ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 61 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1201 - 1220 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1201 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตและการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงาน จำพวกที่ 3 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 รวม 2 ฉบับ | อก | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การขอ
อนุญาตและการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงาน จำพวกที่ 3 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์การขออนุญาต และการอนุญาตเกี่ยวกับโรงงาน จำพวกที่ 3 และร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราช บัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2544) ออกตามความใน พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 เพื่อกำหนดสถานที่ในการชำระค่าธรรมเนียมรายปีเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้อง กับการถ่ายโอนภารกิจให้แก่องคืกรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณา แล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1202 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องการติดตามและประเมินผลการปฏิรูปการศึกษาตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ | สสป | 14/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง การติดตามและประเมินผลการปฏิรูปการศึกษาตามแนวนโยบาย พื้นฐานแห่งรัฐและพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอแนะดังนี้ ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและ คุณภาพการเรียนการสอน รัฐต้องเร่งพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยลงทุนด้านการพัฒนานวัตกรรมการ จัดการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ ด้านการพัฒนาคุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา รัฐควรสร้างแรงจูง ใจให้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้าสู่วิชาชีพครู และเร่งพัฒนาคุณภาพครู โดยการจัดระบบพัฒนาคุณภาพครูให้ชัด เจน ด้านการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาอย่างมีนัยสำคัญ รัฐควรพิจารณาอย่างจริงจังในด้านการส่งเสริมและ ผลักดันให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของภาคส่วนต่างๆ ด้านการจัดการศึกษาในระบบ นอก ระบบการศึกษาตามอัธยาศัย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต รัฐต้องให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนการศึกษาทุก ระบบ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคในด้านโอกาสทางการศึกษา และในด้านคุณภาพการศึกษา ด้านการกระจาย โอกาสทางการศึกษา รัฐต้องทบทวนการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เพียงพอ เพื่อไม่ให้มีการจัด เก็บค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มขึ้น และกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการสนับสนุน ดูแลคุณภาพและความ พร้อมของโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพโดยเท่าเทียมกัน ด้านการจัดการศึกษา สำหรับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา รัฐควรปรับปรุงนโยบายและวิธีการวางแผนการผลิตกำลังคนสายอาชีพระดับ กลางอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งปรับปรุงคุณภาพการจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาให้สอดคล้องกับ ความต้องการของตลาดแรงงาน ด้านการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษกลุ่มต่าง ๆ รัฐควรเร่งปรับปรุงคุณภาพของการ ศึกษาในทุก ๆ ด้านให้เหมาะสมสำหรับเด็กพิเศษกลุ่มต่าง ๆ อย่างจริงจัง ด้านการกระจายอำนาจทางการศึกษา ไปยังสถานศึกษา รัฐควรเร่งกระจายอำนาจด้านการบริหารงบประมาณ การบริหารบุคคลแก่สถานศึกษา ตลอด จนเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาด้วยการจัดให้มีหน่วยงานที่ดูแลในช่วงการเปลี่ยนผ่านโดยเฉพาะการศึกษา ที่ยังไม่มีความพร้อม และด้านการกระจายอำนาจไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รัฐควรคำนึงถึงความ พร้อมของหน่วยงานเหล่านี้อย่างรอบคอบและเป็นขั้นตอน และเร่งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง อปท. และสถาน ศึกษา โดยกำหนดสัดส่วนของงบประมาณที่ทุก อปท. ต้องจัดสรรเพื่อสนับสนุนสถานศึกษาที่อยู่ในเขตพื้นที่ของ ตนให้ชัดเจน ไม่ว่าจะมีการถ่ายโอนหรือไม่ก็ตาม เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการ ดำเนินการของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
1203 | รายงานผลการประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์สังคมไม่ทอดทิ้งกัน | พม | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการ
ประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์สังคมไม่ทอดทิ้งกัน เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2549 โดยสาระสำคัญของการ ประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สังคมไทยเป็นสังคมที่ดีงาม และอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน" โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีประเด็นหลักคือ การนำสังคมไทย ไปสู่สังคมที่ดีงามและอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน คือ (1) การสร้างสังคมไทย ให้เป็นสังคมที่ไม่ทอดทิ้งกัน (2) เป็น สังคมที่เข้มแข็ง และ (3) เป็นสังคมคุณธรรม และการบรรยายพิเศษเรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคม โดยนาย เอนก นาคะบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายแพทย์ พลเดช ปิ่นประทีป เลขานุการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สรุป ได้ว่า การจะทำให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุขรวมกันได้ต้องมีการบริหารจัดการร่วมกัน วิธีการปฏิบัติร่วมกันตั้งแต่ระดับ ชุมชน ท้องถิ่นเล็ก ๆ ระดับตำบล อำเภอ จังหวัด รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบายอยู่ ตลอดเวลา โดยมีภาคีพัฒนาที่สำคัญในพื้นที่อย่างน้อย 3 ส่วน คือ ภาคประชาชน/ชุมชน ภาคองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และราชการส่วนภูมิภาค และมีภาคีพัฒนาอื่น ๆ หนุนเสริม ภาคธุรกิจ เช่น องค์กรสาธารณะ ประโยชน์ และในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคมไม่ทอดทิ้งกันมีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ (1) เข้าหา โอบอุ้มผู้ยาก ลำบาก ผู้ด้อยโอกาส ผู้ถูกทอดทิ้งและผู้รับผลกระทบ (2) ยกจิตใจคนไทยทั้งสังคมให้สูงขึ้นพร้อมกันในการร่วม ช่วยเหลือ และ (3) ถักทอเครือข่ายในการดูแลไม่ทอดทิ้งกัน เป็นศูนย์ประสานงานอาสาสมัครและการให้
|
|||||||||||||||||||||
1204 | ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปาชนบท) ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เสนอขอถอนเรื่อง
ขอให้ทบทวนแก้ไขภารกิจ การถ่ายโอนงานด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค (แหล่งน้ำ/ระบบประปา ชนบท) เพื่อนำไปพิจารณาในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) |
|||||||||||||||||||||
1205 | โครงการจัดหาน้ำสะอาดเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัย | ทส | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอดังนี้ อนุมัติในหลักการ
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการปรับปรุงระบบน้ำประปา บ่อน้ำตื้น บ่อ น้ำบาดาล แหล่งน้ำธรรมชาติ การเจาะน้ำบาดาลหรือจัดหาน้ำสะอาดเพิ่มเติมได้ในภาวะฉุกเฉินกรณีเกิดภัย พิบัติอันเนื่องจากน้ำท่วม น้ำแล้ง และภัยพิบัติอื่น ๆ ในทุกพื้นที่ และอนุมัติเงินจากงบกลาง ปี พ.ศ. 2550 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 777,509,900 บาท โดยแยกเป็น 2 รายการ คือ งบจำนวน 486,541,000 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบน้ำสะอาดจากน้ำ บาดาล และงบจำนวน 290,968,900 บาท เพื่อให้กรมทรัพยากรน้ำดำเนินการโครงการจัดหาน้ำสะอาด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากอุทกภัยในพื้นที่ 36 จังหวัด ในส่วนของระบบประปาผิวดินและ แหล่งน้ำธรรมชาติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเรื่องนี้ เสนอคณะกรรมการการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1206 | คณะกรรมการนโยบายและฟื้นฟูทะเลไทย | นร | 07/11/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
การยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายฟื้นฟูทะเลไทย พ.ศ. 2539 และคณะกรรมการนโยบาย และการฟื้นฟูทะเลไทย และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับภารกิจไปดำเนินการในส่วนของการถ่ายโอนภาร กิจและบุคลากรของคณะกรรมการ ฯ และให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับการ ถ่ายโอนภารกิจและบุคลากรของคณะกรรมการ ฯ ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ตามที่เสนอ ควรเพิ่มกรมอุทยานแห่ง ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเห็นควรให้องค์กรเอกชนมีส่วนร่วมในการฟื้นฟู สิ่งแวดล้อมทางทะเลด้วย และความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมอบหมายให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานรับผิดชอบดำเนินการกิจเรื่อง การฟื้นฟูและการจัดระบบการใช้ทรัพยากรทางทะเลในด้านการ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เกี่ยวกับการดำเนินการฟื้นฟู ทะเลไทย ให้อาศัยกลไกของรัฐที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปสู่ความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบาย ของรัฐบาล ไปพิจารณาด้วย และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายงานสภาวะของทะเลไทยและแนวนโยบายในอนาคต เพื่อ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ด้วย |
|||||||||||||||||||||
1207 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 17/10/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอการกำหนดวงเงินและโครงสร้าง รวมทั้งปฏิทิน
งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณราย จ่าย ฯ ตามโครงสร้างยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยพิจารณา ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และ หน่วยงานของรัฐ พิจารณาทบทวนรายละเอียดของยุทธศาสตร์ บทบาท ภารกิจ และเป้าหมายการดำเนินงาน ให้เหมาะสม สอดคล้อง จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน และประสานการดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสำนัก งบประมาณ สำหรับกรณีการจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องดำเนินการตามพระราช บัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ซึ่งบัญญัติให้ ในช่วงเวลาไม่เกิน พ.ศ. 2549 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาล ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 นั้น ให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปพิจารณา แนวทางการดำเนินการที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1208 | ผลความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน | นร | 19/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลความก้าวหน้าในการ
แก้ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน โดยการก่อสร้างพนังกั้นแม่น้ำปิง จะดำเนิน การขุดลอกแม่น้ำปิงในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ เพื่อให้ได้ความกว้างของแม่น้ำปิง 90 เมตร ระยะทาง 7.2 กิโล เมตร โดยเทศบาลนครเชียงใหม่ กรมขนส่งทางน้ำ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ภาค 3 จะเป็นผู้ดำเนินการ โดยใช้งบประมาณปกติของกรมขนส่งทางน้ำ จำนวน 19.67 ล้านบาท ส่วนการจ่ายค่าชดเชยการรื้อย้ายของ ประชาชนในเขตการขุดลอกและการสร้างพนังกั้นน้ำ 2 ฝั่งแม่น้ำปิง กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจะใช้งบ ประมาณเหลือจ่าย (งบล้างท่อ) สนับสนุนให้กับเทศบาลนครเชียงใหม่ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบการรื้อย้าย สำหรับ การขยายแม่น้ำปิงที่บริเวณกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จะดำเนินการขุดลอกถนนและทางลอดใต้สะพาน เชื่อมกองบัญชาการ ฯ กับอาคารที่พัก โดยไม่ให้มีผลกับตัวอาคาร
|
|||||||||||||||||||||
1209 | การถ่ายโอนสถานศึกษาเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี | นร | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการการกระจาย
อำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับเรื่อง การถ่ายโอนสถานศึกษาเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี ไป พิจารณาทบทวนเกี่ยวกับความเหมาะสมในการถ่ายโอนสถานศึกษาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวง มหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
1210 | การติดตามประเมินผลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545 - 2549) | นร | 12/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติราย
งานสรุปผลการติดตามประเมินผลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในระยะแผนพัฒนา ฯ ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) โดยด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 5.7 ต่อปี เงินเฟ้อเฉลี่ยยังอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ร้อยละ 3.0 ต่อปี และดุลบัญชีเดินสะพัดเฉลี่ยเกินดุลร้อยละ 3.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเกินเป้าหมาย ในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 8 ต่อปี ด้านคุณภาพชีวิตของประชาชน ร้อยละ 96.3 มีหลักประกันสุขภาพ และโอกาสใน การทำงานเพิ่มขึ้น แรงงานในระบบร้อยละ 22.73 ได้รับการคุ้มครอง คนไทยมีการศึกษาเฉลี่ย 8.5 ต่อปี และ แรงงานร้อยละ 39.8 มีการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป ประกอบกับการดำเนินงานป้องกันและแก้ไข ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ส่งผลให้ความรุนแรงของปัญหาลดลง ขณะที่ปัญหาอาชญากรรมยังคงเป็นปัญหา สำคัญที่บั่นทอนความอยู่ดีมีสุขของคนไทย ในส่วนของภาคราชการไทยมีการปรับตัวก้าวสู่ความทันสมัยและมี ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ภาพลักษณ์ความโปร่งใสดีขึ้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องการตรวจสอบและป้องกัน การทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งเร่งดำเนินการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็นไปตามเป้า หมาย สำหรับการแก้ไขปัญหาความยากจน จำนวนคนยากจนลดลงเหลือเพียงร้อยละ 11.3 ของประชากรทั้ง หมด ขณะที่ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ระหว่างคนจนกับคนรวยมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังห่างกันถึง 12.2 เท่า นอก จากนี้ยังสามารถพัฒนาศักยภาพและโอกาสเข้าถึงบริการทางสังคมและบริการพื้นฐานทางเศรษฐกิจได้มากขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาอาชีพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่ยังคงมีอยู่ ได้แก่ ปัญหาหนี้ สิน ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย สำหรับผลการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมสร้างระบบการบริหารการ จัดการที่ดี การพัฒนาคุณภาพคนและการคุ้มครองทางสังคม การปรับโครงสร้างการพัฒนาชนบทและเมือง อย่างยั่งยืน การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การบริหารเศรษฐกิจส่วนรวม การพัฒนา ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการพัฒนาความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
|||||||||||||||||||||
1211 | ขออนุมัติการจัดสรรงบประมาณปี 2550 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเป็นค่าตอบแทนจ้างครูรายเดือนแก้ปัญหาโรงเรียนที่ขาดแคลนครูขั้นวิกฤต (จ้างต่อเนื่อง) 8,180 อัตรา | ศธ | 05/09/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะ
กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) ดำเนินการจ้างครูรายเดือนต่อเนื่องอัตราเดิม จำนวน 8,180 อัตรา ระยะเวลา 12 เดือน ในวงเงิน 786,408,840 บาท เพื่อแก้ปัญหาสถานศึกษาขาดแคลนครูขั้นวิกฤต โดยเบิกจ่ายตามหลัก เกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ไปพลางก่อน ตลอดจนวิธีปฏิบัติ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงบประมาณกำหนด ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวมทั้งให้เร่งขออนุมัติคงอัตราเกษียณ และวงเงินของ งบประมาณปี พ.ศ. 2549 สำหรับครูสายปฏิบัติการสอนเป็นกรณีพิเศษจากคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและ นโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนครูในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการ ศึกษา ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการรายงานผลการปฏิบัติงานของ สถานศึกษาต่าง ๆ ควรจัดทำในรูปแบบของ electronic files ที่ง่ายและสะดวกแก่ผู้เกี่ยวข้องในการกรอกข้อมูล และการประมวล นอกจากนี้ โรงเรียนทุกแห่งควรมีคณะกรรมการซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการบริหารสถานศึกษา เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนและการดำเนินกิจการของสถานศึกษานั้น ๆ สัมฤทธิผล ตอบสนอง และได้รับ ความร่วมมือและการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นจากประชาชนในท้องถิ่นด้วย โดยคณะกรรมการดังกล่าว ควรมีผู้แทนจากหลากหลายอาชีพ รวมถึงผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในท้องที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ ไป พิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
1212 | ผลความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างและซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" | มท | 29/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานผลความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างและ
ซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธาร (Check Dam) ตามแนวพระราชดำริ "โครงการ 80 พรรษา 80 พันฝาย" ครั้งที่ 2 (เดือนเมษายน-มิถุนายน 2549) โดยได้ดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมฝายต้นน้ำลำธารแล้วเสร็จ 83,638 ฝาย สำหรับงบประมาณดำเนินการ ทางจังหวัดได้บูรณาการงบประมาณ จากงบจังหวัดแบบบูรณาการ งบ ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด งบปกติของส่วนราชการ งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น งบประมาณรายจ่าย งบกลาง (รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น) งบ กปร. และงบจากภาคประชาชนสมทบ รวม ทั้งสิ้น 586,934,893 บาท ในการนี้ กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำแผนประชาสัมพันธ์โครงการ ฯ โดยให้หน่วย งานดำเนินการใช้สื่อและงบประมาณที่มีอยู่ในความรับผิดชอบดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และตั้ง งบประมาณรองรับจนถึงปี พ.ศ. 2551 เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานตามโครงการ ฯ ผ่านทางสื่อต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||
1213 | สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 10) | มท | 15/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบ
อุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด (ครั้งที่ 10) โดยการให้ความช่วยเหลือ ประกอบด้วย ความก้าวหน้า ในการจัดสร้างเต็นท์พักอาศัยชั่วคราว การจัดสร้างบ้านพักชั่วคราว (บ้านน็อคดาวน์) การจัดสร้างบ้านพักถาวร และการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยม วิทยา และศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สร้างเครือข่ายแจ้งเตือนภัย เพื่อซักซ้อม แผนเตือนภัยและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเป็นระบบและต่อเนือง โดยในส่วนของกรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย ได้ดำเนินการฝึกอบรมจัดตั้งเครือข่ายอาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม หรือ "มิสเตอร์เตือนภัย" ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ดินถล่ม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และได้มีหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัด พิจารณาคัดเลือกอาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม "มิสเตอร์เตือนภัย" ในหมู่บ้านเสี่ยงอุทกภัยและดินถล่ม ทั้ง 3 ระดับ คือ พื้นที่เสี่ยงภัยสูง (สีแดง) พื้นที่เสียงภัยปานกลาง (สีเหลือง) และพื้นที่เสียงภัยต่ำ (สีเขียว) หมู่ บ้านละ 2 คน เข้ารับการฝึกอบรมและปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัครแจ้งเตือน ทั้งนี้ ในการดำเนินงานฝึกอบรมจะเร่ง ให้เสร็จก่อนปลายเดือนสิงหาคม 2549 เพื่อเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุที่อาจมีลมมรสุมเข้ามาในภาคเหนืออีก ครั้งหนึ่ง ซึ่งเมื่อเสร็จสิ้นการดำเนินงานระยะที่ 1 แล้ว จะดำเนินการในพื้นที่ภาคกลางและภาคใต้ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1214 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการใช้งบประมาณโครงการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม | นร | 08/08/2549 | ||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับรายงานผลการพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายการใช้งบประมาณโครงการจัดการคุณภาพสิ่งแวด ล้อม ในการประชุมครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2549 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีมติอนุมัติให้ใช้งบ ประมาณปี พ.ศ. 2548 จำนวน 28,800,000 บาท ไปดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ตามที่สำนัก งานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เสนอ โดยให้จัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นตามที่ได้กำหนดไว้ และให้เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์รับไปพิจารณาปรับเปลี่ยนโครงการก่อ สร้างระบบกำจัดขยะมูลฝอยให้อยู่ภายในวงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติให้ผูกพันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 - 2550 โดยประสานการปฏิบัติงานกับ สผ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||
1215 | การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยการจัดทำทางระบายน้ำหรือทางลอดถนน | นร | 01/08/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรม
ชลประทาน) ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสำรวจและจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับทางไหลของน้ำและจุดตัดกับถนน สายทางต่าง ๆ ทั่วประเทศที่จำเป็นจะต้องก่อสร้าง หรือแก้ไขให้เป็นทางระบายน้ำหรือทางลอดของน้ำ ซึ่ง กรมชลประทานได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย (องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศ ไทย) นำข้อมูลดังกล่าวไปดำเนินการ เพื่อป้องกันและแก้ไขในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และหากจุดใดยังไม่มีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ให้เสนอขอตั้งงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. 2550 ต่อไป ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการและรายงานข้อมูลความคืบหน้าต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ) ภายใน 1 เดือน เพื่อประมวลข้อมูลในภาพรวม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1216 | รายงานผลการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีการบริหารจัดการที่ดี | นร | 25/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เสนอรายงานผลการคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่น (อปท.) ที่มีการบริหารจัดการที่ดี โดยในปีที่ผ่านมาการจัดสรรเงินอุดหนุนเพื่อเป็นรางวัลสำหรับ อปท. ที่มี การบริหารจัดการที่ดีส่งผลให้ อปท. ทุกประเภทมีการแข่งขันเพื่อพัฒนาระบบการให้บริการสาธารณะแก่ประชา ชนซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ จึงเห็นควรสนับสนุนให้มีการจัดสรรเงินอุดหนุนดังกล่าวต่อไปตามหลัก เกณฑ์วิธีการและวงเงินที่ กกถ. กำหนด และไม่ควรปรับลดเงินรางวัลเพื่อให้ อปท. มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
1217 | การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ดินถล่มแบบบูรณาการ | นร | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุชัย เจริญรัตนกุล) รายงานผลการประชุม
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2549 เพื่อหารือ ซักซ้อม และติดตามการเตรียมความพร้อมในการ ป้องกันปัญหาน้ำท่วม และดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา ศูนย์เตือน ภัยพิบัติแห่งชาติ กรมทรัพยากรธรณี เป็นต้น ได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาพร้อมกับเสนอแนะ แนวทางแก้ไข ซึ่งที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาแต่ละหน่วยงานได้มีการและดำเนินงาน ในส่วนที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว ซึ่งประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญคือการประสานงานในระดับท้องถิ่นพื้นที่เสี่ยงภัย ดังนั้น เพื่อให้การประสานงานในพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดกับ ประชาชน จึงมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการสร้างเครือข่ายเตือนภัยในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยกำหนดผู้ รับผิดชอบในพื้นที่โดยตรง ซึ่งเรียกชื่อว่า "มิสเตอร์เตือนภัย" เพื่อทำหน้าที่ประสานงาน และแจ้งเตือนภัยให้กับ ประชาชนในพื้นที่เสียงภัย และมอบหมายให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาตั้งงบประมาณสนับสนุนเพิ่ม เติมในการเตรียมฝึกซ้อมแผนเตือนภัยเสมือนเหตุการณ์จริง เพื่อนำปัญหาที่เกิดจากการฝึกซ้อมแผนมากำหนด แนวทางแก้ไขปัญหาให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมอุตุนิยมวิทยา และ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ร่วมกันเพื่อซักซ้อมแผนเตือนภัยและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยอย่างเป็น ระบบและต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
1218 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... | ทส | 18/07/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่างพระ
ราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ คือ จัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพขึ้นเป็นองค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหา ชน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยรับความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศมีข้อสังเกตว่า การกำหนดให้สำนักงาน ฯ มีอำนาจทำความตกลง และร่วมมือกับองค์กรหรือหน่วยงานในประเทศหรือต่างประเทศ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในกิจการที่ เกี่ยวกับการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของสำนักงาน ฯ นั้น โดยที่สำนักงาน ฯ มิได้มีสถานะเป็นกระทรวง ทบวง กรม จึงไม่เข้าข่ายตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 วันที่ 1 ตุลาคม 2545 วันที่ 7 มกราคม 2546 ที่ระบุให้กระทรวง ทบวง กรม ที่จะจัดทำความตกลงกับหน่วยงานต่างประเทศส่งเรื่องให้ กระทรวงการต่างประเทศพิจารณา ก่อนนำเรื่องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนการลงนาม ไป พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
1219 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาหมู่บ้าน พ.ศ. .... | ทส | 27/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดองค์ ประกอบและอำนาจหน้าที่ขององค์กรบริหารจัดการลุ่มน้ำในระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ รวมทั้งแนวทางในการ บริหารจัดการและบำรุงรักษาแหล่งน้ำขนาดเล็กขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้มีการจัดทำทะเบียน แหล่งน้ำขนาดเล็ก และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ วางหลักเกณฑ์การดำเนินการด้านการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบ ประปาหมู่บ้านให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดย ให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารทรัพยากร น้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... กรณีที่กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำทะเบียนแหล่งน้ำขนาดเล็กและจัดทำ รายงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่ใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรายงานจังหวัดและคณะ กรรมการลุ่มน้ำอีก เป็นการกำหนดให้องค์กรปกครองท้องถิ่นปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มภาระ สำหรับร่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปาหมู่บ้าน พ.ศ. .... เป็นการ เสนอกฎหมายที่ซ้ำซ้อนกับระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการบริหารกิจการและบำรุงรักษาระบบประปา หมู่บ้าน พ.ศ. 2548 และจะเป็นเหตุให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดความสับสนในการปฏิบัติ ไปพิจารณา ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
1220 | ร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหานคร พ.ศ. .... | มท | 20/06/2549 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติสุวรรณภูมิมหา
นคร พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ เพื่อจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษมีฐานะเป็นจังหวัด เพื่อ บริหารจัดการพื้นที่บริเวณโดยรอบท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพ และ ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตบางประเด็น เช่น การ จัดตั้งสุวรรณภูมิมหานครตามร่างพระราชบัญญัติ ฯ ในระยะเริ่มต้น ควรใช้ชื่อสุวรรณภูมินครไปก่อน และเมื่อมี ความเหมาะสมด้านองค์ประกอบ และเกณฑ์การพิจารณารูปแบบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น จำนวน และความหนาแน่นของประชากรในท้องถิ่น ความเจริญทางเศรษฐกิจ และความสำคัญทางการเมืองของท้องถิ่น จากศักยภาพในการพัฒนาความเจริญ จึงเปลี่ยนชื่อเป็นสุวรรณภูมิมหานคร ในภายหลัง และการกำหนดให้ บริเวณโดยรอบพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คือ เขตลาดกระบัง เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร อำเภอบาง พลีและกิ่งอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ขึ้นเป็นสุวรรณภูมิมหานคร ควรคำนึงถึงความเหมาะสมของ การใช้ประโยชน์ที่ดิน เนื่องจากพื้นที่บางส่วนของบริเวณใกล้เคียงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอาจจะไม่เหมาะสม สำหรับการใช้เป็นพื้นที่พักอาศัย หรือพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวต่อเสียงรบกวน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล เป็น ต้น จึงควรประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดผังการใช้ที่ดินให้เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ เกิดจากการดำเนินงานของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะผลกระทบด้านเสียงรบกวน ไปพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่อีกครั้งหนึ่ง |
.....