ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 995 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 19881 - 19900 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19881 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 | สลธ.คสช. | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติ-ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ อาทิ (๑) คำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการประสานการขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (๒) ความก้าวหน้าการดำเนินการตามนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการปลูกจิตสำนึกเยาวชนผ่านกลไกการศึกษาด้วยหลักสูตร "โตไปไม่โกง" (๓) ความก้าวหน้าการดำเนินงานเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภาครัฐผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ "ภาษีไปไหน" และระบบแจ้งข้อมูลข่าวสารภาครัฐ รวมทั้งแผนขยายผลและการพัฒนาระบบดังกล่าว (๔) ผลการดำเนินงานด้านการปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ในการอบรมครูเพื่อขยายผลหลักสูตร "โตไปไม่โกง" (๕) ผลการดำเนินงานด้านการปราบปรามการทุจริตในเรื่องต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการอุดกลบบ่อน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (๖) เห็นชอบในหลักการให้นำระบบมาตรฐานรหัสต้นทุนก่อสร้างอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๕ ของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยมาประยุกต์ใช้กับการจัดทำฐานข้อมูลราคากลางงานก่อสร้างภาครัฐ และได้สั่งการให้อธิบดีกรมบัญชีกลางนำไปศึกษาและประยุกต์ใช้ในการจัดทำฐานข้อมูลการจัดทำราคากลางงานก่อสร้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติเสนอ และให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมติและข้อสั่งการของคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดกลุ่มและจัดลำดับความเร่งด่วนในการดำเนินงาน โดยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และการพัฒนากลไกทุกระดับรองรับการดำเนินงาน เพื่อสร้างความเข้มแข็งการดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อไป การสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในทุกภาคส่วนต้องใช้ระยะเวลาและต้องดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นให้คนในสังคมเห็นโทษของการทุจริตและให้คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน รวมทั้งการพัฒนากระบวนการให้บริการภาครัฐตามคู่มือประชาชน ควรได้รับความร่วมมือจากทุกส่วนราชการ เพื่อให้ทุกส่วนราชการร่วมเป็นเครือข่ายในการดำเนินการสร้างระบบงานบริการที่โปร่งใส ซึ่งจะเป็นกลไกการป้องกันการทุจริตให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง และยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19882 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ 8 (The 8th Economic Corridor Forum: ECF - 8) ภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา | นร11 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเวทีหารือเพื่อการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๘ (The 8th Economic Corridors Forum : ECF-8) ระหว่างวันที่ ๓-๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีสาระสำคัญ อาทิ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) การทบทวนแผนการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจใน GMS การเพิ่มประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นในการอำนวยความสะดวกทางการค้าและขนส่ง และความร่วมมือข้ามพรมแดนตามแนวระเบียงเศรษฐกิจในแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจใน GMS ทั้งนี้ การประชุม ECF-9 กำหนดจัดขึ้นในปี ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๒ แนวทางการดำเนินการต่อไป ๑.๒.๑ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการอำนวยความสะดวกการคมนาคมขนส่งและการค้าใน GMS โดยเฉพาะการดำเนินการภายใต้ความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) ให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ๑.๒.๒ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการดำเนินงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ๑.๒.๓ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทยผลักดันการดำเนินงานพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจโดยเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในระดับท้องถิ่นในการพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจต่อไป ๒. ให้เร่งขับเคลื่อนเรื่องที่มีความพร้อมทั้งในด้านแผนงาน โครงการ งบประมาณ หรือความร่วมมือต่าง ๆ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19883 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐปานามา | กต | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกลไกหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐปานามา เนื่องจากบันทึกความเข้าใจดังกล่าวเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่สามารถดำเนินการได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งนี้ บันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบของการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐปานามา โดยประเด็นการหารือครอบคลุมความสัมพันธ์ทวิภาคี ประเด็นภูมิภาค และประเด็นระหว่างประเทศอื่นที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน เช่น การเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเงิน อุตสาหกรรม วัฒนธรรม การศึกษา สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งฝ่ายปานามาแจ้งความพร้อมในการจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างการเยือนปานามาของอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ในระหว่างวันที่ ๒๗-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจดังกล่าวในข้อ ๗ “คู่ภาคีอาจให้ความเห็นชอบที่จะออกข่าวสารนิเทศหรือแถลงการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับผลของการหารือ” นั้น ตามบันทึกความเข้าใจในลักษณะนี้จะไม่มีคำว่า “แถลงการณ์ทางการเมือง” จึงขอให้อยู่ในดุลพินิจของกระทรวงการต่างประเทศในการวินิจฉัยว่าควรมีข้อความดังกล่าวอยู่ในบันทึกความเข้าใจนี้หรือไม่ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19884 | ขอความเห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 ฉบับใหม่ | คค | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกรอบความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยการกระชับความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นเอกสารที่มีการปรับปรุงสาระสำคัญให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินโครงการและรูปแบบความร่วมมือที่เปลี่ยนแปลงไปตามที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกัน โดยจะใช้แทนกรอบความร่วมมือฯ ฉบับเดิมที่ได้ลงนามเมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างกรอบความร่วมมือฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีนในปัจจุบันควรพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดระยะเวลาการเริ่มต้นก่อสร้างระยะแรกที่กำหนดไว้ในกรอบความร่วมมือฯ ให้สอดคล้องกับแผนดำเนินงานของฝ่ายไทยที่จะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ส่วนการดำเนินโครงการภายใต้สัญญาจัดซื้อจัดจ้างและการก่อสร้าง (อีพีซี) ที่เป็นการบริหารและการช่วยเหลือจากฝ่ายจีนตามความต้องการของฝ่ายไทย นั้น ควรระบุให้มีการสงวนสิทธิ์เพื่อให้ฝ่ายไทยสามารถพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านการพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมระบบราง ซึ่งในเบื้องต้นฝ่ายไทยอาจกำหนดให้ฝ่ายจีนร่วมพัฒนากำหนดหลักสูตรการพัฒนาบุคลากรที่ใช้ในกิจการรถไฟความเร็วสูงทั้งระบบ และจัดตั้งโรงงานประกอบรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งพิจารณาใช้วัสดุชิ้นส่วนภายในประเทศที่มีความเหมาะสม ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานของการพัฒนาอุตสาหกรรมระบบรางในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๕. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินโครงการให้สามารถเริ่มการก่อสร้างรถไฟระยะแรกได้ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งให้พิจารณาการเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟความเร็วสูงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวให้มีความชัดเจนด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19885 | แผนรองรับการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ และอภัยโทษลดโทษปล่อยตัว ปี พ.ศ. 2559 | ยธ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนรองรับการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ และอภัยโทษลดโทษปล่อยตัว พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยการบูรณาการระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประสานติดตามดูแล ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำและสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้พ้นโทษและครอบครัว การสงเคราะห์ช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้พ้นโทษ การดูแลรักษาผู้ป่วยทางจิตอย่างต่อเนื่องแก่ผู้พ้นโทษ และการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพผู้พ้นโทษ เป็นต้น และให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รับไปดำเนินการภายหลังการปล่อยตัว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองโรคให้แก่ผู้ต้องขังที่จะได้รับการอภัยโทษทั้งหมด อาทิ วัณโรค และโรคเอดส์ เพื่อเป็นการป้องกันโรคไม่ให้แพร่กระจายสู่สังคม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19886 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 48 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ ๔๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒-๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนได้รับรอง/เห็นชอบเอกสารที่สำคัญ เช่น เอกสารที่ลาว ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ให้ความสำคัญ จำนวน ๕ เรื่อง โดยจะเป็นกรอบแนวทางการดำเนินการซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับอาเซียน และแผนปฏิบัติการรายสาขาภายใต้แผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๒๐๒๕ (AEC Blueprint 2025) ภายใต้ความรับผิดชอบของ AEM จำนวน ๙ แผนงาน (๒) การเปิดตัวเครื่องมือที่จะช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการ (๓) ประเด็นระหว่างสมาชิกอาเซียนที่ต้องดำเนินการต่อไป เช่น การรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (๔) การหารือกับคู่เจรจา เช่น อาเซียน-จีน และ (๕) การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ๔ ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง รวมทั้งผู้แทนบริษัท General Motor ของสหรัฐอเมริกา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้มีการหารือรายละเอียดในประเด็นการยกเลิกการระบุมูลค่า (Free on Board : FOB) ในหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ากรณีใช้เกณฑ์สัดส่วนมูลค่าเพิ่มในภูมิภาค (Regional Value Content : RVC) ร้อยละ ๔๐ กับกรมศุลกากรอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะดำเนินการในขั้นต่อไป ควรแจ้งและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบผลการดำเนินงานและกรอบทิศทางความร่วมมือของอาเซียนตามแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในระยะต่อไป รวมทั้งควรมีการศึกษาเชิงลึกศักยภาพของธุรกิจบริการของไทยรายสาขาเพื่อประเมินโอกาสและความพร้อมในการแข่งขัน ตลอดจนศึกษาผลกระทบของการเปิดเสรีการค้าบริการโดยใช้ Negative List Approach ต่อธุรกิจบริการของไทย นอกจากนี้ควรมีการรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และประชาชนต่อการเปิดตลาดการค้าบริการภายใต้กรอบความตกลงต่าง ๆ สำหรับกรอบการตรวจสอบและประเมินผล AEC Blueprint 2025 กระทรวงพาณิชย์ควรวางกลไกในการผลักดันการดำเนินการดังกล่าว โดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดร่วมระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้มีเจ้าภาพหลักและเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันการดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19887 | มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ 4 ปี 2559 | กค | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ ซึ่งประกอบด้วย (๑) มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (Front Load) (๒) มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ และ (๓) มาตรการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและองค์กร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของรายละเอียด เงื่อนไข วิธีการ และงบประมาณในการดำเนินมาตรการทั้ง ๓ มาตรการ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ให้ใช้จ่ายจากรายจ่ายลงทุน รายการละไม่เกิน ๒ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งและก้าวหน้าของประเทศตามแนวทางปฏิรูป จำนวน ๗,๐๐๐ ล้านบาท รวมเป็นเงิน ๒๓,๐๐๐ ล้านบาท ๑.๓ มาตรการเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรและองค์กร ให้นำเงินงบประมาณที่เหลือจ่ายจากงบดำเนินงานของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น มาดำเนินการ ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กทั่วประเทศ ควรกำหนดหลักเกณฑ์โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง รวมถึงความพร้อมของส่วนราชการในการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. การดำเนินการในขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้าง ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นปฏิบัติตามข้อกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้มีการติดตาม ตรวจสอบการดำเนินการตามขั้นตอนให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19888 | ผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพิ่มเติมตามกลไก Universal Periodic Review รอบที่ 2 | กต | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อท่าทีต่อข้อเสนอแนะที่ขอนำกลับมาพิจารณาเพิ่มเติมจากกลไก Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ ๒ ที่นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส จำนวน ๖๘ ข้อ เพื่อกระทรวงการต่างประเทศจะได้แจ้งท่าทีดังกล่าวแก่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council : HRC) ภายในกำหนดเวลา (วันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๙) โดยไทยจะตอบรับข้อเสนอแนะเพิ่มเติม จำนวน ๖ ข้อ เนื่องจากสอดคล้องกับท่าทีหลักการและการดำเนินการในปัจจุบันของหน่วยงาน และรับทราบ/ไม่ตอบรับ จำนวน ๖๒ ข้อ เนื่องจากเป็นประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน ๑.๒ รับทราบการดำเนินการภายหลังการนำเสนอรายงานประเทศตามกลไก UPR รอบที่ ๒ ซึ่งรวมถึงการจัดทำแผนการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ได้ตอบรับและคำมั่นโดยสมัครใจ และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผลักดันการปฏิบัติตามแผนดังกล่าวโดยจัดลำดับความสำคัญ และมีกระบวนการติดตามตามสมควรเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการผลักดันการปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ได้ตอบรับและคำมั่นโดยสมัครใจ และกระบวนการติดตามเพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับมนุษยชน ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19889 | ขออนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการเป็นเจ้าภาพ จัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กต | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินภารกิจการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD Summit) ครั้งที่ ๒ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เป็นจำนวนเงิน ๑๘๘,๙๘๙,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19890 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีกระบวนการโคลัมโบที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีกระบวนการโคลัมโบ ครั้งที่ 5 | รง | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีกระบวนการโคลัมโบที่จะรับรองในการประชุมรัฐมนตรีกระบวนการโคลัมโบ ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของผู้นำกระบวนการโคลัมโบเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่ความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกกระบวนการโคลัมโบในฐานะประเทศผู้ส่งแรงงาน และกลุ่มประเทศในรัฐอ่าวอาหรับในฐานะประเทศผู้รับแรงงานเพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการในการจัดส่งแรงงานไปทำงานในต่างประเทศอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวข้องกับความคืบหน้าของกิจกรรมความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือกระบวนการโคลัมโบ ๕ สาขา ได้แก่ (๑) ทักษะฝีมือและกระบวนการยอมรับคุณสมบัติ (๒) การดูแลการจัดหางานที่มีจริยธรรม (๓) การอบรมก่อนการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ และการเสริมสร้างความเข้มแข็งโดยเน้นเรื่องการโยกย้ายถิ่นฐานและสุขอนามัย (๔) การส่งเงินกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัยและลดค่าใช้จ่ายในการส่งเงินกลับ และ (๕) การวิเคราะห์ตลาดแรงงาน และอาจมีการพิจารณาเพิ่มความร่วมมืออีก ๔ สาขา ได้แก่ การโยกย้ายถิ่นฐานและสุขอนามัย การดำเนินงานตามเป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐาน ความเท่าเทียมทางเพศสำหรับแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานหญิง และแรงงานโยกย้ายถิ่นฐานในประเทศที่ประสบภาวะวิกฤติ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19891 | การพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดและไฟไหม้ในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ | นร01 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือแนวทางการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดและไฟไหม้ในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคใต้ ซึ่งที่ประชุมได้นำแนวทางการเยียวยาเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์มาเป็นฐานในการพิจารณาให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดและไฟไหม้ในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคใต้ดังกล่าว และอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขนำหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์และเงินเหมาจ่ายช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล กรณีบาดเจ็บจากสถานการณ์เหตุระเบิดแยกราชประสงค์มาใช้โดยอนุโลม และให้การช่วยเหลือโดยใช้จ่ายจากเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๕๐ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รับการจัดสรรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าบริการทางการแพทย์และเงินช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์มาใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุระเบิดและไฟไหม้ในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคใต้ด้วยอีกวัตถุประสงค์หนึ่ง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบกรณีเหตุระเบิดและไฟไหม้ในพื้นที่ ๗ จังหวัดภาคใต้ เมื่อวันที่ ๑๑-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ และกรณีเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับความช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ ที่จะได้รับให้ชัดเจน ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19892 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักนักนายกรัฐมนตรี) (นายทศพร ศิริสัมพันธ์) | นร04 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ.ร. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19893 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (นักบริหารสูง) (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายรวี ประจวบเหมาะ) | นร06 | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายรวี ประจวบเหมาะ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19894 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) (นายนเร เหล่าวิชยา และ นายพรหมโชติ ไตรเวช) | กก | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. นายนเร เหล่าวิชยา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา ๒. นายพรหมโชติ ไตรเวช ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19895 | แต่งตั้งข้าราชการประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) (จำนวน 3 ราย 1. นางนภา เศรษฐกร ฯลฯ) | พม | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นางนภา เศรษฐกร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวิทัศน์ เตชะบุญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ๓. นายสมคิด สมศรี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19896 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์) (นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์) | พณ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19897 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงยุติธรรม) (จำนวน 3 ราย 1. นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ ฯลฯ) | ยธ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ๒. นางกรรณิการ์ แสงทอง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางสาวปิติกาญจน์ สิทธิเดช ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19898 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงวัฒนธรรม) (นายกฤษศญพงษ์ ศิริ) | วธ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกฤษศญพงษ์ ศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19899 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 3 ราย 1. นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ฯลฯ) | ศธ | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและตำแหน่งที่จะว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุภัทร จำปาทอง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ๓. นายสุเทพ ชิตยวงษ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19900 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (จำนวน 7 คน 1. นายพิชิต อัคราทิตย์ ฯลฯ) | คค | 23/08/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปีแล้ว เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายพิชิต อัคราทิตย์ ประธานกรรมการ ๒. นายคณิศ แสงสุพรรณ กรรมการอื่น (จากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศของกระทรวงการคลัง) ๓. นายบวร วงศ์สินอุดม กรรมการอื่น ๔. นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ กรรมการอื่น ๕. รองศาสตราจารย์ธัชวรรณ กนิษฐ์พงศ์ กรรมการอื่น ๖. นางอัญชลี เต็งประทีป กรรมการอื่น ๗. นายอำนวย ปรีมนวงศ์ กรรมการอื่น (จากบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจตามประกาศของกระทรวงการคลัง) (ผู้แทนกระทรวงการคลัง)
|
.....