ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 02/08/2559 | |||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านความมั่นคง ๑.๑ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติติดตามประเด็นด้านความมั่นคงตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศในระดับอาเซียน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงของประเทศต่อไป ๑.๒ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศเพื่อนำมาใช้ในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ให้นำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ต่อไปด้วย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติติดตามและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานด้านโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภารกิจของส่วนราชการ (Function) และงบประมาณการดำเนินการตามนโยบาย (Agenda) พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศเพื่อรวบรวมรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนงานและงบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ทั้งนี้ ให้มีการจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่อไป และในกรณีที่โครงการมีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ให้รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับการบริหารราชการของหน่วยงานนั้น ๆ กำกับดูแลการดำเนินโครงการตามแผนงานให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ ๒.๓ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทางน้ำ โดยเฉพาะการพัฒนาท่าเทียบเรือ ทั้งท่าเรือน้ำลึก ท่าเทียบเรือชายฝั่ง และท่าเรือข้ามฟาก ทั้งนี้ ให้เริ่มดำเนินโครงการนำร่องในพื้นที่ที่สามารถเดินเรือได้ก่อน เพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ ๒.๔ ตามที่คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) ได้เห็นชอบแผนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) เพื่อพัฒนาให้เกิด SMEs 4.0 นั้น ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจนในการสนับสนุนและส่งเสริม SMEs ที่จะดำเนินการระหว่างปี ๒๕๕๙-๒๕๖๐ ก่อน ส่วนที่เหลือให้พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ต่อไป ๒.๕ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากฝีมือผู้ต้องขังที่ได้มาตรฐานตามแนวทางที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในการสนับสนุนสินค้าไทยที่มีศักยภาพให้สามารถขยายตลาดไปยังตลาดต่างประเทศต่อไป ๓. ด้านสังคม ๓.๑ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการจัดสร้างที่อยู่อาศัยในลักษณะบ้านเคหะประชารัฐให้แก่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งรองรับแรงงานที่จะเข้าไปทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษด้วย ๓.๒ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือสังคมสูงวัยของประเทศไทยให้ครอบคลุมในทุกมิติ โดยให้มีหน่วยงานรับผิดชอบและมีความชัดเจนในเรื่องแหล่งที่มาของงบประมาณที่ใช้ด้วย รวมทั้งพิจารณาจัดหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุต่อไป ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้ทุกส่วนราชการเร่งพิจารณาและเสนอเรื่อง การแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการพลเรือนในตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ซึ่งต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่ผู้ดำรงตำแหน่งจะเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔.๒ ในกรณีที่ส่วนราชการจะดำเนินโครงการหรือมาตรการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่โครงการ ให้ส่วนราชการจัดทำโครงการหรือกำหนดมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ให้สร้างการรับรู้ให้ประชาชนรับทราบการดำเนินโครงการและมาตรการเยียวยาดังกล่าวให้รวดเร็วและทั่วถึงด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงาน ก.พ. เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการจัดทำแผนการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยมุ่งเน้นการผลิตบุคลากรเพื่อกลับไปทำงานในภูมิลำเนา เพื่อให้มีอัตราบุคลากรทางการแพทย์เหมาะสมสอดคล้องกับจำนวนประชากรในแต่ละพื้นที่ด้วย ๔.๔ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิรูประบบการบริหารจัดการกีฬาทั้งระบบ โดยเฉพาะการปรับปรุงประสิทธิภาพและการบริหารงานของสมาคมกีฬาต่าง ๆ เน้นความเชื่อมโยงและการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป ๔.๕ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแข่งขันกีฬานำร่องระหว่างหน่วยงานของรัฐในฝ่ายบริหาร โดยแบ่งเป็น ๖ ทีม ตามการกำกับการบริหารราชการของรองนายกรัฐมนตรี เพื่อกระชับความสัมพันธ์และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาด้านการกีฬาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการภายใน ๓ เดือน
|
.....