ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 50 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 981 - 1000 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
981 | แนวทางการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วันพุธที่ 5 มีนาคม 2568 และการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2568 | ปสส. | 03/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมร่วมกันของรัฐสภาและการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๕
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ
วันพุธที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๘ และระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒
ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๘
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
982 | ข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเพื่อบูรณาการจัดการความเสียหายจากช้างป่าและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม | สม. | 03/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเพื่อบูรณาการจัดการความเสียหายจากช้างป่าและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรม ๒.
มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
983 | เรื่องสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ของนายกรัฐมนตรี | นร. | 03/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ตรวจราชการที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เพื่อติดตามการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น การพนันออนไลน์
การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทุกหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงกลาโหม หน่วยงานความมั่นคงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และภาคเอกชนในการดำเนินการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์
การตัดสายสื่อสารข้ามแดน ตลอดจนการปรับลดระดับความสูงและกำลังส่งของเสาสัญญาณโทรศัพท์
ส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าวบรรเทาลงได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวบรรลุผลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงขอมอบหมายการดำเนินการเพิ่มเติม
ดังนี้ ๑. ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนไทย
- กัมพูชา เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนและลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายของประชาชน
รวมทั้งการลักลอบนำเข้า - ออก สิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ด้วย ทั้งนี้
ให้พิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนในพื้นที่ที่มีความชัดเจนว่าเป็นจุดเสี่ยง
เป็นจุดล่อแหลม เป็นช่องทางธรรมชาติ และต้องไม่เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นลำดับแรก
โดยขอให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงกลาโหมประสานงานในการดำเนินการในเรื่องนี้กับฝ่ายกัมพูชาด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลัง
(กรมศุลกากร) พิจารณาความจำเป็นในการจัดหาเครื่องเอกซเรย์สินค้ามาใช้ในด่านศุลกากรในพื้นที่ชายแดนไทย
- กัมพูชา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า -
ออกสิ่งผิดกฎหมายข้ามชายแดนให้มากยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงกลาโหม
หน่วยงานความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด
(CCTV) เพิ่มเติมบริเวณแนวชายแดนไทย -
กัมพูชา
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ให้ครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
984 | มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการบริหารราชการหรือข้าราชการ ตามมาตรา 13 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 | นร.05 | 03/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการคงมติของคณะรัฐมนตรีชุดเดิมที่เกี่ยวกับการบริหารราชการหรือข้าราชการ
จำนวน ๑๔ มติ ตามมาตรา ๑๓
แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘
เพื่อถือปฏิบัติต่อไป ประกอบด้วย ๑) มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารราชการ จำนวน
๑๒ มติ และ ๒) มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับข้าราชการ จำนวน ๒ มติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
985 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์) | นร.04 | 03/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
986 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวอัจฉรา รอดเกิด) | สธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอัจฉรา รอดเกิด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ
(ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
987 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที) | กต. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมการกงสุล
ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
988 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (1. นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ฯลฯ รวม 6 คน) | อว. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ
รวม ๖ คน
เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายพันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ประธานกรรมการ ๒. นายชิดชนก เหลือสินทรัพย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายเกรียงไกร เธียรนุกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นางสาวสิริวรรณ พงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน)
รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ที่เห็นว่าคณะกรรมการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำชุดเดิมได้ครบวาระแล้ว
การดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการครั้งนี้จึงไม่เกิดผลกระทบต่อการบริหารงาน ทั้งนี้
การสรรหาฯ ในครั้งต่อไป องค์การมหาชนต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดและรอบคอบ
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
989 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (1. พลโท นุกูล นรฉันท์ ฯลฯ รวม 6 คน) | กษ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา
รวม ๖ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. พลโท นุกูล นรฉันท์ ประธานกรรมการ ๒. นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๓. นางธาราพร สิงหพันธุ์
มหิทธาฟองกุล กรรมการอื่น (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ กรรมการอื่น ๕. นายทวีวัฒน์ สุรสิทธิ์ กรรมการอื่น ๖. นายศิริพงษ์ รัสมี กรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
990 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก
เนื่องจากประกาศใช้เกิน ๕ ปี
และเพื่อให้มาตรฐานมีความทันสมัยสอดคล้องกับการทำและการใช้งานในปัจจุบันและเป็นการส่งเสริมมาตรการทดแทนปูนเม็ด
รวมทั้งเป็นการสอดรับนโยบายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก พ.ศ. ๒๕๖๗
ซึ่งมีสาระเป็นการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกมาตรฐานเลขที่
มอก. ๒๕๙๔ - ๒๕๖๗ นั้น
จะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
โดยประกาศดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๗
เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยสอดคล้องกับร่างกฎกระทรวงฉบับนี้ซึ่งเป็นการกำหนดให้นำมาตรฐานดังกล่าวมาใช้บังคับกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกจะต้องไม่มีผลใช้บังคับก่อนวันที่ประกาศดังกล่าวมีผลใช้บังคับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
991 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ เขตเลือกตั้งที่ 2 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | กกต. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ
เขตเลือกตั้งที่ ๒ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน
๔๕ วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่างลง (ภายในวันที่ ๓ เมษายน
๒๕๖๘) และจัดทำร่างแผนการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดบึงกาฬ
เขตเลือกตั้งที่ ๒ แทนตำแหน่งที่ว่าง
โดยจะประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า ๒๕
วัน ก่อนวันเลือกตั้ง (ภายในวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๘) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
992 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ญัตติเพื่อพิจารณาแนวทางการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ของคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร | ศธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง
ญัตติเพื่อพิจารณาแนวทางการจัดการศึกษาสำหรับเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลและแก้ไขปัญหาสถานะของเด็กที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎร
หรือไม่มีสัญชาติไทยตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๐ เมษายน ๒๕๖๘) และมติคณะรัฐมนตรี (๒๖ มกราคม
๒๕๖๔) เรียบร้อยแล้ว
และได้จัดทำคู่มือและแนวทางปฏิบัติสำหรับการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย
(ฉบับปรับปรุงใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๗)
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติให้แก่หน่วยงานในพื้นที่และสถานศึกษา
รวมถึงมีการจัดตั้งศูนย์บริการประชาชนและให้บริการสายด่วน ๑๕๗๙ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการให้คำแนะนำและคำปรึกษาให้กับครูและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
993 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.01 | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด
(ก.ธ.จ.)ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้สอดส่องการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐ
๒,๒๔๔ เรื่อง และมีข้อเสนอแนะ ๑,๙๑๒ ข้อ ใน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) แผนงาน/โครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
(๒) แผนงาน/โครงการของส่วนราชการในจังหวัด (๓)
แผนงาน/โครงการของหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ (เช่น อปท. รัฐวิสาหกิจ) และ (๔)
เรื่องร้องเรียน ๒. ปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญและแนวทางการแก้ไขของ
ก.ธ.จ. เช่น (๑) การปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. ในระดับพื้นที่ขาดระบบการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ
แนวทางการแก้ไข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด
ขอความอนุเคราะห์จังหวัดเชิญ ก.ธ.จ. เข้าร่วมประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด เพื่อให้
ก.ธ.จ. ได้ชี้แจงบทบาทหน้าที่ และแนวทางการปฏิบัติงานของ ก.ธ.จ. (๒) งบประมาณมีไม่เพียงพอกับการปฏิบัติงานของ
ก.ธ.จ. แนวทางการแก้ไข เช่น ให้ ก.ธ.จ. จัดทำแผนการใช้จ่ายงบฯ ในการสอดส่องโครงการภายในกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรรปรับแผนการลงพื้นที่และหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ๓. แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ เช่น สอดส่องแผนงานโครงการที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและเรื่องที่ส่งผลกระทบกับประชาชนให้มากยิ่งขึ้น
สนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในภารกิจงานของ ก.ธ.จ.
|
||||||||||||||||||||||||||||||
994 | รายงานประจำปี 2566 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
(สวรส.) สรุปได้ ดังนี้ (๑) สรุปผลงานที่สำคัญ/โดดเด่น เช่น ๑) ดำเนินการทบทวนขอบเขตและศึกษาผลกระทบของนโยบายอนุญาตให้กัญชาถูกกฎหมาย
๒) ดำเนินโครงการพัฒนาห้องปฏิบัติการจีโนมสำหรับการแพทย์จีโนมิกส์ในด้านมะเร็ง
เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการวิจัยและการบริการด้านการรักษาโรคมะเร็งให้สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศและนานาชาติ
๓) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสภาวิชาชีพและกระทรวงสาธารณสุข
เพื่อวางแผนและบริหารจัดการกำลังคนสุขภาพของไทยแบบบูรณาการ ๔)
ดำเนินการถอดบทเรียนการดำเนินนโยบายคนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว ๓ คน ใน ๓ ระดับ
(ระดับหมู่บ้าน ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และระดับโรงพยาบาล) และ ๕)
ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการกำกับการกินยารักษาวัณโรคโดยใช้แอปพลิเคชั่นมือถือ
และ (๒) งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
995 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2567 | กค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ ๓ ปี
๒๕๖๗ ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง โดยกระทรวงการคลังเห็นว่า การกำหนดเป้าหมายนโยบายการเงินและการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยน
กนง. ควรคำนึงถึงนโยบายแห่งรัฐ สภาวะทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
เพื่อให้แนวนโยบายการเงินและแนวนโยบายแห่งรัฐสามารถทำงานสอดประสานกันกับสภาวะเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ
โดยรายงานฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑) เศรษฐกิจโลก
ประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวที่ร้อยละ ๒.๘ และ ๒.๖ ในปี ๒๕๖๗ และปี ๒๕๖๘ ตามลำดับ
โดยมีแรงขับทางเศรษฐกิจหลักมาจากภาคบริการเป็นสำคัญ ๒) เศรษฐกิจไทย
มีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ ๒.๗ และ ๒.๙ ในปี ๒๕๖๗ และปี ๒๕๖๘
ตามลำดับ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น
การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวต่อเนื่อง การใช้จ่ายภาครัฐที่เร่งขึ้นในช่วงครึ่งหลัง
ปี ๒๕๖๗ และการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัวตามอุปสงค์สินค้าโลก และ ๓) ภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้น
โดยสินเชื่อโดยรวมชะลอลงโดยเฉพาะสินเชื่อ SMEs และอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่
๓๔.๗๘ บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
996 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ครั้งที่ 31 และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี 2567 | กค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค
ครั้งที่ ๓๑ และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี ๒๕๖๗
เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู โดยผลการประชุมฯ
และถ้อยแถลงร่วมฯ มีสาระสำคัญ เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินโลก ซึ่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ
๓.๑ ใน ๕ ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ควรระมัดระวัง เช่น
การชะลอตัวของเศรษฐกิจหลัก ต้นทุนการขนส่ง และสถานการณ์หนี้สาธารณะ โดยผู้แทน IMF ได้เสนอแนะเชิงนโยบายแก่สมาชิกเขตเศรษฐกิจว่า
ควรรักษาพื้นที่เชิงนโยบายและเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
และใช้โอกาสนี้ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งนี้ ถ้อยแถลงร่วมฯ
มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕
ตุลาคม ๒๕๖๗ โดยเป็นการเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ
ตลอดจนเน้นย้ำถึงแผนความเชื่อมโยงของเอเปค
ซึ่งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาความรู้ทางการเงิน
และให้ความสำคัญกับการใช้มาตรการทางการคลังและการเงินที่ผสมผสานเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ
ซึ่งสาระสำคัญของถ้อยแถลงร่วมฯ
จะเป็นประโยชน์ต่อไทยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและเพิ่มบทบาทของไทยในเวทีโลก
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
997 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะกรณีหน่วยงานของรัฐไม่จัดสรรเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวตามความจำเป็นพื้นฐานค่าอาหารกลางวันและค่าอาหารเสริม (นม) ให้แก่ผู้เรียนของศูนย์การเรียนที่จัดโดยองค์กรชุมชนและองค์กรเอกชน | ศธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงศึกษาธิการถอนเรื่องนี้คืนไปได้
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
998 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 | อก. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย
พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง (พ.ศ. ๒๕๓๗)
ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมกรณีการขออนุญาตและออกใบอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก
หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ ๓ การขอและการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายการในใบอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต
รวมถึงการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องให้กระทำโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
999 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศ | กห. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว
ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ณ รัฐปีนัง
ประเทศมาเลเซีย โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ซึ่งมีสาระสำคัญ เช่น ๑)
ตระหนักถึงความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ที่มีความซับซ้อน และบทบาทเชิงรุกของหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศของอาเซียนในการร่วมกันรับมือกับความท้าทายดังกล่าว
๒) ระมัดระวังว่าปัญญาประดิษฐ์ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้งานเพิ่มขึ้นในหลากหลายบทบาทในด้านการป้องกันประเทศ
ซึ่งได้ทำให้เกิดทั้งโอกาสและประโยชน์ เช่น การเพิ่มความถูกต้องและแม่นยำ
ตลอดจนได้สร้างความท้าทายและความเสี่ยง เช่น การแข่งขันสะสมอาวุธ
การประเมินที่ผิดพลาด การพึ่งพาที่มากเกินไป ๓)
การส่งเสริมความร่วมมือในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในบริบทการป้องกันประเทศอย่างรับผิดชอบ
สอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ๔)
การส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยีของหน่วยงานด้านการป้องกันประเทศ
เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาการใช้ปัญญาประดิษฐ์
และลดความต่างที่มีอยู่ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น
การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดี การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสนับสนุนทางเทคนิค การฝึกอบรมและการวิจัยร่วมกัน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
1000 | ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [(เพิ่ม (ฆ/4) ว่าด้วยการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ)] | คค. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
(ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖
โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการระดับชาติเกี่ยวกับการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ
เรียกว่าคณะกรรมการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำแห่งชาติ (กชน.)
มีหน้าที่และอำนาจในการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ กำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย
แนวทาง มาตรการ
และเขตความรับผิดชอบในการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำของประเทศไทย
กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการค้นหาและช่วยชีวิตอากาศยานและเรือที่ประสบภัย (สำนักงาน
กชย.) สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคมทำหน้าที่เป็นศูนย์ประสานงานค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ
มีหน้าที่ และอำนาจในการกำกับดูแลการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยให้ส่งความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานอัยการสูงสุดไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ |