ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 65 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1281 - 1300 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1281 | การชะลอถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 30/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 (เรื่อง ปัญหาการประเมิน
คุณภาพผลงานของข้าราชการครูและการถ่ายโอนภารกิจด้านการบริหารการศึกษาให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น) ข้อ 2 การถ่ายโอนสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไป สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ครั้งที่ 6/2548 เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2548 ตามที่รองนายก รัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอ ทั้งนี้ ให้ กกถ. รับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้นำความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ส่วน การประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของ อปท. รวมทั้งการติดตามประเมินผลหลังจากที่ อปท. ได้รับโอนสถานศึกษาไปแล้วควรกำหนดให้มีผู้แทนของ อปท. นั้น ๆ ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรม การที่จะทำหน้าที่ดังกล่าวด้วย และให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดจัดทำแผนการปฏิรูปการศึกษาในภาพ รวมทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งประสานกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนำเรื่องนี้หารือนายก รัฐมนตรีร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1282 | มติคณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 ครั้งที่ 1/2548 | พม | 30/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เสนอสรุปผลการประชุมคณะกรรมการมาตรการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2548 ครั้งที่ 1/2548 โดยมติที่ประชุมได้ขอเปลี่ยนหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนมาตรการ "ขยายการ ให้เบี้ยยังชีพคนชราผู้ยากไร้ 300 บาทต่อคนต่อเดือน ให้ครบทุกคน จาก 530,000 คน เป็น 1.07 ล้าน คน" จากหน่วยงานหลักเดิมกระทรวงมหาดไทย เป็นกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เนื่องจากการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2535 ใน โครงการกองทุนส่งเสริมสวัสดิการผู้สูงอายุและครอบครัวในชุมชน ในความรับผิดชอบของกรมประชาสง เคราะห์ และในปี พ.ศ. 2544 ภารกิจด้านสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ถ่ายโอนไปยังกรมส่งเสริมการ ปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เห็นว่า การสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งดำเนินการโดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถตอบ สนองความต้องการของผู้ประสบความเดือดร้อนโดยตรง อีกทั้งสอดคล้องกับหลักการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีภารกิจในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้สังคม เข้มแข็ง จะดำเนินการในส่วนของการขับเคลื่อนมาตรการการให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โดยการกระตุ้น ติด ตามให้ผู้สูงอายุที่สมควรได้รับเบี้ยยังชีพ ได้รับการดูแลตามเจตนารมณ์ของการจัดสรรเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ รวมทั้งติดตามเร่งรัด การเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ได้มีแนวทาง เดียวกันในการดูแลคนพิการให้ได้รับการช่วยเหลือเบี้ยยังชีพคนพิการ ซึ่งได้ถ่ายโอนภารกิจให้แก่ กรม ส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547
|
||||||||||||||||||||||||
1283 | ขอส่งรายงานสถานะการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2548 (ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2548) ข้อมูลจากระบบ GFMIS | นร | 30/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานสถานะการเร่งรัดการ
เบิกจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2548 ณ วันที่ 26 สิงหาคม 2548 ดังนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณจนถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2548 เบิกได้ 80% ของวงเงินรายจ่ายปี 2548 จำนวน 1,250,000 ล้านบาท วงเงินราย จ่ายปี 2548 บวกรายจ่ายเหลื่อมปี วงเงิน 1,414,343 ล้านบาท การเบิกจ่ายคงค้างที่ต้องเร่งรัดมียอด รวมทั้งงบประจำและลงทุน 316,746 ล้านบาท ยอดวงเงินคงค้าง 316,746 ล้านบาท ที่มีปัญหาจะ มีเฉพาะในส่วนของงบลงทุน และงบกลาง ที่ยังไม่ได้การจัดสรร หรือยังไม่ได้ผูกพัน โดยเฉพาะงบกลาง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐวิสาหกิจ (เฉพาะส่วนที่ได้รับจัด สรรจากงบประมาณ) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวง เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จากการตรวจสอบในรายละเอียดการเบิกจ่ายพบว่า มีส่วนราช การที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายในสาระสำคัญดังนี้ งบกลาง เร่งรัดให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณ ในหมวดค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพและการแข่งขัน เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ค่าใช้จ่ายตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กระทรวง คมนาคม ควรเร่งรัดให้ทำการเบิกจ่ายตามงาน/โครงการดังนี้ งานพัฒนาทางหลวง งานบำรุงรักษาทาง หลวง โครงการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลโครงการก่อสร้างทางเข้า -ออก ท่าอากาศยานสากล โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น 4 ช่องทาง และงานพัฒนา ระบบโครงข่าย กระทรวงมหาดไทย ควรเร่งรัดการเบิกจ่ายโดยเฉพาะในส่วนของงบกรุงเทพมหานคร ที่มีการเบิกจ่ายต่ำมาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งรัดในส่วนของกรมชลประทานเป็นสำคัญ สำหรับงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้โอน งบประมาณที่ค้างการเบิกและเป็นคดีความ เช่น งาน/โครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย คืนเงินคงคลัง เพื่อ สำรองจ่ายเมื่อจบคดีแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
1284 | รายงานสถานการณ์อุทกภัยในภาคเหนือ | กษ | 16/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานสถานการณ์อุทกภัยใน
ภาคเหนือ ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2548 เนื่องจากมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2548 เป็นต้นมา ทำให้มีน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งและท่วมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน และลำปาง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการแจ้งเตือนจังหวัดและ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ทราบเป็นการล่วงหน้าประมาณ 1 วัน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ ผ่านทางสถานีวิทยุในพื้นที่ เกี่ยวกับปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และคาดการณ์ระยะ เวลาที่น้ำจะท่วมล้นตลิ่ง การติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ จัดเตรียมเครื่อง สูบน้ำขนาด 6-12 นิ้ว 80 เครื่อง ไว้ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนับสนุนการเร่งระบายน้ำแก้ไขปัญหา จาก การสำรวจเบื้องต้น ยังไม่ครบทุกพื้นที่ ของกรมส่งเสริมการเกษตรพบว่า มีพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 6 จังหวัด 33 อำเภอ 140 ตำบล พื้นที่การเกษตรประสบภัย 142,805 ไร่ ด้านพืช เกษตรกร 4,243 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 141,420 ไร่ ด้านปศุสัตว์ เกษตรกร 7,281 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ153,744 ตัว ด้านประมง เกษตรกร 3,246 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 678 ไร่ 735 บ่อ และกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ โดยศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา
|
||||||||||||||||||||||||
1285 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 09/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม
ประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมาย จัดตั้ง มีอำนาจในการกำหนดและจัดเก็บค่าตอบแทนการอนุญาตตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน ราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1286 | รายงานการส่งเสริมให้เยาวชน และประชาชนมีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ตามมติคณะรัฐมนตรี | กก | 09/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการจัดกิจกรรมส่ง
เสริมให้เยาวชนและประชาชน มีความตื่นตัวในการเล่นกีฬา ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม 2547 ตาม ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การใช้และบริหารสนามกีฬาของสถานศึกษาและหน่วยงาน ราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อประชาชน ได้มีการเปิดสนามกีฬาภายในศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา และ นันทนาการจังหวัด 75 แห่ง ศูนย์กีฬา (กกท.) 5 ภาค วิทยาลัยพลศึกษา 17 แห่ง โรงเรียนกีฬา 13 แห่ง และสนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน กรุงเทพ ฯ ให้เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เล่น กีฬา ออกกำลังกาย มีผู้ใช้บริการ 27,538,854 คน ยุทธศาสตร์ที่ 2 การพัฒนาบุคลากรกีฬาอย่างเป็น ระบบ ได้จัดอบรม สัมมนา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกีฬา สุขภาพ นันทนาการ วิทยาศาสตร์การกีฬา มีผู้ เข้าร่วมกิจกรรม 120,519 คน ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบูรณาการการกีฬาทุกระดับให้ต่อเนื่องและยั่งยืน ได้ส่งเสริม สนับสนุน และจัดกิจกรรมกีฬา ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 15,924,823 คน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารองค์กรเครือข่ายกีฬาของประเทศอย่างเป็นระบบ โดย จัดประชุม สัมมนาคณะกรรมการ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายคณะกรรมการกีฬา สมาคมกีฬา ผู้บริหารระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล ผู้จัดการสถานกีฬา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 49,000 คน และยุทธศาสตร์ที่ 5 การช่วยเหลือนักกีฬาซึ่งทำคุณประโยชน์และชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ โดยการ จัดจ้างนักกีฬาทีมชาติ หรือนักกีฬาที่ทำคุณประโยชน์และสร้างชื่อเสียงแก่ประเทศชาติเข้าทำงานรวมทั้ง สิ้น 3,119 คน
|
||||||||||||||||||||||||
1287 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" พ.ศ. 2548 - 2551 | พม | 02/08/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่าย
การต่างประเทศ แรงงานและการพัฒนาสังคม) ที่มีมติอนุมัติในหลักการโครงการบ้านมั่นคง (พ.ศ. 2548- พ.ศ. 2551) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ซึ่งมีเป้าหมายรวมที่จะดำเนินการแก้ ไขปัญหาความเดือดร้อนของคนจนในเมืองจำนวน 285,000 ครัวเรือน 1,826 ชุมชน ครอบคลุมประชากร จำนวน 1,425,000 คน ใน 200 เมือง โดยเป้าหมายการดำเนินงานปี พ.ศ. 2548 ได้กำหนดการดำเนิน การไว้รวม 50,000 หน่วย ครอบคลุมการแก้ปัญหาคนจนในเมือง 250,000 คน ใน 100 เมือง ทั้งนี้ คณะ กรรมการกลั่นกรอง ฯ มีความเห็นว่า ในแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาชุมชนแออัด "โครงการบ้านมั่นคง" ควร กำหนดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนที่ชัดเจนไว้ในแผนปฏิบัติการด้วย และให้กระทรวงการพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน-พอช.) รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยว ข้องและข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า งบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการในแต่ ละปีค่อนข้างเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก โดยเฉพาะเงินอุดหนุนจากรัฐ ดังนั้น การบริหารจัดการงบประมาณ โครงการในแต่ละช่วง จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงแนวทางของรัฐบาลในการบริหารงบประมาณในภาพรวมของ ประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องการเตรียมความพร้อมขององค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อรองรับการถ่ายโอนภารกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและสร้างความเข้มแข็ง ของคนจน รวมทั้งการดำเนินโครงการ ฯ อาจต้องคำนึงถึงอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาเฉพาะที่มีอยู่ ในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาจทำให้ไม่สามารถดำเนินการไปได้ตามแผน จึง ควรมีมาตรการรองรับกรณีนี้ด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนิน โครงการ ฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 1,276.4 ล้านบาท และในปีงบประมาณพ.ศ. 2549- พ.ศ. 2551 นั้น ให้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับการดำเนินการจริงโดยให้ขอตกลงในรายละเอียด กับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1288 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (งบประมาณเพิ่มเติมกลางปี) เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | นร | 26/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธาน
กรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เสนอมติที่ประชุม กกถ. ครั้งที่ 3 /2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 ที่มีมติให้นำเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 4,600 ล้านบาท ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำโดยจัดสรรให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่มีปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำเท่านั้น และให้เน้นการดำเนินการโครงการระบบประปา หมู่บ้าน สำหรับหลักเกณฑ์การจัดสรรให้เป็นไปตามที่ กกถ. กำหนด และหากมีเงินเหลือจ่ายจากการ ดำเนินการดังกล่าว ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำไปใช้จ่ายในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อ แก้ไขปัญหาภัยแล้งและขาดแคลนน้ำตามความจำเป็นและเหมาะสมได้โดยไม่ต้องส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดิน |
||||||||||||||||||||||||
1289 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | นร | 19/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบ
ประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เมื่อสิ้นไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (ตุลาคม 2547- มีนาคม 2548) ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรุงเทพ มหานคร และเมืองพัทยา สรุปได้ดังนี้ เงินอุดหนุนที่จัดสรรให้มีจำนวนทั้งสิ้น 101,610,700.00 บาท (ไม่ รวมเงินอุดหนุนเพิ่มเติมกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548) มีการเบิกจ่ายแล้วจำนวน 67,617,815,292 บาท โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับจำนวน 2,054,093,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 201,030,100 บาท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้รับจำนวน 95,873,224,600 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 63,533,574,190 บาท กรุงเทพมหานคร ได้รับจำนวน 11,321,062,000 บาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน 3,767,826,716 บาท และเมืองพัทยา ได้รับจำนวน 1,362,320,000 บาท เบิกจ่ายแล้วจำนวน 115,384,386 บาท สำหรับปัญหาอุปสรรคที่สำคัญในการใช้จ่ายเงินงบประมาณ อาทิ โครงการบางโครง การไม่มีผู้ยื่นเสนอราคาทำให้ต้องมีการขออนุมัติจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ หรือต้องประกวดราคาใหม่ รวมทั้งการ เปลี่ยนแปลงระบบการเบิกจ่ายเงินจากเดิมมาเป็นระบบ GFMIS ซึ่งทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและองค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่นเกิดความสับสนและรอการสั่งการจากหน่วยงานต้นสังกัดทำให้การเบิกจ่ายล่าช้า เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
1290 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... | กษ | 12/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนด
หลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืชให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราการจัดสรรเงินกองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช ให้องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
1291 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (รายงานผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางปะกง ประแสร์ ระยอง ลำตะคอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด) | ทส | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุม
มลพิษ รายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำทั่วประเทศในรอบหกเดือนหลัง ปี พ.ศ. 2547 (กรกฎาคม-ธันวา คม 2547) และแบบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2546 ที่มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการรายงาน ผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าจีน แม่กลอง ป่าสัก บางประกง ประแสร์ ระยอง ลำตะ คอง มูล ชี นครนายก จันทบุรี พังราด และตราด สรุปดังนี้ สถานการณ์คุณภาพน้ำ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพ เสื่อมโทรมมาก คิดเป็นร้อยละ 5 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ แหล่งน้ำที่มีคุณภาพเสื่อมโทรม คิดเป็นร้อย ละ 26 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 1.9-6.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรก ในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.7-3.9 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 5,300- 110,000 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 46 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละ ลายอยู่ในช่วง 3.2-8.4 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกในรูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.8-2.7 มิลลิกรัมต่อ ลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 100-32,200 หน่วย แหล่งน้ำที่มีคุณภาพดี คิดเป็นร้อยละ 23 ของแหล่งน้ำทั่วประเทศ มีค่าออกซิเจนละลายอยู่ในช่วง 3.4-8.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ความสกปรกใน รูปสารอินทรีย์อยู่ในช่วง 0.3-2.1 มิลลิกรัมต่อลิตร และปริมาณแบคทีเรียทั้งหมดอยู่ในช่วง 140-2,800 หน่วย โดยแหล่งน้ำที่มีคุณภาพน้ำเสื่อมโทรมจะพบการปนเปื้อนของแบคทีเรียชนิดฟีคอลโคลิฟอร์มสูง มาก โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่ เช่น เทศบาลนคร เทศบาลเมืองต่าง ๆ แหล่งเลี้ยงปศุสัตว์ อย่างหนาแน่น หรือแหล่งท่องเที่ยวชายฝั่ง โดยได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยควบคุมแหล่ง กำเนิดมลพิษให้เป็นไปตามมาตรฐานน้ำทิ้งอย่างเคร่งครัด ดำเนินการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตอย่างเร่ง ด่วน ส่งเสริมให้เกิดความตระหนักในการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมากรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการภาย ใต้แผนฟื้นฟูและปรับปรุงระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนทั่วประเทศ โดยสนับสนุนงบ ประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียรวมชุมชน จำนวน 14 แห่ง สร้างความ พร้อมในการดูแลและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสียให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประสานกับสำนัก งานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
1292 | ขอหารือการจัดส่งข้าวสารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาด | นร | 05/07/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดส่งข้าว
สารไปจำหน่ายยังต่างประเทศขององค์การตลาดว่า องค์การตลาดได้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2496 ซึ่งในขณะนั้น อาจมีความจำเป็นที่รัฐจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับตลาดเอง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ภาคเอกชนดำเนินการมากยิ่ง ขึ้น และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและเป็นการลดค่าครองชีพของประชาชนด้วย แต่ปัจจุบัน ได้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้นและมีพื้นที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรซึ่งองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการจัดให้มีตลาดเป็นส่วนหนึ่งแห่งภารกิจด้วย จึงสมควร มีการพิจารณาทบทวนว่า การดำรงองค์การตลาดไว้จะยังมีความจำเป็นอยู่อีกต่อไปหรือไม่ และจะสอดคล้องกับ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 87 หรือไม่ โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อ สังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1293 | โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค (Agenda based) | ทส | 28/06/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล โดยการเจาะ บ่อบาดาล และทำจุดจ่ายน้ำในหมู่บ้านที่ยังไม่มีระบบประปาและแหล่งน้ำผิวดิน จำนวน 12,493 หมู่บ้าน โดยเจาะบ่อบาดาลจำนวน 26,491 บ่อ ในวงเงินงบประมาณ 6,464 ล้านบาท โดยใช้งบกลางปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สำหรับเจาะบาดาล จำนวน 1,500 บ่อ ในวงเงิน 366 ล้านบาท เป็นกรณีเร่งด่วน สำหรับส่วน ที่เหลือ และการก่อสร้างระบบประปาผิวดิน รวมทั้งระบบประปาบาดาล การปรับปรุงและซ่อมแซมระบบ ประปาที่มีอยู่เดิมแต่ใช้งานไม่ได้ ให้มีน้ำสะอาดใช้ได้ ให้ดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 ในวง เงินงบประมาณทั้งสิ้น 33,260 ล้านบาท โดยมีแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ดังนี้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 วงเงิน 8,339 ล้านบาท ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 วงเงิน 16,627 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 วงเงิน 8,294 ล้านบาท และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพรับผิดชอบร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนการจัดหาแหล่งน้ำบาดาล แหล่งน้ำผิวดิน และก่อสร้างระบบ ประปาที่กำหนดไว้ โดยให้ตั้งงบประมาณดำเนินการตามแผนไว้ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อม สำหรับโอนงบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาเลือกดำเนินการเอง หรือซื้อ บริการของกรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีความ พร้อมที่จะดำเนินการเอง และโดยที่โครงการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคดังกล่าวเป็นเรื่อง จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ ดังนั้นงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ให้ ใช้จ่ายจากเงินงบกลาง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงกับสำนักงบ ประมาณต่อไป สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549-2551 เห็นชอบในหลักการและ ให้หารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดงบประมาณดำเนิน การไว้ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล ตามพระราชบัญญัติกำหนดแผน และขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1294 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ "แนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุก รุกล้ำ และละเลย 25 ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศและแหล่งน้ำสำคัญของชาติ" | สสป | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหาการบุกรุก รุกล้ำ และละเลย 25 ลุ่มน้ำสำคัญ ของประเทศ และแหล่งน้ำสำคัญของชาติ โดยมีข้อเสนอแนะโดยสังเขปดังนี้ รัฐบาลต้องจริงจังด้วยปรัชญา หลัก การ และเหตุผล พร้อมมาตรการในการรักษา 25 ลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ และแหล่งน้ำสำคัญของชาติในทุก ภูมิภาคของประเทศควบคู่กับความเป็นประเทศเกษตรกรรมของประเทศไทย รัฐบาลต้องสั่งการให้มีการสำรวจ สภาพการบุกรุก รุกล้ำ และละเลย รวมทั้งการทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่ทางระบายน้ำหลาก เพื่อ ให้ทราบสถานภาพปัจจุบันของพื้นที่ในทุกภูมิภาคของประเทศโดยการดำเนินงานต้องมีส่วนร่วมขององค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน และชุมชน และต้องมีการติดตามสถานภาพพื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ลุ่ม และทาง ระบายน้ำหลากทุกแห่งและทุกภูมิภาคของประเทศโดยใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เพื่อทราบสถานภาพ ปัจจุบันและเป็นการตรวจสอบการบุกรุก รุกล้ำ ละเลย และการทำลายพื้นที่ทั้งสามประเภทนี้ เป็นต้น และ รับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อราย งานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็น ระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1295 | การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลางปี | นร | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครอง
ส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครั้งที่ 3/ 2548 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 โดยที่ประชุมได้มีมติกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 งบกลางปี จำนวน 4,600,000,000 บาท โดยร้อยละ 10 จำนวน 460,000,000 บาท จัดสรรให้แก่องค์การบริหารส่วน จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ตามสัดส่วนจำนวนประชากรในเขตจังหวัด และกรุงเทพมหานคร และร้อยละ 90 จำนวน 4,140,000,000 บาท จัดสรรให้แก่กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา เทศบาล และองค์การบริหารส่วน ตำบล โดยในส่วนนี้จะเป็นการจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งกรณีเร่งด่วน จำนวน 1,345,190,000 บาท ที่ เหลืออีกจำนวน 2,794,810,000 บาท จะจัดสรรเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในระยะยาว
|
||||||||||||||||||||||||
1296 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง"แนวทางการจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุในชนบทของภาครัฐ" | นร | 31/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการจัดบริการสวัสดิการสังคมแก่ผู้สูงอายุในชนบทของภาครัฐ" โดยมีความเห็นและข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ การจัดสวัสดิการสงเคราะห์ของรัฐ ควรมีการทบทวนการ เพิ่มบริการสถานสงเคราะห์หรือบ้านพักคนชราที่แยกผู้สูงอายุออกจากชุมชน แต่ควรส่งเสริมบริการที่มีลักษณะ หลากหลายในชุมชน โดยรัฐสนับสนุนด้านงบประมาณให้ชุมชนดำเนินการ เป็นต้น การจัดระบบคุ้มครองดูแล ผู้สูงอายุของรัฐ ควรเน้นระบบการคุ้มครองผู้สูงอายุระยะยาว รวมทั้งขยายและกระจายบริการสวัสดิการที่ตอบ สนองความต้องการพื้นฐานให้ผู้สูงอายุในชนบทให้ครอบคลุมกว้างขวางทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพที่ต้องทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่ทุรกันดาร และจัดทำระบบฐานข้อมูลผู้สูงอายุในชนบททั้งประเทศ เพื่อแยกแยะ จัดประเภท ระดับการจัดบริการผู้สูงอายุในชนบทให้มีหลายระดับทั้งในระยะวิกฤต ระยะสั้น และระยะยาว เป็นต้น การส่ง เสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้สูงอายุ ควรเตรียมความพร้อมของบริการในอนาคตเพื่อรองรับกับแนวโน้มที่ผู้สูงอายุจะ มีอายุยืนยาวและมีจำนวนมากขึ้น ส่งเสริมบริการการจัดหางานที่สร้างรายได้ให้แก่ผู้สูงอายุที่เหมาะสมและสอด คล้องกับวัยของผู้สูงอายุ และควรเพิ่มสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุให้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นต้น การประสาน ความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรมีมาตรการที่ชัดเจนในการ ส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีความเข้มแข็งเป็นกลไกหลักในการดูแลผู้สูงอายุและผู้คนในชุมชนและจัดทำฐาน ข้อมูลผู้สูงอายุเพื่อจำแนกกลุ่มปัญหา จัดระบบความช่วยเหลืออย่างมีคุณภาพ ปรับรื้อโครงสร้างและทบทวน ภารกิจใหม่ของศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำหมู่บ้าน เป็นต้น การจัดสรรงบประมาณให้แก่ผู้สูงอายุ ควรทบ ทวนระบบการพิจารณาและกระบวนการจ่ายเบี้ยยังชีพ โดยเน้นการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุเองและชุมชน เพื่อ ให้บริการถึงมือผู้ที่เดือดร้อนและจำเป็นจริง ๆ เพื่อให้ตรงตามเจตนารมณ์และเกิดความเป็นธรรม และมีมาตร การในการลดหรือยกเว้นภาษีเงินได้ให้กับบุตรที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลบิดามารดา สำหรับการบังคับใช้ตามกฎ หมาย ควรส่งเสริมการจัดบริการพื้นฐานสำหรับผู้สูงอายุตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 โดยส่งเสริม การจัดสวัสดิการทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุที่ครอบคลุมทั่วถึงต่อเนื่องและเป็นธรรม นอกจากนี้ การมีส่วนร่วม ของประชาชนรัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ควรสนับสนุนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัว เครือญาติ เพื่อน บ้านเพื่อนผู้สูงอายุในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน โดยเฉพาะความรู้ความเข้าใจและทักษะการดูแลผู้สูงอายุที่ป่วย ด้วยโรคต่าง ๆ เป็นต้น และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงการ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับผิดชอบ ประสานการติดตามผลการดำเนินงานเพื่อรายงานให้สภาที่ปรึกษา ฯ อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และเสนอ คณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2547 ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1297 | การตรวจสอบการจัดซื้อรถยนต์ของเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา | ตผ | 24/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 6.2 (ฝ่าย
กฎหมาย ระบบราชการ และการประชาสัมพันธ์) ที่มีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินราย งานการตรวจสอบการจัดซื้อรถยนต์ของเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ตามนัยพระ ราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2542 มาตรา 44 วรรคท้าย โดยไม่ต้อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2543 ที่ให้ระงับการจัดซื้อรถรับรอง และให้กระทรวงมหาด ไทยรับไปพิจารณาแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ของหน่วยบริหารราชการ ส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 ให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. 2523 และที่ แก้ไขเพิ่มเติมและแจ้งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินรับทราบต่อไป รวมทั้งรับทราบรายงานผลการตรวจ สอบการจัดซื้อรถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มเติมรวม 19 ราย ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่น ดินและแจ้งให้กระทรวงมหาดไทยทราบเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1298 | การพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ (Agenda based) | นร | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) เสนอแนวทาง
การพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน โดยการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มผลผลิตการเกษตร การพัฒนาการท่องเที่ยว โดยการพัฒนาเมืองพนมรุ้งและปรับปรุงเส้นทางคมนาคม ที่จะสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดบุรีรัมย์ ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์เร่ง จัดทำสรุปข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค ตลอดจนแผนงานโครงการที่สมควรจะดำเนินการในพื้นที่เสนอนายก รัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อพิจารณา และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) นำไปประกอบการพิจารณา ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง เพื่อพิจารณาปรับปรุงแนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น และอนุมัติวงเงินเบื้องต้น เพื่อดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2,303.912 ล้านบาท โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณาในรายละเอียดของการจัดงบประมาณค่าใช้จ่ายร่วมกับสำนักงบประมาณ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ความจำเป็นเร่งด่วน กำลังเงินงบประมาณของรัฐ รวมทั้งงบ ประมาณที่จะจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แล้วให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1299 | แนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเชิงบูรณาการ(Agende based) | นร | 17/05/2548 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเชิงบูรณาการ ดังนี้ เห็นชอบในหลักการให้
จัดให้มีระบบประปาหมู่บ้านให้แก่หมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ที่สะอาดให้ครบ 14,580 หมู่บ้าน ภายในปี พ.ศ. 2551 โดยให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องพิจารณาบรรจุโครงการและงบประมาณไว้ในแผนปฏิบัติการภายใต้แผน การบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2551 ต่อไป โดยงบประมาณเพื่อการนี้ในส่วนใดหรือท้องที่ใด ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องรับผิดชอบและมีความพร้อม ให้ใช้งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้น ๆ ทั้งนี้ อาจเร่งดำเนินการในส่วนของจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อให้เป็นตัวอย่างนำร่องก่อน และเห็นชอบในหลัก การโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ของกระทรวงอุตสาหกรรม และให้กระทรวงการคลัง พิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อีกครั้งหนึ่งต่อไป สำหรับโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบเนื่องจากภาวะภัยแล้ง ของกระทรวง มหาดไทย ซึ่งเป็นการขอความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ของจังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด เป็น ค่ากระแสไฟฟ้า และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ในวงเงิน 177.78 ล้านบาท มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุ สมบัติ) รับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีบรรทัดฐานที่ชัดเจน เนื่องจากยังมีพืชเกษตรชนิดอื่น ๆ ที่ประสบภาวะภัยแล้งกระจายอยู่ในพื้นที่จังหวัดอื่นอีกมาก และหากเป็นกรณี จำเป็น ให้ใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการที่อยู่ในอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณ ภัย ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเจ้า ภาพหลักตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-พ.ศ. 2551 ร่วมกับกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ เร่งรัดจัดทำแผนปฏิบัติการบริหารจัดการน้ำ 2 ลุ่มน้ำตัวอย่างแบบบูรณากร โดยพิจารณารวมข้อเสนอการขอ งบกลางเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง วงเงิน 1,238.38 ล้านบาท ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย และให้นำ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป นอกจากนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) พิจารณา แก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นระบบ ครบวงจร ตั้งแต่แหล่งน้ำต้นทุน แหล่งกักเก็บน้ำต่าง ๆ ตลอดจนควบคุม ดูแลการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรอย่างเหมาะสม ให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้อง กับสภาพแต่ละพื้นที่ รวมทั้งประสานความร่วมมือในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เร่งพิจารณาร่วมกับรอง นายกรัฐมนตรี (พลตำรวจเอก ชิดชัย วรรณสถิตย์) ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดซื้อ ระบบ GIS ให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสม และแล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำระบบดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับลุ่มน้ำและภัยแล้ง ตลอดจนที่ดินทำกินของประชาชนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1300 | การแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | คค | 10/05/2548 | |||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนคร
ศรีอยุธยา ของกระทรวงคมนาคม สรุปได้ดังนี้ สถานการณ์ปัจจุบันของจังหวัดปทุมธานี น้ำในคลองต่าง ๆ ยัง สามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่เกษตรกรรม และมีการดำเนินการรองรับกรณีเกิดขาดแคลนน้ำ โดยมีเครื่องสูบน้ำสนับ สนุนรองรับอยู่ รวมทั้งมีโครงการชลประทานที่สำคัญๆ จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการชลประทานปทุมธานี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาคลองพระยาบรรลือ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ และโครงการส่งน้ำ และบำรุงรังสิตใต้ ส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังประสบปัญหาภัยแล้ง 5 อำเภอ ซึ่งทางจังหวัดและองค์การ บริหารส่วนท้องถิ่นกำลังดำเนินการให้ความช่วยเหลือ สำหรับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ได้ให้ความ ช่วยเหลือในเรื่องการใช้เครื่องจักรกลในการเก็บกักน้ำ ขุดลอก บำรุงรักษาร่องน้ำ และกำจัดผักตบชวา ตลอดจน การขยายเขตทางที่คับแคบ การสร้างทางขึ้น-ลงเส้นทางยกระดับโทลเวย์ที่รังสิต การสร้างทางเชื่อมต่อในแนว ขนานลำคลองชลประทาน เป็นต้น
|
.....