ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1519 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 30361 - 30380 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
30361 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2555 | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เพื่อให้การดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕ มีแนวทางและหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เหมาะสม คุ้มค่า และเกิดความเป็นธรรมแก่เกษตรกรทั้งในกลุ่มที่เข้าร่วมโครงการและไม่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาล จึงมอบให้คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธาน รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๕ จากแหล่งเงินทุนอื่น เช่น กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ ภายใต้พระราชกำหนดกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเพิ่มเติมขอบเขตการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติให้ครอบคลุมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี และพิจารณาทบทวนอัตราเบี้ยประกันที่ปรับเพิ่มขึ้นให้เหมาะสมระหว่างการจ่ายสมทบของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งได้รับความคุ้มครองภัยจากศัตรูพืชเพิ่มขึ้นจากเดิม กับการจ่ายสมทบของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยให้เกษตรกรจ่ายสมทบเพิ่มขึ้นจากอัตราเดิมที่กำหนด ๖๐ บาทต่อไร่ โดยไม่ผลักภาระให้ภาครัฐจ่ายสมทบทั้งหมดในส่วนที่เพิ่มขึ้นฝ่ายเดียว รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจโครงการฯ อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อให้เกษตรกรเห็นถึงความสำคัญและผลประโยชน์จากการเข้าร่วมโครงการฯ นอกจากนี้ ในระยะต่อไป รัฐควรขยายโครงการประกันภัยพืชผลให้ครอบคลุมพืชมากชนิดขึ้น และพิจารณาแนวทางการลดความซ้ำซ้อนในการให้ความช่วยเหลือของรัฐในลักษณะเดียวกันในระยะต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นภาระด้านงบประมาณของภาครัฐที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นในระยะยาว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||
30362 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อปรับปรุงการจัดโครงสร้างของส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดังต่อไปนี้
๑. กำหนดการแบ่งส่วนราชการใหม่ โดยแบ่งออกเป็น ๗ ส่วนราชการ ได้แก่ สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวง กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมประชาสงเคราะห์ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ๒. กำหนดให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรี ที่เป็นส่วนราชการเดิมในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และของข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการเดิมในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๓. กำหนดให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลังของส่วนราชการเดิมในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ไปเป็นของส่วนราชการที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๔. กำหนดให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลังของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ เฉพาะกองกลาง หน่วยตรวจสอบภายในและกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร ไปเป็นของกรมกิจการเด็กและเยาวชน และกรมกิจการผู้สูงอายุ ตามที่ อ.ก.พ. กระทรวง กำหนด โดยให้คำนึงถึงความสมัครใจของผู้ที่ถูกโอนประกอบกับประโยชน์ของราชการด้วย ๕. กำหนดให้โอนกองทุนที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะในส่วนราชการเดิมในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ไปเป็นของส่วนราชการที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๖. กำหนดให้โอนอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการเดิมในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และของเจ้าหน้าที่ในส่วนราชการเดิมในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่มีอยู่ตามกฎหมายเฉพาะ ไปเป็นของส่วนราชการที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือของเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แล้วแต่กรณี ๗. กำหนดให้บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีใดที่อ้างถึงของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างของส่วนราชการเดิม ให้ถือว่าอ้างถึงส่วนราชการที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ และข้าราชการ พนักงานราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการที่ปรับปรุงโครงสร้างใหม่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แล้วแต่กรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||
30363 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์คันแรก) | กค | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้เงินได้ที่ได้รับจากรัฐ สำหรับการซื้อรถยนต์คันแรกเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ เป็นจำนวนเท่ากับภาษีสรรพสามิตของรถยนต์ที่ซื้อแต่ไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ เฉพาะรถยนต์คันแรกที่ซื้อระหว่างวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๑.๒ กำหนดให้ใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ๒. ให้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีบริษัทผลิตรถยนต์อาจไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกได้ทันภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ โดยให้ผู้ซื้อรถยนต์ตามมาตรการภาษีสำหรับการซื้อรถยนต์คันแรกสามารถขอคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรกได้ด้วย ไปประกอบการพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30364 | ผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามผลการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ของส่วนราชการที่ขอเปลี่ยนแปลงรายการที่ได้รับจัดสรร ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญที่ต่างไปจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ ตามที่สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรุงเทพมหานคร เป็นการขอเปลี่ยนแปลงรายการในโครงการเร่งด่วนตามข้อเสนอการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีในพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการจัดหาคันคอนกรีต (Barrier) จากความยาวไม่น้อยกว่า ๔๘,๐๐๐ เมตร จำนวน ๗๑.๘๓๘๘ ล้านบาท เป็นความยาว ๔๐,๖๗๐ เมตร จำนวน ๗๑.๘๓๘๘ ล้านบาท ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่ดำเนินการจริง และเป็นรายการที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนการประกวดราคาแล้ว แต่ยังไม่ลงนามในสัญญา เห็นว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นสาระสำคัญและแตกต่างจากที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติไว้ อีกทั้งทำให้ราคาต่อหน่วยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่พิจารณาแล้วไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานที่เคยอนุมัติ ๑.๒ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เห็นชอบให้จังหวัด ๑๔ จังหวัด ใช้เงินเหลือจ่ายจากการนำส่งคืนเงินงบประมาณ เป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานของจังหวัด โดยจังหวัดลพบุรีขอเปลี่ยนแปลงวงเงิน รวม ๒ โครงการ ได้แก่ โครงการขุดลอกแม่น้ำบางขาม ขอเปลี่ยนวงเงิน จากวงเงิน ๖๔.๒๖๐๐ ล้านบาท เป็น วงเงิน ๙๔.๘๗๕๐ ล้านบาท และโครงการขุดลอกแม่น้ำป่าสัก ขอเปลี่ยนวงเงิน จากวงเงิน ๙๔.๘๗๕๐ ล้านบาท เป็น วงเงิน ๖๔.๒๖๐๐ ล้านบาท เนื่องจากมีการพิมพ์คลาดเคลื่อนสลับวงเงินกันระหว่าง ๒ โครงการ ซึ่งตรวจสอบในรายละเอียดพบว่า เกิดจากระบบการพิมพ์ที่สลับกัน ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงของประมาณการค่าใช้จ่ายโครงการ ๒. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในส่วนของสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งจะขอใช้เงินเหลือจ่ายจากโครงการร่วมดำเนินการและสนับสนุน JICA เพื่อจัดทำข้อมูลความสูงภูมิประเทศของพื้นที่รองรับน้ำ จำนวน ๗๕.๐๐ ล้านบาท ไปดำเนินโครงการของสำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และของสำนักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) นั้น เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ของสำนักงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ส.กยน.) ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔] เห็นชอบการจัดสรรกรอบวงเงินไว้แล้ว จำนวน ๑๕๓.๗๖ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
30365 | ผลการประชุมของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ครั้งที่ 5/2555 | วท | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ที่เห็นชอบว่า ในกรณีที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) พิจารณากลั่นกรองรายละเอียดของโครงการตามแนวทางที่ กนอช. และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กำหนดไว้แล้ว ให้ กบอ. สามารถเสนอแผนงานโครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติได้โดยตรง และให้ กบอ. นำเสนอ กนอช. เพื่อทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้ กบอ. เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยแห่งชาติเสนอต่อ กนอช. และคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยเร็ว เพื่อให้การพิจารณาอนุมัติแผนงาน/โครงการของ กบอ. มีทิศทางที่ชัดเจน สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และเป็นไปตามนโยบายที่ กนอช. กำหนด รวมทั้งให้ กบอ. เร่งดำเนินการเสนอขอแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. รับทราบ อนุมัติ และเห็นชอบ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้ ๒.๑ รับทราบสรุปรายงานสถานการณ์น้ำของประเทศไทย และความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนการป้องกันบรรเทาอุทกภัย ๒.๒ อนุมัติให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ในการพิจารณาข้อเสนอแผนการพัฒนาประสิทธิภาพการเก็บและการระบายน้ำในพื้นที่รับน้ำนองในพื้นที่ ๑๑ จังหวัด เพื่อดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานในระยะเร่งด่วน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม ๒.๓ อนุมัติงบประมาณการดำเนินงานตามข้อเสนอแผนการพัฒนาประสิทธิภาพการเก็บและการระบายน้ำในพื้นที่รับน้ำนองในพื้นที่ ๑๑ จังหวัด เพื่อดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานในระยะเร่งด่วน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๙๖ รายการ วงเงินงบประมาณ ๖๑๔,๑๓๖,๒๐๐ บาท โดยใช้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (เงินกู้ ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ๒.๔ อนุมัติงบประมาณการดำเนินงานตามข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม วงเงินงบประมาณ ๓,๒๓๖,๖๙๔,๐๐๐ บาท โดยใช้เงินตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ (เงินกู้ ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ๒.๕ เห็นชอบข้อเสนอการบริหารจัดการสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ ตามที่ กบอ. เสนอ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรุงเทพมหานคร รับไปดำเนินการ ๓. สำหรับวงเงินอุดหนุนการดำเนินโครงการปรับปรุงระบบเขื่อนป้องกันอุทกภัยนิคม/สวน/เขตอุตสาหกรรม ๖ แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน สวนอุตสาหกรรมบางกะดี เขตประกอบการอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค สวนอุตสาหกรรมนวนคร และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ตามข้อเสนอของกระทรวงอุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามการคำนวณราคาตามแบบมาตรฐานของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ กบอ. ได้พิจารณาเห็นชอบแล้ว ในวงเงิน ๓,๒๓๖,๖๙๔,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการที่ควรคำนึงถึงความซ้ำซ้อนในการขอรับงบประมาณ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัด กำกับ ติดตามการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมถึงการคำนึงถึงมาตรฐานการออกแบบระบบเขื่อนที่สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจกับชุมชนโดยรอบนิคมให้เห็นถึงความจำเป็นที่ภาครัฐได้ให้ความสำคัญในการลงทุนเพื่อปกป้องนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๔. ให้ กบอ. รับไปประสานงานและหารือในรายละเอียดกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่รับน้ำนองในพื้นที่ ๑๑ จังหวัด เพื่อจัดทำแผนเผชิญเหตุและกำหนดแนวทางการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการอพยพ การจัดเตรียมพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในศูนย์พักพิง การแก้ไขปัญหาการรุกล้ำที่รับน้ำและทางระบายน้ำ และการป้องกันไม่ให้มีการรุกล้ำพื้นที่เพิ่มเติม และให้มีการซักซ้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ทราบข้อมูลต่าง ๆ อย่างทั่วถึงกันเป็นการล่วงหน้าด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30366 | การจัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ | กต | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธาน ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) เสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้จัดตั้ง “กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ” และให้กระทรวงการต่างประเทศเกลี่ยอัตรากำลังและงบประมาณเท่าที่มีอยู่ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยไม่มีการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปยกร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยให้ประสานงานกับสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปยกร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อยุบเลิกสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศมาเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกัน โดยให้มีผลบังคับใช้สอดคล้องกับการจัดตั้งกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ๓. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน) เกี่ยวกับหน่วยงานที่เป็นภารกิจของราชการไม่ควรนำไปรวมกับหน่วยงานที่เป็นองค์การมหาชน รวมทั้งพิจารณาทบทวนบทบาทภารกิจขององค์การมหาชนให้มีเฉพาะกรณีที่จำเป็น เนื่องจากเป็นภารกิจเฉพาะด้านเท่านั้น ไม่ควรตั้งองค์การมหาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินงานแทนหน่วยงานราชการ |
|||||||||||||||||||||||||||
30367 | ความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น | นร | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สำนักงาน ก.พ.ร. ได้แจ้งส่วนราชการและจังหวัดจัดทำข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ โดยคัดเลือกกระบวนงานหลักที่วิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงในการเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยเฉพาะกระบวนงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต่อประชาชนโดยตรง หรือมีผลกระทบต่อสิทธิของประชาชน หรือก่อให้เกิดส่วนได้ส่วนเสียต่อความเป็นอยู่ของประชาชนสูง มาปรับปรุงหรือพัฒนาให้เกิดความโปร่งใสควบคู่ไปกับการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีที่กำกับดูแล รวมทั้งผ่านการกลั่นกรองโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อให้ความเห็นชอบและสนับสนุนทรัพยากร ๒. การตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ จำนวน ๒ คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทำหน้าที่ให้ความเห็นต่อข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ ของส่วนราชการและจังหวัด โดยพิจารณาจากความเหมาะสมของกระบวนงานที่เลือกและแนวทางแก้ไขปัญหาที่วางไว้ เพื่อเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ และคณะกรรมการกลั่นกรองข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ ทำหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ ของส่วนราชการและจังหวัด ตลอดจนติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. จะนำรายชื่อคณะกรรมการทั้ง ๒ คณะดังกล่าว เสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาลงนามแต่งตั้งต่อไป ๓. สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดช่องทางให้คำปรึกษาแก่ส่วนราชการและจังหวัดผ่านระบบให้คำปรึกษาออนไลน์และคลินิกให้คำปรึกษา ตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤษภาคม - ๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ โดยมีผลการคัดเลือกกระบวนงานที่ส่วนราชการจะนำไปจัดทำข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ ในเบื้องต้น ณ วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ยังมีอีกหลายส่วนราชการที่จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเพื่อส่งข้อมูลเบื้องต้นให้คณะกรรมการกลั่นกรองข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ ภายในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ สำหรับข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงฯ ฉบับสมบูรณ์จะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีที่กำกับดูแล โดยมีกำหนดส่งภายในวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๔. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (Anti- Corruption War Room) เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ โดยมีช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นผ่านสายด่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หมายเลข ๑๒๐๖ โดยผลการดำเนินการ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาทั้งสิ้น ๒๘๕ เรื่อง ซึ่งมีประเด็นการร้องทุกข์ ร้องเรียน หรือกล่าวโทษที่สำคัญ คือ การทุจริตเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การทุจริตของข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การทุจริตของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ การบรรจุแต่งตั้งไม่โปร่งใส การจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม การแจ้งเบาะแสยาเสพติด การแจ้งเบาะแสการฮั้วประมูล การเรียกรับ - เก็บส่วยจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และการร้องเรียนการสอบบรรจุแข่งขัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
30368 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายประทวน เขียวฤทธิ์ และนายกฤษ ศรีฟ้า) | นร | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายประทวน เขียวฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ๒. นายกฤษ สีฟ้า ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล)
|
|||||||||||||||||||||||||||
30369 | แต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสิน กุมภะ และ พลโท มะ โพธิ์งาม) | นร | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย ได้แก่ นายสิน กุมภะ และ พลโท มะ โพธิ์งาม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป เพื่อให้ผู้ได้รับแต่งตั้งลาออกจากตำแหน่งอื่น ๆ ที่เป็นลักษณะต้องห้ามได้ดำเนินการให้เรียบร้อย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30370 | การเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดชลบุรี | นร | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ ประกอบด้วย โครงการในการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก จำนวน ๔ จังหวัด (จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด) และข้อเสนอการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ. ภูมิภาค) เกี่ยวกับการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในการประกอบธุรกิจของภาคเอกชนในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก รวม ๔ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30371 | การมอบหมายให้รัฐมนตรีติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย | วท | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการมอบหมายรัฐมนตรีติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัย และเพื่อดำเนินการเร่งรัดการติดตามผลการดำเนินงาน ตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการทำงานของรัฐมนตรีผู้ได้รับมอบหมาย เสนอข้อมูล ประสานงาน อำนวยความสะดวก และให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน ๑.๓ ให้รัฐมนตรีผู้ได้รับมอบหมายรายงานผลต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกสัปดาห์ ๒. ให้รัฐมนตรีผู้ได้รับมอบหมายให้ติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยนำข้อมูลแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในระบบการติดตามความก้าวหน้าในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยผ่านเว็บไซต์ www.pmocflood.com มาใช้ประกอบการลงพื้นที่ตรวจติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานฯ และให้เน้นการตรวจติดตามโครงการที่ยังไม่มีความคืบหน้า หรือมีความคืบหน้าน้อยเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเร่งลงพื้นที่โดยเร็ว และให้จัดทำรายงานผลการตรวจติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานฯ ครั้งแรก พร้อมข้อเสนอแนะต่าง ๆ ส่งถึงนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ภายในวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ และให้ กบอ. ประมวลผลการตรวจติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานฯ ดังกล่าวเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีในวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
30372 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ไตรมาสที่ 2 (ตุลาคม 2554 - มีนาคม 2555) | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ไตรมาสที่ ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๔ - มีนาคม ๒๕๕๕) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๑๗๐,๙๑๖.๐๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๙.๒๐ ของวงเงินงบประมาณ จำนวน ๒,๓๘๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี (ร้อยละ ๔๒.๐๐) อยู่ร้อยละ ๗.๒๐ เมื่อเปรียบเทียบกับแผนการใช้จ่ายเงินในระบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) สะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๑๒๘,๐๒๔.๗๒ ล้านบาท พบว่าการเบิกจ่ายเงินสูงกว่าแผนการใช้จ่ายเงิน จำนวน ๔๒,๘๙๑.๒๘ ล้านบาท โดยมีการเบิกจ่ายในส่วนของรายจ่ายประจำ จำนวน ๑,๐๕๑,๐๔๐.๖๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๓.๒๕ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๑,๙๗๓,๘๑๐.๘๓ ล้านบาท และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๑๙,๘๗๕.๓๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๙.๕๑ ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุนหลังโอนเปลี่ยนแปลง จำนวน ๔๐๖,๑๘๙.๑๗ ล้านบาท สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางรายการที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยา ฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการ จำนวน ๑๒๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๑๑๖,๑๓๙.๓๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๔๑,๙๕๔.๒๑ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๓๖.๑๒ ๒. เงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีและขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๕๔ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๒๑๕,๗๑๕.๙๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๙๘,๔๐๑.๕๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๕.๖๒ ของวงเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี ๓. เงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓๔๙,๙๖๐.๔๔ ล้านบาท มีการจัดสรรแล้ว ณ วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวนทั้งสิ้น ๓๔๓,๔๗๗.๔๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๐๗,๑๙๗.๐๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๔๔
|
|||||||||||||||||||||||||||
30373 | การกู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี 2554 ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำไปให้กู้ยืมแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยปี ๒๕๕๔ วงเงินไม่เกิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดการกู้เงินดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีกระบวนการตรวจสอบว่ากลุ่มผู้ที่จะได้รับเงินกู้เป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในปี ๒๕๕๔ อย่างแท้จริง การกำหนดมาตรการในการติดตามการปล่อยกู้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเร่งดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยโดยเร็ว และให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของสถาบันการเงินเฉพาะกิจและการปล่อยสินเชื่อโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน Soft Loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจำแนกเป็นรายธนาคารให้คณะรัฐมนตรีรับทราบเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินการและสามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
30374 | สรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2555 | มท | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๕ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๕ “สงกรานต์ปลอดภัย ตายเป็นศูนย์” ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๗ เมษายน ๒๕๕๕ มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น ๓,๑๒๙ ครั้ง (ลดลงร้อยละ ๒.๖๗) โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ๑๒๕ ครั้ง รองลงมาคือ จังหวัดนครสวรรค์ ๑๑๘ ครั้ง และจังหวัดนครศรีธรรมราช ๑๐๘ ครั้ง มีผู้เสียชีวิต ๓๒๐ ราย (เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๐๘) โดยจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑๓ ราย รองลงมาคือ จังหวัดนครศรีธรรมราชและสระบุรี ๑๑ ราย และมีผู้บาดเจ็บ ๓,๓๒๐ คน (ลดลงร้อยละ ๔.๔๙) โดยจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ๑๒๔ คน รองลงมาคือ จังหวัดนครสวรรค์ ๑๒๐ คน และจังหวัดนครศรีธรรมราช ๑๑๒ คน สำหรับสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ คือ เมาสุรา และขับรถเร็วเกินกำหนด ๒. ข้อสังเกตจากการดำเนินงาน แม้ว่าจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและการบาดเจ็บลดลง เมื่อเทียบกับเทศกาลสงกรานต์ ปี ๒๕๕๔ (อุบัติเหตุลดลงร้อยละ ๒.๖๗ การบาดเจ็บลดลงร้อยละ ๔.๔๙) แต่จำนวนผู้เสียชีวิตกลับเพิ่มสูงขึ้นถึง ๔๙ ราย หรือคิดเป็นร้อยละ ๑๘.๐๘ (เพิ่มขึ้นจาก ๒๗๑ ราย เป็น ๓๒๐ ราย) ส่งผลให้ดัชนีความรุนแรง (การเสียชีวิตต่อ ๑๐๐ ครั้งของอุบัติเหตุ) เพิ่มขึ้นจาก ๘.๔๒ ในปีที่ผ่านมา เป็น ๑๐.๒๒ โดยยานพาหนะที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ ๖๕.๕๕ รองลงมาคือ รถปิกอัพ ร้อยละ ๑๘.๓๘ ส่วนถนนที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิตสูงสุดคือ ถนนของกรมทางหลวง ร้อยละ ๖๕.๓๑
|
|||||||||||||||||||||||||||
30375 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง | ลต | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ ๓ แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาใช้จ่ายจากเงินรายได้ โดยปรับแผนการใช้จ่ายเงินอุดหนุนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐ และหากพิจารณาตรวจสอบแล้วมีไม่เพียงพอ ก็ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณอีกครั้ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
30376 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏพิบูลสงคราม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะและครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาเพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาเทคโนโลยี สาขาวิชานิติศาสตร์ และสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยี สาขาวิชานิติศาสตร์ และสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
30377 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏพระนครศรีอยุธยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ .... | ศธ | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๓ ดังต่อไปนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาเพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยี ๒. กำหนดสีประจำสาขาวิชาของสาขาวิชาเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||||||||
30378 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อกำหนดเขตศุลกากร ทางอนุมัติและด่านพรมแดนของด่านศุลกากรเชียงแสนเพิ่มเติม และกำหนดท่าหรือที่ เขตศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน ของด่านศุลกากรบูเก๊ะตา และด่านศุลกากรมุกดาหาร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
30379 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) (สำนักนายกรัฐมนตรี) | นร | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นางอมรรัตน์ ลิ่มไทย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๒. นายเพิ่มศักดิ์ สัจจะเวทะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||||||||
30380 | รายงานความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2554 | กค | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของสถาบันการเงินเฉพาะกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ มีการอนุมัติการให้ความช่วยเหลือ ๗๑,๑๐๒ ราย วงเงิน ๒๒,๕๘๙.๔๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘.๑๖ ของวงเงินสินเชื่อรวม และเบิกจ่ายแล้ว ๗๑,๐๔๙ ราย วงเงิน ๒๒,๕๖๔.๖๖ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘.๑๕ ของวงเงินสินเชื่อรวม ส่วนการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ได้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว ๒,๔๙๘,๕๗๘ ราย วงเงิน ๑๒,๔๙๒.๘๙ ล้านบาท ๒. สาเหตุที่ผลการดำเนินงานตามมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยยังอยู่ในระดับต่ำ ๒.๑ สถาบันการเงินส่วนใหญ่มีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอยู่แล้วหลายมาตรการ เช่น การผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้สินเชื่อ ทั้งการขยายระยะเวลา ลดยอดผ่อนชำระรายเดือน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยและการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ซึ่งลูกค้านำรายจ่ายที่ลดลงดังกล่าวรวมถึงนำเงินที่เก็บออมไว้มาใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซมความเสียหายเล็กน้อยตามความจำเป็นเท่านั้น ๒.๒ รัฐบาลมีมาตรการให้เงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ซี่งช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ประสบอุทกภัยไปส่วนหนึ่ง ๒.๓ ธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) วงเงินรวม ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับสถาบันการเงินในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี ซึ่งเป็นการสมทบเงินระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยกับสถาบันการเงินในอัตราร้อยละ ๗๐ : ๓๐ เป็นระยะเวลา ๕ ปี และให้สถาบันการเงินคิดอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมกับลูกค้าไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อปี ๒.๔ ผู้ประสบอุทกภัยส่วนใหญ่ต้องการดูความชัดเจนในการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลก่อน
|
.....