ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 48 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 941 - 960 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
941 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข็มพืดเหล็กกล้ารีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข็มพืดเหล็กกล้ารีดร้อนต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเข็มพืดเหล็กกล้ารีดร้อนตามมาตรฐานเลขที่
มอก. ๑๓๙๐ - ๒๕๖๐
โดยเป็นการยกเลิกมาตรฐานเดิมและกำหนดมาตรฐานใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก.
๑๓๙๐ - ๒๕๖๖ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีการทำและการใช้งานปัจจุบัน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
942 | รายงานผลการจัดประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดการทรัพยากรดิน และน้ำ เพื่อความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน (The International Soil and Water Forum 2024) | กษ. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดประชุมนานาชาติระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการทรัพยากรดิน
และน้ำ เพื่อความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน (The International
Soil and Water Forum 2024) เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมนานาชาติ
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับการจัดการดินและน้ำอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ได้นำเสนอแนวทางการจัดการดินและน้ำผ่านศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
๖ แห่งทั่วไทยเพื่อเป็นตัวอย่างในการจัดการดินและน้ำ
ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบปฏิญญาระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดการความขาดแคลนน้ำและฟื้นฟูดินเพี่อระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น
นอกจากนี้ภายใต้การประชุมในส่วนของไทย ได้จัดนิทรรศการ จำนวน ๘ เรื่อง เช่น
การดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องจากพระราชดำริ ๖ แห่ง ทั่วไทย
การปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อการบริหารจัดการน้ำ การบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติ
และการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งเสริมเกษตรกรทำนาเปียกสลับแห้ง
ลดเสี่ยงแล้ง ลดต้นทุน ลดโลกร้อน เป็นต้น และได้เข้าร่วมการหารือทวิภาคีกับผู้แทนประเทศต่าง
ๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร และขับเคลื่อนระบบเกษตรและอาหารที่ยั่งยืน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
943 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน | พน. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าให้แก่ประชาชน
และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวตามอำนาจและหน้าที่
โดยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
หากการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องมีการขอรับจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในอนาคต
ก็ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นควรกำหนดแผนงานซึ่งรองรับเพื่อให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่า
รวมทั้งการลดต้นทุนพลังงานไฟฟ้าทั้งระบบในภาพรวมด้วย
เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระทางการคลังในระยะยาว และโดยที่ต้นทุนพลังงานไฟฟ้าเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ควรที่คณะรัฐมนตรีจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการลดต้นทุนผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ชัดเจนและมีกำหนดระยะเวลาดำเนินการที่แน่นอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
944 | ขอความเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์ (STEER) ครั้งที่ 7 | พณ. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมกรอบความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสิงคโปร์
(STEER) ครั้งที่ ๗ โดยการประชุม STEER
เป็นการดำเนินการปฏิสัมพันธ์ในระดับสูง
ในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาที่มีศักยภาพและเป็นประโยชน์ร่วมกัน อาทิ
เศรษฐกิจดิจิทัล พลังงาน คาร์บอนเครดิต อุตสาหกรรม ฮาลาล สินค้าเกษตรและอาหาร
การท่องเที่ยวเรือสำราญ การค้าและการลงทุน การอำนวยความสะดวกทางการค้า การบิน
และทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจะช่วยส่งเสริมโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ
การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย และสร้างเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทย
และเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
(หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๙๐๗/๓๗ ลงวันที่ ๑๐
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าในการประชุมดังกล่าวจะมีการจัดทำความตกลงระหว่างสองประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้น
ตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ.
๒๕๔๘
และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ก็จะเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยหากการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามหนังสือสัญญานั้นต้องมีการออกพระราชบัญญัติ
หรือหนังสือสัญญานั้นอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางตามมาตรา
๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ก็จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
945 | การจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการพำนักระยะสั้นสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ | กต. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับการพำนักระยะสั้นสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและราชการ
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ทั้งนี้
ในกรณีมอบหมายผู้แทน
ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามดังกล่าว
โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญ เช่น ผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการของคู่ภาคีที่มีอายุใช้ได้จะไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางเข้า
ออก แวะผ่าน และพำนักในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาไม่เกิน ๙๐ วัน
ภายในระยะเวลา ๑๘๐ วัน นับจากวันเดินทางเข้า และกำหนดว่า ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจระงับการบังคับใช้ความตกลงนี้ด้วยเหตุผลในการธำรงไว้ซึ่งการปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ
ความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ หรือสาธารณสุข โดยต้องแจ้งภาคีอีกฝ่ายให้ทราบทันที แต่ไม่เกิน
๗๒ ชั่วโมง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
946 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโคกตูม จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนโคกตูม จังหวัดลพบุรี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลโคกตูม และตำบลนิคมสร้างตนเอง
อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในที่ดินการคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ซึ่งมีนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาชุมชนให้เป็นศูนย์กลางการบริหาร
การปกครอง การพาณิชยกรรมและการบริการในระดับตำบล
การส่งเสริมและพัฒนาด้านที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม
ให้สอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนและระบบเศรษฐกิจในอนาคต ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และกระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ
หรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
947 | ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง | นร.07 | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์
๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
และมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ในส่วนที่สำคัญ เช่น (๑) ยกเลิกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัดส่วนรายจ่ายลงทุนที่หน่วยรับงบประมาณจะได้รับในแต่ละปีงบประมาณในอัตราไม่เกินร้อยละ
๖๐ ในปีที่ ๑ ไม่เกินร้อยละ ๔๐ ในปีที่ ๒ ไม่เกินร้อยละ ๒๐ ในปีที่ ๓
และไม่เกินร้อยละ ๑๐ ในปีที่ ๔ โดยกำหนดใหม่ให้สัดส่วนรายจ่ายลงทุนที่หน่วยรับงบประมาณจะได้รับในแต่ละปีงบประมาณเป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด
(๒) ยกเลิกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัดส่วนรายจ่ายลงทุนที่จะขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณจะต้องได้รับจัดสรรงบประมาณในปีแรก
เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ โดยกำหนดใหม่ให้สัดส่วนรายจ่ายลงทุนที่จะขออนุมัติผูกพันข้ามปีงบประมาณจะต้องได้รับจัดสรรงบประมาณในปีแรกไม่ต่ำกว่าร้อยละ
๑๕ และ (๓) ปรับปรุงข้อความบางประการของหลักเกณฑ์ข้ออื่น ๆ
เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น เช่น ๑) ยกเลิกการกำหนดให้การผูกพันงบประมาณที่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากหลักเกณฑ์ที่กำหนด
จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน และ ๒) การปรับถ้อยคำ จากเดิม ส่วนราชการเปลี่ยนเป็น
หน่วยรับงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
948 | การช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติ กรณีสถานการณ์อุทกภัยและโกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิด | ศธ. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการให้ความช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติ กรณีสถานการณ์อุทกภัยและโกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิด
จำนวน ๑๐ โรงเรียน ในวงเงิน ๑,๙๘๕,๑๕๑ บาท
โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้
โครงการบริหารจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมส่งเสริมสนับสนุนคุณภาพการศึกษาเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
งบเงินอุดหนุน รายการค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
949 | การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน (แม่น้ำปิง และแม่น้ำกก) ระยะเร่งด่วน | คค. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างพื้นฐาน
(แม่น้ำปิง และแม่น้ำกก) ระยะเร่งด่วน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย
วงเงินรวม ๒๑๓ ล้านบาท (ค่างานโยธา ๑๙๓.๖ ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด ๑๙.๔
ล้านบาท) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานสำนักงบประมาณเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณไปดำเนินการตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงมหาดไทย
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงานตามแผนดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
ร่วมกันจัดทำแผนบูรณาการในการเตรียมความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน
เพื่อให้สามารถรับมือ ป้องกัน และลดผลกระทบล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดภัยธรรมชาติ เพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงตลอดจนการปรับตัวต่อภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยพิบัติเป็นไปอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
950 | ข้อเสนอแนะสิทธิทางการศึกษาอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิเด็ก กรณีโรงเรียนบ้านนุเซะโปล้ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ปฏิเสธรับเด็กที่อยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านนุโพเข้าเรียน | สม. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อเสนอแนะสิทธิทางการศึกษาอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิเด็ก
กรณีโรงเรียนบ้านนุเซะโปล้ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
ปฏิเสธรับเด็กที่อยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านนุโพเข้าเรียน
ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
951 | ขอความเห็นชอบการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ขององค์การเภสัชกรรมให้กับมหาวิทยาลัยมหิดล (คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี) เป็นการจำหน่ายด้วยวิธีการโอนให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี | สธ. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ด้วยวิธีการโอนให้มูลนิธิรามาธิบดี
ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เพื่อรองรับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี
โดยจะดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการต่อไป เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าขั้นตอนและวิธีการ
หรือการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
กระทรวงสาธารณสุขโดยองค์การเภสัชกรรมควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
952 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 และวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568 | ปสส. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติยกเลิกบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่กำหนดความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. .... และสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรวันจันทร์ที่
๑๐ มีนาคม ๒๕๖๘ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๒ มีนาคม
๒๕๖๘ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๘ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
953 | ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อว. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีซึ่งจัดตั้งโดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยเปลี่ยนระบบโครงสร้างการบริหารงานและสถานะของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีที่เป็นส่วนราชการให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่เป็นส่วนราชการ
แต่มีฐานะเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ (สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ) เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ
มีความคล่องตัว มีธรรมาภิบาล และสอดคล้องกับการปฏิรูปการอุดมศึกษา สามารถจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ
และร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ยกเลิกการเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
พ.ศ. ๒๕๔๘) เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับปรุงการบริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรีให้เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ
รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยให้ส่งความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
954 | ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [เพิ่ม (ฆ/4) ว่าด้วยการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยทางน้ำ] (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 และวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568) | ปสส. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๘
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
955 | ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานครสายนัคราพิพัฒน์ ในท้องที่เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า
โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ ในท้องที่เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ
เขตสวนหลวง เขตประเวศ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ
จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์
เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้ามหานคร
สายนัคราพิพัฒน์ ในท้องที่เขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เขตสวนหลวง เขตประเวศ
เขตบางนา กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
พ.ศ. .... โดยให้ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าหน้าที่เวนคืนตามพระราชบัญญัตินี้
และให้เจ้าหน้าที่เวนคืนเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนภายในระยะเวลา ๔ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
956 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม 2568 และวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568) | ปสส. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๘ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
957 | การประชาสัมพันธ์ศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย | นร. | 11/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า สืบเนื่องจากการเดินทางไปร่วมงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวระดับโลก
(Internationale Tourismus-Borse Berlin : ITB Berlin 2025) ณ กรุงเบอร์ลิน
สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในระหว่างวันที่ ๓ - ๘ มีนาคม ๒๕๖๘ ซึ่งเป็นเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีผู้ประกอบการจากทั่วโลกเข้าร่วมงานเพื่อแสดงศักยภาพที่เป็นจุดแข็งของแต่ละประเทศทั้งในด้านโรงแรม
สถานที่ท่องเที่ยว สายการบิน สินค้า และบริการต่าง ๆ ในส่วนของประเทศไทยได้เข้าร่วมงานเพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น
ตามที่รัฐบาลได้ประกาศให้ปี ๒๕๖๘ นี้ เป็นปี “Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025”
ที่เน้นการส่งเสริม Soft Power ซึ่งเป็นจุดขายหลักของประเทศไทยและได้รับความร่วมมือจากทั้งภาคเอกชน
ภาคประชาชน รวมถึงจังหวัดท่องเที่ยวต่าง ๆ รวม ๑๖๐ ราย โดยรัฐบาลได้ผลักดันให้ผู้ประกอบการเมืองน่าเที่ยว
(Hidden Gems Cities)ใน ๑๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่
แม่ฮ่องสอน น่าน สุโขทัย แพร่ ลำปาง สตูล ตรัง นครศรีธรรมราช หนองคาย อุดรธานี เลย
นครพนม จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี และสระแก้ว
ได้มีโอกาสเจรจาธุรกิจกับผู้แทนบริษัทนำเที่ยวต่าง ๆ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ซึ่งเป็นจุดเด่นของแต่ละจังหวัดที่แตกต่างกัน
ตอบโจทย์นักเดินทางที่ต้องการค้นหาจุดหมายใหม่และเชื่อมโยงเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว
ซึ่งได้รับความสนใจจากบริษัทนำเที่ยวชั้นนำจากหลายประเทศ
เป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้มีความพร้อมในการเข้าสู่เวทีเจรจาธุรกิจสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยผลจากการเจรจาธุรกิจกับบริษัทนำเที่ยวชั้นนำต่างประเทศในครั้งนี้สามารถประมาณการการจัดทำสัญญาซื้อขายเบื้องต้นได้ประมาณ
๗๐,๓๓๓ ราย ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริป (trip) ประมาณ ๖๒,๒๗๓ บาท สร้างรายได้ให้แก่ประเทศเบื้องต้นประมาณ
๔,๓๘๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ในระยะเวลาอีก ๓ - ๖ เดือน
ภายหลังเสร็จสิ้นงาน
คาดว่าจะมีการเจรจาธุรกิจกับบริษัทนำเที่ยวชั้นนำจากต่างประเทศเพิ่มเติมอีก
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยติดตามผลการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวข้างต้นและเร่งรัดประชาสัมพันธ์เผยแพร่ศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้ทั่วถึงและต่อเนื่องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
958 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐบัลแกเรียประจำประเทศไทย (นายศิวะศิษฐ์ เลาหพงศ์ชนะ) | กต. | 03/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายศิวะศิษฐ์ เลาหพงศ์ชนะ (Mr. Sivasit Laohapongchana) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐบัลแกเรียประจำประเทศไทย
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย สืบแทน นายสมบัติ เลาหพงศ์ชนะ (Mr. Sombat
Laohapongchana) ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
959 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (1. นายประยูร อินสกุล ฯลฯ รวม 13 คน) | กค. | 03/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
รวม ๑๓ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๘
มีนาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ดังนี้ ๑. นายประยูร อินสกุล รองประธานกรรมการ ๒. นางภัทรพร วรทรัพย์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๓. นายพชร อนันตศิลป์ กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๔. นายพีรพันธ์ คอทอง กรรมการ (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ๕. นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ กรรมการ (ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์) ๖. นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ กรรมการ
(ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม) ๗. นางวิเรขา สันตะพันธุ์ กรรมการ (ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย) ๘. นางนิภา ไพโรจน์ กรรมการ (ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น) ๙. นายกษาปณ์ เงินรวง กรรมการ ๑๐. นายจรูญเดช เจนจรัสสกุล กรรมการ ๑๑. นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง กรรมการ ๑๒. นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง กรรมการ ๑๓. นายพิสุทธิ์ จันทรสุรินทร์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
960 | ผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน | ศธ. | 03/03/2568 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาญัตติด่วน เรื่อง
ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
สรุปได้ว่า กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในเรื่องการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชนที่มีความร้ายแรงถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิต
โดยกระทรวงศึกษาธิการได้มีการจัดการเรียนการสอน ในรายวิชาแนะแนว
ซึ่งครอบคลุมขอบข่ายการแนะแนวด้านการศึกษา การแนะแนวอาชีพ และการแนะแนวด้านส่วนตัวและสังคม
เพื่อเสริมสร้างลักษณะนิสัยให้นักเรียนอยู่ในสังคมที่ดี ลดปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน
และมีการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมครูทั้งรูปแบบ Online และ Onsite สร้างความรู้
ความเข้าใจให้ครูมีทักษะด้านจิตวิทยาเด็กขั้นพื้นฐาน และทักษะการวิเคราะห์
ช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นระบบ
รวมถึงได้ดำเนินงานร่วมกับสถานศึกษาพัฒนาเครือข่ายป้องกันปัญหาพฤติกรรมและการกระทำผิดของเด็กและเยาวชนสร้างความรู้
ความเข้าใจ และพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษา เพื่อลดปัจจัยเสี่ยง
โดยมีโปรแกรม บำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนด้วยเทคนิคการบำบัดปรับพฤติกรรมที่ช่วยให้เด็กและเยาวชนสามารถกลับสู่ครอบครัวและดำรงชีวิตในสังคมต่อไปได้อย่างปกติสุข
และไม่กลับมากระทำผิดซ้ำอีก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|