ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 999 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 19961 - 19980 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19961 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งบริษัทจำกัดคนเดียว พ.ศ. .... | พณ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติการจัดตั้งบริษัทจำกัดคนเดียว พ.ศ. .... เพื่อนำไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19962 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... | พน | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น โดยโอนภารกิจมาจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ ๔/๒๕๔๗ เรื่อง กำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๗ และโอนภารกิจหน้าที่ของสถาบันบริหารกองทุนพลังงานตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในบทบาท อำนาจหน้าที่และการใช้ประโยชน์ของเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเกี่ยวกับการให้อำนาจสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้ยืมเงิน การกำหนดวัตถุประสงค์ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นเพื่อนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม และควรมีช่องทางให้สามารถนำงบประมาณจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนหนึ่งมาใช้สนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพสูง รวมทั้งโครงสร้างของคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และการกำหนดเพดานฐานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขั้นสูงสุดและต่ำสุด เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ สำหรับการจัดตั้งสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้กระทรวงพลังงานดำเนินการตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วแจ้งผลการดำเนินการไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเกี่ยวกับความซ้ำซ้อนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานของกระทรวงพลังงาน การบูรณาการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพลังงาน ความไม่สอดคล้องกับแนวทางการขอจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ และเห็นควรกำหนดให้จัดตั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในสำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง การกำหนดกลไกการกลั่นกรองการลงทุนของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และการวางแผนกรอบอัตรากำลังเจ้าหน้าที่และอัตราผลตอบแทน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19963 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติการลงนามใน MoU โครงการ Implementing the Strategic Action Programme (SAP) for the South China Sea | ทส | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจในกลุ่มประเทศแถบทะเลจีนใต้เกี่ยวกับการประสานงานการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์สำหรับทะเลจีนใต้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเป็นการจัดทำความตกลงในระดับหน่วยงานมิใช่ระดับรัฐและไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของประเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ ควรมีการประสานกับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาที่มีการดำเนินงานวิจัยเกี่ยวข้องกับทรัพยากรชีวภาพชายฝั่งทะเลรวมถึงเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ เพื่อประสานและเสริมการทำงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งควรมีการเตรียมการรองรับการดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ทั้งในประเด็นการแบ่งมอบหน่วยงานรับผิดชอบและการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19964 | การแสดงความจำนงเพื่อเริ่มกระบวนการเตรียมการจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย | พณ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแสดงความจำนงเพื่อเริ่มกระบวนการเตรียมการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement : FTA) กับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union : EAEU) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยประเทศสมาชิกมีการดำเนินนโยบายการค้าเสรีภายในกลุ่มและกำหนดการค้าต่อประเทศนอกกลุ่มร่วมกัน ปัจจุบันมีสมาชิก ๕ ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย คาซัคสถาน เบลารุส อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน โดยประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการผ่านช่องทางการทูต ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าเมื่อไทยได้แสดงความจำนงในการจัดทำ FTA กับ EAEU แล้ว ควรติดตามผลการพิจารณากับคณะกรรมการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Commission : EEC) อย่างใกล้ชิดเพื่อให้กระบวนการเตรียมการจัดทำเป็นไปตามกรอบเวลาที่วางไว้ รวมทั้งคณะทำงานที่ฝ่ายไทยจะจัดตั้งขึ้นเพื่อศึกษาร่วมกับฝ่าย EEC ควรประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญสูงเกี่ยวกับกลุ่มประเทศ เพื่อให้การศึกษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสะท้อนผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับอย่างแท้จริง ตลอดจนควรทบทวนผลการศึกษาเรื่องการจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับสหภาพศุลกากรรัสเซีย คาซัคสถาน และเบลารุส ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแข่งขันทางการค้าในปัจจุบันที่ความต้องการสินค้าและบริการมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ในขั้นของการเจรจาควรให้ความสำคัญกับความร่วมมือในมิติอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอำนวยความสะดวกทางการค้า ความร่วมมือทางวิชาการ ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศภายใต้กรอบการเจรจาดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19965 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พร้อมขออนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป (โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำในถนนสายหลักพื้นที่กรุงเทพมหานคร) | มท | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำในถนนสายหลักพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑๑ โครงการ เป็นเงิน ๒,๒๐๘,๗๙๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี (ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐) รวมทั้งจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป เป็นเงิน ๔๔๑,๗๕๘,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กรุงเทพมหานครเร่งรัดการดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน ตลอดจนจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป และรายละเอียดประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วน ก่อนขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ สำหรับงบประมาณส่วนที่เหลือ จำนวน ๑,๗๖๗,๐๓๒,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป โดยให้อยู่นอกกรอบวงเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้แก่กรุงเทพมหานคร และให้นับรวมอยู่ในสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ก่อนการดำเนินโครงการฯ กรุงเทพมหานครควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดแก่ประชาชนที่สัญจรไปมา รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดกับการจราจรในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ กรุงเทพมหานครต้องเตรียมการจัดสรรงบประมาณสำหรับการบริหารจัดการระบบระบายน้ำให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19966 | ขอความเห็นชอบแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 - 2567) และขออนุมัติการดำเนินโครงการอาคารพักอาศัยแปลง G ของการเคหะแห่งชาติ | พม | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗) โดยการเคหะแห่งชาติใช้ประโยชน์พื้นที่ในชุมชนดินแดง ประมาณ ๒๐๗ ไร่ เป็นที่ดินของการเคหะแห่งชาติ ประมาณ ๑๙.๕ ไร่ และดำเนินการบนพื้นที่ราชพัสดุซึ่งใช้ในการพัฒนาโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงประมาณ ๑๘๗.๕๓ ไร่ ๒. เห็นชอบในหลักการกรอบแผนการลงทุนพัฒนาพื้นที่ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗) วงเงิน ๓๕,๗๕๔.๒๕ ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินกู้ภายในประเทศ และอนุมัติการดำเนินโครงการอาคารพักอาศัย แปลง G วงเงิน ๔๖๐.๕๓ ล้านบาท โดยรัฐบาลสนับสนุนการชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ ๒.๑๕ ต่อปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รับความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และกรุงเทพมหานคร ที่เห็นควรให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้การดำเนินโครงการเกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อชุมชน เช่น การพิจารณาให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ การพิสูจน์สิทธิและเงื่อนไขการชดเชยสิทธิเช่าของผู้อยู่อาศัยเดิม เพื่อป้องกันการขายสิทธิต่อและการเช่าช่วง รวมถึงการกำหนดพื้นที่เช่าเชิงพาณิชย์และเชิงสังคมให้มีความเหมาะสม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๔. เห็นชอบในหลักการการจ่ายค่าชดเชยสิทธิในการเช่าและการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าขนย้ายสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่เป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ ส่วนอัตราการจ่ายให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ โดยการจ่ายค่าชดเชยสิทธิในการเช่าสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่เป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติที่ประสงค์จะย้ายออกจากโครงการ จะจ่ายเป็นเงินชดเชยสิทธิหน่วยละ ๔๐๐,๐๐๐ บาท และจ่ายเงินช่วยเหลือค่าขนย้ายสำหรับผู้อยู่อาศัยเดิมที่เป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ หน่วยละ ๑๐,๐๐๐ บาท ๕. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ (เรื่อง ขออนุมัติแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่และฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง) เฉพาะประเด็นข้อ ๕.๗ ที่กำหนดให้ต้องมีการจัดสรรพื้นที่ในพื้นที่เชิงพาณิชย์จำนวนหนึ่งเพื่อให้สิทธิผู้อยู่อาศัยเดิมได้เช่าเป็นอันดับแรกในอัตราค่าเช่าพิเศษ โดยไม่มีการโอนสิทธิหรือกิจการไปให้อีกคนหนึ่งโดยได้ค่าตอบแทน (ค่าเซ้ง)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19967 | ขอความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. 2560 - 2564 | สธ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ เป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพื่อเป็นกรอบการทำงานให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในการร่วมแก้ปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพ มีทิศทางการดำเนินการภายใต้ฟวิสัยทัศน์ “การป่วย การตาย และการสูญเสียทางเศรษฐกิจจากเชื้อดื้อยาลดลง” ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ คือ (๑) การเฝ้าระวังการดื้อยาต้านจุลชีพภายใต้แนวคิดสุขภาพหนึ่งเดียว (๒) การควบคุมการกระจายยาต้านจุลชีพในภาพรวมของประเทศ (๓) การป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในสถานพยาบาล และควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม (๔) การป้องกันและควบคุมเชื้อดื้อยา และควบคุมกำกับดูแลการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสมในภาคการเกษตรและสัตว์เลี้ยง (๕) การเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพเรื่องเชื้อดื้อยาและยาต้านจุลชีพแก่ประชาชน และ (๖) การบริหารและพัฒนากลไกระดับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนงานด้านการดื้อยาต้านจุลชีพอย่างยั่งยืน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง รับไปดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรนำแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป สำหรับกลยุทธ์ภายใต้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพเรื่องเชื้อดื้อยาและยาต้านจุลชีพแก่ประชาชน ควรพิจารณาให้ครอบคลุมประเด็นการสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนในด้านการโฆษณาผ่านสื่อต่าง ๆ การส่งเสริมการขายยาต้านจุลชีพที่สอดคล้องกับเกณฑ์จริยธรรมว่าด้วยการส่งเสริมการขายยา และการจัดระบบติดตามและเฝ้าระวังการส่งเสริมการขายยาต้านจุลชีพที่มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีพฤติกรรมการใช้ยาต้านจุลชีพอย่างเหมาะสม รวมทั้งในขั้นตอนการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดการดำเนินงานที่มีเป้าหมายร่วมกันระหว่างหน่วยงาน (Joint KPI) และจัดทำแผนงาน/โครงการที่ใช้งบประมาณในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้การดำเนินการเกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมและลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19968 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) โดยกำหนดให้เกษตรกรผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ และมีคุณสมบัติอื่น ๆ ตามแผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ (ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนฯ ดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) และให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มเติม โดยจะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในฤดูการเพาะปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ๒. ให้คณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการและพิจารณากลั่นกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงการคลัง (โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โคเนื้อ แพะ การทำนาหญ้า และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น) โดยเกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ๓. ในกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ควรร่วมกันบูรณาการการพัฒนา Agri-Map เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเชิงนโยบายในระดับพื้นที่ให้มีความชัดเจนมากขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรมหรือโซนนิ่งเกษตร ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19969 | ขออนุมัติระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในการดูแลของรัฐ | พณ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในสต็อกของรัฐบาล ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ดังนี้ ๑.๑ กรณีผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดให้เปิดประมูลขายเป็นการทั่วไป ๑.๒ กรณีผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ให้ระบายโดยมีเงื่อนไขไม่ให้นำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังดังกล่าวเข้าสู่ระบบการตลาดและการค้าปกติ เพื่อการบริโภคของคนหรือสัตว์ทุกรูปแบบ รวมถึงไม่นำไปปรับปรุงสภาพเพื่อการส่งออก โดยองค์การคลังสินค้าจะต้องมีมาตรการควบคุมการขนย้ายและการนำไปใช้อย่างเคร่งครัดเพื่อมิให้รั่วไหลและเกิดผลกระทบต่อตลาดและการค้าปกติ สำหรับรายละเอียดในการระบายฯ ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการตามแนวทางการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังดังกล่าวโดยเคร่งครัด รอบคอบ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ และให้กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19970 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) | กษ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ โครงการ ประกอบด้วย (๑) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ (๒) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ (๓) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ (๔) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการทำนาหญ้า และ (๕) โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรอนุมัติให้ดำเนินการในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๕,๕๙๗,๓๔๐,๐๐๐ บาท จำแนกเป็นวงเงินสินเชื่อภายในกรอบวงเงิน ๑๐,๖๘๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยภาครัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ไม่รวมเงินต้น ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๑,๕๐๐,๒๙๔,๐๐๐ บาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามรายจ่ายที่เกิดขึ้นจริง และค่าใช้จ่ายของโครงการ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๔๑๑,๐๔๖,๐๐๐ บาท กรณีค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือปัจจัยการผลิต การจัดทำระบบน้ำ และการปรับปรุงพื้นที่ ภายในกรอบวงเงิน ๓,๑๓๒,๐๙๖,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากเงินทุน ธ.ก.ส. โดยรัฐชดเชยเงินต้นและต้นทุนเงินในอัตรา FDR+1 ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ภายในกรอบวงเงินไม่เกิน ๒๗๘,๙๕๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นสำหรับที่จะใช้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยให้จัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีในโอกาสแรกก่อน หรือเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอว่า มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต (เพิ่มเติม) เป็นการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามนโยบายของรัฐบาล จึงเห็นควรให้ ธ.ก.ส. แยกบัญชีสินเชื่อตามโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อ โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงแพะ และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการทำนาหญ้า เป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล (Public Service Account : PSA) และให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสำรวจพื้นที่เป้าหมายของโครงการ (พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว-N) และจำนวนเกษตรกรที่ยังไม่ได้ปลูกข้าวซึ่งมีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการให้ชัดเจน การคำนึงถึงวิธีการและเงื่อนไขของโครงการเพื่อที่จะให้เกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมมาเป็นการส่งเสริมอาชีพด้านปศุสัตว์สามารถมีรายได้เลี้ยงตนเองได้ในขณะเข้าร่วมโครงการและสามารถลดพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมได้ตามวัตถุประสงค์ของโครงการไปพร้อมกัน การจัดทำนโยบายแผนความต้องการการบริโภคสินค้าปศุสัตว์เป็นรายชนิดสัตว์และพืชอาหารสัตว์เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร การกำหนดจำนวนพื้นที่กรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดินของเกษตรกรที่เหมาะสมกับการปรับเปลี่ยนอาชีพด้านปศุสัตว์เพื่อให้เกษตรกรมีพื้นที่คงเหลือเพื่อการประกอบอาชีพอื่น ๆ ควบคู่ไปได้ในระหว่างการเลี้ยงปศุสัตว์ การสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชทางเลือกอื่นตามแนวทางและหลักการของการกำหนดพื้นที่ที่เหมาะสมในการทำเกษตรกรรมทั้งในส่วนของ Zoning และ Agi-Map การจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย ผลการสำรวจจำนวนเป้าหมายเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ดำเนินการที่จะเข้าร่วมโครงการจริงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด การติดตามประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ทราบถึงปัญหาอุปสรรค ผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์ และความคุ้มค่าของโครงการ รวมทั้งการให้ความสำคัญในประเด็นการคัดเลือกกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และการจัดทำแผนการตลาดหรือการเชื่อมโยงการผลิตกับตลาดเพื่อรองรับผลผลิตที่ชัดเจนและแน่นอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามแนวทางข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ ด้านเศรษฐกิจ ที่ให้คณะกรรมการบริหารระดับพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรให้ชัดเจนเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเข้าร่วมโครงการและพิจารณากลั่นกรองเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรของกระทรวงการคลัง (โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐) และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (โครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนาไม่เหมาะสมเพื่อส่งเสริมการเลี้ยงกระบือ โคเนื้อ แพะ การทำนาหญ้า และโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวไม่เหมาะสมเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น) โดยเกษตรกรจะต้องเลือกใช้สิทธิ์เข้าร่วมในโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ๕. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19971 | สรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๗-๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการลงนามเอกสารความตกลง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) บันทึกแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่างจังหวัดอุดรธานี และหนองคาย (๒) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงมหาสมุทรและประมงแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และ (๓) ข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมการควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในผลิตภัณฑ์ประมงนำเข้าและส่งออกระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงมหาสมุทรและประมงแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ๒. การหารือทวิภาคีความร่วมมือด้านการเกษตร การประมง และการชลประทาน ได้แก่ (๑) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบท ในประเด็นการผลักดันให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี และการติดตามความก้าวหน้าการพิจารณาเปิดตลาดไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง และมะม่วงพันธุ์มหาชนกของไทยไปสาธารณรัฐเกาหลี (๒) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม ในประเด็นการแต่งตั้งคณะทำงานร่วมด้านเทคนิค เพื่อหารือแนวทางการดำเนินการตามบันทึกแสดงเจตจำนงฯ สำหรับความร่วมมือโครงการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่างจังหวัดอุดรธานี และหนองคาย ต่อไป และ (๓) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาสมุทรและประมง ในประเด็นดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ และบันทึกข้อตกลงการยอมรับร่วมฯ ที่ได้ลงนามกันในครั้งนี้ นอกจากนี้ ได้ขอให้สาธารณรัฐเกาหลีสนับสนุนการแลกเปลี่ยนทางวิชาการในด้านมาตรฐานการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ด้านการแปรรูป และการตลาดสินค้าประมง รวมทั้งด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบการเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเล และหอยทะเล ๓. การเยี่ยมชมศูนย์การบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการของบริษัท K-Water ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดูแลการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรของสาธารณรัฐเกาหลี โดยเฉพาะระบบการควบคุมอุทกภัย การจัดสรรน้ำทั่วทั้งสาธารณรัฐเกาหลี รวมถึงการบูรณาการหาน้ำต้นทุนมาเสริมให้พื้นที่น้ำน้อย และเยี่ยมชมตลาดสินค้าเกษตรฮานาโร ซึ่งมีจุดเด่น คือ มีการซื้อขายสินค้าเกษตรที่ไม่ผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง โดยรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงเพื่อจำหน่ายให้กับผู้บริโภค |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19972 | ขออนุมัติกรอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย - ภูฏาน ครั้งที่ 1 (The First Meeting of Joint Trade Committee between Thailand and Bhutan) | พณ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการกรอบท่าทีไทยในการหารือกับราชอาณาจักรภูฏาน ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือในระดับภูมิภาค และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า ไทย-ภูฏาน [JTC (Joint Trade Committee) between Thailand and Bhutan] ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน ๑.๒ หากในการประชุมฯ มีผลให้มีการตกลงเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่ายระหว่างไทยกับราชอาณาจักรภูฏานโดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นมา ให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมฯ สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสและความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และรูปแบบที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าและบริการระหว่างกัน และเชื่อมโยงโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายการค้าและลงทุนในสินค้าและบริการที่ไทยมีศักยภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่องในราชอาณาจักรภูฏาน รวมทั้งควรสนับสนุนให้ราชอาณาจักรภูฏานให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมและบรรยากาศในการลงทุนของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนในสาขาที่ราชอาณาจักรภูฏานมีความต้องการเพื่อการพัฒนาประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลความร่วมมือด้านการค้าระหว่างไทยและราชอาณาจักรภูฏานเป็นระยะ เพื่อให้สามารถขยายความร่วมมือระหว่างกันไปสู่มิติต่าง ๆ ได้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีการลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลมาจากการหารือความร่วมมือเฉพาะด้าน ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเสนอเอกสารผลลัพธ์การประชุมและเอกสารอื่น ๆ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๔ (๗) ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ด้วย ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19973 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 และร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 13 | ทส | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๒ และร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ ซึ่งร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้งสองฉบับเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อแสดงจุดยืนและการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ทั้ง ๒ ฉบับนี้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ทั้ง ๒ ฉบับในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19974 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (จำนวน 7 คน 1. นายกิตติชัย วัฒนานิกร ฯลฯ) | วท | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ จำนวน ๗ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายกิตติชัย วัฒนานิกร ประธานกรรมการ ๑.๒ นายชูกิจ ลิมปิจำนงค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๓ นายธรรมศักดิ์ สัมพันธ์สันติกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๔ นายพินิติ รตะนานุกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๕ นายพีรเดช ทองอำไพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๖ นายมนูญ สรรค์คุณากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๑.๗ นายเรืองศักดิ์ ทรงสถาพร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้ กรรมการในลำดับที่ ๑ และ ๔-๗ เป็นบุคคลซึ่งมิใช่ข้าราชการหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐ ๒. ให้ใช้ชื่อ “คณะกรรมการบริหารสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ” ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19975 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัฐชาติ มงคลนาวิน) | ศธ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์รัฐชาติ มงคลนาวิน ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ในคณะกรรมการบริหารโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จากบัญชีรายชื่อที่ผู้ปกครองนักเรียนเสนอ แทน รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน ที่ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าว เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป และให้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19976 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหารสูง) ทดแทนข้าราชการที่เกษียณอายุ (จำนวน 4 ราย 1. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ฯลฯ) | นร07 | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวจิราภรณ์ ตันติวงศ์ ๒. นายพัลลภ ศักดิ์โสภณกุล ๓. นางพนิดา ไพศาลยกิจ ๔. นายภาณุ จันทร์เจียวใช้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19977 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย 1. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ฯลฯ) | กค | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหารสูง) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ๒. นายพชร อนันตศิลป์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหารสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๓. นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๔. นายลวรณ แสงสนิท ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง(ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๕. นายจำเริญ โพธิยอด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง(ผู้ตรวจราชการกระทรวงสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19978 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (นางบุษยา มาทแล็ง) | กต | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางบุษยา มาทแล็ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19979 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง กระทรวงมหาดไทย (จำนวน 19 ราย 1. นายประทีป กีรติเรขา ฯลฯ) | มท | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๑๙ ราย ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ได้แก่ ๑.๑ นายประทีป กีรติเรขา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ๑.๒ นายประยูร รัตนเสนีย์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๓ นายเดชรัฐ สิมศิริ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๔ นายสนิท ขาวสอาด ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๕ นายกาศพล แก้วประพาฬ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๖ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๗ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๘ นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดระยอง สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๙ นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดอุตรดิตถ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๐ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสมุทรปราการ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๑ นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครปฐม สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๒ นายอนุสรณ์ แก้วกังวาน ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดบุรีรัมย์ สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๓ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๔ นายภัครธรณ์ เทียนไชย ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดชลบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๕ นายสุริยะ อมรโรจน์วรวุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดปราจีนบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๖ นายบัณฑิตย์ เทวีทิวารักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสระบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๗ นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษดี ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๘ นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง ๑.๑๙ นายพศิน โกมลวิชญ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด จังหวัดสิงห์บุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. ต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ได้แก่ ๒.๑ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ตำแหน่งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๒.๒ นายมณฑล สุดประเสริฐ ตำแหน่งอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19980 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงสาธารณสุข) (จำนวน 9 ราย 1. นายวิศิษฎ์ ตั้งนภากร ฯลฯ) | สธ | 17/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๙ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายวิศิษฎ์ ตั้งนภากร ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ๒. นายเจษฎา โชคดำรงสุข ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมโรค ๓. นาวาอากาศตรี บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิต ๔. นายเกียรติภูมิ วงศ์รจิต ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายธีรพล โตพันธานนท์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการแพทย์ ๖. นายสุขุม กาญจนพิมาย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ๗. นายสุเทพ วัชรปิยานันทน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ๘. นายวันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ๙. นายพิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง |
.....