ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 727 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 14521 - 14540 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14521 | ขอความเห็นชอบในการจัดทำร่างความตกลงทางเทคนิคระหว่างกองทัพเรือกับกองทัพเรือสาธารณรัฐอินเดีย สำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรือพาณิชย์ที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต | กห | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมจัดทำร่างความตกลงทางเทคนิคระหว่างกองทัพเรือกับกองทัพเรือสาธารณรัฐอินเดียสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรือพาณิชย์ที่ประกอบอาชีพโดยสุจริต (Technical Agreement between the Royal Thai Navy and the Indian Navy for the Sharing of Information Relating to White Shipping) และให้ผู้บัญชาทหารเรือหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเรือพาณิชย์ที่ประกอบอาชีพโดยสุจริตสำหรับใช้ในวัตถุประสงค์ด้านความมั่นคง และไม่นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารจะกระทำผ่านเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ คำพูด การมองเห็น การเขียน หรือรูปแบบอื่น ๆ โดยมีกำหนดจะลงนามในร่างความตกลงฯ ในห้วงเวลาที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารเรือสาธารณรัฐอินเดียมีกำหนดการเดินทางเยือนไทย ระหว่างวันที่ ๙-๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการส่งต่อและใช้ข้อมูลข่าวสารที่กำหนดในร่างความตกลงฯ โดยเฉพาะกับฝ่ายที่สามควรคำนึงถึงประเด็นความอ่อนไหวของข้อมูลที่อาจกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยอาจกำหนดรายละเอียดการดำเนินการในการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานอย่างระมัดระวังและรัดกุมเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14522 | รายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิของเจ้าหนี้และลูกหนี้ และมาตรการเยียวยา "การพัฒนาอย่างยั่งยืน : กลไกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอกชน และสิทธิหลักประกัน" | ยธ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมรายงานการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิของเจ้าหนี้และลูกหนี้ และมาตรการเยียวยา “การพัฒนาอย่างยั่งยืน : กลไกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอกชน และสิทธิหลักประกัน” (International Conference on Creditors’/Debtors’ Rights and Remedies, Sustainable Development : Introducing Private Trustees in Bankruptcy and Developing Security Interests Regime) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับความร่วมมือจากองค์กรภาคีของประเทศไทยและระหว่างประเทศ ผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ผู้แทนจากสถานทูตของประเทศที่เข้าร่วมประชุม ผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยวัตถุประสงค์ของการประชุมฯ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ ข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายและแนวปฏิบัติที่ดีเลิศในการบังคับคดีล้มละลาย โดยเฉพาะในประเด็นกลไกเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เอกชน เพื่อนำมาศึกษา วิเคราะห์ถึงรูปแบบและความเหมาะสมในการดำเนินการถ่ายโอนภารกิจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สู่ภาคเอกชนของประเทศไทย อีกทั้งนำความรู้มาใช้ในการพัฒนาระบบการบังคับคดี และเกี่ยวกับสิทธิหลักประกัน เพื่อนำมาศึกษาวิเคราะห์ถึงรูปแบบและความเหมาะสมในการพัฒนาปรับปรุงกฎหมายและระบบสิทธิหลักประกัน ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจที่ประเมินโดยธนาคารโลก (Ease of Doing Business) ตามตัวชี้วัดที่ ๕ ด้านการเข้าถึงสินเชื่อ และตัวชี้วัดที่ ๑๐ ด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย ของประเทศไทย รวมทั้งการพัฒนากฎหมายและระบบการดำเนินงานเกี่ยวกับการบังคับคดีล้มละลายและสิทธิหลักประกัน อันเป็นการส่งเสริมการประกอบธุรกิจอย่างครบวงจรธุรกิจ โดยเฉพาะการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14523 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี 2561 | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค ประจำปี ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินการคลังระหว่างกันของกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค ใน ๔ ประเด็นสำคัญ คือ (๑) การเร่งรัดการลงทุนและระดมทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (๒) การสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน (๓) การผลักดันความร่วมมือด้านภาษีและความโปร่งใส และ (๔) การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเซบู โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิกเอเปคให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค (APEC Finance Ministers’ Meeting : APEC FMM) ครั้งที่ ๒๕ ในวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14524 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2561 | ทส | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑ ซึ่งที่ประชุมรับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง ๆ เช่น (๑) รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งได้ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน แบบอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินในลักษณะแปลงรวม โดยมิให้กรรมสิทธิ์เป็นรายบุคคล และได้ติดตามและประเมินผลโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๑ (๒) รับทราบการดำเนินงานแก้ไขปัญหาข้อเรียกร้องของกลุ่มขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และ (๓) เห็นชอบพื้นที่เป้าหมายและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่าไม้ (ทุกประเภท) เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน เช่น การที่ประชาชนบางส่วนไม่เข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากไม่มั่นใจในนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการให้เอกสารสิทธิ การห้ามเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตลุ่มน้ำชั้น ๑-๒ และการที่ประชาชนที่ได้รับสิทธิให้เข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินที่รัฐจัดสรรให้ใหม่แทนพื้นที่เดิมแต่ไม่เข้าไปทำกินหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยในพื้นที่แห่งใหม่ดังกล่าว เนื่องจากมีสภาพพื้นที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีความพร้อมในการทำการเกษตร เป็นต้น เพื่อให้โครงการดังกล่าวบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับเจตนารมณ์ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการดำเนินโครงการฯ ให้ชัดเจนและถูกต้องตรงกันด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14525 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... กลับไปพิจารณาทบทวนร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเหมาะสมของบทบัญญัติบางประการ เช่น การขึ้นทะเบียนและการทำเครื่องหมายประจำตัวสัตว์ การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมและอัตราค่าปรับ เป็นต้น ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี โดยจะต้องไม่เป็นภาระแก่ประชาชน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14526 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ระหว่างคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรกับ Aviation and Railway Accident Investigation Board (ARAIB) สาธารณรัฐเกาหลี | คค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจด้านการสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ระหว่างคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรกับ Aviation and Railway Accident Investigation Board (ARAIB) สาธารณรัฐเกาหลี มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือด้านการสอบสวนกรณีอากาศยานประสบอุบัติเหตุของประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งรวมถึงการให้ความช่วยเหลือด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการสอบสวนกรณีอากาศยานประสบอุบัติเหตุ การฝึกอบรม ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพื่อวางมาตรการป้องกันมิให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ ความร่วมมือตามบันทึกความเข้าใจฯ จะดำเนินการภายใต้กฎหมายหรือขั้นตอนการปฏิบัติของภาคีแต่ละฝ่ายเท่านั้น ๑.๒ ให้ประธานกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักร (พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14527 | รายงานสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | รง | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์การใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นการรายงานผลการดำเนินงานตาม ๕ ยุทธศาสตร์ของนโยบายและแผนระดับชาติเพื่อขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้แก่ (๑) การป้องกันการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย เช่น การพัฒนาทักษะการดำเนินชีวิตแก่เด็กเร่ร่อนและเด็กกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยจัดกิจกรรมฝึกทักษะและกระบวนการคิดการวางแผนทางเลือกในการดำเนินชีวิตของเด็กเร่ร่อน (๒) การช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานเด็กจากการทำงานในรูปแบบที่เลวร้าย เช่น จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือสังคม One Stop Crisis Center : OSCC (1300) ทุกสถานีตำรวจในทุกจังหวัด เพื่อช่วยเหลือการกระทำรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและผู้พิการ การตั้งครรภ์ไม่พร้อม การค้ามนุษย์ และแรงงานเด็ก (๓) การพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ตรวจสถานประกอบกิจการที่เสี่ยงต่อการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับ แรงงานขัดหนี้ และการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในกิจการเกี่ยวเนื่องประมงทะเล กิจการผลิตสินค้าจากอ้อย กิจการผลิตเครื่องนุ่งห่ม กุ้ง ปลา ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีก ฟาร์มหมู หรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์ประเภทอื่น ๆ รวมทั้งกิจการที่เป็นห่วงโซ่การผลิต (๔) การพัฒนาความร่วมมือระหว่างองค์กรภาคีเครือข่าย เช่น โครงการประชุมเครือข่ายหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ สำนักงานเลขาธิการองค์การตำรวจสากล สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ ๙-๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และ (๕) การพัฒนาระบบบริหารจัดการและการติดตามประเมินผล เช่น มอบหมายให้สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อดำเนินโครงการศึกษาวิเคราะห์สภาพงานอันตรายสำหรับเด็กในประเทศไทย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14528 | ผลการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2561 | กษ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำหนดมาตรการห้ามการนำเข้ามะพร้าวชั่วคราวในช่วงเวลา ๓ เดือน (สิงหาคม-ตุลาคม) ของปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) เสนอ โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) แก้ไขระเบียบกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้อำนาจของประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำเข้าสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๑๑) พ.ศ. ๒๕๓๙ และ (ฉบับที่ ๑๑๕) พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยระบุว่า จะไม่พิจารณาออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) สำหรับภาษีนอกโควตา สำหรับการนำเข้ามะพร้าวพิกัดศุลกากร ๐๘๐๑.๑๒๐๐ (มะพร้าวทั้งกะลา) ๐๘๐๑.๑๙๑๐ (มะพร้าวอ่อน) และ ๐๘๐๑.๑๙๙๐ (มะพร้าวอื่น ๆ) เป็นระยะเวลา ๓ เดือน (สิงหาคม-ตุลาคม) ของปี ๒๕๖๑ และมอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ร่วมหารือและติดตามสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณาความจำเป็นที่จะต่ออายุมาตรการ โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบมาตรการต่อไป ๑.๒ ที่ประชุมมีมติให้คงคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการจัดสรรโควตาสินค้ามะพร้าว มะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ตาม WTO และเห็นว่า การให้สิทธินำเข้ามะพร้าวแก่ผู้ประกอบการไม่ควรเกิดกรณีการนำเข้าเพื่อกักตุนและส่งผลกระทบต่อราคาในประเทศ จึงมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) พิจารณาแนวทางการบริหารการนำเข้าสินค้ามะพร้าวเพื่อไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้า ๑.๓ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ได้รับหนังสือรับรองที่ไม่รายงานบัญชีสมดุลอัตราการแปรสภาพมะพร้าวผลเป็นเนื้อมะพร้าวขาวในประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน โดยให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ระงับการออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิชำระภาษีตามพันธกรณีตามความตกลงระหว่างประเทศที่ออกโดยกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) จนกว่าจะได้มีการส่งรายงานฯ โดยถูกต้องแล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ติดตามสถานการณ์ในช่วงเวลาดังกล่าว การให้สิทธิแก่ผู้ที่ได้รับการจัดสรรโควตาสินค้ามะพร้าว มะพร้าวฝอย เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ตามพันธกรณีความตกลง WTO และการกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่ได้รับหนังสือรับรองที่ไม่รายงานบัญชีสมดุลอัตราการแปรสภาพมะพร้าว รวมทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรร่วมกันติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการใช้มาตรการดังกล่าวและรายงานให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชได้รับทราบ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการดำเนินการตามแนวทางและมาตรการดังกล่าวที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตาม ตรวจสอบ ควบคุม และบริหารการนำเข้าพืชน้ำมันและน้ำมันพืชให้เป็นไปตามพันธกรณีและข้อตกลงภายใต้ WTO อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในการกวดขันจับกุมการลักลอบนำเข้าสินค้าทางการเกษตรชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะพร้าว น้ำมันมะพร้าว และผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14529 | ขออนุมัติปรับเปลี่ยนกิจกรรมโครงการส่งเสริมการใช้ยางในหน่วยงานภาครัฐปีงบประมาณ 2560 (งบกลาง) | กษ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมปศุสัตว์ดำเนินกิจกรรมเพิ่มศักยภาพอาสาปศุสัตว์ เพื่อเป็นฟาร์มต้นแบบการใช้แผ่นยางปูพื้นคอกปศุสัตว์ ๗,๑๙๖ ราย โดยสนับสนุนแผ่นยางปูพื้นรายละ ๔ แผ่น รวม ๒๘,๗๘๔ แผ่น ซึ่งกรมปศุสัตว์ดำเนินการจัดซื้อแผ่นยางปูพื้นไว้เรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) เร่งรัดติดตามการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามระยะเวลาและเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการชี้แจงการเข้าร่วมโครงการที่ชัดเจน และสำรวจจำนวนผู้ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการอย่างรอบคอบรัดกุม เพื่อให้การดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกันนี้ครั้งต่อไปเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และควรตรวจสอบรายชื่ออาสาปศุสัตว์ที่มีสิทธิ์ได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด และจะต้องไม่เกิดความซ้ำซ้อนกับอาสาปศุสัตว์ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการใช้ยางพาราปูพื้นคอกในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคขุนก่อนหน้านี้แล้ว หรือโครงการอื่นของภาครัฐที่มีวัตถุประสงค์ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการศึกษาและประเมินผลลัพธ์และผลกระทบของกิจกรรมการเพิ่มศักยภาพอาสาปศุสัตว์ เพื่อเป็นฟาร์มต้นแบบการใช้แผ่นยางปูพื้นคอกปศุสัตว์ อันจะก่อให้เกิดการยอมรับในการใช้ประโยชน์จากแผ่นยางปูพื้นคอกปศุสัตว์มากยิ่งขึ้น และส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14530 | ร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ. .... | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินบางประเภทที่ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐกำกับดูแลอย่างชัดเจน เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน คปภ. และสำนักงาน ก.ล.ต. เช่น การกำหนดอัตราเงินเดือนและการออกระเบียบต่าง ๆ ควรพิจารณาเทียบเคียงกับองค์กรอิสระอื่นที่มีรูปแบบการบริหารงานโดยคณะกรรมการด้วย โดยให้คำนึงถึงความประหยัด คุ้มค่า โปร่งใส และประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ การกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจการเงินในลักษณะเดียวกันที่เป็นสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย และที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน ควรมีความเท่าเทียมกัน มีมาตรการสนับสนุนให้มีผู้ให้บริการทางการเงินเข้าเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพื่อเป็นการสร้างฐานข้อมูลเครดิตของประชาชนทั่วไป การกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินโดยไม่ต้องมีคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน การยุบเลิกสำนักนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนกับสำนักงานที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ นอกจากนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินประเภทให้สินเชื่อตามร่างพระราชบัญญัตินี้ยังไม่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อ Home for cash นิติสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการทางการเงินกับลูกค้าหรือผู้ใช้บริการทางการเงินในกรณีที่มีการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการทางการเงิน พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหรือออกคำสั่งทางปกครอง ควรเป็นผู้มีคำสั่งปรับทางปกครองเอง การบัญญัติกฎหมายที่มีโทษทางอาญาแก่ประชาชนโดยเกินความจำเป็น และการนำประมวลกฎหมายอาญามาปรับใช้บังคับ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้ปรับแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางในการจัดทำร่างกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (มาตรา ๒๖ และมาตรา ๘๑ ประกอบกับมาตรา ๒๖๓) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการจัดทำร่างกฎหมายให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เพิ่มเติม) ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14531 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัย สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี) | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัย สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นอากรแสตมป์ให้แก่ผู้ออกใบรับ สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์ กรณีการซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัย สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี เฉพาะการโอนให้แก่ผู้ซื้อทอดตลาดที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการตามร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นควรที่กระทรวงการคลังจะคำนึงถึงระยะเวลาการดำเนินโครงการที่เหมาะสม การสร้างความรับรู้ และความเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งมอบหมายให้กรมบังคับคดีซึ่งเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบโครงการดังกล่าวได้จัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำไว้ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ ตามนัยมาตรา ๒๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14532 | ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี 2558/2559 | อก | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิตปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๓,๖๘๕.๑๖ ล้านบาท จากเดิมต้องชำระให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๑ ออกไปอีกเป็นเวลาประมาณ ๕ ปี เพื่อให้สอดคล้องกับแหล่งรายได้เพื่อการชำระหนี้ที่ชัดเจนต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่ใช้ในการชำระหนี้ดังกล่าว ให้กระทรวงอุตสาหกรรมใช้จ่ายจากเงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายที่มีอยู่ และรายได้ที่คาดว่าจะนำส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามพันธกรณีและข้อตกลงของไทยภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรเร่งดำเนินการชำระหนี้ดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารกรุงไทยฯ เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังในอนาคต ควรพิจารณาดำเนินการทบทวนระเบียบ มาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และแนวทางการจัดเก็บรายได้เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน รวมทั้งควรบริหารจัดการไม่ให้การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้นสูงกว่าราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ซึ่งก่อให้เกิดภาระแก่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14533 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... | สธ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ โดยกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติเป็นคณะกรรมการระดับชาติ ทำหน้าที่กำหนดนโยบายสุขภาพแห่งชาติเพื่อกำหนดทิศทางและนโยบายหลักด้านสุขภาพของประเทศและประชาชนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีเอกภาพ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เช่น อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายสุขภาพแห่งชาติ ควรพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินการของคณะกรรมการระดับชาติด้านสาธารณสุขคณะอื่น ๆ และพิจารณาความสอดคล้องกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความจำเป็นต้องมีพระราชบัญญัตินี้ ควรพิจารณาความสอดคล้องกับมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งพึงใช้ระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น และการพิจารณาความซ้ำซ้อนกับหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หากจำเป็นต้องมีคณะกรรมการเพื่อทำภารกิจนี้ ควรยุบเลิกคณะกรรมการชุดเดิม หรือยุบรวมกันหรือไม่ นอกจากนี้ ควรกำหนดความเชื่อมโยงของคณะกรรมการด้านสุขภาพแต่ละคณะไว้ด้วย เพื่อให้การดำเนินงานด้านระบบสุขภาพของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14534 | รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร11 | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา ๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยความคืบหน้าการพิจารณาคัดเลือกกิจกรรม/โครงการที่มีความเร่งด่วน จำนวน ๔๐ เรื่อง รวมทั้งร่างกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ จำนวน ๒๘ ฉบับ ซึ่งสามารถเห็นผลได้เป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา ๒-๘ เดือน (Quick Win) สำหรับปัญหาอุปสรรค คือ หน่วยงานแจ้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศมายังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวม ๘ หน่วยงาน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านที่เกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย และในส่วนของข้อเสนอแนะ คือ ให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบตามแผนการปฏิรูปประเทศเร่งตรวจสอบการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งรายงานแผนงาน/โครงการที่มีความสอดคล้องกับร่างยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนอื่น ๆ ตามระยะเวลาที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนดเพื่อให้สามารถประมวลผลและจัดทำรายงานเสนอภายในระยะเวลาตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล) เป็นผู้ชี้แจงรายงานดังกล่าวต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14535 | การเข้าร่วมการประชุมกรุงลอนดอนว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (London Conference on the Illegal Wildlife Trade) | ทส | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมกรุงลอนดอนว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (London Conference on the Illegal Wildlife Trade) ครั้งที่ ๔ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว ได้แก่ (๑) ปฏิญญาลอนดอนว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (London Declaration on Illegal Wildlife Trade) พ.ศ. ๒๕๕๗ (๒) แถลงการณ์คาซาเนว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Kasane Statement on Illegal Wildlife Trade) พ.ศ. ๒๕๕๘ (๓) แถลงการณ์ฮานอยว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Hanoi Statement on Illegal Wildlife Trade) พ.ศ. ๒๕๕๙ และ (๔) ร่างแถลงการณ์ของการประชุมกรุงลอนดอนว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย (Illegal Wildlife Trade Conference Statement) ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๖๑ พร้อมร่างคำมั่นสัญญาของประเทศไทย (Thailand commitments) ในภาคผนวก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ของการประชุมกรุงลอนดอนฯ พร้อมร่างคำมั่นสัญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงการแถลงการณ์และปฏิญญาฯ ดังกล่าวอย่างทั่วถึง เพื่อให้ทราบถึงสิ่งที่รัฐบาลได้ร่วมรับรองไว้กับประเทศอื่น ๆ และร่วมกันปฏิบัติให้เป็นไปตามแนวทางที่ได้ร่วมแถลงการณ์และปฏิญญาฯ นั้น เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัยากรโดยรวมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14536 | ขออนุมัติดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ระยะที่ 2, 3 และ 4 ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. 2559 - 2567) | พม | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ระยะที่ ๒, ๓ และ ๔ ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗) ของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) โดยโครงการฯ ตั้งอยู่บนพื้นที่ราชพัสดุของกระทรวงการคลัง โดย กคช. เป็นผู้ใช้ที่ดินเพื่อจัดทำโครงการฯ รวม ๔๐.๕๗ ไร่ โดยจะพัฒนาเป็นอาคารสูง ๒๖-๓๕ ชั้น จำนวน ๑๐ อาคาร รวมจำนวนหน่วยพักอาศัย ๖,๒๑๒ หน่วย โดยทุกระยะ มีขนาดห้องพัก ๓๓ ตารางเมตร สำหรับวงเงินลงทุนค่าก่อสร้าง (ให้กำหนดในวงเงิน ๙,๘๗๒.๑๑๙ ล้านบาท) การชดเชยดอกเบี้ยและการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย เห็นควรให้รัฐบาลสนับสนุนการชดเชยดอกเบี้ยตามต้นทุนการกู้เงินที่แท้จริงแต่ไม่เกินร้อยละ ๒.๑๕ ต่อปี สำหรับรายละเอียดของการสนับสนุนการชดเชยดอกเบี้ย เห็นควรให้ กคช. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ส่วนการจัดหาแหล่งเงินทุน เห็นควรให้ กคช. กู้เงินภายในประเทศเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของโครงการฯ โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ วงเงิน ๙,๗๗๕.๐๖๒ ล้านบาท และให้ กคช. พิจารณาใช้เงินรายได้ของ กคช. เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่ดินและค่าจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม วงเงิน ๙๗.๐๕๕ ล้านบาท สำหรับการยกเว้นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันเงินกู้ ให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ การดำเนินโครงการฯ ในแต่ละระยะ ให้ กคช. ดำเนินการได้ต่อเมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว ๒. เห็นชอบในหลักการเพิ่มหมวดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่ดิน โดยปรับเกลี่ยจากกรอบงบประมาณ ๓๕,๗๕๔.๒๕ ล้านบาท ตามแผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗) และหลักการบริหารจัดการคนเข้าอยู่อาศัยในโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ระยะที่ ๑-๔ ในกรณีที่มีหน่วยงานพักอาศัยคงเหลือจากการบรรจุผู้อยู่อาศัยเดิมในแต่ละระยะของโครงการฯ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย กคช. กำกับ ติดตามการดำเนินโครงการฯ ให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการกำหนดมาตรการในการบริหารโครงการฯ ให้มีประสิทธิภาพ เช่น การหาข้อยุติการกำหนดอัตราค่าเช่ากับกรมธนารักษ์ การจองสิทธิเช่าอาคารของผู้พักอาศัย การควบคุมระยะเวลาดำเนินโครงการ การเตรียมความพร้อมเรื่องการบำบัดน้ำเสียและการกำจัดขยะอย่างเป็นระบบ รวมถึงระบบคมนาคมที่จะแออัดและคับคั่ง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14537 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | นร07 | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๑,๓๗๘ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น ๒๘๓,๗๐๘.๕ ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๕๙ รายการ วงเงิน ๑๒๒,๕๐๕.๙ ล้านบาท เห็นควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นเจ้าของเรื่องพิจารณา และนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ที่ไม่สามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณข้อ ๑.๓ และข้อ ๑.๖ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามที่เสนอได้ ๑.๓ รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน ในกรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น สามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๑.๔ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเฉพาะรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ขอให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลและเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนฯ และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14538 | โครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต | อก | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการเงินช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต โดยจ่ายเงินช่วยเหลือแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อนำไปจัดหาปัจจัยการผลิตที่จำเป็น ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อยกับสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย และเป็นคู่สัญญากับโรงงาน หรือมีการลงอ้อยผ่านหัวหน้ากลุ่มชาวไร่อ้อย จำนวนประมาณ ๓๔๐,๐๐๐ ราย ในอัตราตันอ้อยละไม่เกิน ๕๐ บาท รายละไม่เกิน ๕,๐๐๐ ตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดรายละเอียดคำจำกัดความ หลักเกณฑ์ของผู้ผลิตที่มีรายได้ต่ำหรือมีทรัพยากรไม่สมบูรณ์ เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีภายใต้องค์การการค้าโลกอย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายขอรับจัดสรรงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และได้ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนแล้ว ภายในวงเงินไม่เกิน ๖,๕๐๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงบประมาณ เช่น ควรมีมาตรการหรือแนวทางรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนและไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบประมาณหรือภาระทางการคลังในอนาคต ควรเน้นการให้องค์ความรู้ ส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยี กระบวนการเพาะปลูกสมัยใหม่แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตของชาวไร่อ้อยเป็นการด่วน และส่งเสริมให้มีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าหรือสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งภายในอุตสาหกรรมและต่อยอดจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายไปยังอุตสาหกรรมอื่น รวมทั้งควรควบคุม ตรวจสอบ กำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยให้ถึงมือชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิ์ตามโครงการฯ ให้ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ เกิดความเป็นธรรม และดำเนินภารกิจอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งกลไกในการติดตามและกำกับดูแลการดำเนินนโยบายของหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับการอุดหนุนสินค้าเกษตรให้เป็นตามพันธกรณีและข้อตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก ๓. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงทำความเข้าใจกับประเทศบราซิลว่า การดำเนินนโยบายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยเป็นไปตามพันธกรณีและข้อตกลงภายใต้องค์การการค้าโลก และเป็นไปตามที่ไทยได้เคยแจ้งไว้กับประเทศบราซิล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14539 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกันยายน 2561 | นร11 | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศที่สำคัญ เช่น ผลประชุมประจำปี ๒๕๖๑ เรื่อง “ยุทธศาสตร์ชาติ อนาคตไทย อนาคตเรา” เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๑ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในแนวคิดและสาระสำคัญของร่างยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ความคืบหน้าในการขับเคลื่อนกิจกรรม/โครงการเร่งด่วน (Quick Win) การเร่งรัดกฎหมายภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งความคืบหน้าในการจัดทำสัญลักษณ์ในการสื่อสาร (Logo) ภาพสื่อสารหลัก (Key Visual) และเพลง “อนาคตเรา” เพื่อใช้สำหรับการสร้างการตระหนักรู้ต่อยุทธศาสตร์ชาติ เป็นต้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14540 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 8/2561 | นร04 | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอว่า นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๘/๒๕๖๑ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ๒ (เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่) โดยนายกรัฐมนตรีกำหนดตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดพะเยา จังหวัดเชียงราย และจัดประชุมคณะรัฐมนตรีฯ ในวันอังคารที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงราย
|
.....