ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1518 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30341 - 30360 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30341 | ขอปรับเปลี่ยนประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ | กษ | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
30342 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง (นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ) | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30343 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพัฒนาชาติ กฤดิบวร) | กก | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพัฒนาชาติ กฤดิบวร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30344 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันพุธที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ รวม ๓ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
30345 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการพัฒนาอาคารปฏิบัติการและสาธารณูปโภคของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 18 ภูเก็ต | มท | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโครงการพัฒนาอาคารปฏิบัติการและสาธารณูปโภคของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๑๘ ภูเก็ต ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทั้งหมด ตามนัยมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยรายงานว่าได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ให้ใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภก ๒๖๔ (บางส่วน) ตำบลเทพกระษัตรี อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๘ - ๑ - ๐๐ ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารเก็บเครื่องจักรกล และสนามฝึกอบรมสาธารณภัยของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๑๘ ภูเก็ต ทำให้สามารถดำเนินการโครงการพัฒนาอาคารปฏิบัติการและสาธารณูปโภคของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต ๑๘ ภูเก็ต ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้ทั้งหมด สำหรับงบประมาณที่ใช้ดำเนินการโครงการฯ ใช้งบประมาณภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว รวมทั้งสิ้น ๗๖,๐๙๙,๕๐๐ บาท แต่มีการขยายระยะเวลาดำเนินการออกไปโดยใช้จ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งกันเงินงบประมาณมาดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๓,๙๗๗,๕๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๖๒,๑๒๒,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ และดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
30346 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร โดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมีหน้าที่สอบสวนคดีอาญาในความผิดตามกฎหมาย จำนวน ๑๖ ฉบับ ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยกองอาสารักษาดินแดน กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไร กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข กฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชน กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ กฎหมายว่าด้วยภาษีป้าย กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน กฎหมายว่าด้วยยศและเครื่องแบบผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน กฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ กฎหมายว่าด้วยโรงแรม กฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ และกฎหมายว่าด้วยสุสานและฌาปนสถาน ๑.๒ กำหนดให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมอบตัวผู้ต้องหาฝากควบคุมไว้ ณ สถานีตำรวจแห่งท้องที่นั้น และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบทำการควบคุมไว้ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขวันใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ให้มีผลใช้บังคับในวันเดียวกันกับที่กฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๔ ใช้บังคับ หรือขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงดังกล่าวออกไป โดยกำหนดให้กฎกระทรวงทั้งสองฉบับมีผลใช้บังคับพร้อมกัน และตัดร่างข้อ ๔ ออก เพื่อมิให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง รวมทั้งเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองสามารถนำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมที่สถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุได้เป็นเวลาไม่เกิน ๓ ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ โดยให้ฝ่ายปกครองมีหน้าที่รับผิดชอบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย อาทิ การผัดฟ้อง ฝากขัง การนำตัวผู้ต้องหาส่งอัยการ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
30347 | ร่างกฎกระทรวงการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ที่ต้องจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน พ.ศ. .... | พน | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ที่ต้องจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้เจ้าของโครงการต้องปฏิบัติในการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สำหรับโครงการระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ ที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานด้านสิ่งแวดล้อม ตามกฎหมายของกรมธุรกิจพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดคำนิยามต่าง ๆ ได้แก่ ประชาชน รายงานด้านสิ่งแวดล้อม ประมวลหลักการปฏิบัติงาน รายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข ลดและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการ และเจ้าของโครงการ เป็นต้น ๑.๒ กำหนดให้ก่อนเริ่มดำเนินโครงการ เจ้าของโครงการต้องจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการให้ประชาชนทราบ และต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ๑.๓ กำหนดข้อมูลเกี่ยวกับโครงการที่เจ้าของโครงการต้องเผยแพร่แก่ประชาชน เช่น เหตุผลความจำเป็น และวัตถุประสงค์ของโครงการ สาระสำคัญของโครงการ สถานที่ที่จะดำเนินการ และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ประชาชน เป็นต้น ๑.๔ กำหนดวิธีการในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไว้ ๓ ประการ ได้แก่ การสำรวจความคิดเห็น การประชุมปรึกษาหารือ และวิธีอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ๑.๕ กำหนดเงื่อนไขให้เจ้าของโครงการต้องดำเนินการก่อนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ เสนอแผนการดำเนินงานของโครงการการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อกรมธุรกิจพลังงาน และประกาศให้ประชาชนทราบถึงวิธีการรับฟังความคิดเห็น ระยะเวลา สถานที่ ตลอดจนรายละเอียดอื่นเพียงพอแก่การที่ประชาชนจะเข้าใจและสามารถแสดงความคิดเห็นของประชาชนได้ ๑.๖ กำหนดเงื่อนไขให้เจ้าของโครงการต้องดำเนินการภายหลังการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ การจัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและประกาศให้ประชาชนทราบ การนำข้อมูลผลการดำเนินงานและการปรับปรุงแก้ไขประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ได้รับจากการรับฟังความคิดเห็นผนวกไว้กับรายงานด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการ หรือรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน แก้ไข ลดและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เสนอต่อกรมธุรกิจพลังงาน และกำหนดมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบดังกล่าวเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสมก่อนเริ่มดำเนินโครงการนั้น และประกาศให้ประชาชนทราบ ๑.๗ กำหนดให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลในการดำเนินการตามกฎกระทรวงนี้ ๑.๘ กำหนดให้โครงการที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมสาระสำคัญในร่างกฎกระทรวงฯ บางประเด็น และความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับคำนิยามคำว่า “ประชาชน” ในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๑ ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ประชาชนผู้ซึ่งอาจได้รับความเดือดร้อนหรือความเสียหายโดยตรงจากการดำเนินงานโครงการ” แต่ในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๒ ได้ให้ความหมายไว้ว่า “ผู้อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพอยู่ภายในระยะ ๑๐๐ เมตร จากระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อของโครงการ” และการกำหนดให้เจ้าของโครงการต้องจัดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนทราบและต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพอยู่ในระยะ ๑๐๐ เมตร จากระบบการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อ จะเพียงพอและเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลโครงการให้ประชาชนรับทราบตามร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๓ มิได้มีการกำหนดช่องทางการเผยแพร่ข้อมูลไว้ อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนและทำให้การเผยแพร่ข้อมูลของแต่ละโครงการอาจมีความไม่ทั่วถึง นอกจากนี้ การกำหนดให้สิทธิแก่ประชาชนที่เห็นว่าตนเองได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายโดยตรงจากการดำเนินโครงการ แต่เจ้าของโครงการยังไม่มีการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ของตนนั้น อาจร้องขอต่อกรมธุรกิจพลังงานเพื่อวินิจฉัยให้มีการรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาเปิดช่องทางในการสื่อสารกับประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และสามารถนำไปปรับปรุง เพื่อให้การดำเนินการตามร่างกฎกระทรวงฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผังเมืองทั้งหมด เพื่อใช้ในการพิจารณาดำเนินโครงการต่าง ๆ มิให้มีผลกระทบต่อการบริหารจัดการน้ำ |
||||||||||||||||||||||||
30348 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... | กค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้การประกอบธุรกิจบัตรเครดิตจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย ๑.๒ กำหนดให้การให้บริการแก่ผู้รับบัตรจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด ๑.๓ กำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต เช่น การให้บริการแก่ผู้รับบัตร การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและการให้บริการแก่ผู้รับบัตร และหน้าที่ของผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและการคุ้มครองผู้ถือบัตร ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในการบังคับใช้พระราชบัญญัติฯ (Rollout Plan) โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนระบบการรับส่งข้อมูลรายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์มาเป็นระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมภายในประเทศ (Local Switching) เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิต และผู้ให้บริการแก่ผู้รับบัตรสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที และการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการของผู้บริโภคให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่ลดลงภายหลังจากมีการใช้ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมภายในประเทศ (Local Switching) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30349 | ขออนุมัติกู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงินสำหรับใช้ในการดำเนินงานของ รฟท. จำนวน ๖,๙๒๓ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน และพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข รวมทั้งรายละเอียดตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ส่วนการนำเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) มาหักออกจากวงเงินกู้และการคิดค่าธรรมเนียมในการค้ำประกัน นั้น ให้สงวนสิทธิการคิดค่าธรรมเนียมในการค้ำประกันให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการทบทวนแนวทางการบริหารกิจการของ รฟท. โดยให้ความสำคัญในแนวทางการเพิ่มรายได้โดยเฉพาะรายได้ในเชิงพาณิชย์ และรายได้จากการบริหารจัดการสินทรัพย์และที่ดิน การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารใหม่ให้เป็นไปตามกรอบดำเนินการที่คาดว่าจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ และเร่งปรับโครงสร้างการบริหารจัดการกิจการของ รฟท. และจัดทำระบบบัญชีแยกสินทรัพย์ที่เกิดจากการลงทุนตามแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ รฟท. ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๓ (เรื่อง ขออนุมัติกู้เงินเพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓) การจัดทำแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินเพื่อเพิ่มเสริมสภาพคล่องทางการเงินในการแก้ไขปัญหาหนี้สินไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30350 | ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงาน พ.ศ. .... | อก | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดชนิดวัตถุดิบที่จะนำมาใช้และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในโรงงาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้โรงงานประกอบกิจการทำเหล็กเพื่อใช้ในการก่อสร้างต้องใช้ชนิดของวัตถุดิบให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๑.๒ กำหนดให้โรงงานประกอบกิจการทำเหล็กเพื่อใช้ในการก่อสร้างที่จะตั้งหรือขยายโรงงานต้องทำผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณารายละเอียดของกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ประกอบกับกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อมิให้เกิดปัญหาในการใช้บังคับกฎหมายทั้งสองฉบับ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
30351 | ขอความเห็นชอบร่างบทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน ณ จุดผ่านแดน ลาวบาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และแดนสะหวัน สปป.ลาว และจุดผ่านแดน สะหวันนะเขต สปป.ลาว และ มุกดาหาร ราชอาณาจักรไทย | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบทเพิ่มเติมของบันทึกความเข้าใจในการเริ่มใช้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามแดน ณ จุดผ่านแดน ลาวบาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และแดนสะหวัน สปป.ลาว และจุดผ่านแดน สะหวันนะเขต สปป.ลาว และมุกดาหาร ราชอาณาจักรไทย โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑.๑ เพื่อวัตถุประสงค์ของบันทึกความเข้าใจ ขอบเขตการประกอบการขนส่งของภาคีบันทึกความเข้าใจจากแนวเส้นทางเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) ที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารแนบ ๑ ของพิธีสาร ๑ ของความตกลงว่าด้วยการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง [(Greater Mekong Subregion : GMS) GMS Cross Border Transport Agreement : CBTA] จะขยายถึงแนวเศรษฐกิจใกล้เคียง รวมถึงเส้นทางถึงกรุงเทพฯ ประเทศไทย เวียงจันทน์ สปป.ลาว และ ฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๑.๑.๒ เส้นทางดังกล่าวกำหนดได้ ดังนี้ (๑) แหลมฉบัง - กรุงเทพฯ - ขอนแก่น - อุดรธานี - หนองคาย (ประเทศไทย) - ท่านาแล้ง - เวียงจันทน์ (สปป.ลาว) และ (๒) แหลมฉบัง - กรุงเทพฯ - ขอนแก่น - กาฬสินธุ์ - มุกดาหาร (ประเทศไทย) - สะหวันนะเขต - แดนสะหวัน (สปป.ลาว) - ลาวบาว - คำโล - เคเกียต - แถ็งเก - ชวนมาย - ฮว่าลัก - ฮานอย - ไฮฟอง (สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) ๑.๑.๓ การอำนวยความสะดวกในการขนส่งผ่านแดน ณ กรุงเทพฯ และท่าเรือแหลมฉบัง จะเริ่มดำเนินการเมื่อประเทศไทยได้ให้สัตยาบัน ภาคผนวก ๖ ๘ และ ๑๔ แนบท้ายความตกลง CBTA แล้ว ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามฝ่ายไทย ๑.๓ หากมีความจำเป็นที่ต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบทเพิ่มเติมฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนามและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของ สปป. ลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตเดินรถในเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก - ตะวันตก (East West Economic Corridor : EWEC) และส่วนที่ขยายตามร่างบทเพิ่มเติมฯ ทั้งในเรื่องรายละเอียดของแนวเส้นทางและจุดแวะพักรถ กฎระเบียบที่สำคัญของแต่ละประเทศ และการประกันภัย ซึ่งรวมถึงการประกันภัยบุคคลที่สาม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30352 | ขออนุมัติกู้เงินตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ในวงเงินที่บรรจุอยู่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่จะต้องกู้เงินเพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ รวมทั้งสิ้น ๕,๘๔๒,๕๓๐,๐๐๐ บาท โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และหากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่ำกว่ากรอบวงเงินกู้ที่ได้รับอนุมัติในครั้งนี้ ให้ ขสมก. ใช้วงเงินตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในการกู้เงินดังกล่าว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่าย จำนวนทั้งสิ้น ๒,๙๔๕,๒๔๒,๓๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้คืนต้นเงินกู้ที่อยู่ในแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนไว้แล้ว สำหรับในส่วนภาระหนี้เงินกู้ในแผนฯ ที่ยังคงเหลืออยู่อีก จำนวน ๒,๗๓๐,๒๗๙,๐๐๐ บาท นั้น ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวนทั้งสิ้น ๒,๗๘๖,๕๘๑,๘๐๐ บาท เพื่อชำระหนี้คืนต้นเงินกู้ จำนวน ๒,๗๓๐,๒๗๙,๐๐๐ บาท และค่าดอกเบี้ยเงินกู้ จำนวน ๕๖,๓๐๒,๘๐๐ บาท ไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยให้ ขสมก. เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง) โดยจัดทำต้นทุนที่แท้จริง และจัดให้มีการตรวจสอบต้นทุนในการดำเนินมาตรการที่แท้จริง รวมทั้งการเร่งพิจารณานำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ขสมก. แล้ว ให้คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจพิจารณาตามขั้นตอนโดยเร็ว เพื่อให้ ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีกรอบแนวทางในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูกิจการของ ขสมก. ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30353 | กรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท | ทส | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท โดยกรอบการเจรจา ฯ ครอบคลุมประเด็นหลัก ดังนี้ ๑.๑.๑ สนับสนุนให้กระบวนการเจรจาบรรลุวัตถุประสงค์ของ (ร่าง) มาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอทที่กำหนดขึ้น และบรรลุข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally - binding agreement) เพื่อยกระดับการดำเนินการในการปกป้องสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสารปรอท ๑.๑.๒ สนับสนุนให้กระบวนการเจรจาคำนึงถึงความยืดหยุ่น มาตรการชั่วคราว ศักยภาพขีดความสามารถ สถานการณ์ และความจำเป็นของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจในการใช้และการจัดการสารปรอท ๑.๑.๓ คำนึงถึงหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละประเทศ (Common but Differentiated Responsibilities and Respective Capabilities) ๑.๑.๔ สนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาข้อตกลงร่วมกับอนุสัญญา สนธิสัญญา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี และข้อตกลงที่สอดคล้องกับศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศ ๑.๑.๕ ประเทศพัฒนาแล้วควรสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ อาทิ การเงิน การถ่ายทอดองค์ความรู้ การเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี และการเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินการในการลดการใช้และการปลดปล่อยสารปรอทที่เหมาะสม โดยอยู่บนพื้นฐานความสามารถและสถานการณ์ของแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ให้นำเสนอกรอบการเจรจาดังกล่าวเพื่อขอรับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับมาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท การพิจารณากำหนดระยะเวลาการเลิกใช้อุปกรณ์ทางด้านสาธารณสุขที่มีสารปรอท การสนับสนุนและให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบหรือปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่กำหนด การจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวรองรับกับมาตรการต่าง ๆ ที่จะมีการบังคับใช้ในอนาคต และการจัดทำรายละเอียดท่าทีประเทศไทยในการเจรจาโดยแยกเป็นแต่ละประเด็นตามโครงสร้างของ (ร่าง) มาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท เพื่อให้ผู้รับผิดชอบในการเจรจาใช้เป็นท่าทีไทยในการเจรจาในรายละเอียด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30354 | การปรับปรุงแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 และ 2 รวม 8 จังหวัด ตามมติคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดกาญจนบุรี วันที่ 20 พฤษภาคม 2555 ของจังหวัดราชบุรี | นร | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ และ ๒ รวม ๘ จังหวัด (จังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ตามมติคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ ณ จังหวัดกาญจนบุรี วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ของจังหวัดราชบุรี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรอบแผนงาน/โครงการในพื้นที่กลุ่มจังหวัดและจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ และ ๒ รวม ๘ จังหวัด จำนวน ๒๐๓ โครงการ วงเงินรวม ๓๓,๐๙๓.๔๓ ล้านบาท ๑.๒ โครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๖๑ โครงการ วงเงินรวม ๑,๐๔๑.๔๓ ล้านบาท โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดจัดทำรายละเอียดคำขอรับการจัดสรรงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จัดส่งให้สำนักงบประมาณภายใน ๒ สัปดาห์ เพื่อสำนักงบประมาณพิจารณาวงเงินงบประมาณที่เหมาะสม โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รวมทั้งจังหวัดราชบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแนวทางการดำเนินการกรณีการปรับลดงบประมาณโครงการฝายลำน้ำห้วยแห้ง ตำบลทุ่งหลวง อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี จากเดิมวงเงิน ๔๐ ล้านบาท ลงเหลือ ๓๐ ล้านบาท (ปรับลด ๑๐ ล้านบาท) เพื่อมิให้กระทบต่อวัตถุประสงค์และเป้าหมายในการกักเก็บและระบายน้ำของโครงการดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
30355 | แผนพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2555 - 2559) ของกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ของกระทรวงศึกษาธิการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการตามแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยแผนพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการฯ มีสาระสำคัญคือ เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการของประเทศไทยเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้คนพิการได้รับการศึกษาตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทั่วถึง และเสมอภาค โดยกำหนดยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ๗ ข้อ ได้แก่ ๑.๑ เพิ่มโอกาสให้คนพิการได้รับบริการทางการศึกษา ๑.๒ พัฒนาหลักสูตร กระบวนการจัดการเรียนรู้ การวัด และประเมินผลให้เหมาะสมสำหรับคนพิการ ๑.๓ พัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ๑.๔ พัฒนาคุณภาพสถานศึกษาและแหล่งเรียนรู้สำหรับคนพิการ ๑.๕ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ๑.๖ พัฒนาระบบการบริหารและกลไกในการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ๑.๗ ปฏิรูประบบการเงิน การคลัง และงบประมาณเพื่อการศึกษาสำหรับคนพิการ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบริหารจัดการและการใช้จ่ายงบประมาณควรคำนึงถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจภายใต้ทรัพยากรและงบประมาณที่มีอย่างจำกัดได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ การเพิ่มข้อมูลจำนวนคนพิการที่ได้มีการจดทะเบียนคนพิการและออกบัตรประจำตัวคนพิการเพื่อให้คนพิการดังกล่าวสามารถเข้าถึงสิทธิด้านการศึกษา การเชื่อมต่อฐานข้อมูล การส่งต่อการดูแลคนพิการที่เข้าสู่ระบบการศึกษากับระบบสาธารณสุขเพื่อให้คนพิการได้รับบริการด้านสุขภาพในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง การปรับภารกิจของกลไกเดิมที่มีอยู่ให้รองรับการดำเนินงานตามแผนฯ โดยมุ่งเน้นการสร้างโอกาสและพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการให้สามารถเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพมาตรฐาน การให้ความสำคัญกับระบบการบริหารจัดการที่เชื่อมโยงการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่าย รวมทั้งมีกลไกกระบวนการติดตามประเมินผลที่ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
30356 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 [มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียม ของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)] | มท | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ [มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)] ไปพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติและความได้เปรียบเสียเปรียบในการลดหย่อนการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม หากร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับแล้ว ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
30357 | การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบ | กค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้กองทุนส่งเสริมโรงเรียนในระบบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการศึกษาและทบทวนการยกเว้นประมวลรัษฎากรในช่วงที่ผ่านมา เพื่อหาแนวทางการยกเลิกรายการการยกเว้นต่าง ๆ ในประมวลรัษฎากรในส่วนที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้กับภาครัฐมากขึ้น และควรให้กรมบัญชีกลางมีหน้าที่ติดตามประเมินผลการดำเนินงานของทุนหมุนเวียนต่าง ๆ กำกับดูแลการดำเนินงานกองทุนส่งเสริมโรงเรียนเอกชนในระบบอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกับทุนหมุนเวียนอื่น ๆ เพื่อให้กองทุนฯ ดำเนินการได้โดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
30358 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้าและบริการ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ | กค | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้าและบริการ และการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมการค้าและบริการ และการท่องเที่ยวในประเทศ ด้วยการจัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้า โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๕ มาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้อีกเป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อย ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละหนึ่งร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ ค่าก่อสร้างสถานที่จัดแสดง ค่าประกันภัย ค่าระวาง หรือค่าขนส่งสินค้าและอุปกรณ์ ที่ใช้ในการเข้าร่วมงานออกร้าน งานนิทรรศการ งานแสดงสินค้าในประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังแจ้งคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) และคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ทราบ |
||||||||||||||||||||||||
30359 | การให้สัตยาบันเพื่อเข้าเป็นภาคีกฎบัตรฉบับใหม่ของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย | กต | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อท่าทีของรัฐบาลไทยที่ยังไม่สมควรให้สัตยาบันกฎบัตรฉบับใหม่ของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย จนกว่าสถาบันฯ จะสร้างความกระจ่างและแก้ไขปัญหาตามข้อร้องเรียนของสมาคมนักเรียนเก่าเอไอที (ประเทศไทย) (AIT Alumni Association - Thailand) ในประเด็นปัญหาการบริหารงานของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ซึ่งแสดงถึงการขาดธรรมาภิบาลและความโปร่งใส และการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding - MOU) ระหว่างผู้บริหารระดับสูงของสถาบันฯ กับบริษัท Laureate Education Asia Limited ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่แสวงหากำไร จึงทำให้เกิดความไม่ชัดเจนต่อทิศทางการดำเนินงานของสถาบันฯ ซึ่งตามกฎบัตรฯ กำหนดให้เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ให้เรียบร้อยก่อน ๑.๒ รับทราบแนวทางการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศในการชะลอการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียซึ่งเป็นองค์การระหว่างประเทศ พ.ศ. .... ไว้ก่อน และยืนยันให้ชะลอการบรรจุกฎบัตรฉบับใหม่ของสถาบันฯ และร่างกรอบการเจรจาความตกลงสำนักงานใหญ่ระหว่างรัฐบาลไทยกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ในวาระการพิจารณาของรัฐสภา ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการไปตรวจสอบข้อร้องเรียนของสมาคมนักเรียนเก่าเอไอที (ประเทศไทย) เกี่ยวกับทิศทางการดำเนินงานของสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียที่กำหนดให้เป็นองค์กรที่ไม่แสวงกำไร และแจ้งให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
30360 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนากีฬามวลชนของประเทศไทย" | สสป | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง “การพัฒนากีฬามวลชนของประเทศไทย” ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ รวมทั้งความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยในส่วนของความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ๑.๑ ด้านการพลศึกษา ได้แก่ การกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ การส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจด้านการกีฬาและนันทนาการ และการเพิ่มบุคลากรด้านการกีฬาและนันทนาการ เช่น ครูพลศึกษา ๑.๒ ด้านการกีฬา ได้แก่ การกำหนดเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ การกำหนดเป็นนโยบายหลักให้มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานักกีฬาเพื่อความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนากีฬาอาชีพอย่างจริงจัง การส่งเสริมบุคลากรรุ่นใหม่ให้มีจิตสำนึกมีคุณธรรมและจริยธรรม มีน้ำใจนักกีฬา และการกำหนดให้ศาสตร์ด้านการกีฬาและนันทนาการเป็นศาสตร์แห่งการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรม ๑.๓ ด้านนันทนาการ โดยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชากรทุกระดับ รวมถึงผู้สูงอายุให้เป็นประชากรที่มีคุณค่าของประเทศ โดยพัฒนาทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ให้ได้รับการดูแล ด้านสุขภาพและสมรรถภาพให้สามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้เป็นอย่างดี ๑.๔ ด้านสังคม ได้แก่ การกำหนดให้มีแผนพัฒนากีฬาและนันทนาการระดับชาติ โดยผนวกประเด็นการปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมไว้ในทุกกิจกรรมของแผนฯ การลงทุนในกิจกรรมการกีฬาและนันทนาการสำหรับประชาชนทุกเพศทุกวัยและทุกกลุ่มให้สามารถเข้าถึงหรือมีโอกาสในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยตนเอง และการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเอกชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการลงทุนในกิจกรรมกีฬาและนันทนาการ ๑.๕ ด้านโครงสร้างการจัดการ ได้แก่ การกำหนดให้มีหน่วยงานตรวจสอบติดตามประเมินผลการดำเนินงานด้านกิจกรรม กีฬาและนันทนาการ ของทุกหน่วยงานให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม ให้มีประสิทธิผลและมีความโปร่งใสตรวจสอบได้อย่างแท้จริง และมีมาตรการในการตรวจสอบติดตามโรงเรียนและสถาบันทางการศึกษาให้ความสำคัญและดำเนินกิจกรรมกีฬาและนันทนาการให้ทุกคนมีโอกาสในการพัฒนาตนในกิจกรรมกีฬาและนันทนาการอย่างทั่วถึงและเพียงพอ ๒. ข้อเสนอแนะด้านบริหารจัดการ ๒.๑ การผลักดันระดับยุทธศาสตร์ ได้แก่ การผลักดันให้แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) สามารถขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างจริงจัง การกำหนดให้การกีฬาเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของแต่ละจังหวัด การบรรจุหลักสูตรด้านการกีฬาและนันทนาการในการเรียนการสอนทุกระดับ และการจัดสรรบุคลากร งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งส่งเสริมและประชาสัมพันธ์กิจกรรมด้านกีฬาและนันทนาการอย่างเต็มที่และเพียงพอ ๒.๒ ระดับปฏิบัติการ ได้แก่ การจัดให้มีคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ การผลักดันให้การเล่นกีฬา การออกกำลังกายและนันทนาการกลายเป็นวิถีชีวิตประจำวันของประชาชนทุกระดับ การจัดให้มีและเพิ่มศักยภาพของสถาบันพัฒนาบุคลากรทางการกีฬา ระบบการฝึกซ้อมและการผลิตนักกีฬา การออกกำลังกายและนันทนาการ การเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรที่ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักด้านกีฬา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและอุปกรณ์เพื่อสนับสนุนการเล่นกีฬา การออกกำลังกาย และนันทนาการ การส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคเอกชนสามารถเข้ามาลงทุนในธุรกิจด้านกีฬา การพัฒนาการกีฬาและนันทนาการอย่างครอบคลุมต่อเนื่อง การพัฒนาการบริหารจัดการกีฬาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยการให้องค์ความรู้ด้านการกีฬาและส่งเสริมให้มีอาสาสมัครการกีฬาระดับตำบล การจัดให้มีผู้นำกิจกรรมการออกกำลังกายในท้องถิ่นชุมชนเพื่อสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน องค์กร ชุมชน และเครือข่ายการกีฬา พร้อมให้องค์ความรู้ด้านการเล่นกีฬา การดูกีฬา และการสร้างวัฒนธรรมการเล่นกีฬาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต การจัดให้มีมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติกระจายตัวไปทุกภูมิภาคเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการกีฬาและนันทนาการของชาติ รวมทั้งจัดให้มีศูนย์กีฬานันทนาการอย่างครบวงจรทั่วทุกภูมิภาค
|
.....