ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 41 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 801 - 820 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
801 | รายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.01 | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ
พ.ศ. ๒๕๔๐ ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ มีสาระสำคัญครอบคลุมผลการดำเนินงานของ
๓ องค์กรสำคัญ ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการต่าง ๆ
ที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ เช่น คณะอนุกรรมการพิจารณาส่งคำอุทธรณ์และดำเนินการเรื่องร้องเรียนได้รับเรื่องร้องเรียนการไม่ปฏิบัติตามมาตรา
๑๓ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯ จำนวน ๗๐๖ เรื่อง และพิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน
๔๙๙ เรื่อง (๒) คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ได้ให้ผู้อุทธรณ์และผู้แทนหน่วยงานของรัฐเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงแล้วจัดทำคำวินิจฉัย
โดยพิจารณาแล้วเสร็จ จำนวน ๒๑๗ เรื่อง (จาก ๖๕๙ เรื่อง) และ (๓)
สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ เช่น
จัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยมีหน่วยงานของรัฐในท้องถิ่นที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนด
จำนวน ๖๗๐ หน่วยงาน จากกลุ่มเป้าหมาย ๑,๒๐๐ หน่วยงาน ตามที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
802 | การกำหนดให้วันกล้วยไม้แห่งชาติเป็นวันสำคัญของชาติ | กษ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้วันที่ ๑๘
มกราคมของทุกปี เป็นวันกล้วยไม้แห่งชาติ โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอและให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
ที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ “วันกล้วยไม้แห่งชาติ”
ดังกล่าว ให้แก่หน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ รวมถึงประชาชนและเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไม้ทราบ
เพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์กล้วยไม้ไทยให้บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
803 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | นร.07 | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ และให้สำนักงบประมาณนำการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ตามข้อ ๑)
ไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
มาตรา ๗๗ วรรคสอง ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
804 | การปรับเพิ่มค่าตอบแทนครูและค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ศธ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการปรับเพิ่มค่าตอบแทนครูและค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามใน
๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และสงขลา (เฉพาะอำเภอจะนะ
เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย) ของกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งนี้ การปรับเพิ่มค่าตอบแทนครูและค่าบริหารจัดการของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้
จะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้น รวมทั้งสิ้นปีละ ๑๖๙,๙๕๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม
ชัดเจน ก่อนดำเนินการต่อไป ดังนี้ สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาถึงความซ้ำซ้อนกับงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
และกำหนดให้มีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สถานศึกษาในสังกัดมีการปรับปรุงคุณภาพการศึกษา
พร้อมรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อนำมาประกอบการจัดสรรงบประมาณในระยะต่อไป
รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่าการปรับเพิ่มอัตราค่าตอบแทนครูสอนศาสนาของโรงเรียนเอกชนในระบบและนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลาม
สถาบันศึกษาปอเนาะ และศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ใน ๕
จังหวัดชายแดนภาคใต้ของครูสอนทุกกลุ่มให้เป็นอัตราเดียวกัน
เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันระหว่างครูสอนศาสนากลุ่มต่าง ๆ และปรับเพิ่มค่าบริหารจัดการโดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
ซึ่งการใช้จ่ายค่าบริหารจัดการส่วนใหญ่ยังคงเป็นค่าอุปโภคบริโภค
ค่าบริหารจัดการสำนักงาน ค่าใช้จ่ายสำหรับลงทะเบียนผู้เรียน
และค่าใช้จ่ายในการออกหลักฐานการสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร และอาจปรับเพิ่มอัตราค่าบริหารจัดการให้โรงเรียนเอกชนนอกระบบที่สอนศาสนาอิสลามทุกประเภทให้ได้รับจัดสรรในอัตราสูงสุดที่มีผลบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน
เพื่อบรรเทาความเหลื่อมล้ำในการจัดสรรเงินอุดหนุน |
||||||||||||||||||||||||||||||
805 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 | นร.01 | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑
รวมทั้งสิ้น ๓๐,๕๙๕ ครั้ง สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ ๑๑,๒๓๗ เรื่อง
คิดเป็นร้อยละ ๗๗.๓๔ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการประสานเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นมากที่สุด
(๑,๖๑๖ เรื่อง) ๒.
การประมวลผลและวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น ในใตรมาสที่ ๑
ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ มีสถิติเรื่องร้องทุกข์ ๑๔,๕๓๐ เรื่อง น้อยกว่าไตรมาสที่
๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๒,๕๒๐ เรื่อง (มีเรื่องร้องทุกข์ ๑๗,๐๕๐ เรื่อง)
โดยประเด็นเรื่องร้องทุกข์ที่ประชาชนยื่นเรื่องมากที่สุดคือ
เสียงรบกวน/สั่นสะเทือน (๑,๕๑๐ เรื่อง ดำเนินการจนได้ข้อยุติแล้ว ๑,๓๗๑ เรื่อง) ๓.
ข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ/การปฏิบัติงาน เช่น
หน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องควรบูรณาการแก้ไขปัญหา ทั้งการป้องกัน
ปราบปราม และช่วยเหลือเยียวยา โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกิดขึ้นบ่อย เช่น ผู้สูงอายุ พระสงฆ์
รวมทั้งเร่งรัดปราบปรามผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย
และจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางในการวิเคราะห์รูปแบบการหลอกลวงที่มิจฉาชีพใช้บ่อยเพื่อสร้างระบบการป้องกัน
และประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนการหลอกลวงในทุกรูปแบบได้อย่างทันท่วงที |
||||||||||||||||||||||||||||||
806 | (ร่าง) แผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2566-2570) | ศธ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ ๔ (ด้านพลังงาน อุตสาหกรรม และการพัฒนาคุณภาพชีวิต) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี
(นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) เป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๑/๒๕๖๘
เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
เพื่อเป็นกรอบแนวทางและการกำหนดมาตรการพัฒนาการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการสำหรับประเทศไทยที่ครอบคลุมและมีคุณภาพในทุกมิติ
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงแผนฯ ตามความเห็นของหน่วยงาน ดังนี้
๑.๑ ควรเพิ่มเติมประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ในแต่ละแนวทาง ดังนี้ ๑.๑.๑
การลดโอกาสที่คนพิการจะหลุดออกจากระบบการศึกษา
โดยเฉพาะในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านจากประถมศึกษาสู่มัธยมศึกษาตอนต้น ๑.๑.๒
การพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอน เช่น การจัดทำแผน IEP สำหรับขอรับการสนับสนุนอุปกรณ์ สื่อ
และเครื่องมือในการจัดการเรียนการสอนคนพิการในทุกสังกัด
การนำผลการทดสอบระดับเชาว์ปัญญามาเชื่อมโยงกับการจัดรูปแบบการศึกษาของคนพิการในระดับการศึกษาต่าง
ๆ การพัฒนาทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นต้น ๑.๑.๓
การสร้างโอกาสในการเข้าสู่ตลาดงาน เช่น การแนะแนวอาชีพแก่นักเรียนพิการ
การสร้างความร่วมมือกับสถานประกอบการเพื่อสร้างโอกาสการฝึกงานและทำงานจริง
การส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรมและสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินงานโดยคนพิการหรือจ้างงานคนพิการ
เป็นต้น ๑.๑.๔
การปรับสภาพแวดล้อมของสถานศึกษาและสถานที่ทำงาน เช่น ทางลาด สภาพห้องน้ำ
ให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตของคนพิการ เป็นต้น ๑.๑.๕ การส่งเสริมให้คนพิการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของตนเองและการพัฒนาสังคม
เช่น การส่งเสริมการให้ความรู้เรื่องสิทธิของคนพิการ
การสนับสนุนให้คนพิการมีสิทธิเลือกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง อาทิ การศึกษา
การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน การมีความร่วมมือขององค์กรคนพิการกับภาคส่วนต่าง ๆ
การสนับสนุนให้คนพิการเข้าร่วมกระบวนการกำหนดนโยบาย เป็นต้น
๑.๒ ควรมีการกำหนดค่าเป้าหมายของตัวชี้วัดในแต่ละปีให้ชัดเจนพร้อมกำหนดค่าฐาน
(base
line) ในการคำนวณ
โดยเฉพาะตัวชี้วัดภาพรวมของแผนที่กำหนดค่าเพียงเพิ่มขึ้น
และตัวชี้วัดรายยุทธศาสตร์ที่กำหนดค่าเป้าหมายว่า “มี”
พร้อมทั้งเพิ่มเติมตัวชี้วัดเชิงผลลัพธ์ อาทิ (๑) ตัวชี้วัดที่สะท้อนผลสัมฤทธิ์ของการศึกษาคนพิการในระดับต่าง
ๆ (๒) อัตราการเข้าสู่ตลาดงานหลังมีการ upskill/reskill (๓)
คุณภาพของสถานศึกษาคนพิการทั้งในด้านสัดส่วนครู หลักสูตร/สื่อการเรียน
เทคโนโลยีในการสนับสนุนการเรียนการสอน การทำแผน IEP สภาพแวดล้อมทางกายภาพ
บริการช่วยเหลือต่าง ๆ ๒.
กระทรวงศึกษาธิการควรพิจารณาให้มีการจัดทำแผนการศึกษาให้ครอบคลุมกลุ่มเด็กเปราะบางและด้อยโอกาสในทุกกลุ่ม
อาทิ กลุ่มเด็กกำพร้า กลุ่มเด็กในครัวเรือนยากจนนอกจากกลุ่มเด็กพิการ
โดยพิจารณาใช้กลไกของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาในการเสาะแสวงหาและช่วยเหลือสนับสนุนผ่านการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงมหาดไทยเพื่อให้แผนการจัดการศึกษาครอบคลุมเด็กทุกคนอย่างเสมอภาค |
||||||||||||||||||||||||||||||
807 | โครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี “ครัวโรงเรียน สู่ ครัวบ้าน” (ทุนการศึกษา “วรเกษตรเมธี”) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 - 2572 | ศธ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี “ครัวโรงเรียน สู่ ครัวบ้าน” (ทุนการศึกษา “วรเกษตรเมธี”) ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ - ๒๕๗๒ รวมระยะเวลา ๕ ปีงบประมาณ ภายในกรอบวงเงิน ๒,๓๔๐,๐๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเริ่มดำเนินโครงการในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ นั้น
ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยโอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป โดยให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนจัดให้มีระบบการติดตาม
และประเมินผลการดำเนินโครงการเป็นระยะ เพื่อให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ
รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการแนะแนวอาชีพที่เหมาะสมและการเรียนต่อในสาขาที่สอดคล้องกับความถนัดและเชื่อมโยงกับการพัฒนาในพื้นที่
และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญด้วย
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการควรมีการพัฒนากระบวนการติดตามนักเรียนทุนที่อยู่ระหว่างรับทุนจากปัจจัยต่าง
ๆ เพื่อการคงอยู่ในระบบทุน อาทิ ความสามารถทางวิชาการ
แรงจูงใจในการศึกษาด้านการเกษตร และความตั้งใจที่จะกลับไปพัฒนาท้องถิ่น
รวมทั้งการมีกลไกการบริหารจัดการร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ในด้านต่าง
ๆ อาทิ การจัดเก็บข้อมูล การกำกับติดตามผลการเรียน
การประเมินความคุ้มค่าการดำเนินโครงการ และการจัดทำข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดโควตาการจัดสรรทุนให้เหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากรในพื้นที่
และความต้องการแรงงานในและนอกภาคเกษตรในอนาคต เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||
808 | มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน | พน. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าเป้าหมายสำหรับรอบเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๘ ไม่เกินหน่วยละ
๓.๙๙ บาท ของกระทรวงพลังงาน ๒. เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
คณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางให้อัตราค่าไฟฟ้าเป็นไปตามเป้าหมายดังกล่าว
รวมทั้งศึกษาและเสนอแนะแนวทางที่เหมาะสมในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานและแนวทางการบริหารต้นทุนการผลิตไฟฟ้า
โดยไม่ต้องขอรับการอุดหนุนงบประมาณจากภาครัฐ
แล้วให้เสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
809 | รัฐบาลบูร์กินาฟาโซเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งบูร์กินาฟาโซประจำประเทศไทย (นายเดซีเร บอนีฟาส ซอม) | กต. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเดซีเร บอนีฟาส ซอม (Mr. Desire Boniface Some) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งบูร์กินาฟาโซประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นายไอดริส ราอัว
อูเอดราโอโก (Mr. Idriss Raoua Ouedraogo) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
810 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโปแลนด์ ณ จังหวัดเชียงใหม่ และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโปแลนด์ ณ จังหวัดเชียงใหม่ (นางสาวอานิสา บูรพชัยศรี) | กต. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑. เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐโปแลนด์ ณ
จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน
พะเยา น่าน ลำพูน และลำปาง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
811 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาววรพรรณ เลิศไกร และนางสุภัทร กิจเวช) | นร.01 | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นางสาววรพรรณ เลิศไกร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||||||||
812 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (นางอุษา กลิ่นหอม) | พณ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางอุษา กลิ่นหอม
เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน สาขาวิทยาศาสตร์
(ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค)
ในคณะกรรมการสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก
โดยขอให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ทั้งนี้
ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
813 | รายงานผลการลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อรับฟังข้อเรียกร้องแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกินของกลุ่มผู้ชุมนุม สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า และสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ | นร. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายประเสริฐ
จันทรรวงทอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
รายงานว่าเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๘
ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อรับฟังข้อเรียกร้องแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านที่ดินทำกินของกลุ่มผู้ชุมนุม
สมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่า และสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ได้แก่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ มีผู้เข้าร่วมประมาณ ๓,๐๐๐ คน โดยมีผลการหารือในประเด็นต่าง ๆ
ที่ขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการต่อไป
สรุปได้ดังนี้ ข้อเรียกร้องที่ ๑
การเร่งรัดให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ทั้งฉบับโดยเร่งด่วน
โดยขอให้มีสัดส่วนของกรรมการระหว่างภาครัฐและภาคประชาชนที่เท่ากัน
และในระหว่างการดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องขอให้ยุติการเตรียมประกาศพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่ม
จำนวน ๒๓ แห่ง จนกว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ ผลการหารือ (๑)
คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติจะเร่งรัดดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน
๓๐ วัน โดยจะพิจารณากำหนดสัดส่วนของกรรมการจากหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และจากภาคประชาชนให้เหมาะสม (๒) รับข้อเรียกร้องที่ขอให้ยุติการดำเนินการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตและละเมิดสิทธิชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ยังไม่ได้ประกาศบังคับใช้เพื่อนำไปหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป (๓)
รับข้อเรียกร้องที่ขอให้ยุติการเตรียมประกาศพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่ม จำนวน ๒๓ แห่ง
จนกว่าจะมีการปรับแก้ไขกฎหมายจนแล้วเสร็จไปประสานหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อชะลอการประกาศเขตพื้นที่อนุรักษ์ที่ยังไม่ได้ผ่านการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) และจะพิจารณาให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
ข้อเรียกร้องที่ ๒
การเร่งรัดการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของราษฎรให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ผลการหารือ รับข้อเรียกร้องดังกล่าวและได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติดำเนินการมอบหมายให้คณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๖๒ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒
รับไปดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการสำรวจการถือครองที่ดินของกลุ่มบุคคลตามติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ เพื่อให้ได้รับสิทธิในการจัดที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัยนั้น
ได้ประสานให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาสั่งการให้กรมป่าไม้เร่งรัดดำเนินการในเรื่องนี้โดยเร็วต่อไป
ข้อเรียกร้องที่ ๓ ขอให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ
จึงรุ่งเรืองกิจ) ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานโฉนดชุมชน
เร่งรัดการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชน
พ.ศ. ๒๕๕๓ ผลการหารือ รับข้อเรียกร้องในเรื่องนี้เพื่อไปประสานกับรองนายกรัฐมนตรี
(นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ต่อไป
ข้อเรียกร้องที่ ๔
การเร่งติดตามและผลักดันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นเวลานาน
รวม ๔๘๙,๕๓๑ คน ผลการหารือ รับเรื่องนี้ไปประสานหารือกับรองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเร่งรัดการดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง
ครบถ้วนตามข้อเท็จจริงโดยเร็วต่อไป
ข้อเรียกร้องที่ ๕
การให้คณะอนุกรรมการอิสระเพื่อศึกษากำหนดแนวทาง
มาตรการเร่งรัดการปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐ (One
Map) และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน
ตามคำสั่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๘ ลงวันที่ ๒๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ รับกรณีปัญหาของผู้ที่ถูกดำเนินคดีด้านที่ดินป่าไม้ของสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าและสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือไปพิจารณาแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจของคณะอนุกรรมการฯ ผลการหารือ มอบหมายให้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง
(นายสมคิด เชื้อคง) ในฐานะประธานอนุกรรมการฯ
รับเรื่องนี้ไปพิจารณาแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจของคณะอนุกรรมการฯ และเมื่อคณะอนุกรรมการฯ
มีมติเป็นประการใดจะได้ประสานหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนในการเสนอการออกร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร
ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ พ.ศ. ....
ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
814 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวกฤติกา บูรณะดิษ) | คค. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวกฤติกา บูรณะดิษ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก (ผู้อำนวยการสูง)
สำนักส่งเสริมระบบการขนส่งและจราจรในภูมิภาค สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
ให้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ สำนักงานโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๗
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
815 | รายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 | สงป. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ ของหน่วยรับงบประมาณ และแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ รวมทั้งการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๗
เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘ เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ของรัฐ
และรับทราบผลการพิจารณาคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบริหารการคลังและงบประมาณรายจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและรัดกุม
ทั้งในด้านการบริหารการจัดเก็บรายได้ให้ได้ตามเป้าหมายและการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายเพื่อลดแรงกดดันจากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้สาธารณะ
เพื่อให้มีกรอบวงเงินงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการรองรับความเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ
และความเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการค้าโลก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
816 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... | นร.09 | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ และหน้าที่และอำนาจของสำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป
อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เพื่อนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
817 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเตารีดไฟฟ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเตารีดไฟฟ้าต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเตารีดไฟฟ้าตามมาตรฐาน
เลขที่ มอก. ๓๖๖-๒๕๔๗
โดยเป็นการยกเลิกมาตรฐานเดิมและกำหนดมาตรฐานใหม่ให้เป็นไปตามมาตรฐานเลขที่ มอก.
๖๐๓๓๕ เล่ม ๒ (๓)-๒๕๖๗
เพื่อความปลอดภัยหรือเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชนหรือแก่กิจการอุตสาหกรรม
หรือเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
818 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2558) | มท. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
(สีเขียว) ให้สามารถขยายพื้นที่และกำลังการผลิตของโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการอยู่ก่อนวันที่กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลใช้บังคับและยังประกอบกิจการอยู่ และแก้ไขประเภท ชนิด
และจำพวกของโรงงานบางประเภท ให้สามารถประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๓ ได้
รวมทั้งเพิ่มเติมประเภท ชนิด และจำพวกของโรงงานบางประเภทตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงฯ
ในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรมให้สามารถประกอบกิจการโรงงานได้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||||||||
819 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช เขตเลือกตั้งที่ 8 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... | กกต. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครศรีธรรมราช
เขตเลือกตั้งที่ ๘ แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. .... เนื่องจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ
นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๐๑ (๖)
ประกอบมาตรา ๙๘ (๕) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
820 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 | รง. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๖ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
เห็นว่ารายงานการเงินข้างต้นนี้แสดงฐานะการเงินถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบ
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|