ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1514 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30261 - 30280 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30261 | การเสนอเรื่องเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการลงทุน | นร | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีมีความรอบคอบและมีข้อมูลในเชิงวิเคราะห์ผลประโยชน์และผลตอบแทนของโครงการลงทุนภาครัฐเพื่อการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหรือคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจของกระทรวงการคลัง ให้ถือปฏิบัติเป็นหลักการให้ส่งโครงการลักษณะดังกล่าวให้คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) พิจารณากลั่นกรองก่อน โดยให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
30262 | สรุปรายงานภาวะสังคมไตรมาสหนึ่ง ปี 2555 | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานภาวะสังคมไตรมาสหนึ่ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจ้างงาน และรายได้ ๑.๑ ในไตรมาส ๑/๒๕๕๕ การจ้างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๒ จำแนกเป็นการจ้างงานภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๕ เนื่องจากเกษตรกรเลื่อนปลูกข้าวนาปรังจากช่วงน้ำท่วมมาเป็นไตรมาสนี้ และราคาพืชไร่อื่น ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรขยายการเพาะปลูกเพิ่มขึ้น และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๕ จากการจ้างงานสาขาการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๓ เนื่องจากแรงงานในพื้นที่น้ำท่วมได้ทยอยกลับเข้าสู่สถานประกอบการโดยเฉพาะสถานประกอบการที่ใช้เทคโนโลยีต่ำ ๑.๒ อัตราการว่างงานในไตรมาส ๑/๒๕๕๕ เท่ากับร้อยละ ๐.๗๓ หรือมีผู้ว่างงาน ๒๗๕,๑๕๐ คน ต่ำกว่าอัตราร้อยละ ๐.๘๓ ในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว แต่มีการว่างงานแฝงมากขึ้น โดยมีอัตราการว่างงานแฝงร้อยละ ๑.๔๔ คิดเป็นจำนวน ๕๕๗,๕๔๐ คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ ๒๙.๒ จำแนกเป็นผู้ที่ทำงานน้อยกว่า ๓๐ ชั่วโมงต่อสัปดาห์และต้องการทำงานเพิ่มขึ้น จำนวน ๑๑๑,๗๕๕ คน และแรงงานรอฤดูกาล จำนวน ๔๔๕,๗๘๕ คน ๑.๓ ค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนภาคเอกชนที่ยังไม่รวมค่าล่วงเวลาและผลประโยชน์ตอบแทนอื่นเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕.๑ จากการปรับค่าจ้างแรงงานเพื่อดึงดูดพนักงานโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานกึ่งฝีมือจำนวนมาก แต่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ ๓.๔ ทำให้ค่าจ้างแท้จริงเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๔ ๒. ด้านการศึกษา คุณภาพการศึกษายังเป็นปัญหาเร่งด่วน การประเมินผลการสอบ ONET ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ - ๒๕๕๔ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในวิชาหลัก (ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์) ไม่ถึงร้อยละ ๕๐ จึงต้องยกระดับคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมด้านภาษาอังกฤษให้กับเยาวชน เพื่อเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน รวมทั้งการยกระดับความรู้วิชาพื้นฐานเพื่อการเข้าสู่การเรียนรู้วิชาชีพและการศึกษาที่สูงขึ้น ๓. ด้านสุขภาพ การเจ็บป่วยด้วยโรคมือ เท้า ปาก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยผู้ป่วยด้วยโรคเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๑๑ จากไตรมาส ๑/๒๕๕๔ โดยเฉพาะโรคมือ เท้า ปาก พบผู้ป่วยมากกว่า ๔,๐๐๐ ราย เพิ่มเกือบ ๖ เท่าตัว ด้านสุขภาพจิตมีคนไทยให้ความสนใจปรึกษาปัญหาสุขภาพจิตจำนวนมากขึ้น ส่วนใหญ่ขอปรึกษาปัญหาความเครียด ๑๒๔,๙๘๔ ราย และผลสำรวจแสดงความสุขมวลรวมของคนไทยลดลงในเดือนมีนาคม นอกจากนี้ ยังพบคนไทยใช้ยาเกินความจำเป็นส่งผลอันตรายต่อสุขภาพ ค่าใช้จ่ายจากการใช้ยาของคนไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีมูลค่า ๑๓๔,๒๗๖ ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ร้อยละ ๒๒.๓ ๔. ด้านพฤติกรรมและความเป็นอยู่ของคนในสังคมไทย มีประเด็นเฝ้าระวัง ได้แก่ ๔.๑ พฤติกรรมเสี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง มีผู้สูบบุหรี่ถึง ๑๑.๕ ล้านคน หรือร้อยละ ๒๑.๕ และมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่เป็นประจำเพิ่มขึ้น ในขณะที่การดื่มสุราพบในกลุ่มวัยทำงาน ๒๕ - ๕๙ ปี และวัยสูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยงนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือความเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ๔.๒ หนี้สินครัวเรือนในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ อยู่ในภาวะทรงตัว เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ครัวเรือนที่มีหนี้สินร้อยละ ๕๕.๘ ของครัวเรือนรวม ลดลงร้อยละ ๖๐.๙ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ และจำนวนหนี้สินเฉลี่ยเท่ากับ ๑๓๔,๙๐๐ บาทต่อครัวเรือน สำหรับหนี้สินครัวเรือนในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น มีเครื่องบ่งชี้คือ (๑) การก่อหนี้รายย่อยมีมากขึ้น จากยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิต ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๘ จากเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๔ ในเดือนเดียวกันปีที่แล้ว และจากเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๘ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ (๒) ยอดสินเชื่อคงค้างบัตรเครดิตเกิน ๓ เดือนขึ้นไป ณ สิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๗ จากเพิ่มขึ้นร้อยละ ๐.๗ ในเดือนเดียวกันปีที่แล้ว และจากการเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๕ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๔ และการให้สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลของธนาคารพาณิชย์ที่ยังเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อการเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลอื่น ๆ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ทำให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยต้องกู้เงินเพื่อนำมาซ่อมแซมและฟื้นฟูที่อยู่อาศัย รวมถึงเครื่องใช้ในครัวเรือน และรถยนต์ ที่ได้รับความเสียหาย ๕. ด้านความมั่นคงทางสังคม มีประเด็นเฝ้าระวัง ได้แก่ ๕.๑ คดียาเสพติดเริ่มลดลง จากไตรมาสหนึ่งปี พ.ศ. ๒๕๕๕ และไตรมาสสี่ของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ร้อยละ ๓.๑ และ ๕.๖ เป็นผลจากการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด แต่ยังต้องเร่งฟื้นฟูผู้เสพ/ผู้ติดยาที่คาดว่าจะมีถึง ๑.๗ ล้านคนในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ขณะที่คดีชีวิตร่างกายและเพศและคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์เพิ่มขึ้นจากไตรมาสสี่ของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ร้อยละ ๔.๑ และ ๓.๙ และการกระทำผิดเกี่ยวกับการพนันเพิ่มขึ้นจากไตรมาสสี่ของปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ร้อยละ ๑๐.๒ ๕.๒ พฤติกรรมการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรีมีแนวโน้มที่น่าเป็นห่วง ในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มีผู้หญิงถูกทำร้ายร่างกายเพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๓ ถึง ๒.๒ เท่า ส่วนใหญ่ถูกกระทำความรุนแรงจากคู่สมรสและแฟน สาเหตุหลักจากความสัมพันธ์ในครอบครัวและการใช้สารกระตุ้น การแก้ไขปัญหาจะต้องเกิดจากผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการป้องกันและการแก้ไขปัญหาด้านพฤติกรรมความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ๕.๓ ผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการบริโภคสินค้าโดยไม่รู้ตัวหรือขาดความรู้ถึงผลกระทบ เช่น มีการใช้พลาสติกชนิดโพลีคาร์บอนเนตซึ่งมีสารบิสฟีนอลเอ (BPA) เป็นส่วนประกอบมาใช้ผลิตขวดนมเด็ก เป็นต้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบูรณาการการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เหมาะสม การสร้างความตระหนักเกี่ยวกับพิษภัยจากการปนเปื้อน ตลอดจนการยกเลิกใช้วัสดุที่เป็นอันตรายในผลิตภัณฑ์
|
|||||||||||||||||||||
30263 | รายงานผลการดำเนินการโครงการการจัดการของเสียในฟาร์มปศุสัตว์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออก (Livestock Waste Management in East Asia Project) | กษ | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการโครงการการจัดการของเสียในฟาร์มปศุสัตว์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออก (Livestock Waste Management in East Asia Project) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) ได้ดำเนินการโครงการฯ แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.๑ ได้ระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้ก๊าซชีวภาพชนิดบ่อหมักรางพิเศษ (Channel Digester Plus) ในฟาร์มสุกรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันตกของประเทศ จำนวนรวม ๒๐ ฟาร์ม หรือคิดเป็นจำนวนสุกร ๒๘๖,๐๐๐ ตัว ๑.๒ ลดก๊าซเรือนกระจกจากภาคการปศุสัตว์ได้ ๙๘,๐๐๐ ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี ๑.๓ ได้หลักปฏิบัติการทำฟาร์มสุกรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Code of Practice) ๑.๔ ได้แผนการจัดการพื้นที่เลี้ยงปศุสัตว์เพื่อความสมดุลของธาตุอาหาร (Spatial planning) ๑.๕ ได้แผนกลยุทธ์การขยายผลโครงการการจัดการของเสียในฟาร์มปศุสัตว์ในภาคพื้นเอเชียตะวันออก ๑.๖ ได้ผลงานการศึกษาผลกระทบของเสียจากฟาร์มสุกรต่อสาธารณสุขชุมชน ๑.๗ ได้ผลงานการศึกษาการนำของเสียจากฟาร์มสุกรในการเพาะปลูกพืช ๒. งบประมาณที่กรมปศุสัตว์ได้รับจัดสรร ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๙ - ๒๕๕๓ จำนวน ๓๒,๘๐๗,๗๙๗.๐๐ บาท ใช้งบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น ๓๐,๓๓๕,๐๓๗.๖๐ บาท งบประมาณคงเหลือ ๒,๔๗๒,๗๕๙.๔๐ บาท โดยงบประมาณคงเหลือดังกล่าวเกิดขึ้นจากการต่อรองราคา
|
|||||||||||||||||||||
30264 | ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 6 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๖ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (Indonesia - Malaysia - Thailand Growth Triangle : IMT-GT) เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๕ ณ Peace Palace กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๖ แผนงาน IMT-GT ที่ประชุมได้มีมติ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการแผนงาน IMT-GT ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๔ ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วยการขับเคลื่อนตามข้อสั่งการของผู้นำจากการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๕ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยเฉพาะการเตรียมยกร่างแผนดำเนินการระยะ ๕ ปี ต่อไป (Implementation Blueprint) ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ และการดำเนินการตามแผนที่นำทางฉบับแรก ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๐ - ๒๕๕๔ จนแล้วเสร็จใน ๖ สาขาความร่วมมือที่สำคัญ เช่น การศึกษาความเหมาะสมการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส - เมืองเปิงกาลันกุโบร์ รัฐกลันตัน และสะพานข้ามแม่น้ำโกลกแห่งที่สองที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส - เมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน การเตรียมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนไทย - มาเลเซีย ที่จังหวัดนราธิวาส - รัฐกลันตัน การจัดสัมมนานานาชาติเพื่อส่งเสริมการเป็นศูนย์การท่องเที่ยวทางการแพทย์ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเพื่อการมีสุขภาพทีดี (Wellness) ที่ภูเก็ตและบาหลี ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาล การจัดนิทรรศการและการส่งเสริมอุตสาหกรรมและธุรกิจฮาลาลระหว่างประเทศ การยอมรับมาตรฐานวิชาชีพแรงงานสาขาการท่องเที่ยว พยาบาล สุขภาพและสปา การเกษตรและชิปปิ้ง และความร่วมมือด้านยางและไม้ยางพารา ๑.๒ เห็นชอบแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๖ แผนงาน IMT-GT (The Sixth IMT-GT Summit Joint Statement) โดยมีสาระสำคัญของแถลงการณ์ฯ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการประชุม เพื่อทบทวนความก้าวหน้าของความร่วมมือและกำหนดทิศทางการดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ร่วมในการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ และยืนยันถึงพันธะที่จะร่วมมือต่อไปอย่างมุ่งมั่นเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดช่องว่างการพัฒนาภายในและระหว่างประเทศในอนุภูมิภาค และนำประชาชนให้พ้นจากความยากจน ๒. นายกรัฐมนตรีไทยได้มีข้อเสนอเพิ่มเติมในการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๖ แผนงาน IMT-GT ดังนี้ ๒.๑ เน้นย้ำความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของกรอบ IMT-GT ในช่วงแผนดำเนินงานระยะ ๕ ปี ต่อไป (Implementation Blueprint) ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ทั้งในด้านบทบาทในการส่งเสริมการบูรณาการและความร่วมมือในพื้นที่สู่การพัฒนา ความเจริญรุ่งเรืองและความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนซึ่งจำเป็นต้องใช้การมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่สนองต่อความต้องการจากพื้นที่ ๒.๒ เน้นย้ำความสำคัญของความเชื่อมโยงทั้งในทางกายภาพและการอำนวยความสะดวกด้านกฎระเบียบเป็นปัจจัยชี้วัดการพัฒนาความเชื่อมโยงตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน โดยไทยมีโครงการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม เช่น ทางพิเศษหาดใหญ่ - สะเดา และสะพานข้ามแม่น้ำโกลกแห่งใหม่ที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส และสะพานแห่งที่สองที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส ซี่งต้องพัฒนาคู่ขนานกับการอำนวยความสะดวกในการผ่านแดน ๒.๓ การดำเนินความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในด้านการท่องเที่ยว ในผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวใหม่ ๆ การพัฒนาฐานข้อมูลการท่องเที่ยว รวมทั้งความร่วมมือด้านความมั่นคงของอาหารและพลังงานทางเลือกโดยความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น พร้อมทั้งการขยายความร่วมมือในด้านที่มีความเป็นไปได้กับหุ้นส่วนการพัฒนาอื่น ๆ ที่มีศักยภาพ ๒.๔ เน้นย้ำความสำคัญในการดำเนินโครงการตามแผนดำเนินงานระยะ ๕ ปี ต่อไป (Implementation Blueprint) ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ ที่สะท้อนถึงประโยชน์ในระดับประชาชนในท้องถิ่น ระดับอนุภูมิภาค และระดับอาเซียน และสนับสนุนบทบาทของศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT (CIMT) ในการขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการในแผนดำเนินงาน ๕ ปี
|
|||||||||||||||||||||
30265 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสลกบาตร จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนสลกบาตร จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลสลกบาตร อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30266 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน 8 ฉบับ) | มท | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน ๘ ฉบับ ดังนี้
๑. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงราย พ.ศ. ๒๕๕๐ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ - ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเพชรบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ - ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๓. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองชัยภูมิ พ.ศ. ๒๕๕๐ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ - ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๔. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเพชรบูรณ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ - ๒๗ กันยายน ๒๕๕๖ ๕. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสมุทรสาคร พ.ศ. ๒๕๕๐ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ - ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๖. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพังงา พ.ศ. ๒๕๕๐ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๖ ๗. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพัทลุง พ.ศ. ๒๕๔๙ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ - ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๘. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองร้อยเอ็ด พ.ศ. ๒๕๔๙ ขยายระยะเวลา ๑ ปี ครั้งที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๕ - ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||
30267 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนงิม จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนงิม จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลงิม อำเภอปง จังหวัดพะเยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30268 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลยางตลาด อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ บางส่วน เนื้อที่ประมาณ ๗ ไร่ ๓ งาน ๑๓ ตารางวา เพื่อมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้เป็นที่ตั้งศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ และใช้ประโยชน์อย่างอื่นในราชการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30269 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท - ท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท - ท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี และตำบลหนองบัว ตำบลวัดสิงห์ ตำบลมะขามเฒ่า ตำบลหนองขุ่น อำเภอวัดสิงห์ ตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ และตำบลธรรมามูล ตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30270 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 1 ซ้าย ของแม่น้ำสุพรรณ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ซ้าย ของแม่น้ำสุพรรณ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑ ซ้าย ของแม่น้ำสุพรรณ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ของคลองซอย ๑ ซ้าย ของแม่น้ำสุพรรณ ในท้องที่ตำบลสามง่ามท่าโบสถ์ อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท ถึงกิโลเมตรที่ ๓๘.๓๐๐ ในท้องที่ตำบลนางบวช อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30271 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๗๑๐ ในท้องที่ตำบลน้ำพุ อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30272 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ข้าวต้มท่าสุด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ข้าวต้มท่าสุด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ข้าวต้มท่าสุด ในท้องที่ตำบลท่าสุด อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
30273 | การแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (Greater Mekong Subregion : GMS) และกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Mekong - Japan Economic Minister) | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (Greater Mekong Subregion : GMS) และรัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Mekong - Japan Economic Minister) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
30274 | การดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีการแต่งตั้งหัวหน้าพยาบาลในกระทรวงสาธารณสุข | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีการแต่งตั้งนางอุบลรัตน์ อินสุข ตำแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ๗ วช. (ด้านการพยาบาลห้องผ่าตัด) กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลบึงสามพัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าพยาบาล (พยาบาลวิชาชีพ ๗ วช.) (ด้านการพยาบาล) กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลบึงสามพัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาตำแหน่งอื่นในประเภทและระดับเดียวกันกับตำแหน่งเดิมของนางอุบลรัตน์ อินสุข ที่ว่างอยู่ และนางอุบลรัตน์ อินสุข มีคุณสมบัติตรงตามคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้น และให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา ๕๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ สั่งแต่งตั้งให้นางอุบลรัตน์ อินสุข ไปดำรงตำแหน่งนั้น ๒. กรณีที่ไม่อาจดำเนินการแต่งตั้งนางอุบลรัตน์ อินสุข ไปดำรงตำแหน่งเดิมได้ ให้ ก.พ. โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๗๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ สั่งการให้ อ.ก.พ. กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้พิจารณากำหนดตำแหน่งอื่นในประเภทและระดับเดียวกันกับตำแหน่งเดิมที่นางอุบลรัตน์ อินสุข มีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งนั้น โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่คำสั่งถูกยกเลิก (วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๔๖) |
|||||||||||||||||||||
30275 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 เพื่อเบิกจ่ายในลักษณะค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปีของปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | ศธ | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) ก่อหนี้ผูกพันเกินเงินประจำงวดที่ได้รับสำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ รายการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียนเอกชน จำนวน ๗๑๗,๔๐๖,๓๐๐ บาท และรายการเงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม (นม) จำนวน ๔๗,๗๗๙,๑๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายในลักษณะค่าใช้จ่ายค้างเบิกข้ามปี จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒ รายการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบจำนวนนักเรียนเอกชนตามที่แจ้งให้ถูกต้องเป็นข้อมูลปัจจุบัน และวางแผนการรับนักเรียนในแต่ละปีให้ชัดเจน สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการและสำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับความเหมาะสมในการจัดสรรเงินงบประมาณให้แก่กระทรวงศึกษาธิการและการนำเงินงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลไปเปลี่ยนแปลงรายการใช้จ่ายเป็นรายการอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
30276 | การกำหนดตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง (ตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น) | นร | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง (ตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น) ตามมติ ก.พ. ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ ก.พ. อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ กำหนดให้มีตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวง (ตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับต้น) โดยใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาดำเนินการ หากมีการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ให้แก้ไขปรับปรุงความในมาตรา ๒๑ วรรคสอง ว่าให้มีตำแหน่งผู้ช่วยปลัดกระทรวงเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงด้วย
|
|||||||||||||||||||||
30277 | ขออนุมัติแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. 2555 - 2557 | สธ | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ เพื่อผลักดันให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบและทิศทางในการดำเนินการควบคุมยาสูบ เพื่อมุ่งสู่สังคมไทยปลอดบุหรี่ และสุขภาพที่ดีของประชาชน โดยมียุทธศาสตร์ที่สำคัญในการดำเนินการควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศ ประกอบด้วย ๘ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ๑.๑.๑ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การป้องกันมิให้เกิดผู้บริโภคยาสูบรายใหม่ ประกอบด้วย ๓ ยุทธวิธี ได้แก่ การให้ความรู้ การปกป้องเด็กและเยาวชนจากความเย้ายวน และการขจัดการเข้าถึง ๑.๑.๒ ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การส่งเสริมให้ผู้บริโภคลด และเลิกใช้ยาสูบ ประกอบด้วย ๕ ยุทธวิธี ได้แก่ การส่งเสริมการเลิกบริโภคยาสูบ การส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาบุคลากรและเครือข่ายให้มีองค์ความรู้ในการช่วยให้เลิกยาสูบ การส่งเสริมสนับสนุนให้มีการบริการเลิกยาสูบอย่างเป็นเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน การสร้างและนำมาตรฐานการดูแลรักษาโรคติดยาสูบระดับชาติไปใช้เป็นแนวทางให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ และการส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาการเข้าถึงยาช่วยเลิกยาสูบ ๑.๑.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การลดพิษภัยของผลิตภัณฑ์ยาสูบ ประกอบด้วย ๔ ยุทธวิธี ได้แก่ การปรับกฎกระทรวง พ.ศ. ๒๕๔๐ ว่าด้วยการแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตหรือบุหรี่ซิการ์ การสร้างกระบวนการบริหารจัดการข้อมูลส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ การสร้างกลไกให้บริษัทบุหรี่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงฯ และการติดตามเฝ้าระวังและเผยแพร่ข้อมูลสารอันตรายของผลิตภัณฑ์ฯ ๑.๑.๔ ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การสร้างสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ ประกอบด้วย ๖ ยุทธวิธี ได้แก่ การปรับปรุงกฎหมายให้สถานที่สาธารณะและสถานที่ทำงานทุกแห่งปลอดควันบุหรี่ ๑๐๐% การส่งเสริมสนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายในทุกที่ที่กำหนดให้ปลอดควันบุหรี่ การปรับเปลี่ยนค่านิยมของการบริโภคยาสูบเพื่อให้การไม่สูบบุหรี่ในบ้าน สถานที่ทำงาน และสถานที่สาธารณะเป็นบรรทัดฐานของสังคมไทย การดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ การศึกษาวิจัยและพัฒนาให้ได้องค์ความรู้และข้อมูลสนับสนุนการสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดควันบุหรี่และการบังคับใช้กฎหมาย และการเฝ้าระวังและควบคุม กำกับและประเมินผลการสร้างสิ่งแวดล้อมปลอดควันบุหรี่ ๑.๑.๕ ยุทธศาสตร์ที่ ๕ การสร้างเสริมความเข้มแข็งและพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินงานควบคุมยาสูบของประเทศ ประกอบด้วย ๖ ยุทธวิธี ได้แก่ การพัฒนานโยบายและภาวะการนำในการควบคุมยาสูบ การพัฒนาโครงสร้างและระบบบริหารจัดการหน่วยงานควบคุมยาสูบ การพัฒนาระบบเฝ้าระวังการควบคุมกำกับและประเมินผลการควบคุมยาสูบ การสนับสนุนการศึกษาวิจัยและจัดการความรู้และด้านการควบคุมยาสูบ การเสริมสร้างขีดความสามารถและขยายเครือข่ายในการควบคุมยาสูบของภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการเสริมสร้างขีดความสามารถและขยายเครือข่ายในการควบคุมยาสูบระดับภูมิภาค ๑.๑.๖ ยุทธศาสตร์ที่ ๖ การควบคุมการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ผิดกฎหมาย ประกอบด้วย ๔ ยุทธวิธี ได้แก่ การป้องกันและปราบปรามยาสูบผิดกฎหมาย การควบคุมแหล่งจัดหา การดำเนินการสำหรับผู้กระทำความผิดและบทลงโทษ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ๑.๑.๗ ยุทธศาสตร์ที่ ๗ การแก้ปัญหาการควบคุมยาสูบโดยใช้มาตรการทางภาษี ประกอบด้วย ๓ ยุทธวิธี ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบ การปรับปรุงระบบการบริหารจัดเก็บภาษียาสูบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมยาสูบ และการลดสิทธิประโยชน์ทางภาษีผลิตภัณฑ์ยาสูบ ๑.๑.๘ ยุทธศาสตร์ที่ ๘ การเฝ้าระวังและควบคุมอุตสาหกรรมยาสูบ ประกอบด้วย ๗ ยุทธวิธี ได้แก่ การป้องกันอุตสาหกรรมยาสูบเข้ามาแทรกแซงนโยบายว่าด้วยการควบคุมยาสูบ การตรวจสอบอุตสาหกรรมยาสูบ (บริษัทบุหรี่ข้ามชาติและโรงงานยาสูบ กลุ่มบังหน้า และกลุ่มผลประโยชน์ร่วมกัน) การเฝ้าระวังและดำเนินการกับผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ (เช่น บุหรี่ไร้ควัน และบุหรี่ชูรส ฯลฯ) และผลิตภัณฑ์ยาสูบแปลงร่าง การเฝ้าระวังและดำเนินการกับตลาดรูปแบบใหม่ต่าง ๆ เช่น Below the Line marketing การเฝ้าระวังและดำเนินการด้านความรับผิดชอบขององค์กรธุรกิจต่อสังคมของบริษัทบุหรี่และโรงงานยาสูบ การทำให้ยาสูบเป็นสิ่งที่ไม่ปกติ และการเป็นคดีความ ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ และให้จัดทำแผนปฏิบัติการและงบประมาณรองรับแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปี ๑.๓ เห็นชอบให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินงานและบริหารจัดการเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเพิ่มบทบาทของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการป้องกันและลดจำนวนประชาชนผู้บริโภคยาสูบให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้มีตัวชี้วัดผลสำเร็จที่ชัดเจนเพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่และงบประมาณที่ได้รับ การกำหนดยุทธศาสตร์ลดการนำเข้าใบยาสูบจากต่างประเทศและลดผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบภายในประเทศ การกำหนดยุทธศาสตร์สนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชชนิดอื่นทดแทนการปลูกยาสูบ รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายและแหล่งที่มา เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดิน และจาก สสส. การให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีเพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมยาสูบแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๗ ตามความจำเป็นและความเหมาะสม การประสานการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ระเบียบ ด้านการควบคุมยาสูบ การกำหนดเรื่องการควบคุมยาสูบโดยเน้นเรื่องเพศหรือบทบาทของผู้หญิงกับบุหรี่เพิ่มมากขึ้น การใช้มาตรการทางกฎหมายโดยเฉพาะการห้ามจำหน่ายบุหรี่แบ่งมวนเพื่อจำกัดการเข้าถึงยาสูบของเยาวชน และการดำเนินคดีกับร้านค้าที่ขายบุหรี่ให้เยาวชนอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี การหาแนวทางให้ผู้สูบบุหรี่มีส่วนร่วมจ่ายในค่ารักษาพยาบาลสำหรับการเข้าถึงยาช่วยเลิกยาสูบในระบบหลักประกันสุขภาพ และการเก็บภาษียาสูบประเภทยาเส้นหรือบุหรี่มวนเองให้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
30278 | การแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 25 | ทก | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มอบอำนาจเต็มให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการร่วมอภิปราย ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ลงมติ และลงนามในกรรมสารสุดท้ายของสหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๕ ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งคณะผู้แทนไทย ซึ่งมอบอำนาจเต็ม (Credentials with Full powers) ให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๕ ระหว่างวันที่ ๒๔ กันยายน ถึงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับเอกสารที่จำเป็นต่อการเข้าร่วมการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ ๒๕ การลงนามรับรองการแก้ไข/เพิ่มเติมเอกสารต่าง ๆ หากที่ประชุมใหญ่มีมติให้มีการแก้ไข/เพิ่มเติม และการลงนามในกรรมสารสุดท้าย คือ หนังสือแต่งตั้งผู้แทน (Credentials) เท่านั้น โดยหนังสือแต่งตั้งผู้แทนนี้จะต้องลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตามนัยข้อ ๓ ของ Rules of Procedures of Congresses ของสหภาพสากลไปรษณีย์ ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศไม่จำเป็นต้องออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) อีกฉบับหนึ่ง นอกจากนี้ เอกสารต่าง ๆ รวมถึงกรรมสารสุดท้าย หากได้รับการลงนามโดยหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ก็จำเป็นต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบและอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการมีหนังสือหรือตราสารแจ้งการเห็นชอบ (Notice/Instrument of Approval) ต่อไปในภายหลัง รวมทั้งเห็นว่าการออกหนังสือแต่งตั้งคณะผู้แทนดังกล่าวไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
30279 | ขอความเห็นชอบการดำเนินโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน รุ่นที่ 3 และการปรับองค์ประกอบคณะกรรมการโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน | ศธ | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๓ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดการดำเนินโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน รุ่นที่ ๓ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประกอบด้วยกระบวนการรับสมัคร การสอบคัดเลือก ปฐมนิเทศผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ เตรียมความพร้อมผู้เข้าร่วมโครงการด้านภาษา วิชาพื้นฐาน และทักษะที่จำเป็น โดยกำหนดให้ผู้เข้าร่วมโครงการเดินทางไปศึกษาในต่างประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ทั้งนี้ กำหนดเวลาดังกล่าวเป็นการดำเนินงานในปีแรกของโครงการ สำหรับการดำเนินงานตลอดโครงการนั้น จะใช้เวลาในการดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๖ โดยใช้งบประมาณจำนวน ๗,๑๘๓,๗๖๑,๗๐๐ บาท ๑.๒ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน เพื่อให้การดำเนินโครงการสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและเกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวม ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้นักเรียนในแต่ละพื้นที่ เขต/อำเภอ มีโอกาสในการสมัครสอบแข่งขันเพื่อขอรับทุนได้อย่างเท่าเทียมกัน ๓. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการ ๑ อำเภอ ๑ ทุน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน และผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดทิศทางและแนวทางการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกผู้รับทุนให้เป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรม เผยแพร่และประชาสัมพันธ์โครงการ รวมทั้งพิจารณาหาแนวทางและกำหนดวิธีการแก้ไขกรณีที่เกิดปัญหา ตลอดจนติดตามและประเมินผลสำเร็จของโครงการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป |
|||||||||||||||||||||
30280 | การขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติและผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าว | รง | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติและผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าว ตามมติคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยขยายระยะเวลาการพิสูจน์สัญชาติและผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักรแก่แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติพม่า ลาว และกัมพูชา ที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในราชอาณาจักร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ และวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ อยู่ในราชอาณาจักรต่อไปอีกจนถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ เพื่อเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตทำงานให้ตรวจสอบสำเนาใบรับรองแพทย์ที่ใช้ประกอบการขอใบอนุญาตทำงาน ต้องเป็นสำเนาใบรับรองแพทย์จากสถานบริการที่เข้าร่วมโครงการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง ของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งประสานกับทางการพม่า ลาว และกัมพูชาให้ช่วยออกเอกสารรับรองสถานะบุตรแรงงานต่างด้าวฯ ที่เกิดในประเทศไทยควบคู่กับการเร่งรัดพิสูจน์สัญชาติ ไปดำเนินการด้วย |
.....