ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 19 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 361 - 380 จากข้อมูลทั้งหมด 5031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
361 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับส่วนราชการในสังกัดกระทรวงพลังงานและกระทรวงแรงงานและการสนับสนุนงบประมาณให้กับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อใช้สำหรับการบรรจุอัตราพนักงานตั้งใหม่ | นร10 | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติอัตราข้าราชการตั้งใหม่ให้กับกระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ) และกระทรวงแรงงาน (กรมการจัดหางานและสำนักงานประกันสังคม) โดยไม่ให้นำตำแหน่งที่ได้รับจัดสรรมายุบเลิกเพื่อปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอื่นเป็นระดับสูงขึ้น ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามลำดับ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะกรรมการและเลขานุการร่วม คปร. เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการดังกล่าว หากมีความจำเป็นต้องสรรหาอัตราบุคลากรตั้งใหม่และสามารถบรรจุได้ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้วในแผนงานบุคลากรภาครัฐไปดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดังกล่าวจะต้องเป็นไปตามความจำเป็นและทันต่อสถานการณ์อย่างเหมาะสมตามความสามารถในการใช้จ่ายตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาพัฒนาศักยภาพบุคคลที่มีอยู่เดิมทั้งข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างให้มีความพร้อมที่จะรองรับภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การใช้กำลังคนมีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่า รวมทั้งให้เร่งดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลในอัตราข้าราชการ/พนักงานตั้งใหม่ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจที่เพิ่มขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้บรรลุผลสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบผลการพิจารณาของ คปร. ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เกี่ยวกับอัตราพนักงานตั้งใหม่ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
362 | การจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ | นร10 | 12/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดสรรอัตราข้าราชการตำรวจตั้งใหม่ให้แก่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๕,๙๗๐ อัตรา เพื่อปฏิบัติงานรองรับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๔,๗๐๐ อัตรา และภารกิจด้านการถวายความปลอดภัย จำนวน ๑,๒๗๐ อัตรา ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ คปร. เสนอ สำหรับการจัดสรรข้าราชการตำรวจตั้งใหม่เพื่อปฏิบัติภารกิจด้านการถวายความปลอดภัย ให้เปลี่ยนชื่อกองบังคับการ จากเดิม “กองบังคับการถวายความปลอดภัยและปฏิบัติการพิเศษ” เป็น “กองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ๙๐๔” ตามนัยกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่นในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ.๒๕๖๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในส่วนของงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมที่จะต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบกลางต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน โดยคำนึงถึงลำดับความจำเป็นและความเร่งด่วนในการบรรจุประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาของบุคลากรควบคู่กับการเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการตำรวจดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
363 | โครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอน การประปาส่วนภูมิภาคสาขากันตัง (ควนกุน) | มท | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนงานโครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอนการประปาส่วนภูมิภาค สาขากันตัง (ควนกุน) (ฉบับปรับปรุง) วงเงินลงทุน ๒๙,๕๗๙,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ได้จัดสรรงบประมาณให้แล้ว จำนวน ๕,๕๑๓,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๖,๖๗๑,๒๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่ได้รับอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงมหาดไทย โดยการประปาส่วนภูมิภาค (กปน.) รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ เช่น (๑) เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเข้มงวด (๒) ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. คำนึงถึงศักยภาพของแหล่งน้ำดิบในพื้นที่ให้เพียงพอต่อการใช้น้ำในอนาคต และ (๓) กปภ. ควรกำกับดูแลและบริหารโครงการฯ ให้สอดคล้องกับแผนงานที่กำหนดไว้ และควรศึกษารูปแบบและแนวทางจัดหาแหล่งเงินทุนอื่น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ (เรื่อง การจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลนประเทศไทย) วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศ) และวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) เป็นกรณีเฉพาะราย ทั้งนี้ ในส่วนของการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปภ. ดำเนินการให้เป็นไปตามนัยระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
364 | การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคาร ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามมติ ครรส. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๑.๒ เห็นชอบการปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. โดยให้ปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานที่ยังไม่ถึงอัตราขั้นต่ำของกระบอกเงินเดือนให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำในลำดับแรก และปรับเพิ่มเงินเดือนเพื่อชดเชยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการที่พนักงานได้รับการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำ โดยให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำได้ตามแนวทางที่เหมาะสม โดยรวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๑ ของฐานเงินเดือนพนักงาน ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มได้เพียงครั้งเดียวตามมติ ครรส. ๑.๓ การขอปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและการขอปรับเพิ่มเงินเดือนในแต่ละครั้งจะต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปีขึ้นไป โดยมิให้นำเหตุแห่งการปรับเงินเดือนของข้าราชการมาเป็นประเด็นในการพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงสร้างอัตราเงินเดือนควรคำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ที่พนักงานจะได้รับนอกเหนือจากเงินเดือน ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับภายหลังเกษียณอายุ อาทิ บำเหน็จ บำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ประกอบด้วย และในการประมาณการผลกระทบค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงค่าตอบแทน มีการประมาณการเฉพาะเงินเดือน เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าล่วงเวลา และโบนัส เท่านั้น ควรพิจารณาให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ใช้เงินเดือนเป็นฐานในการคำนวณด้วย เช่น เงินที่จ่ายเมื่อเกษียณ เป็นต้น รวมทั้งควรมีการกำกับและติดตามให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ทั้งแผนการเพิ่มรายได้ การพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการบุคลากร แผนการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อมิให้การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนส่งผลกระทบต่อรายได้นำส่งรัฐและการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
365 | ขอเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนหนองจิก ท้องที่ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี | ศธ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) เพื่อเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าชายเลนหนองจิก ท้องที่ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี จำนวนเนื้อที่ ๙ ไร่ ๒ งาน ๑๒ ตารางวา เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนบ้านปากบางตาวา จังหวัดปัตตานี โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำแผนดำเนินการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติทั้งหมดที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นอายุการอนุญาต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่า ของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ คิดเป็นเนื้อที่ไม่น้อยกว่า ๑๙๐ ไร่ ๒ งาน ๔๐ ตารางวา รวมค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น ๒,๓๒๓,๔๑๔ บาท ให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดำเนินการโดยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
366 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2561 | ดศ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๗
พฤษภาคม ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑
เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งผ่านการรับรองจากคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติแล้ว
ประกอบด้วยเรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๖ เรื่อง และเรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๔ เรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
เช่น แนวทางการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาดาวเทียม THEIA
การดำเนินการเพื่อจัดตั้งสำนักงานประสานงานภูมิภาค (Regional Liaison
Office : RLO) ของสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติที่ประเทศไทย
และความคืบหน้าการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติได้มีมติรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่าง ๆ
ตามขั้นตอนเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการบริหารจัดการดาวเทียมหลังสิ้นสุดสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศด้วยความรอบคอบ
เหมาะสม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
ตามแนวนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๖๐
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่เห็นว่า (ร่าง)
แนวทางการบริหารจัดการดาวเทียมหลังสิ้นสุดสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศจะต้องไม่มีลักษณะเป็นการให้สัมปทานหรือให้สิทธิในการประกอบกิจการโทรคมนาคมต่อไปอีกหลังสัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลง
และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมควรดำเนินการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๔๘ ด้วย ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ในฐานะคู่สัญญาตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อระบบขับเคลื่อนเพื่อต่ออายุดาวเทียมไทยคม
๕ ซึ่งเป็นหนึ่งในดาวเทียมภายใต้สัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ
ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
367 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2561 ครั้งที่ 4/2561 | ดศ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบและได้พิจารณาประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ รายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ รายงานความคืบหน้าการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) (ร่า) และพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... ๒. มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณา (ร่าง) พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
368 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 | ดศ | 29/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๖
กันยายน ๒๕๖๑ ครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๕/๒๕๖๑
เมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
ซึ่งผ่านการรับรองจากคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติแล้ว ประกอบด้วยเรื่องเพื่อทราบ
จำนวน ๖ เรื่อง และเรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๔ เรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลกระทบต่อการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
เช่น แนวทางการดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาดาวเทียม THEIA
การดำเนินการเพื่อจัดตั้งสำนักงานประสานงานภูมิภาค (Regional Liaison
Office : RLO) ของสำนักงานกิจการอวกาศส่วนนอกแห่งสหประชาชาติที่ประเทศไทย
และความคืบหน้าการดำเนินโครงการระบบดาวเทียมสำรวจเพื่อการพัฒนา (THEOS-2) เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติได้มีมติรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนประเด็นต่าง ๆ
ตามขั้นตอนเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
369 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๖๒ จำนวน ๕๒ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า และ ๖ บริการ รวมทั้งการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล เพื่อพิจารณาความพร้อมก่อนที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล โดยองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ ควรพิจารณาให้ครอบคลุมผู้แทนจากกลุ่มวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพิจารณากำหนดมาตรการต่าง ๆ ของคณะอนุกรรมการฯ เป็นไปอย่างรอบคอบ มีความโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปดำเนินการให้เหมาะสมและรอบคอบต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับการประกาศกำหนดสินค้าและบริการควบคุม รวมทั้งการกำหนดมาตรการที่ใช้สำหรับสินค้าหรือบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้ถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึงโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
370 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๖/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยตามร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ และความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรยุบเลิกกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมารวมเข้ากับกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากมีวัตถุประสงค์เดียวกันและสามารถดำเนินการร่วมกันได้ รวมทั้งจัดทำโครงสร้างการบริหารและอัตรากำลังอย่างเหมาะสมเพื่อรองรับการปฏิบัติงานด้านต่าง ๆ ของกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย รวมถึงปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงาน และจัดให้มีกระบวนการติดตามการปฏิบัติงานตามแผนงานให้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรกำหนดให้มีกรอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการบริหารเงินของกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและลดภาระงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งผลการพิจารณาการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยตามร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พร้อมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ ไปยังประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
371 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งจัดส่งเรื่องพร้อมรายละเอียด เหตุผลและความจำเป็นในการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไปยังคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อพิจารณากลั่นกรองการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๑๑ ของพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ อีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
372 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก กรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก เนื่องจากกองทุนฯ เป็นการขยายวัตถุประสงค์เพิ่มเติมจากกองทุนคุ้มครองเด็กที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยคณะกรรมการนโยบายฯ มีข้อสังเกตเพิ่มเติม เช่น ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายและหลักเกณฑ์วิธีการให้ชัดเจน เป็นต้น ๑.๒ เห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานคร และกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็กจังหวัด เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน รับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายฯ ในส่วนของกองทุนส่งเสริมการคุ้มครองเด็ก ไปประกอบการพิจารณาเสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. .... ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
373 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม | กค | 15/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียน ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีมติเห็นควรไม่ให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม เนื่องจากกองทุนฯ มีรายได้หลักจากเงินงบประมาณและดำเนินงานในลักษณะจ่ายขาด โดยไม่มีรายได้กลับเข้ามาสมทบเป็นรายรับของกองทุนฯ ประกอบกับการกำหนดวัตถุประสงค์ ลักษณะ ขอบเขต และเป้าหมายในการดำเนินงานยังขาดความชัดเจนและมีความซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งไว้แล้ว รวมทั้งการดำเนินการขอจัดตั้งกองทุนฯ ไม่สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการพิจารณาเพิ่มวงเงินกองทุนที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทุนส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กองทุนคุ้มครองเด็ก กองทุนผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยให้ภาคประชาสังคมจัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อขอรับสนับสนุนเงินกองทุนต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
374 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย (นายชีระ วงศบูรณะ) | มท | 02/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายชีระ วงศบูรณะ เป็นผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสีย [ตามมติคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๑] ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้าง และการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง และให้ นายชีระ วงศบูรณะ ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสียในครั้งต่อไป ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
375 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... | คค | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินกิจการรถไฟฟ้าในจังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงข่ายระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดนครราชสีมาเป็นระบบรถไฟฟ้ารางเบา (Street Running Light Rail) เข้าข่ายประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และการดำเนินการตามมาตรการ PPP Fast Track รฟม. จะต้องปฏิบัติตามมาตรา ๔๙ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร และ รฟม.) ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๑ และมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ในส่วนของการจัดลำดับความสำคัญของแนวเส้นทางที่จะดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในจังหวัดนครราชสีมาในระยะแรก โดยให้ประสานกับกระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เพื่อให้การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะสามารถสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
376 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานและกู้เงินระยะสั้นของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | คค | 25/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดตามความเหมาะสม พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้ รฟท. สำหรับการกู้เงิน (๑) เงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ วงเงิน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และ (๒) เงินกู้ระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท กับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒ ถึง ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น ให้ รฟท. เร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมกำกับติดตามการใช้จ่ายเงินกู้ของ รฟท. ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมกำกับติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของ รฟท. อย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
377 | ขอผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2546 เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา - ชุมทางถนนจิระ | คค | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับการผ่อนผันการใช้พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๔๖ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งให้ รฟท. ดำเนินการตามมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและติดตามผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เสนอไว้ในรายงาน EIA (๒) การดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ขอให้ รฟท. คำนึงถึงทิศทางการไหลของน้ำโดยธรรมชาติ โดยการก่อสร้างรถไฟทางคู่ดังกล่าวต้องไม่กีดขวางทิศทางการไหลของน้ำที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และ (๒) การดำเนินโครงการฯ หากมีจุดที่กีดขวางทางน้ำ ขอให้ รฟท. ออกแบบให้มีช่องทางระบายน้ำ โดยกำหนดตำแหน่งและขนาดของช่องระบายน้ำที่เหมาะสม เพียงพอต่อการระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
378 | การพิจารณากำหนดเงินผลประโยชน์ตอบแทนผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ | ทส | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดค่าตอบแทนของผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ ในอัตราคงที่เดือนละ ๒๕๐,๐๐๐ บาท (ตามมติคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ส่วนค่าตอบแทนพิเศษและสิทธิประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
379 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 | ทส | 18/12/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๗ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การดำเนินคดีหมายเลขดำที่ อ.๖๐๔/๒๕๕๖ ระหว่างสมาคมสมัชชาองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ ๑ กับพวก รวม ๓ คน ผู้ฟ้องคดีกับคณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๔ คน ผู้ถูกฟ้องคดี กรณีใช้อำนาจไม่ถูกต้องในการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ ๒. การทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติกรณีรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ๓. ร่างกฎกระทรวงการขอ และการออกใบอนุญาต เป็นผู้มีสิทธิทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๕๑/๔] ๔. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การแต่งตั้ง การพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ การประชุมและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบความผิด [กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามมาตรา ๑๑๐/๑] ๕. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๖. กลไกการปฏิบัติตามพันธกรณีของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ ๗. ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM25 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
380 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ 3/2561 | กค | 26/11/2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑ ประกอบด้วย (๑) การปรับปรุงแนวทางการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการของพนักงานรัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๖๐ (๒) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของรัฐวิสาหกิจ และ (๓) การแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ ๖ แห่ง ได้แก่ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในคราวประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเสนอ
|