ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 15 จากทั้งหมด 252 หน้า แสดงรายการที่ 281 - 300 จากข้อมูลทั้งหมด 5031 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
281 | รายงานผลการดำเนินงานการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยของคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) | นร.01 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย
ระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ตามที่คณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม
หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กระทรวงสาธารณสุข จำนวนไม่เกินวันละ ๑,๘๐๐,๐๐๐ ชิ้น
และจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กระทรวงมหาดไทย จำนวนไม่เกินวันละ ๑,๒๐๐,๐๐๐ ชิ้น ๒.
การกระจายหน้ากากอนามัย โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ให้ ๓ หน่วยงาน ได้แก่
จัดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข จำนวนสะสมรวม ๑๘๕,๔๐๙,๗๐๐ ชิ้น
เพื่อกระจายต่อให้กับสถานพยาบาลต่าง ๆ และบุคลากรทางการแพทย์ จัดส่งให้กระทรวงมหาดไทย
จำนวนสะสมรวม ๙๒,๙๓๓,๘๐๐ ชิ้น
เพื่อส่งให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดกระจายลงไปยังกลุ่มเสี่ยง เช่น
อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน พนักงานทำความสะอาดและเก็บขยะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร
ตำรวจ ในพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-๑๙ และจัดส่งให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกองทัพไทย
จำนวนสะสมรวม ๒,๘๑๘,๐๐๐ ชิ้น เพื่อใช้สำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ณ
จุดตรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน ๓ เหล่าทัพ ๓. การนำเข้าหน้ากากอนามัย
กรมศุลกากรรายงานการนำเข้าตั้งแต่เดือนมกราคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๔ ประเภท
ได้แก่ หน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด หน้ากากกรองฝุ่น หมอกควัน หรือสารพิษ
อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย หน้ากากทางการแพทย์ นอกจากหน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด
และอื่น ๆ (หน้ากากผ้า) มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๖๙,๒๐๘,๕๕๑ ชิ้น ๔.
การส่งออกหน้ากากอนามัยไปนอกราชอาณาจักร
กรมศุลกากรรายงานการส่งออกตั้งแต่เดือนมกราคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๔ ประเภท
ได้แก่ หน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด หน้ากากกรองฝุ่น หมอกควัน หรือสารพิษ
อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย หน้ากากทางการแพทย์ นอกจากหน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด
และอื่น ๆ (หน้ากากผ้าลิขสิทธิ์) มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๑๐,๘๕๔,๑๐๑ ชิ้น ๕.
การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศ คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ
มีมติรับทราบสถานการณ์เกี่ยวกับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศ เช่น
ด้านการผลิต มีผู้ผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นจาก ๙ ราย เป็น ๒๙ ราย (๓๐ โรงงาน)
ทำให้กำลังการผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นเป็น ๔,๕๐๐,๐๐๐ ชิ้นต่อวัน
และการกำหนดราคากลางในการจัดซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ ๔.๑๒ บาท/ชิ้น (เดิม
๔.๒๘ บาท/ชิ้น) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
และเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ในระยะต่อไป เช่น
การบริหารจัดการกลุ่มเสี่ยง ๓ กลุ่ม คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอื่น มีความต้องการประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ ชิ้นต่อวัน
และการบริหารจัดการและการกระจายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศในระยะต่อไป
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
มติคณะอนุกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) มติคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
282 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่ประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเสนอ
ดังนี้ ๑.
ที่ประชุมรับทราบการแก้ไขปัญหาแรงงานในอุตสาหกรรมสับปะรดของกระทรวงแรงงาน
ในประเด็นการจ่ายค่าจ้างแก่แรงงานต่างด้าวตามระยะเวลาที่โรงงานอุตสาหกรรมสับปะรดเปิดดำเนินการผลิตจริง
(ปีละ ๙ เดือน) แทนการจ่ายค่าจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานที่ทำไว้ตลอดปี
และมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดปรับปรุงบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างงานสำหรับแรงงานต่างด้าวให้รองรับแรงงานในอุตสาหกรรมสินค้าเกษตรต่อเนื่อง
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ๒.
ที่ประชุมรับทราบสถานการณ์สับปะรดปี ๒๕๖๓ และรับทราบผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์สับปะรดปี
๒๕๖๒ และแผนการดำเนินงานในปี ๒๕๖๓ ประกอบด้วย ด้านการผลิต ด้านการแปรรูป และด้านการตลาด
และมอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรที่ประสงค์จะตรวจรับรองแปลงมาขึ้นทะเบียน
รวมทั้งให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการวิจัยสับปะรดของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเพชรบุรีในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ๓.
ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับปรุงยุทธศาสตร์สับปะรดปี ๒๕๖๐-๒๕๖๙
เป็นแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕
โดยให้เพิ่มเติมผู้แทนสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ เป็นองค์ประกอบคณะอนุกรรมการ
พร้อมยกร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนปฏิบัติการด้านสับปะรด พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เสนอประธานกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติเพื่อลงนามต่อไป
๔. ที่ประชุมเห็นชอบหลักการบริหารจัดการผลผลิตสับปะรดที่สอดคล้องกับนโยบาย
“การตลาดนำการผลิต”
โดยหน่วยงานภายใต้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติร่วมกับคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัดบริหารจัดทำข้อมูลการผลิต
การตลาด และแผนบริหารผลผลิตสับปะรดในช่วงปกติและช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก
โดยคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัดบริหารจัดการแบบเบ็ดเสร็จภายในจังหวัด
ส่วนจังหวัดที่ไม่สามารถดำเนินการได้ให้คณะกรรมการนโยบายและพัฒนาสับปะรดแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของจังหวัดต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
283 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 15/2563 | นร.11 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณาแผนงานหรือโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
(แผนงานหรือโครงการที่ ๓) ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ
และพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอโครงการขององค์กรภาคประชาชน
ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
ทั้งนี้
กรณีแผนงานหรือโครงการที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้พิจารณาในครั้งนี้และในครั้งต่อ
ๆ ไป ที่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
เห็นชอบให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหือจำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ นอกจากนี้ ในส่วนของแนวทางการจัดสรรงบประมาณ
(เงินกู้) ให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอโครงการองค์กรภาคประชาชน
รวมทั้งแนวทางการใช้จ่ายเงินกู้ให้มีประสิทธิภาพ มีความคุ้มค่า
และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
ก็ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วย ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
284 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 13/2563 | นร.11 | 04/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการของจังหวัดที่มีหน่วยรับผิดชอบอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และโครงการของส่วนราชการสังกัดกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพลังงานเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั้งนี้
ในส่วนของโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัด รวมทั้งสิ้น
๕๗ จังหวัด ๑๕๗ โครงการ กรอบวงเงิน ๘๘๔,๖๒๕,๐๖๘ บาท ให้จังหวัดใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
โดยให้ดำเนินการตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับโครงการก่อสร้างกำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติและโครงการติดตั้งหลักนำทางยางธรรมชาติเพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน
วงเงินรวม ๔๐,๑๗๙.๔๖ ล้านบาท
โดยหากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ก็เห็นสมควรที่กระทรวงคมนาคมจะดำเนินการในพื้นที่เกาะกลางที่มีความเสี่ยงหรือมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
ในลักษณะโครงการนำร่อง โดยการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
พ.ศ. ๒๕๖๓ จากรายการที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และ/หรือมีเงินเหลือจ่ายจากการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ มาดำเนินโครงการดังกล่าว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ
มีความโปร่งใสที่แสดงถึงความรับผิดชอบของหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
285 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ | นร.12 | 29/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
จำนวน ๑๐ คน ตามมติคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ (ด้านการเงินการคลัง) ๒. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล (ด้านเศรษฐศาสตร์) ๓. นายนรชิต สิงหเสนี (ด้านรัฐศาสตร์) ๔. นายไมตรี อินทุสุต (ด้านรัฐศาสตร์) ๕. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ (ด้านนิติศาสตร์) ๖. นายปกรณ์
นิลประพันธ์ (ด้านนิติศาสตร์) ๗. ศาสตราจารย์พิเศษทศพร ศิริสัมพันธ์ (ด้านบริหารรัฐกิจ) ๘. นายประเสริฐ
บุญสัมพันธ์ (ด้านบริหารธุรกิจ) ๙ หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล (ด้านจิตวิทยาองค์การ) ๑๐. นายบัณฑูร
เศรษฐศิโรตม์ (ด้านสังคมวิทยา)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
286 | ขอความเห็นชอบต่อการตอบรับคำเชิญผูกพันต่อกรรมสารของ CECD Council ที่เกี่ยวกับการยอมรับร่วมของข้อมูลเรื่องการประเมินสารเคมี | สธ | 21/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการตอบรับคำเชิญผูกพันต่อกรรมสารของ OECD Council ที่เกี่ยวกับการยอมรับร่วมของข้อมูลเรื่องการประเมินสารเคมี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยควรพิจารณาประเด็นกฎหมาย กฎระเบียบในปัจจุบันว่าสามารถดำเนินการและยอมรับข้อมูลจากประเทศภาคี OECD มาใช้ในประเทศได้หรือไม่ รวมทั้งการนำมาตรฐานขององค์การระหว่างประเทศอื่น มาใช้หรือยึดโยงในบริบทของไทยในหลายเรื่อง จะต้องมีการเลือกสรรโดยมุ่งประโยชน์สูงสุดที่ไทยจะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) เร่งจัดทำแผนการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องทดสอบความปลอดภัยที่ไม่ได้ทดลองในคนตามหลักปฏิบัติที่ดีของห้องปฏิบัติการของ OECD และรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติทราบ ตามมติคณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๘-๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ เพื่อรองรับการเข้าร่วมผูกพันต่อกรรมสารของ OECD Council ของไทยในครั้งนี้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
287 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | คค | 21/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข เป็นผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๓๘๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทยในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๘/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ลาออกจากการเป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
288 | แต่งตั้งและกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย | กษ | 14/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท เป็นผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๑๔๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ลาออกจากการเป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
289 | การพิจารณาแต่งตั้งผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ | พม | 08/07/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ เป็นผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่เดือนละ ๓๓๐,๐๐๐ บาท ค่าตอบแทนผันแปรไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของผลตอบแทนรวมในแต่ละปี และร่างสัญญาจ้างผู้บริหารพร้อมสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติจะได้รับ ตามมติคณะกรรมการการเคหะแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารขององค์การมหาชนก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
290 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๖๓ จำนวน ๕๑ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
291 | การแต่งตั้งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 23/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ ๖๙๐,๐๐๐ บาท [ตามมติคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ (วาระลับ) เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓] ซึ่งกระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
292 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 | ดศ | 16/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๓ โดยมีเรื่องสำคัญ เช่น ประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง แผนการบริหารสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม (พ.ศ. ๒๕๖๓) แนวทางการบริหารจัดการทรัพย์สินหลังสิ้นสุดสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ และ (ร่าง) แนวปฏิบัติการรับจดแจ้งวัตถุอวกาศ เป็นต้น ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
293 | ของดการจัดสรรเงินส่งเข้ากองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 | อก | 09/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติของดการจัดสรรเงินเข้ากองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามมาตรา ๒๙ แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ ในทุกฤดูการผลิต เป็นการชั่วคราวจนกว่าการแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ จะแล้วเสร็จ ตามมติคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์ เช่น ควรมีการติดตามและรายงานผลการดำเนินการของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ และพิจารณาเร่งรัดการเพิ่มผลิตภาพการผลิตอ้อยให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยสามารถเพิ่มผลผลิตและมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาผลิตผลเกษตรกรรมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
294 | ข้อเสนอในการปรับปรุงการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล และแนวปฏิบัติในการรับ-ส่งหนังสือราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคล | นร12 | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงเพื่อการพัฒนาระบบการออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล และแนวปฏิบัติในการรับ-ส่งหนังสือราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคล ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น (๑) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการ MailGoThai ควรบริหารจัดการให้เนื้อที่ในการจัดเก็บข้อมูล ความเร็วของระบบ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลให้เกิดความเหมาะสมรองรับการปฏิบัติงานได้อย่างเพียงพอและมีประสิทธิภาพ และ (๒) หน่วยงานหลักควรพิจารณาถึงการใช้งบประมาณและทรัพยากรในการดำเนินการ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และทำความเข้าใจในการขับเคลื่อนให้เกิดเอกภาพ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งควรพิจารณาถึงการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และข้อมูลสำคัญของภาครัฐเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง มาตรการอำนวยความสะดวกและลดภาระแก่ประชาชน (การไม่เรียกสำเนาเอกสารที่ทางราชการออกให้จากประชาชน)] เมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การออกเอกสารหลักฐานของทางราชการผ่านระบบดิจิทัล) และเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การพัฒนาระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์กลางเพื่อการสื่อสารในภาครัฐ) ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายและระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเป็นรูปธรรม ๓. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๓.๑ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) กำหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ส่วนราชการต่าง ๆ ติดต่อราชการระหว่างกันด้วยการรับ-ส่งหนังสือราชการทางระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๓.๒ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักพิจารณาร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการออกใบอนุมัติ ใบอนุญาตผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มการอำนวยความสะดวกในการให้บริการแก่ประชาชนในการติดต่อขอใบอนุมัติใบอนุญาตประเภทต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
295 | การแต่งตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร | นร01 | 02/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จำนวน ๓๙ คน ตามมติคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๓ เนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
296 | มติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 | ดศ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) วาระเพื่อทราบ จำนวน ๗ เรื่อง เช่น ร่างแผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๘๐ (National Space Master Plan 2020-2037) ร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... และร่างประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติในการให้บริการในประเทศ เป็นต้น และ (๒) วาระเพื่อพิจารณา จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อจัดทำนโยบายและแผนการดำเนินการเฝ้าระวังและบริหารจัดการการจราจรทางอวกาศ (Space Situational Awareness and Space Traffic Management) ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับ (๑) การจัดทำกฎหมายว่าด้วยกิจการอวกาศ ควรดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายโดยเคร่งครัด (๒) การพิจารณาจำแนกบทบาท ภารกิจของสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติในเรื่องการกำกับ ควบคุม ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนากิจการอวกาศ ทั้งในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การรักษาสิ่งแวดล้อม และด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการอวกาศ ให้เป็นไปตามกฎหมาย นโยบาย และแผนกิจการอวกาศให้ชัดเจน เพื่อมิให้ทับซ้อนกับหน่วยงานอื่นที่ดำเนินภารกิจเกี่ยวกับกิจการอวกาศอยู่แล้ว และ (๓) การขอจัดตั้งสำนักงานกำกับกิจการอวกาศแห่งชาติ ต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เรื่อง การขอจัดตั้งหน่วยงานตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการจัดตั้งหน่วยงาน ตลอดจนไม่เป็นภาระงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
297 | การขอรับจัดสรรงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2562/63 (เพิ่มเติม) | พณ | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบประมาณการวงเงินชดเชยส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ และอนุมัติการจัดสรรงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๒/๖๓ เพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๓ โดยอนุมัติในส่วนที่ขาดอยู่ จำนวน ๔๕๔,๒๙๒,๔๓๑.๑๘ บาท ประกอบด้วย วงเงินที่จ่ายให้เกษตรกร จำนวน ๔๔๘,๒๒๖,๖๖๖.๙๗ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๖,๐๖๕,๗๖๔.๒๑ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น ให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนวางแผนการปรับโครงสร้างภาคเกษตรเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่เข้มแข็งในระยะยาว โดยการจัดการฟาร์มแบบแปลงใหญ่ การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาจัดการการผลิตและการจัดการด้านการตลาด ตลอดจนการเชื่อมโยงไปสู่อุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เพื่อเพิ่มการใช้ภายในประเทศที่สามารถนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและมีโอกาสเปิดตลาดการส่งออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกในการส่งออกนอกเหนือจากจีนไปสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
298 | มาตรการเยียวยาช่วยเหลือคนพิการในช่วงภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | พม | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการเยียวยาช่วยเหลือคนพิการในช่วงภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามมติคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. รับทราบการช่วยเหลือคนพิการผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) คนละ ๑,๐๐๐ บาท จำนวนหนึ่งครั้ง โดยใช้จ่ายจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบฐานข้อมูลของคนพิการผู้ได้รับผลกระทบตามมาตรการในครั้งนี้ และมาตรการอื่น ๆ ของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยการเชื่อมโยงฐานข้อมูลจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก เป็นสำคัญ เพื่อลดความซ้ำซ้อน และถูกต้องครบถ้วนตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนด และเพื่อไม่ให้เกิดภาระทางการคลังและงบประมาณในอนาคตมากเกินสมควรด้วยไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบในหลักการให้ปรับสวัสดิการเบี้ยความพิการของคนพิการที่มีอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี และมีบัตรประจำตัวผู้พิการ จากเดิมที่ได้รับ ๘๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน เป็น ๑,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ทั้งนี้ งบประมาณค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
299 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2563 | นร11 | 28/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ซี่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกระทรวงการคลัง โดยในส่วนของโครงการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของกระทรวงการคลัง เป็นการขยายจำนวนผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิในโครงการดังกล่าว จากเดิม ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๓ [เรื่อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ครั้งที่ ๒] เห็นชอบไว้ ๑๔ ล้านราย ในกรอบวงเงิน จำนวน ๒๑๐,๐๐๐ ล้านบาท เป็น จำนวน ๑๖ ล้านราย ในกรอบวงเงิน ๒๔๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้ แหล่งเงินที่จะนำไปใช้จ่ายและเบิกจ่ายเพื่อการข้างต้น ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำประมาณการความต้องการใช้จ่ายเป็นรายเดือน เพื่อให้การกู้เงินเพื่อใช้จ่ายโครงการเป็นการกู้เงินตามความจำเป็นและเงื่อนเวลาสอดคล้องกับแนวทางการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยคำนึงถึงต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
300 | โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 | กค | 21/04/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ซึ่งเป็นการดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๒ ภายใต้วงเงินงบประมาณจำนวน ๒,๙๑๐.๓๙ ล้านบาท โดยใช้เงินงบประมาณคงเหลือในส่วนที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้เบิกจ่ายจากสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการฯ ในปีการผลิต ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐๖.๖๑ ล้านบาท และเสนอของบประมาณเพิ่มเติม จำนวน ๒,๘๐๓.๗๘ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแทนรัฐบาลในส่วนของงบประมาณเพิ่มเติม ๒,๘๐๓.๗๘ ล้านบาท และเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริงพร้อมด้วยอัตราต้นทุนเงิน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน ธ.ก.ส. บวกร้อยละ ๑ ในปีงบประมาณถัดไปให้กับ ธ.ก.ส. ซึ่งคิดเป็นจำนวนเงินรวม ๒,๙๘๐.๒๔ ล้านบาท ๑.๓ มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการขายกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๓ ให้ได้ตามเป้าหมายและตามกำหนดเวลาการเอาประกันภัยของเกษตรกร ทั้งในส่วนที่ ๑ และส่วนที่ ๒ (Tier 1 และ Tier 2) พร้อมทั้งให้ ธ.ก.ส. บริหารจัดการความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับหลักการประกันภัย และร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัยไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯ รวมทั้งให้ความรู้ด้านการประกันภัยแก่เกษตรกรและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในความสำคัญของการประกันภัย ๑.๔ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประสานงานกับ ธ.ก.ส. และสมาคมประกันวินาศภัยไทยดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารทะเบียนเกษตรกร แบบประมวลรวบรวมความเสียหายและการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย (แบบ กษ ๐๒) และแบบรายงานข้อมูลความเสียหายจริงของเกษตรกร (แบบ กษ ๐๒ เพื่อการประกันภัย) ตลอดจนดำเนินการเพื่อให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อรองรับการเพิ่มพื้นที่เป้าหมาย และรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น พร้อมทั้งให้กรมส่งเสริมการเกษตรเก็บข้อมูลพื้นที่ประสบภัย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๕ มอบหมายให้สมาคมประกันวินาศภัยไทยพิจารณากำหนดรูปแบบการประเมินความเสียหายแก่เกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่มิได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ร่วมกับ ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ๑.๖ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์ของการรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้แล้วเสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยในปีการผลิต ๒๕๖๓ ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๖๓ ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลัง ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการหารือเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินในการดำเนินการ ซึ่งจะต้องไม่เกินสัดส่วนตามประกาศของคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ รวมทั้งการศึกษาต้นทุนการประกันภัยที่สะท้อนความเสี่ยงจริง ตลอดจนการพิจารณานำข้อมูลความเสี่ยงภาคเกษตรอื่น ๆ อาทิ ข้อมูลสภาพอากาศ ข้อมูลความเสี่ยงการเกิดภัยแล้งและน้ำท่วม มาใช้ประกอบการคิดอัตราเบี้ยประกันภัยและการพัฒนาระบบการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างยั่งยืนไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปีในปีต่อไป ให้กระทรวงการคลังรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๓.๑ ให้พิจารณาปรับปรุงแนวทางการดำเนินโครงการฯ ทั้งในส่วนของการรับประกันภัยพื้นฐาน (Tier 1) และการรับประกันภัยภาคสมัครใจ (Tier 2) รวมถึงการส่งเสริมให้ ธ.ก.ส. ร่วมจ่ายเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นตามความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ และการประเมินและศึกษาแนวทางการปรับลดสัดส่วนการอุดหนุนของภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกันภัยตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๓.๒ ให้เร่งดำเนินการนำเสนอโครงการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว ก่อนเริ่มฤดูกาลเพาะปลูก เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการฯ อย่างทั่วถึงและได้รับการคุ้มครองตลอดระยะเวลาการเพาะปลูกข้าวนาปีทั้งฤดูการผลิต ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๑ (เรื่อง โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๐ และเรื่อง โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๖๑)
|