ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 998 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 19941 - 19960 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19941 | การเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐซูดานประจำประเทศไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19942 | รัฐบาลรัฐกาตาร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [เชค ญัสซิม บิน อับดุลเราะฮ์มาน บิน มุฮัมมัด อาลอับดุลเราะฮ์มาน อาลษานี (His Excellency Sheikh Jassim Bin Abdulrahman Bin Mohammed Alabdulrahman Al-Thani)] | กต | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง เชค ญัสซิม บิน อับดุลเราะฮ์มาน บิน มุฮัมมัด อาลอับดุลเราะฮ์มาน อาลษานี (His Excellency Sheikh Jassim Bin Abdulrahman Bin Mohammed Alabdulrahman Al-Thani) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งรัฐกาตาร์ประจำประเทศไทย สืบแทน นายญะบัi อะลี เอช. เอ. อัดเดาซะรีย์ (Mr. Jabor Ali H. A. Al-Dosari) อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19943 | รัฐบาลราชอาณาจักรภูฏานเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเชวัง โชเฟล ดอร์จี (Mr. Tshewang Chophel Dorji)] | กต | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเชวัง โชเฟล ดอร์จี (Mr. Tshewang Chophel Dorji) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรภูฏานประจำประเทศไทย สืบแทน นายเกซัง วังดี (Mr. Kesang Wangdi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19944 | รัฐบาลสาธารณรัฐนามิเบียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางแอนน์ นามาเกา มูเตโล (Ms. Anne Namakau Mutelo)] | กต | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางแอนน์ นามาเกา มูเตโล (Ms. Anne Namakau Mutelo) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐนามิเบียประจำประเทศไทย โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย สืบแทน นายเกบฮาร์ด เบนยามิน คันดันกา (Mr. Gebhard Benjamin Kandanga) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19945 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายประกอบ ลือชาเกียรติศักดิ์) | สธ | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประกอบ ลือชาเกียรติศักดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19946 | การขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องความคืบหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ การจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน ความคืบหน้างานปฏิรูปการศึกษา (ปัญหาด้านการบริหารงานบุคลากรของ สพฐ.) และการคาดการณ์สถานการณ์ภัยแล้ง | นร | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องความคืบหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ การจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน ความคืบหน้างานปฏิรูปการศึกษา (ปัญหาด้านการบริหารงานบุคลากรของ สพฐ.) และการคาดการณ์สถานการณ์ภัยแล้ง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลทราบ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ดังนี้
๑. การจัดสรรที่ดินให้เกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน โดยเร่งรัดการดำเนินการยกร่างกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกรณีการจัดสรรที่ดินให้สหกรณ์เป็นแปลงใหญ่ แต่สหกรณ์ไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์ทั้งหมด โดยให้หามาตรการเพื่อรองรับกรณีผู้ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินแล้ว แต่นำไปให้เช่าโดยไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการทำกินจริง ๒. ความคืบหน้างานปฏิรูปการศึกษา โดยเร่งรัดผลักดันร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. การคาดการณ์สถานการณ์ภัยแล้ง โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรให้มีการถอดบทเรียนและจัดลำดับความสำคัญของมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป และควรให้การสนับสนุนกับการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรใช้โอกาสนี้ในการสร้างการเรียนรู้ร่วมกันทุกภาคส่วนทั้งภาคนโยบายและภาคประชาชน รวมถึงมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการใช้ภาชนะขนาดใหญ่ในการเก็บกักน้ำฝนในระดับครัวเรือน ชุมชน และโรงเรียนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19947 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... | พม | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเตรียมการรองรับการบังคับใช้กฎหมาย และจัดทำแผนการดำเนินงานทั้งก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ รวมทั้งเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนโดยเร็วต่อไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19948 | ร่างแผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ | นร08 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างแผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อมตามแผนการผนึกกำลังและทรัพยากรสนับสนุนการปฏิบัติการของฝ่ายทหาร ตามแผนป้องกันประเทศหรือภารกิจเพื่อความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ตั้งแต่ภาวะปกติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการระดมทรัพยากรด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านกำลังคน ด้านอาหาร ด้านน้ำ ด้านการคมนาคม ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ด้านอุตสาหกรรมและปัจจัยการผลิต ด้านเชื้อเพลิงและพลังงาน ด้านการประชาสัมพันธ์ และด้านสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ โดยได้กำหนดวิธีปฏิบัติให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้การสนับสนุนเพื่อระดมสรรพกำลัง ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและการจัดการ และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความมั่นคงของชาติและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และในการขับเคลื่อนแผนดังกล่าวควรดำเนินการขับเคลื่อนในเชิงรุกทำให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สามารถสนับสนุนและรองรับกับวิกฤตและภัยคุกคามความมั่นคงในรูปแบบต่าง ๆ ได้ อาทิ สถานการณ์ภัยพิบัติที่รุนแรงหรือสาธารณภัยร้ายแรงในประเทศได้ รวมทั้งความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางปฏิบัติในร่างแผนผนึกกำลังและทรัพยากรเพื่อการป้องกันประเทศ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุหลักสูตรการศึกษาวิชาทหารในยามสงครามไว้ในหลักสูตรภาคพลเรือนในทุกระดับชั้นนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาความไม่คล่องตัวในการปฏิบัติ ควรกำหนดให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดฝึกอบรม ให้ความรู้เกี่ยวกับวิชาทหารในยามสงครามกับภาคพลเรือนในทุกระดับชั้นเท่านั้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19949 | รายงานการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) | นร12 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบรายงานการขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) โดยมีความก้าวหน้าการดำเนินการปรับปรุงบริการของหน่วยงานภาครัฐรวม ๑๐ ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ด้านการได้รับสินเชื่อ ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน ด้านการชำระภาษี ด้านการค้าระหว่างประเทศ ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย ซึ่งจากรายงาน Doing Business 2016 ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้น ๑ ด้าน คือ ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ส่วนด้านที่ต้องเร่งปรับปรุงอย่างเร่งด่วนซึ่งเกี่ยวข้องกับการพัฒนาปรับปรุงกฎหมาย เช่น ด้านการได้รับสินเชื่อ การแก้ไขปัญหาการล้มละลาย การจดทะเบียนทรัพย์สิน ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ๑.๒ ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานรับผิดชอบร่วมกับกระทรวงยุติธรรม โดยกรมบังคับคดี และสำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับข้อบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยหลักประกันธุรกิจ และกฎหมายล้มละลาย เพื่อนำไปสู่การพัฒนากระบวนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับรายงานผลงานของธนาคารโลก เรื่อง Doing Business และแนวปฏิบัติที่เป็นสากล รวมทั้งการแก้ไขกฎหมาย หากกฎหมายดังกล่าวเป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้เพิ่มกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ เป็นหน่วยงานศึกษาเพื่อปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวด้วย สำหรับการปรับปรุงการบริการหน่วยงานภาครัฐของประเทศไทย ควรมุ่งเน้นการนำระบบดิจิทัลมาช่วยเพื่อให้การบริการตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว (Quick Response) และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนควรติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบในแต่ละด้านและรายงานต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้รับทราบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพิจารณาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมให้เข้ามาร่วมพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19950 | ขออนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศยื่นสัตยาบันสารความตกลงการจัดตั้งสำนักเลขาธิการระดับภูมิภาคสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียนต่อเลขาธิการอาเซียน | กก | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียนเพื่อให้ความตกลงการจัดตั้งสำนักเลขาธิการระดับภูมิภาคสำหรับการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Agreement on the Establishment of the Regional Secretariat for the Implementation of the ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals) มีผลใช้บังคับต่อไป โดยความตกลงดังกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อส่งเสริมการดำเนินการตามข้อตกลงร่วมว่าด้วยการยอมรับคุณสมบัติบุคลากรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (Mutual Recognition Arrangement on Tourism Professionals : MRA) ซึ่งสนับสนุนการปฏิบัติงาน การบริหารงาน และการดำเนินการโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ MRA โดยสำนักเลขาธิการอาเซียนตั้งอยู่ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรขยายความตกลงดังกล่าวให้ครอบคลุมวิชาชีพด้านอื่น ๆ ที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มการเติบโต ได้แก่ การจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) สปาและบริการสุขภาพ โดยบูรณาการกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพ ทักษะการบริการ รวมทั้งส่งเสริมทักษะการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของวิชาชีพการท่องเที่ยวเพื่อให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19951 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการวิจัย (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (สำนักงานคณะกรรมการวิจัย แห่งชาติ) (นางยศวดี อึ้งวิเชียร) | นร | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางยศวดี อึ้งวิเชียร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการวิจัย (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) เสนอ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอให้สำนักราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง และให้พ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการต่อไปแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19952 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19953 | ขอแก้ไขรายละเอียดเอกสารการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง ขอแก้ไขรายละเอียดเอกสารการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19954 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2559) | นร05 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19955 | รายงานผลการออกเสียงประชามติ | นร04 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งรายงานผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. จำนวนผู้ออกเสียง ผู้มีสิทธิออกเสียงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ จำนวน ๕๐,๐๗๑,๕๘๙ คน มาใช้สิทธิออกเสียง จำนวน ๒๙,๗๔๐,๖๗๗ คน ๒. ผลการออกเสียง การแสดงความคิดเห็นการออกเสียง ประเด็นที่ ๑ ร่างรัฐธรรมนูญ เห็นชอบ จำนวน ๑๖,๘๒๐,๔๐๒ คะแนน ไม่เห็นชอบ จำนวน ๑๐,๕๙๘,๐๓๗ คะแนน และประเด็นที่ ๒ “ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ สมควรกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ในระหว่าง ๕ ปีแรกนับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี” เห็นชอบ จำนวน ๑๕,๑๓๒,๐๕๐ คะแนน ไม่เห็นชอบ จำนวน ๑๐,๙๒๖,๖๔๘ คะแนน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19956 | วีดีทัศน์เรื่อง "สรุปผลงานและแผนการดำเนินงานในอนาคตของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน" | นร05 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19957 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหราชอาณาจักรว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือในกิจการตำรวจ (Memorandum of Understanding between the Royal Thai Police of the Kingdom of Thailand (RTP) and the National Crime Agency of the United Kingdom of Great Britain (NCA) on Combating Transnational Crime and Police Cooperation) | ตช | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหราชอาณาจักรว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือในกิจการตำรวจ [Memorandum of Understanding between the Royal Thai Police of the Kingdom of Thailand (RTP) and the National Crime Agency of the United Kingdom of Great Britain (NCA) on Combating Transnational Crime and Police Cooperation] มีวัตถุประสงค์เป็นการสร้างกรอบการทำงานของความร่วมมือระหว่างผู้เข้าร่วมในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ และ/หรือความร่วมมือของตำรวจในรูปแบบต่าง ๆ ของการบังคับใช้กฎหมายในการฟื้นฟูภัยพิบัติและการจัดการในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งผู้เข้าร่วมมุ่งมั่นในการต่อต้านการอพยพย้ายถิ่นฐานอย่างผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการเข้าสู่ประเทศอย่างผิดกฎหมายของทั้งราชอาณาจักรไทยและสหราชอาณาจักร รวมทั้งการอาศัยอยู่ในประเทศทั้งสองอย่างผิดกฎหมาย ๑.๒ อนุมัติให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้สามารถดำเนินการได้ โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาตินำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19958 | รายงานการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติ เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 67 | ทส | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ครั้งที่ ๖๗ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การออกระเบียบและกฎหมาย (๒) การพัฒนา/ปรับปรุงระบบฐานข้อมูล (๓) การกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย (๔) การศึกษาวิจัยและการเสริมสร้างศักยภาพ (๕) การประชาสัมพันธ์ และ (๖) การติดตามและประเมินผล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของการดำเนินงานในมิติความร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนหรือร่วมอุปถัมภ์ในข้อมติ/ข้อเสนอในประเด็นที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศไทย และสะท้อนการดำเนินงานที่ผ่านมาในการรับมือกับปัญหา โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายเพื่อแสดงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังและส่งเสริมการดำเนินการของประเทศไทยในเรื่องนี้ รวมทั้งควรเพิ่มการให้ความสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าหรือส่งออกบริเวณด่านชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมาย และเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยทราบถึงการห้ามไม่ให้นำงาช้างและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างออกจากประเทศไทย รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและสร้างการรับรู้ให้นานาชาติทราบถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างของประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19959 | รายงานผลการดำเนินการในประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ 9 เดือน (ตุลาคม 2558 - มิถุนายน 2559) | พณ | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการในประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ ๙ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๘-มิถุนายน ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภาพรวมการเบิกจ่าย ณ สิ้นไตรมาสที่ ๓ เบิกจ่ายได้ ๖,๖๐๐.๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๔.๖๑ ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร และเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๓๑๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๗.๑๘ ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ได้รับจัดสรร ๒. การเจรจาหรือทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาภายใต้กรอบอาเซียน การเจรจาภายใต้กรอบการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) การเจรจาภายใต้กรอบเอเปค การเจรจาระดับทวิภาคี การเข้าพบหารือ (Call on) และการประชุมคณะกรรมการบริหารร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทย-จีน ๓. การแก้ไขปัญหาราคาข้าวและการระบายข้าว ได้แก่ การชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกข้าวนาปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ การจัดตลาดนัดข้าวเปลือก การกำหนดยุทธศาสตร์ข้าวไทย และการระบายข้าว ๔. การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล ได้แก่ การแก้ไขปัญหามันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ ๕. การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise : SMEs) โดยการช่วยเหลือให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน สามารถขยายช่องทางการส่งออกด้วยตนเอง และผลักดันเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อต่อยอดธุรกิจและสร้างเครือข่าย ๖. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าครองชีพ การจำหน่ายสินค้าราคาประหยัด (งานธงฟ้า) การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา การจัดหาร้านอาหารปรุงสำเร็จราคาประหยัด (หนูญิชย์...พาชิม) การจัดทำแอปพลิเคชัน “ลายแทงของถูก” และรณรงค์ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” ๗. การสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยจัดงาน “Open House” เพื่อประกาศความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคและเชื่อมโยงทั่วโลก และนำนักลงทุนเยี่ยมชมเขตเศรษฐกิจพิเศษ ๘. การส่งเสริมการขยายการค้าในตลาดศักยภาพใหม่ โดยจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจผลิตภัณฑ์ยางพาราจากผู้นำเข้าจากต่างประเทศ การจัดงาน “สุดยอดแบรนด์ไทย” และสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Yen-D Program)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19960 | ร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กก | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัตินโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยว และคณะกรรมการบริหารกองทุน เพื่อให้การบริหารและการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศเป็นไปอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและรูปแบบการท่องเที่ยวให้ครบทุกด้าน โดยควรเชื่อมโยงกับมาตรฐานที่ได้รับการรับรองในระดับนานาชาติ รวมทั้งควรสร้างมาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบมาตรฐานให้มากขึ้น ตลอดจนดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน นอกจากนี้ ควรเชื่อมโยงและขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของชุมชน สร้างกลไกการดำเนินการที่กระชับและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดความสอดคล้องทั้งในมิติของเวลา และมิติของการขับเคลื่อนแผนการพัฒนาสู่การปฏิบัติทั้งระดับชาติ ภูมิภาค และท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....