ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 63 จากทั้งหมด 102 หน้า แสดงรายการที่ 1241 - 1260 จากข้อมูลทั้งหมด 2031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1241 | ยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548 - 2551) | นร | 07/03/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอดังนี้ รับทราบผลการ
พิจารณาปรับแผนปฏิบัติการของโครงการและวงเงินงบประมาณประจำปีตามยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬา ชาติ (พ.ศ. 2548-2551) จากเดิม 14,174.01 ล้านบาท เป็นวงเงิน 13,067.58 ล้านบาท และให้หน่วย งานที่รับผิดชอบดำเนินการขอตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เป็นเงิน 4,181.54 ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เป็นเงิน 8,295.37 ล้านบาท รวมทั้งให้พิจารณาจากแหล่งเงินอื่น หรือขอให้ ภาคเอกชน ตลอดจนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการและสนับสนุนค่าใช้จ่าย ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และอนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบ ประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 590.67 ล้าน บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 4 ปี ฯ และหากมีงบประมาณไม่เพียงพอ หรือไม่ สามารถจัดสรรให้ได้ให้แจ้งกระทรวงการคลังเพื่อรับไปประสานและขอสนับสนุนงบประมาณส่วนที่ขาดจาก เงินรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไป ตามความจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||
1242 | โครงการประติมากรรมบนถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่ - สันกำแพง (ยกเลิกโดยมติครม.วันที่ 25 ธันวาคม 2550) | วธ | 21/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอโครงการประติมากรรมบน
ถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำแพง เพื่อจัดการภูมิทัศน์และติดตั้งงานประติมากรรมบริเวณสองข้าง ทางตลอดถนนสายวัฒนธรรมเชียงใหม่-สันกำแพง งบประมาณดำเนินการในวงเงิน 110 ล้านบาท โดย ให้ตัดรายการค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าจัดซื้อที่ดินสำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรมจำนวน 65,000,000 บาทออกไปก่อน และให้กระทรวงวัฒนธรรมทบทวนความเหมาะสมของการก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรม ในบริเวณอื่น หรือปรับแผนการดำเนินการใหม่ เพื่อไม่ให้ทางราชการต้องจัดซื้อที่ดินสำหรับการก่อสร้าง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำหนดแผนการดำเนินงาน และแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณของ โครงการ ฯ ให้ชัดเจน แล้วขอทำความตกลงทางด้านการเงินกับสำนักงบประมาณ โดยให้เสนอขอตั้งงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และเพื่อให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ควรให้ภาค เอกชนและประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมและสนับสนุนในการดำเนินงาน รวมถึงการสนับสนุน/อุดหนุนงบ ประมาณจาก อปท. อีกทางหนึ่งด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงวัฒนธรรมจัดทำรายละ เอียดของโครงการ ฯ เพิ่มเติมเพื่อขอรับการสนสนับสนุนงบประมาณประจำปี พ.ศ. 2550 ได้แก่ รายละ เอียดในส่วนของการออกแบบการใช้พื้นที่ทั้งในส่วนพื้นที่บริเวณสี่แยกของโครงการ ฯ และบริเวณภายใน สำหรับก่อสร้างอุทยานวัฒนธรรม และรายละเอียดด้านการเงินและประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากโครงการ ฯ รวมทั้งการให้ อปท. มีส่วนร่วมในการลงทุนและการดูแล บำรุงรักษา ภายหลังการก่อสร้างเสร็จสิ้น และ จัดให้มีการรับฟังข้อคิดเห็นของประชาชน หรือประชาพิจารณ์ต่อแนวคิดและรูปแบบโครงการ ฯ ที่จะก่อ ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงาน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินงานด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1243 | ขอความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างนักเรียน นักศึกษาทำงานเพื่อมีรายได้เสริมระหว่างเรียน | ศธ | 21/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอดังนี้ รับทราบผลการดำเนินงานและแนวทาง
ดำเนินงานโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการมีงานทำของนักเรียน นักศึกษาให้มีรายได้ระหว่างเรียน และ อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการโครงการ ฯ ต่อเนื่องในปี พ.ศ. 2549 เป้าหมาย 115,958 คน เพื่อขยายผลในกลุ่มเด็กยากจนที่ยังไม่ได้รับบริการ สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการดำเนินโครงการ ฯ จำนวนประมาณ 200 ล้านบาท นั้น ให้กระทรวงการคลังประสานเพื่อขอความสนับสนุนจากเงินรายได้ของ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลต่อไป ทั้งนี้ กรณีที่ต้องจัดการปฐมนิเทศนักเรียน นักศึกษา ก่อนเริ่มดำเนิน โครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจ่ายเงินค่าเบี้ยเลี้ยงในช่วงเวลาดังกล่าวให้แก่นักเรียน นักศึกษา ด้วย รวมทั้งเห็นชอบเป็นหลักการให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการโครงการ ฯ อย่างเต็มที่ โดยหากมีงาน/กิจกรรมใดของหน่วย งาน ซึ่งสามารถจ้างนักเรียนและนักศึกษาได้ เช่น งานมัคคุเทศก์ การจัดนิทรรศการ เป็นต้น ขอให้พิจารณา ดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1244 | ยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548 - 2551) | นร | 07/02/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) เสนอยุทธศาสตร์
4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548-2551) ที่ได้ปรับปรุงตามที่ได้รับมอบหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 14 ธันวาคม 2547 แล้ว และให้คณะกรรมการ เพื่อกำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำนินงานตาม ยุทธศาสตร์ 4 ปี สร้างกีฬาชาติ (พ.ศ. 2548-2551) รับไปจัดทำข้อมูลรายละเอียดของการดำเนินการ ตามแผนงาน โครงการ/กิจกรรม ภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงลักษณะกิจ กรรม สถานที่ ระยะเวลา หน่วยงานที่รับผิดชอบ จำนวนงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รับ ข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี รวมทั้งความเห็นของส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาประกอบการ ดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีมีดังนี้ สถานที่ตั้งของศูนย์กีฬาหรือสนามกีฬา ควรมีการกระจายตัวอย่างเหมาะสม โดยมีสำรวจตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับอาคาร สถานที่ และสนามกีฬา ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วประกอบการพิจารณาด้วย และในกรณีที่จะต้องก่อสร้าง ขึ้นใหม่ ก็จะต้องเป็นไปตามรูปแบบและมาตรฐานที่เป็นยอมรับกันทั่วไป อย่างไรก็ตาม ควรใช้ทรัพยากร ต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์มากที่สุดก่อน เช่น อาคารสถานที่ และสนามกีฬา เป็นต้น ส่วนการก่อ สร้างหรือจัดหาใหม่ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และให้ขอความร่วมมือและขอรับการสนับสนุนจาก ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเอกชน โดยให้องค์กร หน่วยงาน และภาคเอกชน เข้ามีส่วนร่วมในการดำเนินการและสนับสนุนค่าใช้จ่าย โดยกรณีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภาระงบ ประมาณที่ต้องใช้อาจเป็นส่วนหนึ่งของเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจะจัดสรรให้ สำหรับภาคเอกชน รัฐบาลอาจ ให้การสนับสนุนจูงใจให้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อขยายขอบเขตการดำเนินงานและมีผู้รับผิดชอบดำเนินการ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ โครงการ/กิจกรรมใดมีความจำเป็นเร่งด่วนหรือต้องดำเนินการต่อเนื่อง และใช้ งบประมาณจำนวนไม่สูงมาก ให้เสนอขอใช้จ่ายจากเงินงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ได้ตาม ความจำเป็น โดยขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1245 | รายงานผลการดำเนินงานของศูนย์บริการร่วมรูปแบบเคาน์เตอร์บริการประชาชน | นร | 31/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอรายงานผลการดำเนินงานของศูนย์บริการร่วมรูปแบบ เคาน์เตอร์บริการประชาชน โดยได้ทำการศึกษาและพัฒนาเพื่อจัดตั้งศูนย์บริการร่วมรูปแบบเคาน์เตอร์บริการ ประชาชน (Government Counter Service : GCS) เป็นต้นแบบในการขยายผลการดำเนินการต่อไป รวม 2 แห่ง ได้แก่ เคาน์เตอร์บริการประชาชนบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต กรุงเทพ ฯ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอก ชนที่เข้าร่วมให้บริการ 17 หน่วยงาน มีงานบริการต่าง ๆ รวม 22 งานบริการ ซึ่ง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุง เทพ และบริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด ให้ใช้พื้นที่โดยไม่คิดค่าเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปี จนถึงสิ้นเดือน มกราคม 2549 และได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 แล้ว มีประชาชนใช้บริการรวมทั้งสิ้น 46,879 ราย งานบริการที่ประชาชนใช้บริการมากที่สุด คือ งานบริการไปรษณีย์/Pay at Post 18,742 ราย รองลงมาเป็นงานจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน 9,534 ราย และมีการสำรวจความพึงพอใจของประชาชน คิด เป็นร้อยละ 96.56 และเคาน์เตอร์บริการประชาชนบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ตพลาซา จังหวัดเชียง ใหม่ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดให้บริการ 27 หน่วยงาน มีงานบริการต่าง ๆ รวม 33 งาน บริการ ซึ่งศูนย์การค้าเซ็นทรัล ฯ ให้ใช้พื้นที่โดยไม่คิดค่าเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยได้เปิดบริการในช่วง 3 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2548 มีประชาชนใช้บริการรวมทั้งสิ้น 21,881 ราย งานบริการที่ ประชาชนใช้บริการมากที่สุด คือ งานบริการไปรษณีย์ 20,266 ราย รองลงมาเป็นงานจัดทำบัตรประจำตัว ประชาชน 1,345 ราย และจะมีการเปิดเคาน์เตอร์บริการประชาชนอย่างเป็นทางการได้ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2549 และให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับประเด็นปภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่เห็นว่าการจัดหาสถาน ที่ในการดำเนินการจัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ ควรพิจารณาจากสถานที่ที่เจ้าของพื้นที่ ยกเว้นค่าเช่าพื้นที่ให้เพื่อมิให้เป็นภาระผูกพันงบประมาณระยะยาว และควรคำนึงถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งชุมชน หรือทีมีประชาชนมาใช้บริการต่าง ๆ อยู่แล้ว เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการบริการประชาชน เช่น ห้างสรรพ สินค้า เป็นต้น และขณะนี้กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกำหนดรับรองการทำธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์มีผลใช้บังคับแล้ว ภาครัฐสามารถดำเนินการได้โดยพระราชกฤษฎีกา หากพระราชกฤาฎีกาใน เรื่องดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว ประชาชนจะสามารถติดต่อทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานของรัฐ ได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้หน่วยงานของรัฐสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้กว้างขวางขึ้น และสามารถแบ่ง เบาภาระและปริมาณงานของเคาน์เตอร์บริการประชาชนได้ ควรนำไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงการดำเนินการ ของเคาน์เตอร์บริการประชาชนด้วย สำหรับบริการประชาชนในเรื่องใดที่ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นรับไปดำเนินการแล้ว ควรพิจารณาส่งเสริมสนับสนุนให้ท้องถิ่นตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนในท้อง ถิ่นด้วย โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปพิจารณาดำเนินการแทน ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับบริการ จากรัฐได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วยื่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำนักงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้จ่าย ให้ ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความเหมาะสมเป็นแห่ง ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1246 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 31/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ รับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอข้อสังเกตของ
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทะเบียนพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาผู้แทน ราษฎร ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ เสนอให้มีการแก้ไขเหตุผลให้สอดคล้องกับการเพิ่มความเป็นวรรค สามของมาตรา 9 เพื่อให้อำนาจแก่รัฐมนตรีในการที่จะประกาศกำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ซึ่งมีความพร้อมเป็นสำนักงานทะเบียนพาณิชย์ เพื่อรับจดทะเบียนพาณิชย์ในท้องที่ของตนได้โดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา และเห็นชอบให้นำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ของ สภาผู้แทนราษฎรแก้ไขเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1247 | มติคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) | นร | 24/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะ รัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ กับเห็นชอบในหลักการโครงการออกแบบ ก่อสร้าง ลานเฉลิม พระเกียรติ 80 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง จำนวน 21.12 ล้านบาท ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการ สำหรับค่าใช้ จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2551 ให้กระทรวงวัฒนธรรมขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ทั้งนี้ ให้หารือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) และขอทำความกตลงในรายละ เอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณต่อไป รวมทั้งเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณลานพลับ พลามหาเจษฎาบดินทร์ และโดยที่กรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่รัฐบาลจัด สรรเงินอุดหนุนให้ตามสัดส่วนที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนด และมีรายได้เป็นของตนเอง จึงให้กระทรวงมหาดไทยรับไปประสานกับกรุงเทพมหานครเพื่อดำเนินโครงการ นี้ โดยใช้จ่ายจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลได้จัดสรรให้แล้วก่อนแต่หากไม่มีงบประมาณหรือมีไม่พอเพียง ให้สำนัก งบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 งบกลาง เพิ่มเติมให้ในส่วนที่ขาดใน วงเงินไม่เกิน 23.10 ล้านบาท โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายกับสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1248 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรและวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | นร | 17/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงบประมาณเสนอยุทธศาสตร์การจัดสรรและวง
เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 โดยให้สำนักงบประมาณประสานสำนักเลขาธิการ นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องเพื่อจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะอีกครั้งหนึ่งก่อน ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) และสำนักงบ ประมาณ รับข้อสังเกตจากคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการจัดเตรียมข้อมูลประกอบการพิจารณา ดังนี้ การจัดสรรงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการ กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 30 (4) กำหนดให้ในช่วงระยะเวลาไม่ เกิน พ.ศ. 2549 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้ของรัฐบาลในอัตรา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 นั้น รัฐบาลได้กำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้รัฐบาล เพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 หากมีการจัดงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่ม มากขึ้น เช่น งบประมาณด้านสาธารณสุขและการศึกษา เป็นต้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรมีรายได้ คิดเป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 จึงควรตรวจสอบข้อมูลในเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง และให้หารือรองนายก รัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เพื่อพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว นอกจากนี้ ในส่วนของวงเงิน งบประมาณที่เป็นรายจ่ายประจำขั้นต่ำที่จำเป็น (ค่าใช้จ่ายบุคลากร) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ตามที่ สำนักงบประมาณเสนอมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ประมาณร้อยละ 14.4 จึงขอให้สำนัก งบประมาณพิจารณารายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1249 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวนายช่างและบัตรประจำตัวนายตรวจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... | มท | 10/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตร
ประจำตัวนายช่างและบัตรประจำตัวนายตรวจตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... ที่สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ให้อธิบดีกรมโยธาธิการและ ผังเมืองเป็นผู้ออกบัตรประจำตัวนายช่างซึ่งแต่งตั้งจากวิศวกรหรือสถาปนิก รวมทั้งให้พนักงานท้องถิ่น เป็นผู้ออกบัตรประจำตัวนายช่างซึ่งแต่งตั้งจากข้าราชการ หรือพนักงานของราชการส่วนท้องถิ่น และ ให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1250 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 10/01/2549 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การโอน การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของสถานศึกษาไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นไปโดยความสมัครใจ ของผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้ ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1251 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 7 (ฝ่ายกฎ
หมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนคณะกรรม การตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ ยกเลิกบัญชีอัตราค่าตอบแทนที่กำหนดในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนกรรมการตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 พ.ศ. 2543 และกำหนดให้ประธานกรรม การได้รับค่าตอบแทน 10,000 บาท ต่อเดือน (เดิม 5,000 บาท) และกรรมการได้รับค่าตอบแทน 8,000 บาทต่อเดือน (เดิม 4,000 บาท) แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไข เพิ่มเติมอัตราค่าตอบแทนของเลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการเป็นให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ครั้งละไม่ เกิน 1,000 บาท แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
1252 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 (การชำระค่าธรรมเนียมรายปีโรงงาน) | อก | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมายฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 โดยมีสาระสำคัญคือ ให้โรงงานที่ถ่ายโอนภารกิจให้ แก่กรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) (เมืองพัทยา เทศบาล และองค์การบริหาร ส่วนตำบล) สามารถชำระค่าธรรมเนียมรายปีผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกรุงเทพมหานคร หรือ อปท. นั้นได้ แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับประเด็นอภิปราย และ ความเห็นของคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) ที่เห็นว่า ควรกำ หนดให้ค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่ง อปท. ได้รับชำระจากผู้ประกอบกิจการโรงงานประเภทที่ถ่ายโอนภารกิจ ให้แก่ อปท. เป็นรายได้ของ อปท. นั้น เพื่อให้สอดคล้องกับมติ กกถ. เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2546 ซึ่งเห็นชอบให้บรรดาค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้น จากการถ่ายโอนภารกิจตามแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอน การกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เป็นรายได้ อปท. และให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการแก้ไขกฎ หมายดำเนินการได้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไป ได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1253 | การปรับปรุงโครงสร้างกรมประชาสัมพันธ์ | นร | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอการแปรสภาพวิทยุกระจาย
เสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) และสถาบันการประชาสัมพันธ์ เป็น หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับการโฆษณา นั้น ให้สถานี วิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) มีโฆษณาได้เฉพาะ โฆษณาที่เป็นการเผยแพร่ภาพลักษณ์ขององค์กร (corporate image) เท่านั้น โดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจให้ความสนับสนุนในการจัดทำรายการได้ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะ รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์ ฯ ควรให้ความสำคัญกับการออกอากาศรายการที่เป็น การเสริมสร้างศักยภาพขององค์กร (capacity building) การสาธิต หรือฝึกปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับ ประเพณีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ อันเป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาของไทย เพื่อเผยแพร่แก่ชาวต่างชาติด้วย เช่น การปรุงอาหารไทย เป็นต้น โดยให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ) รับไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ผู้ว่าการการท่อง เที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
1254 | การแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนสถานศึกษาไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 20/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการถ่ายโอนสถานศึกษา
ไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่า โดยที่ร่างพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้ แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการเกี่ยวกับการถ่ายโอนสถานศึกษาไปยังองค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ในชั้นวุฒิสภา แต่ปรากฎว่ายังมีการเคลื่อนไหว คัดค้าน และเรียกร้องให้มีการพิจารณาทบทวนเรื่องดังกล่าว จึงมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสมชาย สุนทรวัฒน์) เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปร่วมกันพิจารณาดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด แล้วชี้แจงให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจโดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
1255 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงินเดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการเมืองอื่นของกรุงเทพมหานคร และกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 13/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเงิน
เดือน เงินเพิ่ม เงินค่าเบี้ยประชุม และเงินตอบแทนอื่นของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการการ เมืองอื่นของกรุงเทพมหานครและกรรมการที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดย มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราเบี้ยประชุมกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการที่ผู้ ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้ง และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อ สังเกตของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอมานี้กำหนดให้ข้าราชการ ลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือพนักงาน หรือลูกจ้างของการพาณิชย์ของกรุงเทพมหานคร ข้าราช การหรือลูกจ้างของทางราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจ หรือของราชการส่วนท้องถิ่น ซึ่งมิได้ เป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างในสังกัดกรุงเทพมหานคร หรือพนักงาน หรือลูกจ้างของการพาณิชย์ของกรุง เทพมหานคร และบุคคลภายนอกให้ได้รับเบี้ยประชุมในอัตราที่แตกต่างกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
1256 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแบบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต และการอนุญาตสำหรับโรงงานจำพวกที่ 3 พ.ศ. .... | อก | 13/12/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่าย
กฎหมาย ฯ) ที่มีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยแบบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาตและการอนุญาตสำหรับโรงงานจำพวกที่ 3 พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงแบบ หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต และการอนุญาตสำหรับโรงงานจำพวกที่ 3 ใน การประกอบกิจการโรงงาน การขยายโรงงาน การต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน เพื่อให้เหมาะ สมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับ ประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และความเห็นของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เห็นว่าการถ่ายโอนภารกิจกำกับดูแลโรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรมให้องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการ และมาตรฐานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด กระทรวงอุตสาหกรรมควรที่จะกำหนดแนวทางดำเนิน การ เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความรู้ ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ วิธีการปฏิบัติ โดยเฉพาะ กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในโรงงานแต่ละประเภทเพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ภารกิจใดเป็นของกระทรวงอุตสาห กรรม และส่วนใดเป็นหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่องค์กรปกครองส่วนท้อง ถิ่นต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1257 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 15/11/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการวงศึกษาธิการเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ
ประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อกำหนดเรื่องความสมัครใจของครูและผู้บริหารสถานศึกษา และคณะกรรมการ สถานศึกษาที่จะให้โอนสถานศึกษาแห่งนั้นไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้กระทรวงศึกษาธิการประสานผู้เกี่ยวข้องและส่งความเห็นของ คณะกรรมการประสานงานองค์กรครูและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีนายปองพล อดิเรกสาร อดีต รองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2548 ไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1258 | สรุปผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 กรณีนางรัตนา สัจจเทพ ขอความเป็นธรรม | นร | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||||||||
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับผลการดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีนางรัตนา สัจจเทพ ขอความเป็นธรรม โดยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2534 นางรัตนา สัจจเทพ ได้ซื้อที่ดินพร้อมทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 19/556 ซอยบุญส่งโสพิศ ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร กับนายสุทธิจินดา พงษ์โนรี โดยนางรุ่งนภา วาสนาดำรงดี และได้ครอบครองอยู่อาศัยในบ้านดังกล่าว โดยไม่ทราบว่าบริเวณที่ปลูกบ้านอยู่บนที่ดินที่ต้องกันไว้เป็นที่ ว่างตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ควบคุมการก่อสร้างอาคาร คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการพิจารณาแนวทางในการ เจรจากับผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้ขายบ้านและที่ดินให้แก่นางรัตนา สัจจเทพ เพื่อแก้ปัญหาความเดือด ร้อนให้กับนางรัตนาฯ โดยให้คำนึงถึงความเหมาะสมและเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายและมอบหมายให้สำนัก งานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภครับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกรมที่ดินซึ่งมีอำนาจ หน้าที่ในการควบคุมการจัดสรรและออกโฉนดที่ดิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการ อนุญาตก่อสร้างเพื่อกำหนดมาตรการป้องกันมิให้ผู้ประกอบการที่ไม่สุจริตกระทำการอันเป็นการละเมิด สิทธิของผู้บริโภคเช่นนี้อีก และรองนายกรัฐมนตรี (นายพินิจ จารุสมบัติ) ได้จัดเตรียมเงินจำนวน 6 ล้านบาท เพื่อมอบให้กับนางรัตนา สัจจเทพ และกำหนดจะมอบแคชเชียร์เช็คตามจำนวนดังกล่าวให้กับ นางรัตนา สัจจเทพ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2548 ณ ทำเนียบรัฐบาล และกำลังประสานกับภาคธุรกิจ เอกชนเพื่อสมทบเงินช่วยเหลืออีกจำนวนหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
1259 | การถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | นร | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ประธานกรรมการการ
กระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอมติคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปก ครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใน การถ่ายโอนสถานศึกษาและบุคลากรด้านการศึกษาไปให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ต้องยึดนัก เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยคำนึงถึงคุณภาพ มาตรฐานการศึกษา และประโยชน์ที่นักเรียนจะได้เป็นสำคัญ และ พิจารณาด้านความพร้อมของ อปท. รวมทั้งสถานศึกษา และจะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย โดยให้ประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของ อปท. ในการรับโอนสถานศึกษา ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นปีแรกที่จะมีการถ่ายโอน ให้กำหนดจำนวนสถานศึกษาที่จะถ่ายโอนไว้ตามที่ กกถ. เสนอ เพื่อเป็นการนำร่องและติดตามประเมินผล กับให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยว ข้องเพื่อแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับแนวทางการถ่ายโอนสถานศึกษาดังกล่าว และ ให้แก้ไขกำหนดเวลาต่าง ๆ ให้สอดคล้องกันด้วย นอกจากนี้ โดยที่พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอน การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 และแผนปฏิบัติการเพื่อกำหนดขั้นตอน การกระจายอำนาจได้ใช้บังคับมาระยะหนึ่งแล้ว จึงให้ กกถ. รับไปพิจารณาทบทวนปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้น และแนวทางแก้ไข โดยให้พิจารณารวมถึงการถ่ายโอนภารกิจด้านการศึกษาให้แก่ อปท. ด้วย แล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1260 | สรุปผลการปฏิบัติราชการของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่อำเภอ/กิ่งอำเภอ และ โครงการพิเศษในจังหวัดนครสวรรค์ | นร | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
แนวทางและข้อสั่งการแก้ไขปัญหาของคณะรัฐมนตรีซึ่งได้เดินทางไปปฏิบัติราชการร่วมประชุมรับทราบปัญหา ของประชาชนในพื้นที่ 13 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ และตรวจเยี่ยมโครงการพิเศษ 7 แห่ง ในจังหวัดนครสวรรค์ โดย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปเร่งรัดดำเนินการ และรายงานผลต่อรองนายกรัฐมนตรี (นายสุรเกียรติ์ เสถียร ไทย) และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข นำโครงการขนาดใหญ่ที่เสนอไปพิจารณาจัดทำรายละเอียด และจัดลำดับความสำคัญของโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega Project) ของกระทรวง และให้จังหวัดนคร สวรรค์ปรับเปลี่ยนงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ (CEO) พร้อมทั้งประสานการใช้งบประมาณขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น และงบประมาณโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน (SML) เพื่อดำเนินโครงการที่มี ลำดับความสำคัญสูงในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในพื้นที่และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด นอก จากนี้ ให้จัดตั้งคณะทำงานกลั่นกรองโครงการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็น ทางการนอกสถานที่ในส่วนภูมิภาค เพื่อพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมและจัดลำดับความสำคัญของโครง การที่เสนอและความเหมาะสมของแหล่งงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการดังกล่าว และให้จังหวัด ติดตามและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันการดำเนินโครงการตามข้อสั่งการของคณะรัฐมนตรี และรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินการเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
|
.....