ให้เร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบเวลาของโครงการฯ การดำเนินการทุกขั้นตอนดำเนินการด้วยความโปร่งใส ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนของทางราชการและหลักเกณฑ์ที่กำหนด และพร้อมให้หน่วยงานหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการดำเนินการโครงการฯ ได้ทุกขั้นตอนการปฏิบัติ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1733 | ขออนุมัติแก้ไขแบบรายละเอียดและปรับกรอบวงเงินค่าจ้างของโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต เพื่อรองรับการเดินรถไฟประเภทต่าง ๆ | คค | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการแก้ไขแบบรายละเอียดและปรับกรอบวงเงินค่าจ้างของโครงการระบบขนส่งทางรางในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต เพื่อรองรับการเดินรถไฟประเภทต่างๆ โดยมีค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้นทั้ง ๓ สัญญา จำนวน ๘,๑๔๐ ล้านบาท แยกเป็นค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นของสัญญาที่ ๑ จำนวน ๔,๓๑๕ ล้านบาท สัญญาที่ ๒ จำนวน ๓,๓๕๒ ล้านบาท และสัญญาที่ ๓ จำนวน ๔๗๓ ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังดำเนินการขยายวงเงินกู้เพิ่มเติม จำนวน ๘,๑๔๐ ล้านบาท ให้ครอบคลุมการปรับกรอบวงเงินค่าจ้างของโครงการฯ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยกำกับดูแลให้การปรับเพิ่มกรอบวงเงินดังกล่าวมีความเหมาะสม โปร่งใส สอดคล้องกับรายละเอียดของเนื้องานที่เพิ่มขึ้น เพื่อคำนวณเป็นราคาค่าก่อสร้างที่จะใช้เป็นราคาเจรจาต่อรองกับคู่สัญญาในรายละเอียดของการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาก่อสร้าง รวมทั้งจัดส่งรายละเอียดให้กระทรวงการคลังเพื่อดำเนินการจัดหาแหล่งเงินในการดำเนินโครงการฯ และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
1734 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | สธ | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค ดำเนินโครงการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายในกรอบวงเงิน ๑๘๘,๔๙๐,๘๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๑๓๒,๒๒๓,๙๐๐ บาท และเงินรายได้ของโรงพยาบาล จำนวน ๕๖,๒๖๖,๙๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินโครงการดังกล่าวกรมควบคุมโรคจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการจัดให้มีระบบคัดกรองผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) ที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานนานาชาติและท่าเรือเป็นหลัก โดยให้พิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการคัดกรองผู้ป่วยโรคติดต่ออันตรายอื่น ๆ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1735 | รายงานผลการดำเนินงานสืบเนื่องจากการลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม ไทย - เวียดนาม | วธ | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานสืบเนื่องจากการลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เข้าพบนาย Huynh Vinh Ai รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเวียดนาม เพื่อหารือเรื่องแผนงาน โครงการ กิจกรรมความร่วมมือด้านวัฒนธรรมทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านศิลปะ ห้องสมุด หอจดหมายเหตุ โบราณคดี พิพิธภัณฑ์ ศาสนา เป็นต้น และการแลกเปลี่ยนการจัดกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการซึ่งจะดำเนินการระหว่างปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยรัฐมนตรีทั้งสองประเทศคาดหวังว่า แผนปฏิบัติการฉบับนี้จะเป็นกรอบการดำเนินงานในการกระชับความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมระดับทวิภาคีไทย-เวียดนาม ส่งผลและเกื้อหนุนความสัมพันธ์ในการเริ่มต้นการเป็นประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ นอกจากนี้ ไทยและเวียดนามจะครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูต ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งจะเป็นวาระสำคัญในการผลักดันให้เกิดการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อต่อการดำเนินความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและเวียดนามในด้านอื่น ๆ ต่อไป ๑.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้พบหารือกับผู้บริหารแหล่งวัฒนธรรมและแหล่งมรดกโลกในเวียดนาม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางความร่วมมือทางด้านการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์และแหล่งมรดกโลก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเห็นว่า การบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์และแหล่งมรดกโลกถือเป็นเรื่องเร่งด่วนของไทยตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี กล่าวคือ การพัฒนาแหล่งประวัติศาสตร์ แหล่งเรียนรู้ แหล่งมรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์ โบราณสถานขึ้นทะเบียนทั่วประเทศ หอสมุดแห่งชาติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ศูนย์วัฒนธรรม และโรงละคร ให้เกิดการพัฒนาและเปิดพื้นที่เป็นแหล่งเรียนรู้และจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมของชาติ นอกจากนี้ จะบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยจะร่วมกันจัดทำแผนการพัฒนากลุ่มจังหวัดที่มีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว แนวทางจัดทำแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่กำลังจะเสนอเป็นมรดกโลกในอนาคต ทั้งนี้ พร้อมจะร่วมมือกับเวียดนามภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์และแหล่งมรดกโลก อาทิ หอสมุดและจดหมายเหตุ และมรดกทางวัฒนธรรม ๒. มอบหมายกระทรวงวัฒนธรรมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมฯ และผลการหารือความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมในไทยและเวียดนามเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ๔๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||||||||
1736 | ขออนุมัติผู้ลงทุนโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหมอน 21 - 22 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | ศธ | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้บริษัท ทิพย์พัฒน อาร์เขต จำกัด เป็นผู้ลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณหมอน ๒๑-๒๒ (บริเวณสี่แยกสามย่าน) ตามข้อเสนอของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามมาตรา ๖๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบกับมาตรา ๒๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ในชั้นการออกแบบและก่อสร้าง ควรพิจารณาแนวทางการบริหารการจราจรอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการจราจรภายนอกทั้งบนถนนพระรามที่ ๔ และถนนพญาไท และคำนึงถึงผลกระทบต่อโครงสร้างอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ตามข้อกำหนดทางวิศวกรรมสำหรับการก่อสร้างในเขตปลอดภัยระบบรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้พิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานอัยการสูงสุดต่อร่างสัญญาให้สิทธิประโยชน์โครงการฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ มีความชัดเจนและรอบคอบมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1737 | โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี | วท | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่าตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี โครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) และรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารคณะศึกษาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบูรพา นั้น การเสนอขอปรับเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันน่าจะเป็นผลจากความบกพร่องในการออกแบบ หรือความไม่รอบคอบในการดำเนินการ ส่งผลให้วงเงินการดำเนินโครงการเพิ่มสูงขึ้น และเป็นภาระต่องบประมาณ คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง สาเหตุของความล่าช้า รวมทั้งผู้รับผิดชอบต่อความบกพร่องใน ๓ โครงการดังกล่าว และนำเสนอผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีว่า จะดำเนินโครงการต่อไปอย่างไร
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1738 | ขออนุมัติปรับเพิ่มวงเงินงบประมาณและขอขยายเวลา โครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) | วท | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่าตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีว่า การดำเนินโครงการต่าง ๆ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาวัสดุอ้างอิงรับรองด้านมาตรวิทยาเคมี โครงการก่อสร้างอาคารปฏิบัติการด้านนิวเคลียร์และรังสี (อาคารมาตรวิทยารังสีแห่งชาติ) และรายการก่อสร้างกลุ่มอาคารคณะศึกษาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยบูรพา นั้น การเสนอขอปรับเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันน่าจะเป็นผลจากความบกพร่องในการออกแบบ หรือความไม่รอบคอบในการดำเนินการ ส่งผลให้วงเงินการดำเนินโครงการเพิ่มสูงขึ้น และเป็นภาระต่องบประมาณ คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริง สาเหตุของความล่าช้า รวมทั้งผู้รับผิดชอบต่อความบกพร่องใน ๓ โครงการดังกล่าว และนำเสนอผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีว่า จะดำเนินโครงการต่อไปอย่างไร
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1739 | โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | กษ | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง โดยมีเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือ พื้นที่เกษตรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ จำนวน ๓,๐๕๒ ตำบล ๕๘ จังหวัด จากบัญชีรายชื่อพื้นที่คาดการณ์ความแห้งแล้งในพื้นที่เกษตร ปี ๒๕๕๘ ตามแผนเตรียมการรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๓,๑๕๑,๙๙๒,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนกิจกรรมเกษตรชุมชนในพื้นที่เป้าหมาย ตำบลละไม่เกิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓,๐๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุน ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป และค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๙๙,๙๙๒,๐๐๐ บาท เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะงบดำเนินงาน ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง) ในการกำหนดรายละเอียดโครงการให้ชัดเจน รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลให้การจัดทำโครงการของชุมชนเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ สนับสนุนให้ชุมชนจัดทำแผนบริหารโครงการของชุมชนหลังเสร็จสิ้นโครงการเพื่อให้ชุมชนสามารถพัฒนา ดูแลรักษาและใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่เกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่า และในการประเมินผลโครงการที่ควรศึกษาถึงผลประโยชน์และผลกระทบของโครงการด้วย รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมชี้แจง/สัมมนา ค่าใช้จ่ายในการจัดเวทีตำบล และค่าใช้จ่ายในการให้คำแนะนำ รายงาน ติดตาม ประเมินผล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ในการดำเนินโครงการในพื้นที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงมหาดไทยประสานกับกระทรวงกลาโหมเพื่อให้ทหารร่วมสนับสนุนประชาชนในการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น การขุดลอกคูคลอง การก่อสร้างถนน ทั้งนี้ ในส่วนของการติดตามโครงการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยประสานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อดำเนินการติดตามและตรวจสอบโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ รวมทั้งสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างแท้จริง ๕. เนื่องจากการช่วยเหลือที่ผ่านมาได้ดำเนินการเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่ที่งดส่งน้ำในเขตพื้นที่ชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง และการช่วยเหลือในพื้นที่แล้งซ้ำซาก ทั้งนี้ ยังมีเกษตรกรอีกส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำและการช่วยเหลือยังไม่ครอบคลุมกลุ่มดังกล่าว จึงเห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังเร่งรัดโครงการที่จะสนับสนุนด้านอุปกรณ์เครื่องมือ และปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ซึ่งรวมทั้งมาตรการด้านภาษีให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
1740 | แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ | นร | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อให้การปฏิบัติและการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์รัชทายาท และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐเสนอแผนงาน โครงการ และงบประมาณค่าใช้จ่ายต่อคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติในชุดนั้น ๆ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนที่จะนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และในกรณีที่จะต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง โดยผ่านสำนักราชเลขาธิการด้วย
|
.....