ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 991 จากทั้งหมด 6209 หน้า แสดงรายการที่ 19801 - 19820 จากข้อมูลทั้งหมด 124177 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19801 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นายปรีชา มงคลหัตถี) | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปรีชา มงคลหัตถี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19802 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | มท | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาคูณใหญ่ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมอาคารเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19803 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลมะขามเตี้ย และตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลมะขามเตี้ย และตำบลบางกุ้ง อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนชนเกษมกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๗๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19804 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร09 | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยแก้ไขการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น แก้ไขให้ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษฎีกา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่สั่งการเกี่ยวกับความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง เพื่อให้ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ในสังกัดของทุกหน่วยงานอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19805 | ร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. ๒๕๑๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขเพิ่มเติมขั้นตอนการปฏิบัติงานในการกำหนดมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้มีความชัดเจน กระชับ รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งกำหนดเพิ่มเติมหลักเกณฑ์กรณีการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเข้ามาในราชอาณาจักร และหลักเกณฑ์การนำเข้าผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเพื่อนำมาประกอบหรือเป็นวัตถุดิบในการผลิตเพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อรองรับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และกำหนดอายุของใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตลอดจนปรับอัตราโทษ และปรับปรุงกระบวนการลงโทษทางอาญาให้ใช้การเปรียบเทียบคดีได้ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการปรับปรุงสาระสำคัญบางประการในร่างพระราชบัญญัติฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19806 | ขออนุมัติท่าทีไทยและร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย - อิหร่าน ครั้งที่ 1 | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าสำหรับการหารือกับอิหร่าน และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ใช้เป็นกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee : JTC) ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ ๑ ซึ่งไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในช่วงต้นไตรมาส ๔ ของปี ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร โดยเสนอท่าทีไทยในการจัดทำความตกลงสิทธิพิเศษทางการค้า (Preferential Trade Agreement : PTA) ระหว่างไทยกับอิหร่าน การทำธุรกรรมทางการเงิน การขยายการค้าสินค้าเกษตร การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ ๑.๒ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย-อิหร่าน ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างไทยกับอิหร่าน ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวมถึงเอกสารอื่น ๆ ที่เป็นผลจากการหารือขยายความร่วมมือเฉพาะด้าน (หากมี) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้คำนึงถึงมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านที่ยังคงมีอยู่ และให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่าน โดยหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง และภาคเอกชน (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย) เพื่อให้ได้แนวทางการแก้ปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงินกับอิหร่าน รวมทั้งรูปแบบวิธีการชำระเงินที่เหมาะสมกับไทยและอิหร่าน และเอื้อต่อการประกอบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยด้วย โดยอาจพิจารณาจากแนวทางการดำเนินงานของประเทศอื่นที่มีการทำธุรกรรมกับอิหร่านมาแล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19807 | การร่วมรับรองเอกสารภายใต้ความรับผิดชอบของคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติทั้ง ๒ ข้อ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อแผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) จำนวน ๑๐ ฉบับ ๑.๒ อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองแผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) จำนวน ๒๑ ฉบับ และกรอบการตรวจสอบและประเมินผลสำหรับ AEC Blueprint 2025 (AEC 2025 Monitoring & Evaluation Framework) ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสร้างความรู้ความเข้าใจและเตรียมแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไปร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมบทบาทนำของไทยในเวทีอาเซียน การแสวงหาโอกาสและใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเอกชน เพื่อเชื่อมโยงสู่การพัฒนาภายในประเทศให้มากขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละแผนปฏิบัติการรายสาขาควรร่วมกันวางกลไกในการติดตามประเมินผลการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19808 | แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2560 | กค | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เกิดความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ และเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ซึ่งประกอบด้วย ๒ แผนย่อย วงเงินรวม ๑,๔๑๔,๓๖๖.๑๒ ล้านบาท ได้แก่ แผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน ๕๔๓,๑๗๖.๙๒ ล้านบาท แผนการบริหารหนี้เดิม วงเงิน ๘๗๑,๑๘๙.๒๐ ล้านบาท และรับทราบแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๑๔๕,๔๕๒.๐๑ ล้านบาท และแผนการบริหารหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติภายใต้กรอบแผนฯ วงเงิน ๙๒๘.๑๑ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุน และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๕ รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะสำหรับการกู้เงินขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ วงเงิน ๓,๓๔๖.๕๗ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณรับข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการชำระค่าดอกเบี้ยที่ครบกำหนดของ ขสมก. ไปประกอบการพิจารณาการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการหนี้และแนวทางในการเพิ่มรายได้และลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของหน่วยงานให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว เพื่อให้มีผลประกอบการและฐานะการเงินที่ดีขึ้น ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกด้วย รวมทั้งควรมีการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของหนี้ต่างประเทศภาครัฐให้เพียงพอ อาทิ การบริหารความเสี่ยงทันทีที่เบิกเงินกู้ การเบิกเงินกู้ให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายเงินตราต่างประเทศ และการใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่นต่อการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการลงทุนระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19809 | แนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลังปี 2559/60 | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแนวทางการบริหารจัดการมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๙/๖๐ จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๙/๖๐ (๒) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในระบบน้ำหยด ปี ๒๕๕๙/๖๐ (๓) โครงการสินเชื่อเพื่อยกระดับมาตรฐานการผลิตและการแปรรูปมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๙/๖๐ และ (๔) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๕๙/๖๐ กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๕๖๗.๗๒๕ ล้านบาท แยกเป็นวงเงินสินเชื่อ ๔,๘๐๐ ล้านบาท วงเงินชดเชยดอกเบี้ยรวม ๕๖๗.๗๒๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามภาระที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสม ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังทราบ และเมื่อสิ้นสุดโครงการควรที่จะประเมินประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความคุ้มค่าของโครงการเพื่อประโยชน์ในการจัดทำนโยบายที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาที่ครอบคลุมการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าโดยเฉพาะการแปรรูปผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังประเภทต่าง ๆ โดยมีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ที่จะมีการขับเคลื่อนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ การดำเนินโครงการจะต้องมีความเหมาะสม ไม่มีความซ้ำซ้อน และทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริง ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจในการดำเนินโครงการอย่างชัดเจนและทั่วถึง รวมทั้งกำหนดขั้นตอนการดำเนินงานให้ชัดเจนเพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลและเป็นประโยชน์กับอุตสาหกรรมมันสำปะหลังทั้งระบบมากที่สุด นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับมาตรการสนับสนุนด้านการตลาด ทั้งการขยายตลาดและการเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากการรวบรวมของสถาบันเกษตรกร/ผู้ประกอบการไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่อง และการศึกษาแนวทางการผลักดันไปสู่การแปรรูปขั้นสูงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น โดยให้สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรมที่ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ เข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่มันสำปะหลังที่รวบรวมได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19810 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ และปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 6 การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน | ทส | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและการใช้จ่ายงบประมาณ จากวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และรับทราบการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้งระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จำนวนทั้งสิ้น ๒๒๓ แห่ง ซึ่งเป็นการรับเปลี่ยนภายในจังหวัดเดิม เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำที่เปลี่ยนแปลงไป ศักยภาพน้ำบาดาล และปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมทั้งปรับให้ตรงกับความต้องการของประชาชน โดยยังอยู่ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ วงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และสอดคล้องกับกรอบแนวทางที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติกำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทันในฤดูแล้งปีต่อไป สำหรับการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการฯ เนื่องจากในปัจจุบันเป็นห้วงฤดูฝน ซึ่งมีบางพื้นที่ประสบภาวะน้ำท่วมจึงให้พิจารณาปรับเปลี่ยนพื้นที่ดำเนินการเฉพาะที่สามารถดำเนินการได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19811 | ขอยกเว้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ | พน | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ได้รับยกเว้นไม่ต้องถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจได้ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยยังคงต้องถือปฏิบัติในส่วนของการกำกับดูแลบริษัทในเครือตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่าเรื่องนี้เป็นการเห็นชอบในเรื่องการจำกัดความรับผิดชอบทางกฎหมาย ดังนั้น บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ จะต้องคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานอย่างเคร่งครัดด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจต่อประเทศชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19812 | ขออนุมัติจัดตั้งบริษัทลูกของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร | พน | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัท PTT International Trading London Ltd. ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นทั้งหมด ภายใต้ทุนจดทะเบียน ๒๑ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คำนึงถึงการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนของบริษัทในอนาคตและพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงในทุกด้าน ตลอดจนพิจารณาถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในส่วนที่เกี่ยวกับการกำกับดูแลและการตรวจสอบในฐานะที่เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19813 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 | ทส | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ กรณีเรื่องใดที่เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑) สถานการณ์น้ำและการเตรียมความพร้อมในฤดูฝน (๒) แนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และการฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำยม (๓) ผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙ (๔) ผลการดำเนินงานบูรณาการขุดลอกแหล่งน้ำ (๕) ผลการหารือการขอความร่วมมือขอใช้พื้นที่ป่าสำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๖) โครงการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ จำนวน ๓ โครงการ และ (๗) การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินจากแผ่นดินไหว (เขื่อนศรีนครินทร์) ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี ๒๕๕๙ และ (๒) แนวทางการฟื้นฟูเขาหัวโล้น จังหวัดน่าน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามนโยบาย แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ดังกล่าว เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ผลการศึกษา จัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และงบประมาณที่ชัดเจนแล้ว ให้ใช้จ่ายจากเงินเหลือจ่าย หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน รวมทั้งแหล่งงบประมาณอื่นตามนัยมติของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้ควรเร่งรัดดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการฟื้นฟูเขาหัวโล้น จังหวัดน่าน ต้องเร่งรัดดำเนินการโดยความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานรับผิดชอบ ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาต่าง ๆ เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19814 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง | กต | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๙ ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำนวน ๔ กรอบ ได้แก่ (๑) กรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๗ (๒) กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๖ (๓) ข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๙ และ (๔) กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๙ ซึ่งผลการประชุมฯ เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความร่วมมือด้านต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม โครงสร้างพื้นฐาน เกษตรกรรม สาธารณสุข และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดบทบาทของไทยในกรอบอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ควรคำนึงถึงหลักการพื้นฐานของการพัฒนากรอบความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (หลักการ ๓ C) ประกอบด้วย Connectivity Community และ Competitiveness รวมทั้งการพัฒนาความร่วมมือบนพื้นฐานของการใช้จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสและความได้เปรียบของแต่ละประเทศมาพัฒนาความร่วมมือในลักษณะที่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน (Complementarity) นอกจากนี้ ภายใต้ข้อริเริ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น และกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอื่น ๆ ควรพิจารณาความสอดคล้องกันกับแนวทางการดำเนินงาน ตลอดจนการขับเคลื่อนการดำเนินงานแผนงานโครงการไปสู่การปฏิบัติภายใต้ยุทธศาสตร์ความร่วมมือที่มีอยู่แล้วของแผนงานโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19815 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์เกี่ยวกับการเจรจา RCEP ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 28 - 29 | พณ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์เกี่ยวกับการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘-๒๙ ระหว่างวันที่ ๖-๘ กันยายน ๒๕๕๙ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีสาระสำคัญว่า ผู้นำรับทราบถึงความก้าวหน้าในการเจรจาความตกลงและเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ร่วมกัน ความยินดีที่มีการใช้ความพยายามมากขึ้นในการเจรจาการเปิดตลาดและข้อบท และได้มอบหมายรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ให้เพิ่มความพยายามในการเจรจาอย่างร่วมมือกันเพื่อให้สามารถสรุปผลการเจรจา RCEP โดยเร็ว ๑.๒ เห็นชอบที่ประเทศไทยจะร่วมในการแถลงการณ์ข้างต้นในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘-๒๙ โดยให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมในการแถลงการณ์ฯ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาถึงการเจรจาการเปิดตลาดสินค้าในส่วนที่เหลือ แนวทางการจัดทำข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการ และการลงทุน รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อเรียกร้อง ข้อเสนอการเปิดตลาดการค้า ข้อบท และประเด็นทางเทคนิคอื่น ๆ เพื่อแสดงถึงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือในระดับภูมิภาค และเพื่อบรรลุเป้าหมายให้การเจรจา RCEP แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๙ ตามที่ได้วางไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19816 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการลงนามหรือรับรองระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 28 และครั้งที่ 29 และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กต | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ และครั้งที่ ๒๙ และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (The 28th and 29th ASEAN Summits and Related Summits) จำนวน ๑๔ ฉบับ ในการประชุมระหว่างวันที่ ๖-๘ กันยายน ๒๕๕๙ ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารฯ จำนวน ๑๓ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างปฏิญญา ๔ ฉบับ ร่างแผน ๓ ฉบับ ร่างแถลงการณ์ ๕ ฉบับ และร่างแนวทาง ๑ ฉบับ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามในสารขยายจำนวนภาคีในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Instrument of Extension of the Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia) ประกอบด้วย ร่างตราสารฯ ๔ ฉบับย่อยเพื่อรองรับการเข้าร่วมเป็นภาคีฯ ของอิหร่าน โมร็อกโก อียิปต์ และชิลี) ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรเพิ่มประเด็นด้านการส่งเสริมการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม ในร่างแผนงานข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน ฉบับที่ ๓ และให้ความสำคัญกับประเด็นความปลอดภัยและการลดอุบัติเหตุในการขนส่งทางถนนไว้ในแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ ในหัวข้อโลจิสติกส์ไร้รอยต่อ รวมทั้งพิจารณาเพิ่มเติมประเด็นการส่งเสริมความร่วมมือในด้านนวัตกรรมไว้ในแถลงการณ์อาเซียนบวกสามว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญในเรื่องการบูรณาการการดำเนินงานระหว่างกรอบอาเซียนกับกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคต่าง ๆ ในอาเซียนให้มีความสอดคล้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งที่สำคัญได้แก่ แผนงานโครงการพัฒนาสามเหลี่ยมเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) แผนงานโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) และแผนงานโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจอาเซียนด้านตะวันออก บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ (Brunei-Indonesia-Malaysia-Philippines-East ASEAN Growth Area : BIMP-EAGA) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารที่จะมีการลงนามหรือรับรองระหว่างการประชุมฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19817 | การขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายลงทุน รายการที่ไม่ได้ปรากฏในพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2559 และยังไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ทันภายในเดือนพฤษภาคม 2559 | มท | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ กรณีกระทรวงมหาดไทยเสนอขอขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายลงทุน รายการที่ไม่ได้ปรากฏในพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๙ และยังไม่สามารถลงนามในสัญญาได้ทันภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนภายในพื้นที่ รวมทั้งก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในปีงบประมาณ เห็นควรอนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นดำเนินรายการงบประมาณที่ไม่ได้ปรากฏในพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ๒๕๕๙ เฉพาะรายการงบประมาณที่ได้ผู้รับจ้างแล้วและสามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน ๕๐ รายการ เป็นเงิน ๑๙๗,๔๓๔,๑๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกำกับดูแลและเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายงานข้อมูลงบประมาณดังกล่าว ให้เป็นปัจจุบันด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19818 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณดำเนินการโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ | มท | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๔๓,๕๔๕,๑๐๐ บาท ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูฝน และกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตรสำหรับช่วงปลายฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำลายระบบนิเวศทางธรรมชาติต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การดำเนินงานโครงการขุดลอกแหล่งน้ำควรพิจารณาดำเนินงานเฉพาะโครงการในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม ซึ่งสามารถดำเนินการได้จริงตามสภาพฤดูกาล เพื่อให้การดำเนินงานก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม และมีประสิทธิภาพสามารถตรวจสอบได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้หลักการไว้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19819 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | พน | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เรื่อง ความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีสาระสำคัญในการขยายกรอบความร่วมมือเพิ่มจากบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฉบับลงนามวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๐ จาก ๗,๐๐๐ เมกะวัตต์ เป็น ๙,๐๐๐ เมกะวัตต์ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน ก่อนยกระดับสู่การเป็น Regional Power Grid และจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันศึกษาในรายละเอียดทางด้านเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ในการเชื่อมโยงระบบไฟฟ้าของทั้งสองประเทศในลักษณะระบบต่อระบบ (Grid-to-Grid) ร่วมมือด้านการพัฒนาแหล่งพลังงานไฟฟ้าพลังความร้อน สนับสนุนการพัฒนาระบบส่งและระบบจำหน่ายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และร่วมมือในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน ได้แก่ การพัฒนาบุคลากร การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ด้านเทคนิค การแลกเปลี่ยนข้อมูล การศึกษาร่วมกัน การอบรมเชิงปฏิบัติการ และการดำเนินกิจกรรมผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นในด้านพลังงานไฟฟ้า ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในการพัฒนาระบบไฟฟ้าทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการเพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบไฟฟ้าของประเทศเพื่อนบ้านร่วมกันในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19820 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ | กษ | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ๑.๒ อนุมัติกรอบวงเงินสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๓,๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒) ๑.๓ อนุมัติค่าชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน ๒๒๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๔ อนุมัติค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ จำนวน ๘,๐๐๐,๑๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๒. ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในส่วนของค่าชดเชยดอกเบี้ย ให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ทั้งนี้ ในส่วนของกลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้จ่ายในอัตราร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละหน่วยงานก่อน โดยการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี หรือเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาส่งเสริมการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่เฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสมกับการทำการเกษตรประเภทนั้น ๆ เพียงเท่านั้น รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีการติดตามและประเมินผลโครงการฯ และมีตัวชี้วัดที่เหมาะสมและชัดเจนโดยรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีรับทราบตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจแนวทางปฏิบัติของโครงการฯ อย่างทั่วถึง รวมทั้งควรนำบทเรียนของการดำเนินงานตามระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่ผ่านมาใช้ประกอบการดำเนินงาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด Roadmap การดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ของโครงการให้ชัดเจน ทั้งนี้ หากการดำเนินโครงการไม่มีความคืบหน้าให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาทบทวน/เปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินโครงการดังกล่าวต่อไป
|
.....