ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 45 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 881 - 900 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
881 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้ปรับปรุงกำหนดวันดำเนินการให้สอดคล้องกับการเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นวันพฤหัสบดีที่
๒๗ มีนาคม ๒๕๖๘ เป็นดังนี้ ๑. วันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์
๒๕๖๘ - วันศุกร์ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๘ สำนักงบประมาณพิจารณารายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี ๒. วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มีนาคม
๒๕๖๘ คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ พร้อมแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๙ ๓. วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ มีนาคม
๒๕๖๘ - วันศุกร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘
สำนักงบประมาณพิจารณาการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๙ และนำเสนอคณะรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
882 | การแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล | ยธ. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ
ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ
แผนกคดีบุคคล (Hague Conference on Private International Law : HCCH) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
883 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๕
คณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (คปป.) ๒.
คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ๓. คณะกรรมการร่วม (Joint
Committee) ฝ่ายไทย ๔. คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ ๕. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอุทยานธรณี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
884 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (เพิ่มเติม) | กค. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (เพิ่มเติม)
และอนุมัติกรอบวงเงินในการดำเนินการตามมาตรการฯ จำนวน ๑,๑๑๓,๒๕๖,๐๐๐ บาท สำหรับเงินเยียวยาที่จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น
ให้กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลางตรวจสอบรายละเอียดค่าใช้จ่ายให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยจะต้องเป็นเงินค่าปรับตามสัญญาที่ได้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินแล้วตามเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการฯ
(เพิ่มเติม) ดังกล่าว และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๓๔๙
ลงวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๘) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เห็นควรให้ผู้ประกอบการที่มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ
จัดทำคำขอ โดยระบุเหตุผลความจำเป็นและหลักฐานหรือที่มาของปัญหาหรือผลกระทบฯ เช่น
การขาดแคลนแรงงาน การปรับขึ้นของวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
และจัดเก็บเป็นฐานข้อมูลประกอบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
รวมถึงใช้ประกอบการพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และคำนึงถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หรือร้านค้าชุมชนที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบฯ
และไม่ได้เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐด้วยเช่นกัน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
885 | การแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐ | กค. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติจำหน่ายหนี้เป็นสูญของโครงการส่งเสริมหรือสงเคราะห์ของรัฐของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ ๑.๑
โครงการส่งเสริมการปลูกชาจีนในเขตปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงราย ลูกหนี้ค้างชำระ จำนวน
๑๖๘ ราย วงเงินรวม ๘,๕๑๙,๓๔๖.๒๕
บาท ๑.๒
โครงการความร่วมมือไตรภาคี (ปลูกไผ่กิมซุ่ง) จังหวัดกาญจนบุรี ลูกหนี้ค้างชำระ จำนวน
๒๘๓ ราย วงเงินรวม ๑๗,๒๙๘,๗๕๙.๗๓
บาท ส่วนโครงการเลี้ยงวัวกลุ่มโล๊ะไม้อ้อในพื้นที่นิคมเศรษฐกิจพอเพียง
อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ลูกหนี้ค้างชำระ จำนวน ๔๑ ราย วงเงินรวม ๒,๐๐๗,๑๔๑.๗๓ บาท
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจำหน่ายหนี้เป็นสูญ ตามหน้าที่และอำนาจ
ตามนัยมติสภาบริหารคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ (เรื่อง ขออนุมัติจำหน่ายบัญชีลูกหนี้ค่าจำหน่ายสลากของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและขออนุมัติในหลักการเรื่องจำหน่ายหนี้เงินและทรัพย์สินออกจากบัญชี) ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรพิจารณาถึงความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินโครงการ
อาทิ การบริหารจัดการโครงการด้วยความรอบคอบ คำนึงถึงสภาพพื้นที่ให้เหมาะสม ศักยภาพและโอกาสด้านการผลิต
การตลาด เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
มีการจัดทำแผนและติดตามประเมินผลการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
กำหนดแนวทางการบริหารจัดการด้านการเงินให้ครอบคลุม รวมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้ในการดำเนินโครงการและการบริหารจัดการด้านการเงินให้แก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกร
ตลอดจนถอดบทเรียนจากการดำเนินการที่ผ่านมา เพื่อเป็นการลดภาระการดำเนินงานของกองทุน
ภาระต่องบประมาณในอนาคต และลดปัญหาหนี้สูญที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดให้มีการวิเคราะห์และจัดทำแนวทางป้องกันและจัดการความเสี่ยง
รวมทั้งการติดตามความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถป้องกันและดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของเกษตรกร
และส่งผลต่อเนื่องให้ต้องมีการขอจำหน่ายหนี้สูญให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์ การจัดการและการจำหน่ายทรัพย์สินของกองทุนพัฒนาสหกรณ์
พ.ศ. ๒๕๕๐ และมติสภาบริหารคณะปฏิวัติเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ (เรื่อง
ขออนุมัติจำหน่ายบัญชีลูกหนี้ค่าจำหน่ายสลากของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและขออนุมัติในหลักการเรื่องจำหน่ายหนี้เงินและทรัพย์สินออกจากบัญชี)
ในส่วนของการกำหนดวงเงินการจำหน่ายหนี้เป็นสูญเกินกว่า ๕ ล้านบาท
ที่ต้องเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๖๗ (เรื่อง
ขอจำหน่ายหนี้สูญตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรด้วยการจำหน่ายหนี้เป็นสูญในกองทุนหรือเงินทุนในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ของสหกรณ์ประมงเกาะลันตา จำกัด) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
886 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์) | ยธ. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ..ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความผิดเกี่ยวกับเด็กและความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายอาญาเพื่อกำหนดการกระทำความผิดต่อเด็กผ่านสื่อออนไลน์
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
สำนักงานศาลยุติธธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เห็นว่ามาตรา ๑๔ วรรคสาม
แห่งร่างพระราชบัญญัติฯ
ในส่วนที่กำหนดความผิดอันมีลักษณะเป็นการให้การครอบครองหรือส่งต่อสื่อลามกอนาจารเด็กโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์
หรือผ่านช่องทางโทรคมนาคมต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้หนึ่งในสามนั้น
อาจพิจารณาใช้คำว่า “โทรคมนาคม” แทนคำว่า “ช่องทางโทรคมนาคม”
เพื่อให้สอดคล้องกับบทนิยาม “โทรคมนาคม” ตามมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่กำหนดว่า “โทรคมนาคม” หมายความว่า
การส่ง การแพร่ หรือการรับเครื่องหมาย สัญญาณ ตัวหนังสือ ตัวเลข ภาพ เสียง รหัส
หรือสิ่งอื่นใดซึ่งสามารถให้เข้าใจความหมายได้ โดยระบบคลื่นความถี่ ระบบสาย
ระบบแสง ระบบแม่เหล็กไฟฟ้า หรือระบบอื่น และร่างพระราชบัญญัติฯ มาตรา ๖ มาตรา ๘
มาตรา ๑๕ มาตรา ๑๗ มาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๑ แห่งร่างพระราชบัญญัติฯ
เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาโดยกำหนดให้การกระทำความผิดตามหลักการตามร่างมาตราข้างต้น
ได้แก่ ความผิดอันมีลักษณะเป็นการโน้มน้าว จูงใจ ล่อลวง
หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นควรพิจารณาตรวจสอบถ้อยคำในหลักการ
(๒) ที่กำหนดว่า “(เพิ่มมาตรา ๒๘๐/๒)” นั้น ควรเป็น “(เพิ่มมาตรา ๒๘๐/๑)” หรือไม่
เพื่อให้ถูกต้องกับเจตนารมณ์ของหลักการ พิจารณาเพิ่มเติมหลักการในการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา
๒๘๗/๒ ซึ่งกำหนดความผิดที่หากเพื่อความประสงค์แห่งการค้าฯ, ประกอบการค้าฯ, เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลายฯ
ให้เป็นความผิดต้องรับโทษไว้ในหลักการของการร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เพื่อให้ครบถ้วนด้วย
และตามร่างมาตรา ๔ ควรพิจารณาเพิ่มการกระทำความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพตามมาตรา ๓๑๐ ทวิ
แห่งประมวลกฎหมายอาญา
เข้าเป็นความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพที่กระทำนอกราชอาณาจักรแล้วต้องได้รับโทษภายในราชอาณาจักรด้วยหรือไม่ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นควรกำหนดให้มีมาตรการควบคุมดูแล
แก้ไข หรือบรรเทาผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว อาทิ มาตรการออกคำสั่งเตือน คำสั่งให้ลบ
หรือระงับการเข้าถึงซึ่งมีการประกาศใช้ในต่างประเทศ เช่น กฎหมาย Protection from Online Falsehood and Manipulation
Act 2019 (POFMA) ของประเทศสิงคโปร์ Online
Safety Act 2021 ของประเทศออสเตรเลีย เป็นต้น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน ศักยภาพและความพร้อมในทุกมิติ
ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และประหยัด
รวมถึงผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับอย่างยั่งยืน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ หากหน่วยงานมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ในโอกาสแรกก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
887 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพรังสีเทคนิค พ.ศ. .... | สธ. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพรังสีเทคนิค พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแยกการกำกับดูแลและการควบคุมการประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิคออกจากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะและคณะกรรมการวิชาชีพสาขารังสีเทคนิค
โดยจัดตั้ง “สภารังสีเทคนิค” ขึ้นเพื่อส่งเสริมการประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิค
กำหนดและควบคุมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิค และควบคุมมิให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลซึ่งไม่มีความรู้อันจะก่อให้เกิดภัยและความเสียหายแก่ประชาชน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมองค์ประกอบของกรรมการสภาวิชาชีพรังสีเทคนิคให้มีผู้แทนจากหน่วยงานที่มีการจัดบริการด้านรังสีเทคนิคทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรมีการพิจารณาดำเนินการเพื่อมิให้บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมกับร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพรังสีเทคนิค พ.ศ. ....
มีความซ้ำซ้อนกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
888 | มาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ | นร.04 | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร)
เป็นเจ้าภาพรับเรื่องการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าไปหารือร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดติดตามการดำเนินมาตรการต่าง
ๆ ให้เหมาะสม ชัดเจน รวมตลอดถึงการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดอันเนื่องมาจากบุหรี่ไฟฟ้าให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนและรุนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าปัจจุบันด้วย
แล้วให้รายงานผลการดำเนินการต่อนายกรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑๕ วัน นั้น
ได้ร่วมประชุมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และได้กำชับให้เร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่แพร่ระบาดอยู่อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเยาวชน
นักเรียน และนักศึกษา โดยเน้นย้ำให้ดำเนินการจับกุมและลงโทษผู้ผลิต ผู้นำเข้า
และผู้ขายอย่างเด็ดขาดจริงจัง รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและชัดเจน
แก่นักเรียนนักศึกษาเกี่ยวกับโทษและผลเสียที่เกิดกับผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งอาจจะขยายไปสู่การใช้สารเสพติดประเภทอื่นที่ร้ายแรงกว่าได้
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมา มีสถิติการจับกุมการกระทำผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ดีขึ้น
โดยมีการดำเนินคดี ๑,๐๗๘ คดี
จับกุมผู้ต้องหาได้ ๑,๑๐๔ คน จำนวนของกลาง ๙๐๐,๔๔๔ ชิ้น คิดเป็นมูลค่าของกลางจำนวน ๑๑๘,๙๕๓,๙๑๕ บาท นอกจากนี้
กระทรวงศึกษาธิการได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าและกำชับให้ผู้บริหาร
ครู และบุคลากรทางการศึกษาตระหนักว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
และหากตรวจพบว่าบุคลากรในสังกัดปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้หรือเป็นผู้นำบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้จะดำเนินการลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในวงกว้าง
จึงขอให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำมาตรการดังกล่าวข้างต้นไปถือปฏิบัติในแนวทางเดียวกันต่อไป
โดยให้พิจารณาปรับใช้ให้เหมาะสมและเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
889 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2568 | นร.05 | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๘ พิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖
ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๐
มีนาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
890 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พม. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์และระยะเวลาการร้องทุกข์การออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว
การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และการดำเนินการในชั้นศาล
รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพผู้ที่จะถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
และสำนักงานอัยการสูงสุดไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เช่น สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เห็นควรกำหนดคำนิยาม
คำว่า “ผู้บริหารท้องถิ่น” “พนักงานเจ้าหน้าที่” และ “พนักงานสอบสวน” ให้ชัดเจน และครอบคลุมถึงกำนัน
ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตีความในทางปฏิบัติ สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นควรกำหนดนิยามลักษณะความผิดคุกคามทางเพศไว้ชัดเจนต่างหาก
หรือหากมีการระบุบัญญัติการคุกคามทางเพศไว้แล้วในกฎหมายอื่น
ร่างกฎหมายนี้ก็ควรบัญญัติอ้างอิงไว้ด้วย
และนิยามดังกล่าวควรให้มีขอบข่ายไปถึงการกระทำที่อาจถึงแก่ชีวิตด้วย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๓.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เห็นควรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในหลายประเด็น
เนื่องจากปัจจุบัน (ตุลาคม ๒๕๖๗)
ได้มีกฎหมายหลายฉบับซึ่งมีลักษณะพิเศษไม่ได้เป็นกฎหมายสบัญญัติ หรือ วิธีสบัญญัติ
อย่างชัดเจน กฎหมายที่มีโทษทางอาญามีลักษณะประนีประนอมและคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เสียหาย
และไม่ได้ลงโทษทางอาญากับผู้ต้องหาเฉกเช่น กฎหมายที่มีโทษทางอาญาเดิม
มุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ต้องหา
และวางแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์มากกว่า ดังนั้น ในการพิจารณาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายก็ไม่สามารถนำเอากฎหมายฉบับเดียวมาเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติทางอาญาได้
จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในทุกด้าน เป็นต้น สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่าในนิยามความรุนแรงในครอบครัว
ควรให้มีขอบข่ายไปถึงการกระทำที่อาจถึงแก่ชีวิตด้วย และในร่างมาตรา ๓ (๔)
บุคคลที่ต้องพึ่งพาอาศัยและอยู่ในครอบครัวเดียวกันถูกกระทำความรุนแรงนั้นอาจเป็นความรุนแรงที่กระทำต่อการดำรงชีวิตหรือเศรษฐกิจ
เช่น การงดจ่ายเงินสำหรับค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเพื่อการดำรงชีวิต |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
891 | ร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2568) | ปสส. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๘
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
892 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม 2568) | ปสส. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๘
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
893 | สาธารณรัฐคาซัคสถานขอเปิดสถานกงสุลสาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต และแต่งตั้งกงสุลสาธารณรัฐคาซัคสถาน ณ จังหวัดภูเก็ต (นายไอบัต อัคตัน) | กต. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไอบัต อัคตัน (Mr. Aibat Aktan) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลสาธารณรัฐคาซัคสถาน
ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช
นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
894 | รัฐบาลสาธารณรัฐแคเมอรูนเสนอขอให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแคเมอรูนประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย | กต. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแคเมอรูนประจำสาธารณรัฐประชาชนจีนมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
895 | รัฐบาลสาธารณรัฐอาร์เมเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาร์เมเนียประจำประเทศไทย (นายวาเฮ เกวอร์เกียน) | กต. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวาเฮ เกวอร์เกียน (Mr.Vahe Gevorgyan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอาร์เมเนียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายเซอร์เกย์
มานาซาร์ยัน (Mr. Sergey Manasaryan) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
896 | รัฐบาลสาธารณรัฐตุรกีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย (นางสาวจูลีเด คายือฮัน) | กต. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจูลีเด คายือฮัน (Ms. Julide Kayihan) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นางแซรัป แอร์ซอย (Mrs. Serap
Ersoy) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
897 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย (1. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ฯลฯ รวม 6 คน) | มท. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสียมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
ตามมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย
รวม ๖ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ประธานกรรมการ ๒. นางวันทนี มณีศิลาสันต์ กรรมการ ๓. นายสมเกียรติ ตันกิตติวัฒน์ กรรมการ ๔. นายบุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์ กรรมการ ๕. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ กรรมการ ๖. นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
898 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (นายอนุชา เศรษฐเสถียร และนางจันทิรา บุรุษพัฒน์) | คค. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน
จำนวน ๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายอนุชา เศรษฐเสถียร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
899 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (นายสุเนตร ชุตินธรานนท์) | วธ. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุเนตร ชุตินธรานนท์ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
แทนประธานกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
900 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ (1. นางชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ฯลฯ รวม 7 คน) | อว. | 18/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ
รวม ๗ คน
เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นางชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ประธานกรรมการ ๒. นายประมา ศาสตระรุจิ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายธงทิศ ฉายากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายวิชญะ เครืองาม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายทศพร ละดาพรพิพัฒน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายนำโชค โสมาภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|