ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
901 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (1. นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล ฯลฯ รวม 9 คน) | ดศ. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
รวม ๙ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นางวิลาวรรณ มังคละธนะกุล ประธานกรรมการ ๒. นายกอบศักดิ์ ดวงดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงิน ๓. นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงิน ๔. นางปิยนุช วุฒิสอน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ๕. นายศักรินทร์ ร่วมรังษี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านนิติศาสตร์ ๖. นายเฉลิมรัฐ นาควิเชียร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ ๗. นายสุพันธุ์ ตั้งจิตกุศลมั่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ ๘. พลตำรวจตรี เอกธนัช ลิ้มสังกาศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสังคมศาสตร์ ๙. นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสังคมศาสตร์ ทั้งนี้ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง
ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
902 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ (นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล) | พม. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
903 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (1.นายถาวร ทันใจ ฯลฯ จำนวน 4 คน) | ทส. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
จำนวน ๔ คน เนื่องจากกรรมการอื่นเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายถาวร ทันใจ (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๒. นายทศพร ละดาพรพิพัฒน์ ๓. พลตำรวจโท วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ๔. นายอิสรพงษ์ มากอำไพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
904 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนแทนตำแหน่งที่ว่าง (นายคธาทิพย์ เอี่ยมกมลา) | อว. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายคธาทิพย์ เอี่ยมกมลา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
905 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม (1.นายสิทธิพร หาญญานันท์ ฯลฯ จำนวน 5 คน) | มท. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม
จำนวน ๕ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘
มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายสิทธิพร หาญญานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรมประเภทที่ ๑ ๒. นายรวีโรจน์ ชุมพลกูลวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรมประเภทที่
๒ ๓. นายอุดม ศรีมหาโชตะ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรมประเภทที่ ๓ ๔. นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรมประเภทที่
๔ ๕. นายพรชัย สังข์ศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านโรงแรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
906 | การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ | ดศ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
907 | ร่างแถลงการณ์แสดงเจตจำนงร่วมในการจัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงาน ระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี | พน. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์แสดงเจตจำนงร่วมในการจัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงาน
ระหว่าง กระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในแถลงการณ์ฯ
ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘ - ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๘ ณ กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี โดยร่างแถลงการณ์ฯ
มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างเวทีหารือด้านการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อนำไปสู่ความเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ
ภายใต้หลักการผลประโยชน์ร่วม ความเท่าเทียม และการต่างตอบแทน
เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคการผลิตพลังงานและภาคอุตสาหกรรม
สนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ และเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงพลังงาน (สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยโอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
908 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายเสรี นนทสูติ) | กค. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเสรี นนทสูติ
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
909 | รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทย (อู ซอ ซอ โซ) | กต. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง อู ซอ ซอ โซ (U Zaw Zaw Soe) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน อูชิซเว (U Chit Swe) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
910 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 และวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568) | ปสส. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๘
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
911 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2568 ครั้งที่ 1 | กค. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๘ ครั้งที่ ๑ โดยในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๓
มกราคม ๒๕๖๘ โดยการปรับปรุงแผนฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
การปรับเพิ่มวงเงินกู้โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทยส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้แก่ผู้รับจ้างได้เพิ่มขึ้น
(๒) การปรับลดวงเงินกู้โครงการรับจำนำผลิตผลทางการเกษตร (ปีการผลิต ๒๕๕๔/๒๕๕๕
และปีการผลิต ๒๕๕๕/๒๕๕๖) จำนวน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท
เนื่องจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้รับเงินงบประมาณเพื่อชำระคืนเงินต้นแล้ว
และ (๓) การปรับเพิ่มวงเงินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้รัฐบาลที่จะครบกำหนด ในปีงบประมาณ
๒๕๖๙ - ๒๕๗๒ จำนวน ๗๗,๘๙๐.๐๒ ล้านบาท เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรกำกับ ติดตาม
และเร่งรัดหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด
เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างแท้จริง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าการบริหารจัดการหนี้สาธารณะในระยะต่อไป
จะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเงินโลกที่ยังมีแนวโน้มของความผันผวนอยู่ในเกณฑ์สูง
รวมทั้งแรงกดดันทางการคลังที่เพิ่มขึ้นตามภาระหนี้รัฐบาลจากการดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณอย่างต่อเนื่อง
และผลจากการกู้เงินเพื่อดูแลแก้ไขผลกระทบจากวิกฤติโควิด-๑๙
ซึ่งจะต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อมิให้กระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ
ตลอดจนเป็นข้อจำกัดต่อกรอบงบประมาณสำหรับการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
912 | รายงานปัญหาการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี | กษ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ ๕ (ด้านเศรษฐกิจและการเกษตร) ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๘ เมื่อวันที่ ๑๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ดังนี้ ๑.
เห็นควรเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์กุ้งทะเลของไทยประเด็นการนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศ
และมาตรการในการแก้ไขปัญหากุ้งทะเลของประเทศไทย ๒.
สำหรับการจัดทำโครงการเพื่อแก้ปัญหากุ้งทะเลของประเทศไทย เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยกรมประมง รับความเห็นของสำนักงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาจัดทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหากุ้งทะเลของประเทศไทยให้เป็นรูปธรรมในระยะยาว
โดยต้องไม่ขัดกับพันธกรณีของไทยภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและความตกลงว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้การอุดหนุน
(Subsidy and Countervailing Measure :
SCM) รวมถึงไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการภายใต้มาตรการสำคัญเพื่อแก้ไขปัญหากุ้งทะเล
ตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมกุ้งทะเลของประเทศไทย ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ จำนวน ๑๑ มาตรการ
และโครงการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรให้กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการขอใช้งบประมาณสำหรับดำเนินโครงการฯ ต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กรมประมงทบทวนและจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและประหยัด
และพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี ทั้งนี้
หากพิจารณาแล้วยังคงมีความจำเป็นต้องขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้กรมประมงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
913 | ผลการประชุมระดับสูงในห้วงสัปดาห์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2567 | กต. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมระดับสูงในห้วงสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๗ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าตามตารางติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปคและการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะมีการประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๑๐ - ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ มีหัวข้อหลัก
คือ “เสริมสร้างพลัง การมีส่วนร่วม และการเติบโตที่ยั่งยืน”
โดยผลักดันประเด็นสำคัญ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) การค้าและการลงทุน เน้นการเปิดเสรีทางการค้า
รวมถึงขับเคลื่อนวาระเขตการค้าเสรีเอเชีย- แปซิฟิก ด้วยมุมมองใหม่ (๒)
การส่งเสริมนวัตกรรมและดิจิทัล เพื่อนำแรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ (๓) การเติบโตอย่างยั่งยืน
เน้นการผลิตพลังงานจากไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำและการป้องกันและลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร
ซึ่งประกอบด้วยการประชุมและกิจกรรมสำคัญ เช่น (๑) การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ครั้งที่ ๓๑ (๒) การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษของประธาน
(๓) การประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (๔)
การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปค เป็นต้น โดยในห้วงสัปดาห์การประชุมดังกล่าวได้มีการรับรองเอกสารผลลัพธ์
จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ ๑) ถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ประจำปี ๒๕๖๗ ๒)
ปฏิญญามาชูปิกชูของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ๓)
ถ้อยแถลงอิชมาว่าด้วยมุมมองใหม่ในการขับเคลื่อนเขตการค้าเสรีเอเชีย - แปซิฟิก และ ๔)
แผนงานลิมา เพื่อส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจในระบบและเศรษฐกิจโลกของเอเปค
ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เห็นชอบแล้ว โดยมีการปรับแก้ถ้อยคำให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
เช่น
การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อใช้ประโยชน์และรับมือกับความท้าทายจากปัญญาประดิษฐ์
การส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ การลดการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ไร้ประสิทธิภาพ
การต่อต้านการคอร์รัปชัน และการส่งเสริมการใช้บัตรเดินทางสำหรับนักธุรกิจเอเปคให้มีความครอบคลุมยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
914 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 4/2566 เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : ศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ | สกพอ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ :
ศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีรับทราบโดยไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหรือเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๖
เพื่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกจะออกประกาศจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเร่งรัดการดำเนินงานและบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมและขนส่ง
และการบริหารจัดการน้ำ เช่น กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน
และการประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินโครงการ
เพื่อลดปัญหาการดำเนินงานล่าช้าในอนาคต กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจและประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
รวมทั้งผลกระทบและการป้องกันปัญหาจากการพัฒนาที่จะเกิดขึ้นโดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เพื่อส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนและน่าอยู่ของเมืองและพื้นที่โดยรอบ และการดำเนินการใด
ๆ ในพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
915 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 3/2566 เรื่อง (ร่าง) แผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2566 - 2570 | สกพอ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เรื่อง (ร่าง) แผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ทั้งนี้
หากคณะรัฐมนตรีรับทราบโดยไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าในการดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาพื้นที่
EEC ในแนวทางที่ ๑ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคตในพื้นที่
EEC จะต้องพิจารณาถึงความเป็นธรรม ความเสมอภาค
และการไม่เลือกปฏิบัติ
รวมทั้งการพัฒนาและสนับสนุนเสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ด้วย กระทรวงมหาดไทย เห็นว่าการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่เขตภาคตะวันออกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย
ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี ขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงความถูกต้อง โปร่งใส และประโยชน์สูงสุดของรัฐและประชาชนเป็นสำคัญ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเร่งแปลงแผนภาพรวมฯ
พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐ ไปสู่การปฏิบัติ
โดยจัดทำแผนปฏิบัติการ/ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามความเหมาะสมของการพัฒนาในแต่ละประเด็น
ติดตามและประเมินผลการพัฒนาเป็นระยะและประเมินผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ในวงกว้างและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
การดำเนินงานด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์เชิงรุก
การเสริมสร้างความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากนานาชาติ
ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวก แก้ไขปัญหา/อุปสรรค
และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการลงทุนของภาคเอกชน
ซึ่งจะช่วยให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนภาพรวมฯ
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการพัฒนาได้อย่างเป็นรูปธรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
916 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2567 เรื่อง การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ: ศูนย์การแพทย์และสุขภาพ ปลวกแดง | สกพอ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๗ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เรื่อง
การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ศูนย์การแพทย์และสุขภาพ ปลวกแดง ทั้งนี้
หากคณะรัฐมนตรีรับทราบโดยไม่มีข้อทักท้วง หรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น
ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหรือเห็นชอบตามมติ กพอ. ดังกล่าว เพื่อ กพอ.
จะออกประกาศจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ
ประกาศมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดขอบเขตงานและความรับผิดชอบระหว่างภาครัฐและเอกชน
โดยควรกำหนดลักษณะ/นิยามของทรัพย์สินและสินทรัพย์ที่เอกชนจะต้องส่งมอบให้ภาครัฐให้มีความชัดเจนโดยเฉพาะอุปกรณ์ทางการแพทย์
อาคารปฏิบัติงานต่าง ๆ เป็นต้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าการดำเนินโครงการมีการระบุระยะเวลาดำเนินโครงการรวม ๕๐ ปี
หากในกรณีที่โครงการมีการสร้างอาคารและสิ่งก่อสร้างประกอบเพิ่มเติม ที่เข้าข่ายประเภทและขนาดที่ต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ให้ดำเนินการตามข้อกำหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการเพิ่มและดูแลพื้นที่สีเขียวในการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
: ศูนย์การแพทย์และสุขภาพ ปลวกแดง มีประเด็นที่ควรคำนึงถึง ได้แก่ ๑)
การออกแบบแนวกันชนพื้นที่สีเขียว ๒) การใช้ไม้พื้นถิ่นและไม้ยืนต้น รวมทั้งต้นไม้ที่มีประสิทธิภาพ
ในการดูดซับมลพิษ ๓) การนำพรรณไม้ที่มีคุณสมบัติต่าง
ๆ มาใช้ในการสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเป็นศูนย์สุขภาพ และ ๔)
การเปิดพื้นที่สีเขียวเพื่อบริการสาธารณะ หรือสวนสุขภาพ เพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ
เสริมสุขภาพให้กับชุมชน
เป็นแหล่งเรียนรู้และสร้างความมั่นคงทางอาหารอีกทางหนึ่งด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขติดตามประเมินผลการดำเนินการของโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดเตรียมแผนรองรับการใช้ประโยชน์ในสินทรัพย์หรือทรัพย์สิน
ตลอดจนการบำรุงรักษาอาคารและอุปกรณ์ทางการแพทย์ภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาร่วมลงทุนเพื่อให้โรงพยาบาลสามารถให้บริการสาธารณสุขต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
917 | ผลการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ครั้งที่ 10 | กต. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
918 | ขออนุมัติจ่ายเงินค่าขนย้าย (ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ) เป็นกรณีพิเศษให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ (ครั้งที่ 2) | กษ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนเรื่องนี้คืนไปเพื่อพิจารณาทบทวนรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
919 | แนวทางการดำเนินการสืบเนื่องจากผลการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐเฉพาะกิจเพื่อจัดทำอนุสัญญาระหว่างประเทศอย่างครอบคลุมว่าด้วยการต่อต้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อวัตถุประสงค์ทางอาชญากรรม | กต. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
920 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 4 โครงการ | กษ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่
จำนวน ๔ โครงการ ประกอบด้วย (๑)
โครงการประตูระบายน้ำศรีสองรักอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม (๒)
โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดนครศรีธรรมราช จากเดิม ๖ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๑๐ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๑ - พ.ศ. ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม (๓)
โครงการประตูระบายน้ำบ้านก่อพร้อมระบบส่งน้ำ จังหวัดสกลนคร จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - พ.ศ. ๒๕๗๐)
ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม และ (๔) โครงการประตูระบายน้ำลำน้ำพุง
- น้ำก่ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร จากเดิม ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
- พ.ศ. ๒๕๖๖) เป็น ๙ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ - ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เร่งรัดติดตามการดำเนินโครงการทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๐
ตามที่ได้ขอขยายเวลาในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงมหาดไทย เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้
รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรรายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่
ทั้ง ๔ โครงการ ต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ
ทุก ๖ เดือน เพื่อติดตามและกำกับโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้
เนื่องจากเป็นโครงการสำคัญต่อการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น |