ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1513 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30241 - 30260 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30241 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ 10 | พน | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ ๑๐ (St. Petersburg Declaration - “Energy Security : Challenges”) ซึ่งเป็นแถลงการณ์สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีพลังงานเอเปค ครั้งที่ ๑๐ (The 10th Energy Ministerial Meeting : EMM10) ในระหว่างวันที่ ๒๔ - ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย ประกอบด้วยสาระหลัก คือ การแสดงจุดยืนร่วมกันของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคในการส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน (Energy Security) โดยเน้นการดำเนินงานใน ๕ ด้านหลัก ๆ ได้แก่ การพัฒนาตลาดพลังงานให้มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสยิ่งขึ้น การเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานจากก๊าซธรรมชาติ การพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียน การเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยของการใช้พลังงานนิวเคลียร์ และการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค ๓. เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานสามารถพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญได้ตามความเหมาะสมก่อนที่จะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในที่ประชุมฯ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถบังเกิดผลเป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือด้านพลังงานในกรอบเอเปค |
|||||||||||||||||||||
30242 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลน้ำบ่อหลวง ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง และตำบลน้ำแพร่ ตำบลหางดง ตำบลบ้านแหวน ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | คค | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลน้ำบ่อหลวง ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง และตำบลน้ำแพร่ ตำบลหางดง ตำบลบ้านแหวน ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนเลียบคลองชลประทาน กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๑ ในท้องที่ตำบลน้ำบ่อหลวง ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง และตำบลน้ำแพร่ ตำบลหางดง ตำบลบ้านแหวน ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกและรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างพระราชกฤษฎีกาที่ใช้บังคับในปัจจุบันจะสิ้นสุดการใช้บังคับในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ แต่โดยที่ร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงคมนาคมเสนอได้กำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้น ร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้สมควรให้มีผลบังคับใช้ไม่ก่อนวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ และการกำหนดเงินค่าทดแทนให้กับผู้ถูกเวนคืนจะต้องใช้ฐานการคำนวณ ณ วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30243 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2555 | กษ | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการ กนป. เสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะทำงานยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม และคณะทำงานยกร่างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปี ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ ซึ่งฝ่ายเลขานุการฯ ดำเนินการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะทำงานทั้ง ๒ คณะ ตามมติ กนป. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ และประธานกรรมการ กนป. ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานฯ ทั้ง ๒ คณะ เมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ๒. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำมันพืชปาล์ม กรณีให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ๔๐,๐๐๐ ตัน โดยนำเข้าแล้ว ๑๐,๐๐๐ ตัน และส่งมอบแล้วเมื่อวันที่ ๘ - ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๕ รวมทั้งออกประกาศกระทรวงพาณิชย์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกน้ำมันปาล์มในอัตรา ๑๐ บาท/กิโลกรัม ดังนี้ ๒.๑ ไม่เห็นด้วยกับการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ ส่วนที่เหลืออีก ๓๐,๐๐๐ ตัน ๒.๒ ไม่เห็นด้วยกับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษในการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบในอัตรากิโลกรัมละ ๑๐ บาท การเก็บค่าธรรมเนียมควรมีการหารือผู้เกี่ยวข้อง ๒.๓ ไม่เห็นด้วยกับการควบคุมราคาขายปลีกน้ำมันพืชปาล์มบริสุทธิ์ที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตและควรพิจารณาหามาตรการดูแลฝ่ายต่าง ๆ ให้เหมาะสม ๒.๔ การพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบในระยะสั้นและระยะยาว ให้คณะทำงานยกร่างพระราชบัญญัติปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม และคณะทำงานยกร่างแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปี ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ เร่งรัดดำเนินการ ทั้งนี้ ประธานกรรมการ กนป. จะได้หารือร่วมกับฝ่ายบริหารเพื่อพิจารณาการดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำมันพืชปาล์มอย่างเร่งด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
30244 | รายงานผลการดำเนินงานส่งเสริมการจัดตั้งและพัฒนากิจการสภาองค์กรชุมชนตำบล | พม | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานส่งเสริมการจัดตั้งและพัฒนากิจการสภาองค์กรชุมชนตำบล ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสนับสนุนการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลนับตั้งแต่พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ จนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๔ มีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนตำบลรวมทั้งสิ้น ๒,๘๒๒ แห่ง จำนวนชุมชน/กลุ่ม/องค์กรชุมชน/เครือข่ายองค์กรชุมชนที่จดแจ้งรวม ๕๓,๔๑๘ องค์กร จำนวนสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบลรวม ๗๕,๔๑๖ คน ๒. การดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชนตำบล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้มีการจัดประชุมอย่างน้อยปีละ ๔ ครั้ง ตามที่พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๙๑ ได้บัญญัติไว้ โดยร้อยละ ๙๕.๓ ของจำนวนสภาองค์กรชุมชนตำบลที่จัดส่งรายงาน สามารถดำเนินการตามภารกิจข้อ ๑๒ คือ การเสนอรายชื่อผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบลเพื่อไปร่วมประชุมในระดับจังหวัดมากที่สุด รองลงมาร้อยละ ๗๙ คือ การส่งเสริมและสนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ๓. การดำเนินงานของที่ประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบล ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ร้อยละ ๖๘.๔ ของจำนวนที่ประชุมในระดับจังหวัดฯ ที่จัดส่งรายงานสามารถจัดให้มีการประชุมอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง ตามที่พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้บัญญัติไว้ ด้านการดำเนินงานตามมาตรา ๒๗ ซึ่งพระราชบัญญัติฯ ได้กำหนดบทบาทภารกิจของที่ประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบล จำนวน ๕ ด้าน ส่วนใหญ่สามารถดำเนินงานด้านการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างสภาองค์กรชุมชนตำบลมากที่สุดถึงร้อยละ ๗๐.๑ ของที่ประชุมในระดับจังหวัดฯ ที่จัดส่งรายงาน รองลงมาร้อยละ ๖๕ คือ การให้ข้อเสนอแนวทางการพัฒนาจังหวัดต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และองค์การบริหารส่วนจังหวัด และร้อยละ ๔๙.๑ คือ การเสนอรายชื่อผู้แทนระดับจังหวัดเพื่อไปร่วมประชุมในระดับชาติ ตามลำดับ ๔. การดำเนินงานของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้สนับสนุนให้มีการจัดการประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลเป็นประจำทุกปี เพื่อรายงานผลการดำเนินงานส่งเสริมการจัดตั้ง และพัฒนากิจการของสภาองค์กรชุมชนตำบลในทุกระดับต่อที่ประชุมในระดับชาติฯ รวมถึงสนับสนุนให้ที่ประชุมในระดับชาติ ฯ ดำเนินการตามภารกิจตามมาตรา ๓๒ โดยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้สนับสนุนให้มีการจัดการประชุมในระดับชาติฯ จำนวน ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ ซึ่งได้มีการพิจารณารับรองข้อเสนอเชิงนโยบายที่ได้มาจากการประมวลความเห็นและข้อเสนอแนะจากเครือข่ายองค์กรชุมชน สภาองค์กรชุมชนตำบลผ่านที่ประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชนตำบล ประกอบด้วยข้อเสนอ ๕ ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านกฎหมาย โครงสร้างและวิธีปฏิบัติราชการ ด้านคุณภาพชีวิต และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕. สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ได้ดำเนินการเผยแพร่ ประชาสัมพันธ์กิจการเกี่ยวกับสภาองค์กรชุมชนตำบล การรวบรวมข้อมูล ศึกษาวิจัย และพัฒนางานของสภาองค์กรชุมชนตำบล การประสานและร่วมมือกับส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำทะเบียนกลาง ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติจัดตั้งและดำเนินการของสภาองค์กรชุมชนตำบล
|
|||||||||||||||||||||
30245 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (BIMSTEC) ว่าด้วยการลดความยากจน ครั้งที่ 2 | มท | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีภายใต้กรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi - Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ว่าด้วยการลดความยากจน ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ ณ กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล โดยมีนายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพร้อมคณะเดินทางเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ โดยมีผลการประชุมในประเด็นสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ แผนปฏิบัติการลดความยากจน (Plan of Action on Poverty Alleviation : PPA) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการของประเทศสมาชิกภายใต้กรอบ BIMSTEC ว่าด้วยการลดความยากจนในลักษณะของความร่วมมือกว้าง ๆ โดยให้ประเทศสมาชิกนำยุทธศาสตร์และกิจกรรมตามแผนปฏิบัติการลดความยากจนไปบรรจุไว้ในแผนและโครงการของแต่ละประเทศสมาชิกตามความเหมาะสม ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การลดความยากจนหลัก จำนวน ๗ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การกระตุ้นเศรษฐกิจและการดูแลเอาใจใส่คนยากจนอย่างทั่วถึง ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคม ยุทธศาสตร์การดำเนินโครงการที่มุ่งการลดความยากจน ยุทธศาสตร์การเพิ่มความคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมคนจนมากยิ่งขึ้น ยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และยุทธศาสตร์การสร้างธรรมาภิบาล ๑.๒ ถ้อยแถลงกาฐมาณฑุว่าด้วยการลดความยากจน (Kathmandu Statement on Poverty Alleviation) ประกอบด้วยเนื้อหาการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC ในการดำเนินงานเพื่อลดความยากจน โดยสาระสำคัญของถ้อยแถลงกาฐมาณฑุฯ เป็นการกำหนดแนวทางการดำเนินการของประเทศสมาชิกในการลดความยากจนระหว่างประเทศสมาชิก BIMSTEC ในลักษณะความร่วมมือกว้าง ๆ โดยไม่มีการลงนามในถ้อยแถลงกาฐมาณฑุฯ ๑.๓ ข้อเสนอของสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาที่เสนอขอเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี BIMSTEC ว่าด้วยการลดความยากจน ครั้งที่ ๓ ๒. เห็นชอบต่อถ้อยแถลงกาฐมาณฑุว่าด้วยการลดความยากจน (Kathmandu Statement on Poverty Alleviation) และแผนปฏิบัติการลดความยากจน (Plan of Action on Poverty Alleviation : PPA) |
|||||||||||||||||||||
30246 | รัฐบาลสาธารณรัฐซานมารีโนเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นางเจสซีกา กัสเปโรนี (Ms. Jessica Gasperoni)] | กต | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางเจสซีกา กัสเปโรนี (Ms. Jessica Gasperoni) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐซานมารีโนประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงซานมารีโน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30247 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... | ศธ | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีรัตนโกสินทร์ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ ๒. ปรับปรุงการจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ กระทรวงศึกษาธิการ เสียใหม่ โดยให้แก้ไขชื่อ “คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์” เป็น “คณะวิศวกรรมศาสตร์”
|
|||||||||||||||||||||
30248 | ขออนุมัติลงนามในหนังสือตอบรับความช่วยเหลือให้เปล่า Japan's Non-Project Grant Aid | กต | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรัฐบาลญี่ปุ่น เอกสาร Agreed Minutes on Procedural Details และเอกสาร Record of Discussions โดยเนื้อหาสาระเป็นการระบุภาระความรับผิดชอบของฝ่ายไทยและฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งการนำเข้าสิ่งของ/วัสดุ/อุปกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุนภายใต้โครงการความช่วยเหลือให้เปล่า Japan’s Non-Project Grant Aid ในวงเงิน ๘๐๐ ล้านเยน (ประมาณ ๓๒๐ ล้านบาท) ซึ่งจะได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรและภาษีอื่น ๆ ภายในประเทศ ตามภาค ๔ ประเภท ๑๐ แห่งพระราชกำหนดพิกัดศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งบัญญัติให้ยกเว้นอากรแก่ “ของที่ได้รับเอกสิทธิ ตามข้อผูกพันที่ประเทศไทยมีอยู่ต่อองค์กรสหประชาชาติหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือตามสัญญากับนานาประเทศ หรือทางการทูต ซึ่งได้ปฏิบัติต่อกันโดยอัธยาศัยไมตรี” ซึ่งไทยและญี่ปุ่นมีความตกลงระหว่างกันในการดำเนินการความช่วยเหลือแบบให้เปล่า ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือดังกล่าวที่ไม่ใช่เนื้อหาสาระสำคัญ ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรัฐบาลญี่ปุ่น เอกสาร Agreed Minutes on Procedural Details และเอกสาร Record of Discussions ๑.๓ ให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยซึ่งเป็นหน่วยงานผู้ดำเนินโครงการ (Implementing Agency) ลงนามในเอกสารย่อยสำหรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้ความช่วยเหลือให้เปล่าดังกล่าว ๒. ให้สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมภายใต้ความช่วยเหลืออย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ให้โดยก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของไทย อีกทั้งปฏิบัติตามกระบวนการดำเนินงานในรายละเอียดตามที่ระบุใน Agreed Minutes อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
30249 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเกาหลี และภาษาเวียดนาม | รถ | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเกาหลี และภาษาเวียดนาม ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ใช้ประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเกาหลีและหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเวียดนาม ลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นมาตรฐานของทางราชการ
|
|||||||||||||||||||||
30250 | รัฐบาลสาธารณรัฐเซอร์เบียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายยอวาน ยอวานอวิช (Mr. Jovan Jovanovic)] | กต | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายยอวาน ยอวานอวิช (Mr. Jovan Jovanovic) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเซอร์เบียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงจาการ์ตา สืบแทนนายโซรัน คาซาโซวิช (Mr. Zoran Kazazovic) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30251 | การปรับเปลี่ยนเขตกงสุลของสถานกงสุลราชรัฐลักเซมเบิร์ก และการปรับเปลี่ยนการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐลักเซมเบิร์กในประเทศไทย [นายปีแยร์ แมซ] | กต | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. การปรับเปลี่ยนเขตกงสุลของสถานกงสุลราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย ซึ่งมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย เป็นสถานกงสุลราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำกรุงเทพมหานคร โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมกรุงเทพมหานคร ๒. ปรับเปลี่ยนการดำรงตำแหน่งของนายปีแยร์ แมซ จากกงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย ซึ่งมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย เป็นดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำกรุงเทพมหานคร โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมกรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||
30252 | รัฐบาลบูร์กินาฟาโซเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายไอดริส ราอัว อูเอดราโอโก (Mr. Idriss Raoua Ouedraogo)] | กต | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายไอดริส ราอัว อูเอดราโอโก (Mr. Idriss Raoua Ouedraogo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งบูร์กินาฟาโซประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30253 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแควน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแควน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานดังต่อไปนี้ เป็นทางน้ำชลประทานที่เรียกเก็บค่าชลประทาน
๑. ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของแม่น้ำแควน้อย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๒๒.๖๕๗ ในท้องที่ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๒. ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๑.๔๕๔ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๓. ทางน้ำชลประทนคลองซอย ๒ ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๑.๙๑๓ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๔. ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสายใหญ่ ๑ ฝั่งขวา ของแม่น้ำแควน้อย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๔.๒๕๕ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ๕. ทางน้ำชลประทานคลองระบายน้ำสายใหญ่ ๒ ฝั่งขวา ของแม่น้ำแควน้อย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๑.๖๒๐ ในท้องที่ตำบลท่างาม อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
|
|||||||||||||||||||||
30254 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสงสัย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสงสัย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสงสัย ในท้องที่ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30255 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสังข์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสังข์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสังข์ จากศูนย์กลางฝายคลองสังข์ กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทางท้ายน้ำถึงกิโลเมตรที่ ๑๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลทุ่งสัง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30256 | รายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ | นร | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานะความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ วงเงิน ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ ให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เป็นเงิน ๑๑๗,๖๖๓.๐๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว จำนวน ๔๙๖.๔๒๓ ล้านบาท เนื่องจากสำนักงบประมาณได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้กับส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจมีแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายสะสม ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงมิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๘๘,๐๓๐.๐๖๑ ล้านบาท ๒. สถานะการเบิกจ่าย จำแนกออกเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้ ๒.๑ มิติส่วนราชการ (Function) ผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ จากระบบ GFMIS เป็นเงิน ๖๔,๗๙๓.๙๓๓ ล้านบาท เปรียบเทียบกับผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ เพิ่มขึ้น ๒,๖๙๕.๐๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔.๓๔ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจลงนามในสัญญาหรือดำเนินการเองแล้ว เป็นเงิน ๙๙,๐๓๒.๖๗๖ ล้านบาท (ร้อยละ ๘๔.๑๗ ของวงเงินจัดสรร) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ เป็นเงิน ๑,๙๑๕.๗๒๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๙๗ ๒.๒ มิติพื้นที่ (Area) จำแนกตามจังหวัดที่ดำเนินการ ผลการเบิกจ่าย ณ วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ จากระบบรายงานแผน/ผลการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย สำนักงบประมาณ จำนวน ๗๓ จังหวัด เป็นเงิน ๕๒,๘๑๐.๘๓๘ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๙.๙๙ ๓. การส่งคืนเงินงบประมาณ ส่วนราชการแจ้งอย่างเป็นทางการส่งคืนเงินงบประมาณเหลือจ่ายและงบประมาณของโครงการ/รายการ ซึ่งยังมิได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนการประกาศประกวดราคา หรือกรณีงานดำเนินการเองที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติงานภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ จำนวน ๔๒ หน่วยงาน รวมเป็นเงิน ๔,๙๔๕.๑๑๒ ล้านบาท ซึ่งสำนักงบประมาณจะดำเนินการดึงเงินประจำงวดกลับคืนตามจำนวนดังกล่าวในระบบ GFMIS ต่อไป ๔. การติดตามผลการปฏิบัติงานกลุ่มจังหวัดต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ดังนี้ ๔.๑ การปฏิบัติงานกลุ่มจังหวัดต้นน้ำ จำนวน ๑๑ จังหวัด คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ มีทั้งสิ้น ๑,๔๔๙ รายการ วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๒,๗๒๐.๖๔๕ ล้านบาท เบิกจ่ายทั้งสิ้น ๑,๐๗๘.๕๔๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๖๔ ของแผนการใช้จ่ายสะสม มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานโดยเฉลี่ยร้อยละ ๖๗.๑๔ ๔.๒ การปฏิบัติงานกลุ่มจังหวัดกลางน้ำ จำนวน ๖ จังหวัด คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๕ มีทั้งสิ้น ๒,๑๖๐ รายการ วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๖,๒๓๕.๘๙๕ ล้านบาท เบิกจ่ายทั้งสิ้น ๒,๖๑๔.๕๖๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๔.๒๒ ของแผนการใช้จ่ายสะสม มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานโดยเฉลี่ยร้อยละ ๓๙.๖๒ ๔.๓ การปฏิบัติงานกลุ่มจังหวัดปลายน้ำ จำนวน ๑๕ จังหวัด คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕ มีทั้งสิ้น ๖,๖๖๔ รายการ วงเงินจัดสรรทั้งสิ้น ๒๐,๖๔๒.๖๒๘ ล้านบาท เบิกจ่ายทั้งสิ้น ๕,๗๘๓.๑๓๙ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๘.๒๖ ของแผนการใช้จ่ายสะสม มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานโดยเฉลี่ยร้อยละ ๗๙.๙๑
|
|||||||||||||||||||||
30257 | การแต่งตั้งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. (นักบริหารสูง) | นร | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30258 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก 80 ปี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | กค | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ๘๐ ปี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ จัดทำเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคายี่สิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบ ๘๐ ปี สำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30259 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2555 | นร | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมจากร่างระเบียบที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แก้ไขข้อความในย่อหน้าที่ ๒ คำว่า “นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้” เป็น “นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้” ๒. ชื่อระเบียบในร่างข้อ ๑ ได้แก้ไขวรรคตอนระหว่างคำว่า “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี...” เป็น “ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี...” ๓. แก้ไขร่างข้อ ๓ จากเดิมที่กำหนดให้ยกเลิกความในข้อ ๕๑ และข้อ ๕๒ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้ใช้ความตามที่กำหนดใหม่แทน เป็น ให้ยกเลิกความในข้อ ๕๑ และให้ใช้ความตามที่กำหนดใหม่ซึ่งได้เพิ่มเติมข้อความ “ซึ่งแต่งตั้งตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ ๔๐/๒๕๕๕ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ลงวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕” ระหว่างคำว่า “ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” กับ คำว่า “ซึ่งดำรงตำแหน่ง...” แทน ส่วนความในข้อ ๕๒ นั้น ได้ตัดออก ๔. แก้ไขร่างข้อ ๔ เดิม ซึ่งกำหนดให้เพิ่มความเป็นข้อ ๕๓ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยนำความที่เคยกำหนดให้เป็นข้อ ๕๒ ตามข้อ ๓.๓ มากำหนดเป็นข้อ ๕๓ แทน ๕. เพิ่มร่างข้อ ๕ โดยนำความในร่างข้อ ๔ เดิม ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลมากำหนดไว้ในร่างข้อนี้
|
|||||||||||||||||||||
30260 | แต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (พลตำรวจตรี อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร) | กค | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งพลตำรวจตรีอรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๒. กำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ของผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในอัตรา ๒๘๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน โดยในระหว่างอายุสัญญาจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ทุกวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของค่าตอบแทนที่ผู้รับจ้างได้รับ ตามผลการประเมินผลตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล สำหรับครั้งแรกจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยจะพิจารณาอัตราร้อยละการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ให้ตามสัดส่วนระยะเวลาการปฏิบัติงานนับตั้งแต่วันที่ตกลงปฏิบัติงาน
|
.....