ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 43 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 841 - 860 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
841 | ขอความเห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (AKTIGA) | พณ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product - Specific Rules of Origin) ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน
- สาธารณรัฐเกาหลี (AKTIGA) ฉบับ HS 2022
และอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
ในฐานะคณะกรรมการการดำเนินงานความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (AKFTA
IC) ของไทยแจ้งการให้ความเห็นชอบดังกล่าวต่อสมาชิก AKFTA ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘ โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังดำเนินกระบวนการภายใน
เพื่อให้บัญชีกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลง AKTIGA ฉบับ HS 2022 เริ่มมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบัญชีถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product - Specific Rules of Origin) ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (AKTIGA) ฉบับ
HS 2022 ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
842 | การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กต. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
843 | ข้อเสนอเชิงนโยบาย "3 เร่ง 3 ลด 3 เพิ่ม" เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤตเป็นวาระแห่งชาติ | ศธ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเชิงนโยบาย “๓ เร่ง
๓ ลด ๓ เพิ่ม” เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต และเห็นชอบข้อเสนอเชิงนโยบาย
“๓ เร่ง ๓ ลด ๓ เพิ่ม” เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต
เป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งเห็นชอบให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร
และหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือเอกชนที่มีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยภายใต้การกำกับดูแลและรับผิดชอบ
หรือที่มีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษาให้แก่เด็กปฐมวัย ร่วมกันขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบาย
“๓ เร่ง ๓ ลด ๓ เพิ่ม” เพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต
ด้วยโครงการ/กิจกรรมของหน่วยงานอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเด็กปฐมวัยเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายการพัฒนา เด็กปฐมวัย
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยในสภาวะวิกฤต
ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดการ ส่งเสริม
และสนับสนุนการจัดการศึกษา รวมทั้งการจัดการหรือสนับสนุนการดูแลและพัฒนาเด็กเล็ก
ตามมาตรา ๔๕ (๗ ตรี) แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๕๐ (๖) แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.
๒๔๙๖ แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ ๑๔) พ.ศ. ๒๕๖๒ และมาตรา ๖๗ (๕)
แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ แก้ไขเพิ่มเติมถึง
(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ กระทรวงสาธารณสุข เห็นควรเพิ่มข้อมูลการดูแลสุขภาพเด็กโดยใช้มาตรการ
ด้านสุขภาพ 4D ประกอบด้วย ๑) Diet : ได้แก่ การส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีการเจริญเติบโตอย่างสมวัย
การรับประทานอาหารที่เหมาะสมตามวัย ๒) Development & Play : ได้แก่ การส่งเสริมให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการสมวัยทั้ง ๕ ด้าน
โดยบูรณาการผ่านการเล่น ๓) Dental : ได้แก่ มีการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเด็กปฐมวัยอย่างถูกต้อง
และ ๔) Disease : ได้แก่ ส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพที่ดีไม่เจ็บป่วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
844 | (ร่าง) แผนแม่บทวัฒนธรรมแห่งชาติ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) | วธ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
845 | การเสนอเอกสาร Representative List ICH-02-Form รายการ "ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย" (Loy Krathong: Traditional Water-honoring Festival in Thailand) เพื่อเสนอเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก | วธ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเอกสารรายการ “ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย” (Loy Krathong : Traditional
Water - honoring Festival in Thailand) ขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
และให้อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
เป็นผู้ลงนามในเอกสารนำเสนอรายการ “ประเพณีลอยกระทงในประเทศไทย” (Loy
Krathong Traditional Water - honoring Festival in Thailand)
เป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติต่อยูเนสโก
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
846 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารอำนวยการ ผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉิน เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 23,765 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลตรัง จังหวัดตรัง 1 หลัง (งานส่วนที่เหลือ ครั้งที่ 3) | สธ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างรายการอาคารอำนวยการ
ผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉินเป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒๓,๗๖๕ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร
โรงพยาบาลตรัง ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ๑ หลัง
(งานส่วนที่เหลือ ครั้งที่ ๓) จำนวนเงิน ๒๘๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗จำนวน
๔๕,๘๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๓๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ - พ.ศ. ๒๕๗๐ รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๘๘,๐๙๖,๓๔๙.๗๗ บาท และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารดังกล่าว
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) กำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างอาคารอำนวยการ ผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉิน
พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคารโรงพยาบาลตรังให้แล้วเสร็จ ภายในกรอบวงเงินและระยะเวลาที่ได้รับการอนุมัติไว้ในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง สำหรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากโครงการฯ
มีอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ ๒๓ เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกัน
ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป
และตั้งอยู่ติดแม่น้ำตามเอกสารท้ายประกาศ ๒ ฝั่งทะเลหรือชายหาด
หรือที่ตั้งอยู่ติดหรืออยู่ในอุทยานแห่งชาติหรืออุทยานประวัติศาสตร์ จะเข้าข่ายเป็นโครงการ
กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามประกาศฯ ลำดับที่ ๒๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
847 | การปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานี พ.ศ. 2569 | กษ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการปรับผังแม่บท
(Master Plan) และรายละเอียดโครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก
จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙ เพื่อให้การดำเนินการก่อสร้างอาคารและภูมิสถาปัตย์ได้ทันก่อนเปิดงาน
โดยเป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมวิชาการเกษตร)
เปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๖๕๗๐
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัดด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าหน่วยงานรับผิดชอบภารกิจเชิงพื้นที่
พร้อมสนับสนุนการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดงานต่อไป
ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามแบบและระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งข้อกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เห็นว่าแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกฯ
นั้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี
(ปรับปรุงช่วงที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๘๐) ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในส่วนของการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการจัดงานพืชสวนโลก
จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. ๒๕๖๙ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
848 | การจัดสรรงบประมาณให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ให้แก่มูลนิธิจุฬาภรณ์ เป็นเงินอุดหนุนแก่สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์ | อว. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นเงินอุดหนุนแก่สถาบันบัณฑิตศึกษาจุฬาภรณ์โดยตรง
ตามมาตรา ๑๓ ประกอบมาตรา ๖๒ (๓) แห่งพระราชบัญญัติสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖
และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมถึงรายการผูกพันที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้ว ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปฏิบัติตามขั้นตอนของกองกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
(หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๑.๑/๓๔๒ ลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
849 | มติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 | 27/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ ๕ (ด้านเศรษฐกิจและการเกษตร) ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๔
มีนาคม ๒๕๖๘ ดังนี้ ๑.
เห็นควรรับทราบมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ เมื่อวันที่
๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ๒.
เห็นควรให้ความเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดของประเภทยานยนต์และคุณสมบัติของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่เข้าร่วมมาตรการ
EV3.5 โดยให้เพิ่มเติมประเภทรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับสิทธิตามมาตรการ
EV3.5 เป็น “รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่ง ไม่เกิน
๑๐ คน” โดยใช้หลักการเกี่ยวกับคุณลักษณะและคุณสมบัติ จำนวนเงินอุดหนุน
และการผลิตชดเชยเช่นเดียวกับรถยนต์นั่ง
และให้เพิ่มเติมคุณลักษณะและคุณสมบัติสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ประเภทรถจักรยานยนต์ ๓. สำหรับมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV3) และเป็นรุ่นที่มีแต่ AC Charge (การชาร์จแบบกระแสสลับหรือการชาร์จกับไฟบ้าน)
ที่ผลิตในประเทศหรือนำเข้ามาในประเทศภายในปี ๒๕๖๗ สามารถเข้าร่วมมาตรการ FV3.5 ได้ ตลอดจนสามารถโอนสิทธิมายังมาตรการ EV3.5
ได้นั้น เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องดังกล่าวกลับไปทบทวนความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง ๔.
เห็นควรมอบหมายให้กรมสรรพสามิตดำเนินการแก้ไขหรือเพิ่มเติมประกาศที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ กระทรวงการคลัง
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่ามาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
(รถโดยสารและรถบรรทุก) ซึ่งจะใช้มาตรการทางภาษี
โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสามารถหักเป็นค่าใช้จ่ายในการซื้อรถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้ามาใช้งาน
จะกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ
ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการโดยคำนึงถึงความยั่งยืนทางการคลังของประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเร่งสร้างความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนกับประเทศผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในตลาดปัจจุบัน
อาทิ จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา เพื่อสร้างพันธมิตรทางการค้าที่แข็งแกร่ง และเพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะสามารถนำมาต่อยอดองค์ความรู้และพัฒนาการผลิตของไทยในอนาคตให้เท่าทันกับประเทศผู้นำต่าง
ๆ เช่น การแลกเปลี่ยนแรงงานที่มีทักษะ โดยอาจพิจารณาเจรจาขอให้มีการฝึกทักษะแรงงานไทยที่โรงงานบริษัทหลักในต่างประเทศ
เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
850 | ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. .... | วธ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์
เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์
และให้มีมาตรการการกำกับดูแลที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทสังคมและเทคโนโลยีของภาพยนตร์ในปัจจุบัน
รวมทั้งส่งเสริมให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เป็น Soft Power ของประเทศที่สามารถเติบโตและแข่งขันกับนานาประเทศได้ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
และสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เช่น กระทรวงแรงงาน เห็นว่ามาตรา ๑๑ (๕)
กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งชาติประกอบด้วย
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน ๗ คน ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์ด้านสื่อสารมวลชน
ด้านสื่อมัลติมีเดีย และด้านการตลาดแต่ไม่มีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสื่อที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะที่จะเข้ามาแสดงมุมมองของเด็กและเยาวชนเพื่อให้ได้รับข้อมูลอย่างเหมาะสม
ซึ่งไม่สอดคล้องตามมาตรา ๗ ที่ให้ความสำคัญในการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรจัดให้มีหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ชัดเจนเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจในการตรวจพิจารณาบทภาพยนตร์
เค้าโครง และเรื่องย่อของภาพยนตร์และลดอุปสรรคต่อการถ่ายทำภาพยนตร์ตามบทต้นฉบับ
นอกจากนี้ อาจกำหนดให้มีระเบียบเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำภาพยนตร์
(Rate Card) เช่น ค่าใช้สถานที่
ค่าทีมงานในการอำนวยความสะดวก เพื่อให้เป็นมาตรฐานเกิดความโปร่งใส
และให้ผู้ประกอบการสามารถคำนวณต้นทุนได้อย่างชัดเจน รวมถึงพิจารณาส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการถ่ายทำภาพยนตร์ในภูมิภาคเพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์
ณ จุดเดียว ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เห็นควรพิจารณาให้มีกลไกการถ่วงดุลอำนาจของรัฐมนตรีในการสั่งยุบคณะกรรมการบริหารสภาอุตสาหกรรมภาพยนตร์แห่งประเทศไทย
หรือไล่สมาชิกคนใดคนหนึ่งออก (มาตรา ๓๘) ควรส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในเชิงรุก
เช่น การจัดตั้งกองทุนภาพยนตร์แห่งชาติ สนับสนุนภาพยนตร์ไทยที่มีคุณภาพ
สนับสนุนสถาบันภาพยนตร์แห่งชาติให้คล้ายกับสถาบันภาพยนตร์อังกฤษ (The British Film Institute : BFI) หรือสถาบันภาพยนตร์อเมริกัน
(American Film Institute : AFI) และให้สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับผู้สร้างภาพยนตร์ไทยที่สามารถนำผลงานออกสู่ตลาดโลก
เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
851 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่) | กค. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้เท่ากับรายจ่ายเพื่อการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่
(รถโดยสารไฟฟ้าและรถบรรทุกไฟฟ้า) ที่ได้จ่ายไปตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ โดยให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ๒ เท่า
สำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ผลิตหรือประกอบในประเทศไทย
และให้หักเป็นค่าใช้จ่ายได้ ๑.๕ เท่าสำหรับรายจ่ายเพื่อการลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ประกอบสำเร็จรูปและนำเข้ามาทั้งคัน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนโดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
ที่เห็นควรกำหนดขอบเขตคำนิยามของ “ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่” ไว้ในร่างพระราชกำหนดให้ชัดเจน
และเห็นว่าสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวควรจะต้องครอบคลุมถึงรายจ่ายที่ผู้ประกอบการต้องลงทุนสำหรับอุปกรณ์การอัดประจุไฟฟ้า
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังพิจารณาหาแนวทางการเพิ่มรายได้ภาษี
เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปตามเป้าหมายและเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการคลังในอนาคต
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรเร่งรัดพัฒนาการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
รองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และปล่อยมลพิษเป็นศูนย์อย่างแท้จริง เร่งรัดและส่งเสริมให้เกิดระบบการจัดเก็บและการจัดการแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพให้ถูกต้อง
และเหมาะสมตามหลักวิชาการ และมุ่งเน้นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ลงทุนในยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ผลิตหรือประกอบในประเทศเป็นหลัก
เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างงานในประเทศไทย กระทรวงพลังงาน เห็นว่านอกจากมาตรการส่งเสริมทางภาษีแล้วควรมีมาตรการสนับสนุนส่งเสริมผู้ผลิตเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลด้วย
และควรพิจารณาการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ตามเส้นทางประจำเพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการอัดประจุไฟฟ้าที่เหมาะสมซึ่งต้องใช้กำลังไฟฟ้าสูงได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
852 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร ในท้องที่ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | อก. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไปนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร ในท้องที่ตำบลโคกขาม
อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพเป็นแพรกสาธารณะ และพลเมืองเลิกใช้ประโยชน์แล้ว ในเขตอุตสาหกรรมทั่วไป
นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร ในท้องที่ตำบลโคกขาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร
เนื้อที่ประมาณ ๑๐ ไร่ ๑๕.๓ ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
(กนอ.) เพื่อนำไปพัฒนาให้เป็นนิคมอุตสาหกรรมตามวัตถุประสงค์ของ กนอ. ต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
853 | การลงนามและเข้าเป็นภาคีความตกลงภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลเกี่ยวกับการอนุรักษ์และการใช้อย่างยั่งยืนซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลในพื้นที่นอกเขตอำนาจรัฐ (Agreement under the United Nations Convention on the Law of the Sea on the Conservation and Sustainable Use of Marine Biological Diversity of Areas beyond National Jurisdiction: BBNJ) | กต. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
854 | ข้อเสนอการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ | นร.12 | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบข้อเสนอการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ และมอบหมายหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด
รวมทั้งให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจทราบต่อไป
และรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการของคณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
(คปธ.) ตามที่คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อความสะดวกในการประกอบธุรกิจเสนอ ทั้งนี้
ให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาด้วย
ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าหากมีการกำหนดให้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมสามารถดำเนินการชำระค่าธรรมเนียมแทนการต่ออายุใบอนุญาตได้นั้น
ควรมีข้อกำหนดให้ผู้ยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมแสดงเอกสารหลักฐานต่าง
ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณา เพื่อเป็นการรับรองและยืนยันว่าการต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าวเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
และหากนายทะเบียนโรงแรมตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่าการต่ออายุใบอนุญาตดังกล่าวไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
นายทะเบียนมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวได้ทันที โดยไม่ต้องดำเนินการคืนค่าธรรมเนียมใด
ๆ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรคำนึงถึงความปลอดภัยและมาตรฐานของโรงแรมเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะการกำหนดเกณฑ์การตรวจสอบมาตรฐานภายใต้กรอบระยะเวลาที่เหมาะสมก่อนอนุมัติการชำระค่าธรรมเนียมของธุรกิจโรงแรมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
855 | รัฐบาลรัฐอิสราเอลเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย (นางอะโลนา ฟิชเชอร์-คัมม์) | กต. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอะโลนา ฟิชเชอร์-คัมม์ (Mrs. Alona Fisher-Kamm) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางออร์นา ซากิฟ (Ms. Orna Sagiv) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
856 | รัฐบาลสาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโกเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโกประจำประเทศไทย (นางสาวอะนาลิซา โลว์) | กต. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอะนาลิซา โลว์ (Ms. Analisa Low) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตรินิแดดและโตเบโกประจำประเทศไทยคนแรก
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
857 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
858 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวปรัชญวรรณ วนานันท์) | ศธ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวปรัชญวรรณ วนานันท์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบบริหารจัดการศึกษา
(นักวิชาการศึกษาเชี่ยวชาญ) สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบบริหารจัดการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ)
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
859 | ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ | สผ. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่า
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาชน กับคณะ รวม ๑๖๕ คน
ได้เข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล
ตามมาตรา ๑๕๑ ของรัฐธรรมนูญ นั้น
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีความพร้อมจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่วันจันทร์ที่
๒๔ มีนาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป จึงได้ลงมติ ๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นางมนพร
เจริญศรี) รับไปประสานประธานสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับกำหนดวันที่คณะรัฐมนตรีจะไปชี้แจงตามญัตติดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ๒. มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดเตรียมข้อมูลและจัดทำประเด็นประกอบการชี้แจงดังกล่าวต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
860 | รายงานประจำปี 2566 ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) | พณ. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖
ของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) สคพ. ได้ดำเนินโครงการและกิจกรรมด้านการค้าและการพัฒนา โดยจำแนกเป็น ๓
ประเด็น ได้แก่ ๑)
พัฒนาขีดความสามารถบุคลากรทางการค้าและการพัฒนาผ่านกลไกความร่วมมือระดับภูมิภาคให้ก้าวทันกระแสความเปลี่ยนแปลง
๒) สร้างสรรค์ผลงานวิชาการที่ทันสถานการณ์และตอบโจทย์การแข่งขันด้านการค้าและการพัฒนาในภูมิภาค
และ ๓) ยกระดับองค์กรผ่านความร่วมมือในระดับภูมิภาคและใช้นวัตกรรมที่ทันสมัย (๒)
สคพ.
ดำเนินการสนับสนุนการจัดทำผลงานทางวิชาการที่เป็นบทความและเผยแพร่ข้อมูลวิชาการของ
สคพ. ในรูปแบบข่าวและสกู๊ปข่าว ผ่านสื่อต่าง ๆ และ (๓) สคพ.
ได้พยายามขยายเครือข่ายการสร้างองค์ความรู้และการให้บริการวิชาการเพื่อการค้าและการพัฒนาทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|