ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 11 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 201 - 220 จากข้อมูลทั้งหมด 5031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
201 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 31/2564 | นร.11 สศช | 30/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่
๓ รวม ๑๐ จังหวัด จำนวน ๑,๗๖๖
โครงการ กรอบวงเงิน ๒,๙๐๙,๐๑๕,๕๗๒ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย (สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒.รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรเร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้โดยเคร่งครัด
โดยเฉพาะในส่วนของการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ในรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๕ (๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้
การจัดหาเงินและการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๓ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
202 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 30/2564 | นร.11 สศช | 24/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ รวม ๑๒ จังหวัด จำนวน ๒,๑๘๖ โครงการ กรอบวงเงินรวม ๓,๕๘๗,๒๑๘,๕๑๔ บาท และให้กระทรวงมหาดไทย
(สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) เร่งรวบรวมโครงการที่ผ่านการพิจารณาแล้ว ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ และมอบหมายให้จังหวัดรับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔
ไปประกอบการดำเนินการตามขั้นตอน รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงศักยภาพและความสามารถในการใช้จ่าย ความคุ้มค่า ประหยัด เป้าหมาย
และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนได้รับเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการกำลังใจ จากเดิม สิ้นสุดระยะเวลาเบิกจ่ายในเดือนสิงหาคม
๒๕๖๔ เป็น เดือนธันวาคม ๒๕๖๔
มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
รับไปพิจารณาความเหมาะสมของช่วงระยะเวลาที่จะเริ่มดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการทัวร์เที่ยวไทย
อนุมัติให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการยกระดับหน่วยบริการกรมอนามัยรองรับการระบาดของโรค
COVID-๑๙
จากเดิม เดือนมิถุนายน-กันยายน ๒๕๖๔ เป็น เดือนมิถุนายน-ธันวาคม ๒๕๖๔
และอนุมัติให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการ Gastronomy
Tourism : LANNA Gastronomy “คิดถึงเชียงใหม่”
จากเดิม ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เป็น ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ถึง ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่ได้กำหนดไว้
ตลอดจนการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก
ครั้งที่ ๒ ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
203 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 | ทส. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การสนับสนุนเงินอุดหนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อม
เพื่อการบริหารจัดการไฟป่าและหมอกควัน ๒.
รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ ๑) โครงการทางหลวงพิเศษสายฉลองรัช-นครนายก-สระบุรี
ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ ๒) โครงการทางหลวงแนวใหม่ระหว่างทางหลวงพิเศษหมายเลข
๙ ด้านตะวันตก-จุดตัดทางหลวงหมายเลข ๓๔๗-จุดตัดทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙
ด้านตะวันออก-ทางหลวงหมายเลข ๓๕๒ ของกรมทางหลวง ๓.
มาตรการยกระดับแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง
เนื่องจากในพื้นที่ภาคเหนือและหลายจังหวัดยังคงมีฝุ่นละออง PM2.5 เกินมาตรฐาน และมีแนวโน้มของจำนวนจุดความร้อนสะสมเพิ่มขึ้น ๔.
การปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรร
เพื่อให้มาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากที่ดินจัดสรรมีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน ๕.
การกำหนดมาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
โดยเป็นการรวมประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดค่ามาตรฐานค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรคาร์บอนจากท่อไอเสียของรถจักรยานยนต์
จำนวน ๓ ฉบับ ให้เป็นฉบับเดียว เพื่อให้สะดวกต่อการนำไปใช้แต่ยังคงสาระสำคัญของค่ามาตรฐานฯ
ไว้ดังเดิม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
204 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 29/2564 | นร.11 สศช | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากครั้งที่
รวม ๒๓ จังหวัด จำนวน ๒,๑๑๗
โครงการ กรอบวงเงิน ๖,๑๗๐,๖๔๗,๙๑๕ บาท ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้กระทรวงมหาดไทย
(สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป ๒. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม
๒๕๖๔ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและกระทรวงต้นสังกัดรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ
และบรรลุผลสัมฤทธิ์ของโครงการตามที่กำหนดไว้
ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด สำหรับการบริหารจัดการภาระหนี้ภายใต้พระราชกำหนดฯ
นั้นกระทรวงการคลังจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
อย่างเคร่งครัด และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเร่งคืนกรอบวงเงินกู้ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
และเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและแผนเบิกจ่ายตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ครั้งที่ ๑
ให้เป็นไปตามข้อ ๑ ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
205 | ขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้กันเงินไว้และไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน มาดำเนินรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดินเพื่อการชลประทาน | กษ. | 17/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้กรมชลประทานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการที่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
และได้กันเงินไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓)
ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ จำนวน ๑๑ รายการ วงเงินรวม
๒๖๖,๙๔๑,๐๑๖.๐๐ บาท มาดำเนินการในงบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง รายการค่าซื้อที่ดิน
ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน จำนวน ๑๑ รายการ วงเงินรวม ๒๖๖,๙๔๑,๐๑๖.๐๐ บาท
โดยให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การบริหารวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับรายการผูกพันข้ามปี
และค่าใช้จ่ายรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน
เพื่อการชลประทานดังกล่าว ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนงบประมาณรายจ่าย
โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
แล้วแต่กรณี ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยให้นำมติคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และ/หรือ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พร้อมเงื่อนไขประกอบการเห็นชอบไปประกอบการดำเนินงานโครงการทั้งในระยะก่อสร้างและระยะดำเนินการอย่างเคร่งครัดไปพิจารณาด้วย ๒. ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ในระยะต่อไป ให้กระทรวงเกษตรมละสหกรณ์
(กรมชลประทาน)ดำเนินการตามมติเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
หรือโครงการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า
ตลอดจนตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการนั้น ๆ
อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อน
เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการได้อย่างบรรลุผล
เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
206 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2564 | นร.11 สศช | 10/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ โครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ของสำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินจำนวน ๓๓,๔๗๑.๐๐๕๐ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงาน/โครงการกลุ่มที่
๒ เพื่อช่วยเหลือเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประกันตนมาตรา ๓๙ และมาตรา ๔๐
ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๕ ฉบับที่
๒๘ และฉบับที่ ๓๐) ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวม ๒๙ จังหวัด ทั้งนี้
เห็นควรให้สำนักงานประกันสังคม รับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ โดยให้เร่งดำเนินการตรวจสอบยืนยันตัวตนของผู้ได้รับความช่วยเหลือตามเป้าหมาย
พิจารณาดำเนินการต่าง ๆ ให้สามารถโอนเงินให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา
๓๙ และมาตรา ๔๐ ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน ๑๐ จังหวัดก่อน กำหนดเงื่อนไขของกลุ่มเป้าหมายตามโครงการฯ
โดยเฉพาะในส่วนของผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา ๔๐ เพิ่มเติม
จัดทำข้อเสนอขยายระยะเวลาให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดโควิด-๑๙
ในพื้นที่ ๑๓ จังหวัด การดำเนินโครงการนี้ทำให้มีประชาชนเข้าร่วมเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา
๔๐ จำนวนเพิ่มขึ้น จึงควรต้องประมาณการภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นให้ชัดเจน
พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ไปดำเนินการโดยเคร่งครัด
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานประกันสังคม)
รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการต่าง
ๆ โดยใช้วงเงินกู้ตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด สร้างความรับรู้และความเข้าใจในมาตรการที่ถูกต้องให้กับประชาชน
รวมทั้งดำเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้มาตรการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
พร้อมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือแก่สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้องและทั่วถึงเป็นระยะ
ๆ ต่อไป ตลอดจนประชาสัมพันธ์เรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนประเภทต่าง ๆ
เพื่อจูงใจให้ผู้ประกันตนอยู่ในระบบประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘
(เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
207 | การแก้ไขปัญหาผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการอ่างเก็บน้ำแม่มอก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง | กษ. | 10/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) จ่ายเงินชดเชยให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการอ่างเก็บน้ำแม่หมอก
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดลำปาง
จากการเข้าทำประโยชน์ในแปลงจัดสรรที่ดินไม่ได้ จำนวน ๑๐๓ ราย ในอัตรา ๒๐,๐๐๐ บาทต่อราย
ตามความเห็นของคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคราชการและผู้แทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการของรัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ แนวทางที่ ๒
ที่ให้มีการเยียวยาตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ที่ อ.๕๖๔/๒๕๖๐ ในส่วนของการกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้กรมชลประทานพิจารณาให้สอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยให้เริ่มนับระยะเวลาการคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันถัดจากวันที่ราษฎรยื่นคำร้องเรียนไปจนกว่าจะชำระเงินค่าชดเชยเสร็จสิ้น ๒. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงิน
รวม ๑๔ราย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานกรรมการ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงขั้นตอน
ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และควรเตรียมมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินการด้วย
ให้กรมชลประทานดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
ควรมีการประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (เกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยคราวต่อไปหากมี)
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม
๒๕๖๔ (เรื่อง
ขออนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา)
ที่กำหนดให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์กลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการชลประทานของรัฐในกรณีต่าง
ๆ รวมทั้งกำหนดประเภทและวิธีการคำนวณอัตราค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรเร่งจัดทำหลักเกณฑ์
เงื่อนไข
และวิธีการเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ประชาชนที่เกิดจากการดำเนินโครงการของรัฐ
ตามขั้นตอนของกฎหมายระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และจะต้องคำนึงถึงความเป็นธรรม การไม่เลือกปฏิบัติ มีความโปร่งใส และตรวจสอบได้
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
208 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 28/2564 | นร.11 สศช | 10/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังปรับลดกรอบวงเงินโครงการเราชนะ
เพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินโครงการ อนุมัติให้สำนักงานประกันสังคม
ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข็มงวด
และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อนุมัติให้จังหวัดลำพูน
ปรับลดกิจกรรมสร้างแปลงเรียนรู้เพื่อเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารในชุมชน
(แปลงเรียนรู้ด้านปศุสัตว์) ภายใต้โครงการขยายผลการดำเนินงานเกษตรกรรม อนุมัติให้จังหวัดยุติหรือยกเลิกโครงการของจังหวัดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมจำนวน ๘ โครงการ
และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ เร่งดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปรับปรุงแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้รายเดือน/รายสัปดาห์ให้เป็นปัจจุบัน
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินโครงการต่าง ๆ
โดยใช้วงเงินตามพระราชกำหนดนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และเร่งคืนกรอบวงเงินกู้ให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ
และเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
และให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
209 | ขอความเห็นชอบปรับลดหน่วยโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดสมุทรปราการ (เทพารักษ์ 4) และเพิ่มกรอบงบลงทุน “โครงการบ้านเคหะสุขเกษม” | พม. | 03/08/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับลดหน่วยโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดสมุทรปราการ
(เทพารักษ์ ๔) จำนวน ๔๕ หน่วย เพื่อจัดทำโครงการอาคารต้นแบบของโครงการบ้านเคหะสุขเกษม
จำนวน ๑ อาคาร เพื่อเป็นอาคารเช่าสำหรับผู้สูงอายุและข้าราชการเกษียณ ลูกจ้าง
พนักงานของรัฐ โดยใช้ทรัพย์สินรอการพัฒนา (Sunk Cost) และเพิ่มกรอบงบลงทุน
“โครงการบ้านเคหะสุขเกษม” จำนวน ๑๑ ล้านบาท เพื่อการดำเนินงานปกติ ประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ในการปรับปรุงอาคารต้นแบบของโครงการบ้านสุขเกษม (บ้านผู้สูงอายุและข้าราชการเกษียณ)
โดยเพิ่มวงเงินการดำเนินการและวงเงินเบิกจ่ายจากแหล่งเงินอุดหนุนจากรัฐบาลปี ๒๕๖๔
จำนวนเดียวกัน
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
(การเคหะแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข
ที่เห็นว่าให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ และการประชุมครั้งที่
๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ต่อไป และหากมีการสำรวจกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเช่าระยะยาว
ควรพิจารณากำหนดกลุ่มเป้าหมายของโครงการบ้านเคหะสุขเกษม ให้ครอบคลุมถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง
โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในปัจจุบันด้วย และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้
ให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการ โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการให้ชัดเจน
โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองก่อนเป็นลำดับแรก
รวมทั้งให้กำหนดรูปแบบและจำนวนการสร้างที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าห
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
210 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 | ดศ. | 27/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ประกอบด้วย ๑)
เรื่องเพื่อทราบ (จำนวน ๔ เรื่อง) เช่น รายงานความก้าวหน้า/ผลการดำเนินงานของดาวเทียม
การดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศใหม่ในประเทศไทย
และการใช้งานระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียมของกระทรวงกลาโหม และ ๒)
เรื่องเพื่อพิจารณา (จำนวน ๓ เรื่อง) เช่น
การแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อจัดทำนโยบายและแผนการดำเนินการเฝ้าระวังและบริหารจัดการการจราจรทางอวกาศ
และแนวทางการบริหารจัดการทรัพย์สินหลังสิ้นสุดสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ
ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
211 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม | นร.10 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงยุติธรรม
รวมทั้งสิ้น ๒,๔๑๑ อัตรา
ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๒,๑๓๖ อัตรา และกรมราชทัณฑ์
จำนวน ๒๗๕ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔
ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ และในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
ให้ส่วนราชการดังกล่าวดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) และกระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) รับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่เห็นควรให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐอย่างเคร่งครัด
และส่วนราชการทั้ง ๒ แห่ง
ควรบริหารจัดการอัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่ได้รับจัดสรรดังกล่าวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ได้รับมอบหมาย
และเร่งดำเนินการสรรหาและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
กรมราชทัณฑ์มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีอยู่และที่จะได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมให้มีศักยภาพในการดูแลจัดการผู้ต้องขังภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และให้กำหนดแนวทางการต่ออายุราชการให้แพทย์และทันตแพทย์ที่เกษียณอายุแล้วและให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาให้เอกชนและภาคส่วนอื่นเข้ามาร่วมดำเนินการแทนในบางภารกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
212 | การแต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้อำนวยการสำนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (พันโท หนุน ศันสนาคม) | กค. | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พันโท หนุน ศันสนาคม ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และกำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ในอัตรา ๒๘๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน โดยในระหว่างอายุสัญญา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ ๑๐ ของอัตราค่าตอบแทนคงที่ที่ผู้รับจ้างได้รับ ทั้งนี้ ให้ขึ้นกับผลการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ตลอดอายุสัญญาจ้างจะต้องไม่มีผลให้อัตราค่าตอบแทนคงที่ที่ได้รับเกินกว่าอัตราขั้นสูงตามกรอบอัตราค่าตอบแทนคงที่ที่กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบไว้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ระบุในสัญญาจ้างผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
213 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 24/2564 | นร.11 สศช | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. ....
โดยเพิ่มข้อความที่เกี่ยวข้องกับกรณีโครงการที่ต้องใช้เงินกู้เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ
ให้กรมพัฒนาชุมชนเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการที่อยู่ในความรับผิดชอบที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ
โดยใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓ โครงการ ให้จังหวัดพังงา จังหวัดลำพูน จังหวัดหนองคาย
และจังหวัดปัตตานี ปรับแผนการดำเนินโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัด
จำนวน ๘ โครงการ และมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาความเหมาะสมของการปรับรูปแบบหรือวิธีการจัดกิจกรรมในลักษณะฝึกอบรม
การศึกษาดูงานและการถ่ายทอดความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้กำหนด
และไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงบประมาณ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
กฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
จัดอบรม สัมมนา หรือการประชุมโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักในทางปฏิบัติ
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรการของทางราชการอย่างประหยัด
และเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. เห็นชอบหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่..)
พ.ศ. .... และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมวันใช้บังคับของร่างระเบียบดังกล่าวให้สมบูรณ์ก่อนดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
214 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.12 | 20/07/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และกรอบและแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่
๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ
สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เห็นว่าควรมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาระบบบริการดิจิทัลแบบครบวงจร
(end-to-end Service) ที่สอดคล้องกับความต้องการพื้นฐานของประชาชน ความคุ้มค่าในการลงทุน
และออกแบบให้รองรับการเชื่อมต่อกระบวนงานและข้อมูลระหว่างบริการดิจิทัลที่เกี่ยวเนื่องในอนาคตด้วย
กำหนดรูปแบบ (Format) ของรายงานการปฏิบัติราชการให้เป็นรูปแบบเดียวกัน
เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานของส่วนของราชการ การปรับแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เหมาะสมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของหลายส่วนราชการ
ทำให้การปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามแผนหรือเป้าหมายที่กำหนดไว้ และแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
จะทำให้ตัวชี้วัดระดับกระทรวงและกรมสอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมายระดับชาติในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ
แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนระดับชาติอื่นๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ในส่วนของการเชื่อมโยงการประเมินส่วนราชการกับการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลในระดับหัวหน้าส่วนราชการ
(ปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า อธิบดีหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด) ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. ร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคคลให้ชัดเจนและเหมาะสม
เพื่อถือปฏิบัติต่อไป
โดยอาจพิจารณากำหนดตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นถึงภาวะความเป็นผู้นำ มีการทำงานเชิงรุกสามารถบริหารงานและแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสภาวะวิกฤตให้เกิดผลสัมฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
อาจพิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางดังกล่าวไปใช้ในการประเมินเพื่อเลื่อนระดับหรือพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับประเด็นการปรับปรุงพัฒนาเว็บไซต์ของส่วนราชการให้เป็นปัจจุบัน
มีความทันสมัย สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการนำเสนอที่น่าสนใจ
และง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชน
เพื่อพิจารณากำหนดเป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดในการประเมินส่วนราชการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
215 | การแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน | นร.10 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ที่ว่า
“การที่อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ เป็นพนักงานราชการในหน่วยงานนั้น
เป็นกรณีไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากพนักงานราชการเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าส่วนราชการ
ดังนั้น การแต่งตั้งพนักงานราชการในหน่วยงานนั้น เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน
อ.ก.พ. สามัญ จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ส่วนราชการจึงต้องดำเนินการเพื่อให้การแต่งตั้งอนุกรรมการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิใน
อ.ก.พ. สามัญ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ต้องการให้ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นบุคคลภายนอกส่วนราชการต่อไป”
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
216 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 20/2564 | นร.11 | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติโครงการรถ Mobile
พาณิชย์...ลดราคา! ช่วยประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ของกรมการค้าภายใน
กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติการปรับกรอบวงเงินโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ จากเดิม
๑,๕๗๕.๔๙๕๐ ล้านบาท เป็น ๑,๕๗๕.๔๕๙๐ ล้านบาท และอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการของกระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดนครปฐม จังหวัดพิจิตร
จังหวัดตรัง จังหวัดลำปาง จังหวัดอุดรธานี รวมจำนวน ๙ โครงการ
รวมทั้งรับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๔ (๑ กุมภาพันธ์-๓๐ เมษายน ๒๕๖๔)
และรายงานผลการดำเนินการโครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ (๑ ตำบล
๑ มหาวิทยาลัย) ระยะ ๓ เดือน (กุมภาพันธ์-เมษายน ๒๕๖๔)
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาการดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
217 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 (ครั้งที่ 153) | พน. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ (ครั้งที่ ๑๕๓) เมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่
(๑) แนวทางการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซ (ก๊าซฯ) ระยะที่ ๒ (๒)
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานก๊าซฯ
เพื่อรองรับโครงการโรงไฟฟ้าตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ [Power Development Plan 2018 (Revision
1) : PDP 2018 (Rev.1)] (๓) หลักเกณฑ์การส่งออกเที่ยวเรือก๊าซฯ เหลว (Liquefied Natural
Gas : LNG) (Reloading) สำหรับสัญญาระยะยาวของบริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) (๔) นโยบายการกำหนดโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ และ (๕) การแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนบูรณาการการลงทุนและการดำเนินงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานไฟฟ้า
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเกี่ยวกับการสนับสนุนโครงการจัดหาพลังงานไฟฟ้า
พลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) และพลังงานสำรอง (ระบบกักเก็บพลังงาน)
เพื่อใช้ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก การพิจารณาความเหมาะสมในภาพรวมทั้งระบบ
เพื่อให้เกิดประโยชน์ด้านความมั่นคงทางพลังงาน ด้านการแข่งขัน
และระดับราคาที่เป็นธรรม และการพิจารณาตามขั้นตอนที่กำหนดในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงพลังงานและคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแนวทาง แผนงาน
และโครงการที่กำหนดไว้ให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามกฎหมาย
และระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
รวมทั้งให้ดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างครอบคลุมและครบถ้วนด้วย ๒.๒ เร่งดำเนินการขับเคลื่อนประเด็นตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยเฉพาะมิติด้านการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนทั้งในหน่วยงานภาครัฐ
เอกชน และครัวเรือน เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้เร่งดำเนินการศึกษากำหนดแนวทาง
หลักเกณฑ์ และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นจากอุตสาหกรรมและกิจกรรมทางเศรษฐกิจใหม่
เช่น รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) รถไฟความเร็วสูง
ตลอดจนการสนับสนุนให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ (Prosumers) เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระยะยาว ๒.๓ ในการเสนอเรื่องเกี่ยวกับมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ
ๆ ไป ให้ดำเนินการตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
218 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ. | 22/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
พ.ศ. ๒๕๔๒ จำนวน ๕๑ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ
ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔
มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
219 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 17/2564 และครั้งที่ 18/2564 | นร.11 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑๘
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติม ทั้งนี้
โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยสำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ให้เป็นไปตามมติข้อ
๒ สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส
เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๔ (เรื่อง ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
สำหรับโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-2019) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติมจำนวน ๓๕ ล้านโดส) โดยให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการเพื่อจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
ยารักษาโรค วัคซีนป้องกันโรค และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (แผนงานที่ ๑.๒)
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. อนุมัติโครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย
และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
ในการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน
ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ในกรอบวงเงินรวม ๑,๕๗๕.๔๙๕ ล้านบาท
และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด ๓. อนุมัติเป็นหลักการให้ดำเนินการคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตในการดำเนินงานโครงการต่าง
ๆ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรวดเร็ว และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดีโดยไม่ชักช้า
และให้รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อคณะรัฐมนตรีทุก ๓ เดือน
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
220 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 | นร.14 | 01/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๕
มีนาคม ๒๕๖๔. และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และข้อสั่งการของประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติในการประชุมดังกล่าว ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำภายใต้แผนพัฒนาขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญในระหว่างปี
๒๕๖๔-๒๕๖๖
ตรวจสอบและดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และการกำหนดตัวชี้วัดของแผนงานและโครงการควรกำหนดให้สอดคล้องกับช่วงเวลาในการดำเนินการ
เพื่อจะได้เกิดความชัดเจนว่าแผนงานหรือโครงการดังกล่าวสามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์
รวมถึงหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณควรดำเนินการด้วยความรอบคอบและยึดหลักความคุ้มค่าของการใช้จ่าย
งบประมาณ เพื่อให้โครงการต่าง ๆ ดำเนินการแล้วเสร็จตามแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบรรเทาปัญหาด้านทรัพยากรน้ำตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
สำหรับวางเงินงบประมาณให้หารือกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |