ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 997 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 19921 - 19940 จากข้อมูลทั้งหมด 124181 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
19921 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายมาตรฐานวิชาชีพครูและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ข้อเสนอเชิงนโยบายมาตรฐานวิชาชีพครูและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้แก่ การกำหนดมาตรฐานวิชาชีพครูให้ครอบคลุมการพัฒนาวิชาชีพครูอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตการเป็นครู การวางระบบมาตรฐานหลักสูตรฝึกหัดครูให้มีช่องทางที่หลากหลายขึ้น การเพิ่มความสำคัญในส่วนของศาสตร์การสอน การวางระบบให้เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างการปฏิบัติการสอนในห้องเรียนและการปรับปรุงการปฏิบัติการสอนในห้องเรียนให้เป็นวงจรต่อเนื่องเพื่อสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้พัฒนาวิชาชีพ การกำหนดมาตรฐานวิชาชีพครูใหม่โดยยึดหลักการกำหนดมาตรฐานในรูปของสมรรถนะในวิชาชีพ การจำแนกประเภทของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและจัดหมวดหมู่ให้รองรับความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในวิชาชีพครู การแยกระดับของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูแต่ละประเภท การควบคุมกำกับดูแลคุณภาพการผลิตครูในสถาบันผลิตครูทั้งด้านคุณลักษณะ คุณสมบัติ และค่านิยมทางวิชาชีพ การกระจายอำนาจให้สถานศึกษามีการตัดสินใจหรือใช้ดุลพินิจของโรงเรียนนั้น ๆ ในการเลือกสรรครูที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง รวมทั้งทบทวนและปรับแก้มาตรฐานวิชาชีพครูของคุรุสภาให้แล้วเสร็จเป็นอันดับแรก จากนั้นควรเร่งปรับเปลี่ยนหลักสูตรการผลิตครูให้เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะทั้งหมด และเร่งตั้งคณะทำงานร่วมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อเสนอและประเด็นพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ไปดำเนินการวางแผนและนำขั้นตอนสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19922 | รายงานการพิจารณาศึกษาการกำหนดอัตราโทษทางอาญา | สว | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาการกำหนดอัตราโทษทางอาญา พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการกำหนดอัตราโทษทางอาญา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งได้พิจารณาศึกษาการกำหนดอัตราโทษทางอาญาในประเด็นเกี่ยวกับ (๑) กรณีการกำหนดอัตราโทษปรับทางอาญา (ภาค ๒ ความผิด) (๒) อัตราโทษปรับและการบังคับโทษปรับที่เกี่ยวข้องกับการจราจรตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (๓) ประเภทโทษของโทษตามมาตรา ๑๘ ของประมวลกฎหมายอาญา (๔) ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. .... ศึกษากรณี : การบังคับโทษ การลดวันต้องโทษ การพักการลงโทษ และประเด็นอื่นที่เกี่ยวข้องของกรมราชทัณฑ์ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19923 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เล่มที่ 1 : ด้านกฎหมาย ของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เล่มที่ ๑ : ด้านกฎหมาย พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งได้พิจารณาศึกษาโดยกำหนดกรอบการดำเนินงานออกเป็น ๕ ประเด็น ได้แก่ (๑) พิจารณาศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (๒) พิจารณาติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ (๓) พิจารณาศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนพิการที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่ทันต่อสถานการณ์บ้านเมืองและมีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย (๔) พิจารณาศึกษาการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ และ (๕) พิจารณาศึกษาเรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามที่สำนักเลขางานธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19924 | รายงานการศึกษาและติดตามความก้าวหน้าเชิงวิชาการ เรื่อง การเชื่อมโยงแผนการคมนาคมขนส่งของประเทศกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการศึกษาและติดตามความก้าวหน้าเชิงวิชาการ เรื่อง การเชื่อมโยงแผนการคมนาคมขนส่งของประเทศกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาศึกษาเพื่อให้ทราบถึงความก้าวหน้าของแผนการคมนาคมขนส่งในแต่ละด้านของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษและของประเทศอย่างเป็นระบบและมีขอบเขตที่ชัดเจน ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับโครงการต่าง ๆ ด้านการคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งแนวทางการแก้ไขและข้อเสนอแนะ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19925 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชารัฐศาสตร์ เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19926 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเมืองปัก จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... | มท | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเมืองปัก จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลธงชัยเหนือ ตำบลตะคุ ตำบลเมืองปัก ตำบลนกออก และตำบลงิ้ว อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้มีการตรวจสอบรายละเอียดแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์เพื่อการปฏิรูปที่ดิน และการบังคับใช้กฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท รวมทั้งข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ และก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับ ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินริมฝั่งลำคลองหรือแหล่งน้ำสาธารณะอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการรุกล้ำลำน้ำ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19927 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปง จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... | มท | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนปง จังหวัดพะเยา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลนาปรัง ตำบลควร และตำบลปง อำเภอปง จังหวัดพะเยา เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่าร่างกฎกระทรวงฯ มีเขตดำเนินการทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดิน ดังนั้น ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาควรมีการตรวจสอบรูปแผนที่ให้ชัดเจนก่อนดำเนินการ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท นอกจากนี้ข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ และก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองพิจารณาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับ ดูแล และอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันน้ำท่วมซ้ำซาก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19928 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | กค | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล และบัญชีกำไรขาดทุนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ โดยผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19929 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 | กค | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานกิจการประจำปี งบดุล บัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19930 | ผลการประเมินก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงจากมาตรการในภาคพลังงานปี พ.ศ. 2557 | ทส | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประเมินก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงจากมาตรการในภาคพลังงานปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งประเทศไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จากมาตรการด้านพลังงานได้ทั้งสิ้น ๓๗.๔๗ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณร้อยละ ๑๐ เทียบกับกรณีปกติ เป็นปริมาณซึ่งถือได้ว่าบรรลุเป้าหมายขั้นต่ำที่ร้อยละ ๗ จากการดำเนินการเองภายในประเทศ ที่ได้แสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศไทย (Nationally Appropriate Mitigation Actions : NAMAs) โดยเสนอตัวเลขของศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นช่วง (Range) ระหว่างร้อยละ ๗-๒๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในภาคพลังงานและภาคขนส่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19931 | รายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร12 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีองค์การมหาชนที่เข้าสู่ระบบการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติงาน จำนวน ๓๕ แห่ง โดยกำหนดเกณฑ์การพิจารณาเพื่อจำแนกหรือจัดกลุ่มองค์การมหาชน มีวัตถุประสงค์ในระยะยาวเพื่อการพัฒนาและกำหนดตัวชี้วัดขององค์การมหาชนให้มีความท้าทายและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การจัดตั้ง ให้มากขึ้น โดยพิจารณาจาก ๓ องค์ประกอบ ได้แก่ การเป็นตัวอย่างแนวปฏิบัติที่ดี การกำหนดตัวชี้วัดที่ท้าทาย และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ๒. ผลการจัดกลุ่มองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วย กลุ่มที่ ๑ ดีเด่น ได้แก่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) กลุ่มที่ ๒ ทั่วไป ได้แก่ องค์การมหาชน จำนวน ๓๑ แห่ง เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) และกลุ่มที่ ๓ ควรพัฒนา ได้แก่ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) และสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19932 | ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน (กบพร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ที่ปรับปรุงตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และมอบหมายให้กรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการ กพบร. เสนอ สรุปผลการประชุมได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างข้อกำหนดการจ้าง (TOR) โครงการจ้างผู้ให้บริการออกแบบลานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยให้เพิ่มเติมงานขุดค้นทางโบราณคดีและงานการจัดนิทรรศการตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า และมอบหมายกรุงเทพมหานครจัดทำรายละเอียด TOR โดยขอใช้งบประมาณตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในส่วนค่าออกแบบและเขียนแบบ โดยให้ดำเนินการจัดทำ TOR และจัดจ้างผู้ให้บริการ ตามระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป ๑.๒ มอบหมายกรุงเทพมหานครแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะกรรมการ กบพร. และคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า จำนวน ๓ ท่าน ประกอบด้วย (๑) นายสุวิชญ์ รัศมิภูติ (๒) รศ. บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย และ (๓) ผศ. ยงธนิศร์ พิมลเสถียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการที่ทำหน้าที่กำหนด TOR สำหรับการออกแบบอาคาร การขุดค้นทางโบราณคดี และออกแบบนิทรรศการ รวมทั้งคณะกรรมการที่ทำหน้าที่กำกับการดำเนินงานตาม TOR ดังกล่าว ๒. ให้คณะกรรมการ กพบร. รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับการดำเนินการใด ๆ กับโบราณสถาน ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19933 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการส่งเสริมสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E - Commerce) เพื่อรองรับการแข่งขัน ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการส่งเสริมสนับสนุนการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อรองรับการแข่งขันของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งได้พิจารณาศึกษาเพื่อให้มีระบบบริหารจัดการและกฎระเบียบในการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจมีการดำเนินการที่ถูกต้อง เหมาะสม สามารถแข่งขันกับต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อเป็นการป้องกันการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากต่างประเทศ พร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19934 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตว่าควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กรณีผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวกระทำการจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยว นอกจากโทษปรับแล้วควรกำหนดโทษจำคุกด้วย และควรเพิ่มจำนวนหลักประกันสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวให้สูงขึ้น รวมทั้งการกำกับดูแลราคาค่าบริการนำเที่ยวให้มีความเหมาะสมและมีมาตรฐาน ตลอดจนการกำหนดหลักสูตรวุฒิบัตรการฝึกอบรมวิชามัคคุเทศก์หรือผู้นำเที่ยวให้มีอัตราค่าเล่าเรียนที่ไม่สูงจนเกินไป ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19935 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการบ้านเคหะประชารัฐ ของการเคหะแห่งชาติ | พม | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการดำเนินงานโครงการบ้านเคหะประชารัฐ ของการเคหะแห่งชาติ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานโครงการบ้านเคหะประชารัฐที่เปิดให้จองระหว่างวันที่ ๖-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก มียอดขายรวมทั้งสิ้น ๘,๕๓๗ หน่วย ประกอบด้วยโครงการบ้านพร้อมอยู่อาศัย จำนวน ๑๖๑ โครงการ รวม ๙,๕๔๓ หน่วย ราคาขายอยู่ระหว่าง ๓๐๐,๐๐๐-๗๐๐,๐๐๐ บาท ขายได้ ๑,๒๐๙ หน่วย แบ่งเป็นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๙๗๑ หน่วย และภูมิภาค ๒๓๘ หน่วย และโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพร้อมอยู่อาศัยภายใน ๑๘ เดือน จำนวน ๖๐ โครงการ รวม ๑๓,๓๔๑ หน่วย ราคาขายอยู่ระหว่าง ๔๘๐,๐๐๐-๗๔๐,๐๐๐ บาท ขายได้ ๗,๓๒๘ หน่วย แบ่งเป็นกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๗๒๕ หน่วย และภูมิภาค ๖,๖๐๓ หน่วย สำหรับโครงการหรือทำเลที่ประชาชนมีความต้องการสูงแต่มีหน่วยก่อสร้างไม่เพียงพอต่อความต้องการ การเคหะแห่งชาติจะนำข้อมูลไปใช้ประกอบในการพิจารณาจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ปี ๒๕๖๐ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในอนาคต ครอบคลุมทำเลที่ตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดในส่วนภูมิภาค จำนวน ๓๒ โครงการ รวม ๑๐,๑๕๖ หน่วย โดยเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป ๒. ผลการสำรวจความพึงพอใจของกลุ่มลูกค้าที่เข้าร่วมงานบ้านเคหะประชารัฐ ณ การเคหะแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ พบว่า กลุ่มลูกค้ามีความพึงพอใจโดยรวมทุกขั้นตอนจนสิ้นสุดกระบวนการ นับตั้งแต่ขั้นตอนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการที่เปิดขายในงานบ้านเคหะประชารัฐ การจอง การเลือกอาคาร การรับชำระเงินจอง การทำสัญญา และการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยให้คะแนนพึงพอใจสูงกว่าระดับความคาดหวังโดยรวมก่อนการเข้าร่วมงานบ้านเคหะประชารัฐ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพึงพอใจของประชาชนต่อโครงการบ้านประชารัฐภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) ของรัฐบาลในระดับสูง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19936 | ผลการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) | กต | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ ๕-๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งได้มีการหารือข้อราชการเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาว และเร่งรัดความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๑ และการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๓ ที่ลาวจะเป็นเจ้าภาพ ทั้งนี้ ผลการหารือดังกล่าวควรมีการติดตาม ๓ ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และด้านสังคม วัฒนธรรม และการพัฒนา โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น ความมั่นคงตามแนวชายแดน ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา เป็นต้น จึงมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติให้เป็นไปตามผลการหารือให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน และสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาความเหมาะสมของแต่ละโครงการที่ฝ่ายลาวประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือทางการเงินจากสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นควรมีการหารือเพื่อพิจารณารูปแบบการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในลำดับต่อไป ควรเร่งดำเนินโครงการสร้างทางรถไฟสายท่านาแล้ง-นครหลวงเวียงจันทน์ ระยะที่สอง เพื่อให้การเชื่อมต่อจังหวัดหนองคายกับนครหลวงเวียงจันทน์เสร็จสิ้นสมบูรณ์โดยเร็ว การพิจารณาดำเนินการสร้างรถไฟความเร็วสูงตามที่ได้วางแผนไว้เพื่อเชื่อมต่อกับเส้นคุนหมิง-เวียงจันทน์ การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสนามบินที่เมืองเซโน แขวงสะหวันนะเขต การเพิ่มเติมประเด็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำร่วมกันของทั้งสองประเทศเข้าไว้ในร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องการรับซื้อไฟฟ้าจากลาว การให้ความสำคัญและระมัดระวังไม่ให้บุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ดินแดนของตนเพื่อเคลื่อนไหว ต่อต้าน หรือบ่อนทำลายความมั่นคงของอีกประเทศ นอกจากนี้ ไทยควรเข้าไปลงทุนในลาวให้มากขึ้น ทั้งในภาคอุตสาหกรรม ในเขตเศรษฐกิจพิเศษและเขตเศรษฐกิจเฉพาะ รวมถึงภาคธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติ โดยเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการการท่องเที่ยว ส่งเสริมการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค (ASEAN Connectivity) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19937 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชุดสายพ่วงสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกันต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชุดสายพ่วงสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกันต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมชุดสายพ่วงสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกันต้องเป็นไปตามมาตรฐานเต้าเสียบและเต้ารับสำหรับใช้ในที่อยู่อาศัยและงานทั่วไปที่มีจุดประสงค์คล้ายกัน : ชุดสายพ่วง มาตรฐานเลขที่ มอก. ๒๔๓๒-๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมมีการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับร่างพระราชกฤษฎีกาฯ เพื่อให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง รวมทั้งควรให้มีการพิจารณามาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การจัดทำมาตรฐานเกิดความสมบูรณ์ต่อเนื่อง และควรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ชัดเจนประกอบการเลือกซื้อและใช้ผลิตภัณฑ์เต้ารับและเต้าเสียบ และชุดสายพ่วงที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานบังคับต่อสาธารณชนในวงกว้างเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19938 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กบส. เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานโลจิสติกส์ของประเทศไทย ประจำปี ๒๕๕๘ ๒. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) ๓. เห็นชอบผลการพิจารณาและข้อเสนอแนะของคณะอนุกรรมการเพื่อปรับลดขั้นตอนกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐรายสินค้ายุทธศาสตร์ (น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็ง และวัตถุอันตราย) และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วและรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานต่อคณะกรรมการ กบส. ทุก ๖ เดือน ๔. เห็นชอบแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อรับผิดชอบการกำกับดูแลและพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) เพื่อรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้นของการพัฒนาระบบงานแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเพื่อให้การพัฒนาระบบ NSW มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ รองรับการพัฒนาในระยะยาว และสอดคล้องกับเงื่อนไขและมาตรฐานทางการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการ กบส. เพื่อพิจารณากำหนดทางเลือกการจัดตั้งหน่วยงานบริหารจัดการและพัฒนาระบบ NSW ที่เหมาะสม และพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในการรองรับภารกิจหน้าที่ของหน่วยงาน และให้นำเสนอผลการดำเนินการให้คณะกรรมการ กบส. พิจารณาภายใน ๓ เดือน ๕. นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ กบส. มีข้อสั่งการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานขนส่งของประเทศ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานกับการพัฒนาของกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาแนวทางความเหมาะสมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาด้านต่าง ๆ เพิ่มขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19939 | ผลการดำเนินการแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล | คค | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงคมนาคมได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานคร โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าร่วมเป็นคณะกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงฯ ได้จัดทำคู่มือแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย (๑) ขอบเขตการดำเนินการ และแนวทางการปฏิบัติ จัดทำคู่มือแผนเผชิญเหตุร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับเป็นวิธีปฏิบัติร่วมกับคู่มือปฏิบัติของแต่ละหน่วยงาน โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น กระทรวงคมนาคมจะจัดตั้งศูนย์อำนวยการประสานงานและแก้ไขปัญหาเฉพาะกิจขึ้น มีหน้าที่อำนวยการและประสานงานความร่วมมือตามวิธีการปฏิบัติที่ได้ตกลงร่วมกันไว้ และ (๒) การฝึกซ้อม ผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าเป็นหน่วยงานหลักในการจัดฝึกซ้อมแผนทุก ๔ เดือน โดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ และจัดให้มีการจัดอบรมและซักซ้อมการแจ้งเหตุ เพื่อให้ทุกหน่วยงานมีความพร้อมและประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. กระทรวงคมนาคมได้จัดพิธีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อเผชิญเหตุตามแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานฯ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงฯ โดยตกลงร่วมกันว่าในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขัดข้องทางเทคนิค จะถือปฏิบัติตามวิธีที่กำหนดร่วมกันไว้ในคู่มือแผนบริหารความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลดังกล่าว โดยให้คณะกรรมการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและเผชิญเหตุของระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานครเป็นผู้กำกับและติดตามการดำเนินงาน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
19940 | รายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการล้มละลายข้ามชาติ | ยธ | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการล้มละลายข้ามชาติ ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในพิธีเปิดประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการประชุมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และองค์การระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นเวทีในการส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องแนวโน้มหรือกระแสปัจจุบันของคดีล้มละลายข้ามชาติ ความเชื่อมโยงระหว่างกฎหมายล้มละลายและกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ และความร่วมมือระหว่างกันในด้านการบังคับคดีล้มละลายภายใต้ภูมิทัศน์เศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะนำไปสู่การพัฒนางานด้านกฎหมายล้มละลายและความร่วมมือระหว่างกันในเรื่องดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ เพื่อรองรับคดีล้มละลายข้ามชาติ โดยพิจารณาความสอดคล้องกับกฎหมายแม่แบบว่าด้วยการล้มละลายข้ามชาติของคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ (UNCITRAL Model Law on Cross-Border Insolvency) ซึ่งเป็นกฎหมายแม่แบบที่เป็นที่ยอมรับกันในระดับสากล ณ ปัจจุบัน และการกำหนดให้งานด้านล้มละลายอยู่ภายใต้กรอบอาเซียนควรต้องเริ่มในระดับการศึกษาความเป็นไปได้ก่อนเพื่อให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นธรรมและเท่าเทียม โดยเฉพาะไม่กระทบต่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นอกจากนี้ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการล้มละลายทั้งระบบควรพิจารณาถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องและปรับปรุงไปในคราวเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมบังคับคดี) กำหนดรายละเอียด แนวทางและขั้นตอนการดำเนินการกำหนดให้งานด้านล้มละลายอยู่ในกรอบความร่วมมือของประชาคมอาเซียน โดยหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔. รับทราบนโยบายการดำเนินงานของกรมบังคับคดีที่เกี่ยวข้องกับงานบังคับคดีล้มละลายทั้ง ๓ ข้อ ได้แก่ ๔.๑ การแก้ไขพระราชบัญญัติล้มละลายเพื่อรองรับคดีล้มละลายข้ามชาติ และเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกับกฎหมายอื่น ๆ เช่น พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งได้ยกร่างแล้วเสร็จ และจะจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และนำเรียนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อโปรดพิจารณาต่อไป ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ ๔.๒ การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางกฎหมายล้มละลายที่สำคัญเพื่อเป็นการศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ การจัดการประชุมเสวนาในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการเชื่อมโยงข้อมูลทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายล้มละลาย กฎ ระเบียบ และแนวปฏิบัติต่อไป ๔.๓ การประสานความร่วมมือในการพัฒนางานด้านบังคับคดีล้มละลายระหว่างหน่วยงานผู้ปฏิบัติในประเทศสมาชิกอาเซียนและการผลักดันให้ความร่วมมือมีผลในกรอบอาเชียน
|
.....