ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 14 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 261 - 280 จากข้อมูลทั้งหมด 5031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
261 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 (ครั้งที่ 150) | พน. | 20/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ (ครั้งที่
๑๕๐) เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓
ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติในเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้รับรองมติการประชุมเรียบร้อยแล้ว
จำนวน ๑๐ เรื่อง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พิจารณา จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
ร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Alternative
Energy Development Plan 2018 : AEDP2018) (๒)
ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๑ (Power
Development Plan : PDP2018 Rev.1) (๓) ร่างแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.
๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Energy Efficiency Plan : EEP2018) (๔) ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐
(Gas Plan 2018) (๕)
แผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ซี่งเป็นแผนระดับ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ๑.๒ รับทราบ
จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) แนวทางการส่งเสริมพื้นที่ติดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า
(EV Charging Station Mapping) (๒)
การศึกษาอัตราค่าไฟฟ้าและการจัดการระบบจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า
(๓) โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC
Sandbox) (๔)
การกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ (๕)
ขอปรับปรุงหลักการและรายละเอียดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ควรให้กระทรวงพลังงานจัดทำแผนแบบบูรณาการให้เป็นแผนพัฒนาด้านพลังงานของประเทศไทย
๑ แผน รวมทั้งกำหนดเป้าหมายในช่วงระยะ
๕ ปี ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และนำผลการพิจารณาทบทวนแผนดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติภายใน
๖ เดือน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถบูรณาการแผนด้านพลังงานต่าง
ๆ ให้เป็นเอกภาพและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นแผนเดียว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
262 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2563 | นร.11 | 12/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงาน/โครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เร่งดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงข้อมูลของโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
และเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้โดยเร็ว และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความชัดเจนของโครงการ/รายการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์
อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ
ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
263 | นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ปี 2564 - 2566 | พณ. | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์
(กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) คราวละ ๓ ปี
โดยกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้า (กากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์) ปี
๒๕๖๔-๒๕๖๖ ทุกกรอบการค้าและจากประเทศนอกความตกลง ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ (ครั้งที่ ๗๙) เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๓
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานกรรมการนโยบายอาหารเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับควานเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ เช่น
ให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันมิให้อุตสาหกรรมภายในประเทศได้รับผลกระทบจากนโยบายและมาตรการนำเข้าด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์การใช้และการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่น
ๆ ที่สามารถนำมาใช้ทดแทนกากถั่วเหลือง ปลาป่น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (เช่น
เนื้อป่น เนื้อและกระดูกป่น ข้าวสาลี และกากดีดีจีเอส) อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งดำเนินการส่งเสริมให้มีการผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ฯ
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
264 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 23/2563 | นร.11 | 06/10/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมว่า
ได้หารือกับสำนักงบประมาณแล้ว
เห็นควรขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ด่วนที่สุด
ที่ นร ๑๑๐๖/(คกง.) ๓๒๕ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ ให้ถูกต้อง ดังนี้ ๑.๑ หน้า ๘ เดิมความว่า “๓.๑.๕ ... ทั้งนี้
เห็นควรกำหนดหลักการไม่ให้ อว. นำกรอบวงเงินของโครงการฯ
ไปดำเนินการจัดซื้อจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งจ้างที่ปรึกษา ...”
เป็น “๓.๑.๕ ... ทั้งนี้ เห็นควรกำหนดหลักการไม่ให้ อว. นำกรอบวงเงินของโครงการฯ
ไปดำเนินการจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งจ้างที่ปรึกษา ...” ๑.๒ หน้า ๑๕ เดิมความว่า “๔.๑ ...
และเห็นควรกำหนดหลักการไม่ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
นำกรอบวงเงินของโครงการฯ ไปดำเนินการจัดซื้อจัดหาวัสดุ ครุภัณฑ์ และสิ่งก่อสร้าง
รวมทั้งจ้างที่ปรึกษา ...” เป็น “๔.๑ ... และเห็นควรกำหนดหลักการไม่ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำกรอบวงเงินของโครงการฯ
ไปดำเนินการจัดซื้อจัดหาครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้าง รวมทั้งจ้างที่ปรึกษา ...” ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ
(๑ ตำบล ๑ มหาวิทยาลัย) เห็นควรให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ไปดำเนินการต่อไป
และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
265 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 22/2563 | นร.11 | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๒/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาอนุมัติโครงการคนละครึ่ง
ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ ดำเนินการ
และอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน
ของกรมการจัดหางาน รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒
กันยายน ๒๕๖๓ เรื่อง โครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสีสำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก
COVID-๑๙ ของกระทรวงสาธารณสุข
และผลการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ และวันที่ ๒๕
สิงหาคม ๒๕๖๓ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก จังหวัดลำปาง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดลำพูน และสถาบันวิทยาลัยชุมชน
และมอบหมายให้หัวหน้าส่วนราชการตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุงรายละเอียดต่าง ๆ
ของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ/ร้านค้าสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ตลอดจนกำกับและติดตามการใช้สิทธิของประชาชนและผู้ประกอบการอย่างเคร่งรัด โดยนำปัญหาและอุปสรรคที่เคยเกิดขึ้นกับโครงการ
“ชิม ช้อป ใช้” มาเป็นแนวทางในการกำกับติดตาม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
266 | ขออนุมัติจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
จัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของ รฟท. (เบื้องต้นจะใช้ชื่อว่า บริษัท
รถไฟพัฒนาสินทรัพย์ จำกัด) ทุนจดทะเบียน ๒๐๐ ล้านบาท ตามมาตรา ๓๙ (๘) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๔๙๔ และตามขั้นตอนของหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือ
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ โดยให้นำความเห็นตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ไปประกอบการดำเนินการอย่างเคร่งครัด ๑.๒ ให้ รฟท. กู้ยืมเงิน จำนวน ๒๐๐ ล้านบาท
ตามมาตรา ๓๙ (๔) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔
เพื่อนำมาลงทุนเป็นทุนจดทะเบียนในบริษัทลูกฯ โดย รฟท. รับภาระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย
และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และกระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงิน
รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม
สำหรับการขอยกเว้นการคิดค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ รฟท.
พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ รฟท.
จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เช่น (๑) การพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมสำหรับสัญญาเช่าของหน่วยงานรัฐ
ซี่งไม่ได้มีวัตถุประสงค์การใช้พื้นที่ในเชิงพาณิชย์ และ (๒) ให้ รฟท.
เร่งจัดทำบัญชีทรัพย์สินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และกำหนดแนวทางในการนำผลตอบแทนที่ได้รับจากบริษัทลูกฯ มาชำระหนี้ของ รฟท. ต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม
และ รฟท. ร่วมกันจัดทำรายละเอียดของแผนการดำเนินงานของบริษัทลูกฯ ที่ชัดเจนเป็นระบบ
และกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดการดำเนินงานของบริษัทลูกฯ
ที่ครอบคลุมปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Key Success Factors) ที่สอดคล้องกับระดับการเติบโตของบริษัทลูกฯ ในแต่ละช่วงเวลา
เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทลูกฯ
รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินการจัดตั้งบริษัทเดินรถและบริษัทซ่อมบำรุงรางและล้อเลื่อนตามแผนการขนส่งทางรางที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ [ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง
ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดตั้งกรมการขนส่งทางราง)
และร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. ....] ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
267 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2563 และครั้งที่ 21/2563 | นร.11 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๑/๒๕๖๓
ซึ่งพิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสีสำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย
สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข และโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ
ดำเนินการ
และอนุมัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรทดแทนผู้เสียชีวิตที่มีสิทธิโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๕,๒๗๘ ราย โดยดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๔ สิงหาคม
๒๕๖๓ และวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ของสถาบันวิทยาลัยชุมชน กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดยโสธร
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
สำหรับโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสี สำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรี่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
268 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 19/2563 | นร.11 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๓
ที่อนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จากเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ เป็นเดือนกันยายน ๒๕๖๓
ภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๒๐,๓๔๕.๖๔๓๐
ล้านบาท และอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพิ่มความถี่การพักค้าง
และกระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มศักยภาพ ดึงกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ เช่น ข้าราชการ พนักงาน
ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ ให้ออกเดินทางท่องเที่ยว โดยดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ และ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบให้กรมหม่อมไหมใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
269 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.12 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑
แนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยจะไม่มีการประเมินส่วนราชการ
แต่ให้ส่วนราชการรายงานผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดเดิมเพื่อใช้ในการติดตาม (monitoring)
และให้ถอดบทเรียนในการบริหารจัดการผลกระทบและการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ส่วนราชการเสนอตัวชี้วัดใหม่
และให้สำนักงาน ก.พ.ร.
สรุปบทเรียนในภาพรวมของส่วนราชการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดสภาวะวิกฤติในอนาคต ๑.๒ กรอบและแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมี ๒ องค์ประกอบในการประเมิน ได้แก่ (๑)
การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) และ (๒) การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ๒. ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
รายงานผลการสรุปบทเรียนการบริหารจัดการผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
ในภาพรวมของส่วนราชการต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 ในอนาคตด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
270 | แต่งตั้งผู้ว่าการการประปานครหลวง | มท. | 08/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายกวี อารีกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการประปานครหลวง โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ
๓๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ตามมติคณะกรรมการการประปานครหลวง
ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๘/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้ นายกวี อารีกุล ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
271 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2563 | ดศ. | 08/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ เรื่อง
หลักเกณฑ์ในระดับรัฐเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศเชิงพาณิชย์
พ.ศ. ....
และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมนำร่างประกาศดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแหjงชาติและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามลำดับต่อไป ๒.
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ (ร่าง) พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. ....
และมอบหมายสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)
จัดทำเอกสารการขอจัดตั้งสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาก่อนเสนอคIะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ
รับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจากคณะกรรมการฯ เช่น
การเพิ่มเติมประเด็นการพัฒนากิจการอวกาศและโครงสร้างพื้นฐานทางอวกาศให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
และการปรับเปลี่ยนร่างกฎหมายเพื่อรองรับพันธกรณีระหว่างประเทศไปปรับปรุงแก้ไขร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ
พ.ศ. .... ให้มีความสมบูรณ์ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
272 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 | กษ. | 08/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมมีมติที่สำคัญ เช่น (๑)
เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินการตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ออกไปอีก ๓ เดือน จากเดิมสิ้นสุดเดือนกันยายน ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม
๒๕๖๓ โดยใช้กรอบงบประมาณดำเนินการเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๒๗
สิงหาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๑๓,๓๗๘.๙๙ ล้านบาท และ (๒)
เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์น้ำมัน ปี ๒๕๖๔
ระยะเวลาดำเนินการ เดือนมกราคม-กันยายน ๒๕๖๔ และมีกรอบวงเงินดำเนินการ ๘,๘๐๗.๕๔
ล้านบาท โดยคงหลักการเช่นเดียวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี
๒๕๖๒-๒๕๖๓ เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
273 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 | นร.14 | 08/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒
กรกฎาคม ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเพื่อทราบ ๕ เรื่อง ได้แก่
ผลการประชุมคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จำนวน ๗ คณะ
ผลการประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำ
ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรีสัญจรและนโยบายที่นายกรัฐมนตรีตรวจงานในพื้นที่
การรายงานการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ในวาระที่ ๑ สภาผู้แทนราษฎร ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และข้อเสนอแนะของ นายชนะ
รุ่งแสง เรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของภาคอีสาน
และแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำ (ปัญหาภัยแล้งและปัญหาอุทกภัย) ของชาติอย่างยั่งยืน
และ (๒) เรื่องเพื่อพิจารณา ๓ เรื่อง ได้แก่ การขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) การขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ
และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และข้อสั่งการประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เช่น (๑) หากมีการดำเนินการในพื้นที่ป่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (๒)
หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณด้านการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศจากการพิจารณากลั่นกรองของ
กนช. ควรเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงาน
เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า
และประชาชนได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และ (๓)
ให้มีการบูรณาการจัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศการบริหารจัดการน้ำพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) เพื่อให้มีการติดตาม เฝ้าระวัง
และเตือนภัยสถานการณ์น้ำที่ถูกต้องแม่นยำ
สามารถสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาความเหมาะสมเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างทดแทนการสร้างเขื่อน
เช่น การขุดเจาะอุโมงค์ผันน้ำใต้ดิน เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
274 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 18/2563 | นร.11 | 08/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๓
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้เงินกู้หรือโครงการที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
รวมถึงพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดของแผนงาน/โครงการที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ
ตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์
อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ
ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของแนวปฏิบัติในกรณีหน่วยงานรับผิดชอบโครงการไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๓) นั้น ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
275 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน วงเงิน 11,500.000 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800.000 ล้านบาท (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2564 | คค. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔)
โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดยในส่วนของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ให้
รฟท. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับเงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงิน ๑๑,๕๐๐
ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ รฟท.
ดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินดังกล่าวได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท
โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูล
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลวงเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ดังกล่าว
เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยตลาด การเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูการแก้ไขปัญหาขององค์กรให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสากิจ
และมุ่งเน้นการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย โดยเฉพาะการสร้างรายได้จากการบริหารทรัพย์สิน
การจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และการพิจารณาเบิกใช้เงินกู้ในจำนวนและระยะเวลาที่เหมาะสม
รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานเท่าที่จำเป็น
และเร่งรัดการลงทุนโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเพิ่มรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
276 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 และครั้งที่ 3/2563 | ทส. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๕ ครั้งที่ ๓ ของบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน)] (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดภูเก็ต
(กะทู้) ของการเคหะแห่งชาติ (๓) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง A โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ (๔) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D1 โครงการพื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ และ (๕) โครงการโรงไฟฟ้าวังน้อย (ทดแทนชุดที่ ๑-๒)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑)
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒)
โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (๓)
โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของนายประสาน
ยุวานนท์ คำขอประทานบัตรที่ ๑/๒๕๖๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองน้ำแดง
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (๔) การกำหนดขั้นตอนการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเข้าร่วมเป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพในโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพ
และการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(๕) การกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม
ตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๓๕ และ (๖)
การครบกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ
จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
277 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า | พณ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า
ตามมติคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า ในการประชุมลับครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
278 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 17/2563 | นร.11 | 25/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ
รวมถึงการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของพระราชกำหนดฯ
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่ายของโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) และโครงการของจังหวัดภายใต้แผนงาน ๓.๒
จำนวน ๕๓ โครงการ
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ควรมีการกำหนดข้อตกลงร่วมกันของสถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนและชัดเจนในการวางแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้
รวมทั้งควรกำหนดราคาจำหน่ายวัคซีนที่ได้จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม
เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นอกจากนี้ ในส่วนการขยายฐานการใช้สิทธิสำหรับบริษัท (Corporate) ภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ควรพิจารณาขอความร่วมมือบริษัทให้ดำเนินการใช้สิทธิผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศเพื่อให้มาตรการดังกล่าวก่อให้เกิดการกระจายรายได้และเสริมสภาพคล่องแก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในประเทศและผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเครือข่ายของผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในประเทศด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
279 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 16/2563 | นร.11 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณาขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๘ (๒)
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้
(๑) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนและเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
โดยไม่มีความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมาย
หรือสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐไปแล้ว รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด มีความโปร่งใส
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน และ
(๒) ให้กระทรวงการคลังหารือหน่วยงานรับผิดชอบแผนงาน/โครงการภายใต้มาตรการ/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยาและชดเชยให้กับภาคประชาชน
เกษตรกรและผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยา
และชดเชยภายใต้แผนงาน/โครงการดังกล่าวภายใต้ข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชย
รวมถึงการจัดระบบสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนในแต่ละกลุ่มได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
280 | ขออนุมัติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มเติมวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง
ระยะที่ ๑ ในส่วนของค่าประกันรายได้ จำนวน ๒,๓๔๗,๙๐๐,๓๒๙.๓๒ บาท
และเงินชดเชยดอกเบี้ยในอัตราเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน บวก ๑ ในอัตราร้อยละ ๒.๔๐ จำนวน
๕๖,๓๔๙,๖๐๗.๙๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๔๐๔,๒๔๙,๙๓๗.๒๒ บาท โดยใช้เงินทุนสำรองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้ ธ.ก.ส. เสนอตั้งงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับมาตรการต้นทางเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการผลิตในสวนยางให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งในการควบคุมและส่งเสริมการลดพื้นที่การทำสวนยาง
การส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่มีศักยภาพทดแทนสวนยาง และการลดจำนวนต้นยางเพื่อปลูกพืชแซมยาง
พืชร่วมยาง และทำอาชีพเสริมในสวนยาง รวมทั้งมาตรการกลางและปลายทาง
เพื่อส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศและการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและเป็นไปตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ยางระยะ
๒๐ ปี ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางและการพัฒนาอาชีพและรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงและยั่งยืน
โดยไม่สร้างภาระด้านงบประมาณให้กับประเทศในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ในส่วนของโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๒
การขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง
และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง
การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง
และการเพิ่มกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง)
ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ภายใต้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง
(ยางแห้ง) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ควรให้มีการพิจารณาแนวทางกำหนดราคาประกันรายได้เท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
(๒) ควรศึกษามาตรการหรือแนวทางเพิ่มเติมเพื่อดูดซับยางในระบบให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน
(๓) ควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน
อาทิเช่น การลงทะเบียนจำนวนเกษตรกร ผลผลิต การจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงิน
ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ตลอดจนจัดให้มีระบบการประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการต่าง
ๆ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป และ
(๔) ต้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนให้กับทุกภาคส่วน และประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณา และหากมีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |