ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 726 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 14501 - 14520 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
14501 | การดำรงตำแหน่งประธาน ก.พ. อาเซียน ของประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2562 - 2563 | นร10 | 16/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำรงตำแหน่งประธาน ก.พ. อาเซียน ของประเทศไทย ต่อจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ และภารกิจต่าง ๆ ซึ่งสำนักงาน ก.พ. มีกำหนดรับมอบตำแหน่งดังกล่าวในระหว่างการเข้าร่วมการประชุมผู้นำว่าด้วยความร่วมมืออาเซียนด้านกิจการราชการพลเรือน หรือ ASEAN Cooperation on Civil Service Matters (ACCSM) ครั้งที่ ๑๙ (The 19th Heads of Civil Service Meeting for the ACCSM) ในวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ซึ่งการดำรงตำแหน่งประธาน ก.พ. อาเซียน ของประเทศไทยจะต้องมีการเตรียมการเป็นเจ้าภาพและฝ่ายเลขานุการจัดการประชุม ก.พ. อาเซียน ครั้งที่ ๒๐ (The 20th ACCSM Meeting) ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ ได้แก่ (๑) กำหนดแนวคิดหลัก (Theme) ของการประชุมว่า “Accelerating Agile ASEAN Civil Service” เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดหลักของการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (๒) กำหนดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมที่ต้องการผลักดันและดำเนินการให้แล้วเสร็จในวาระการดำรงตำแหน่งประธาน ก.พ. อาเซียน และ (๓) กำหนดแผนการจัดประชุมฯ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓ จำนวน ๘ คณะ ซึ่งสำนักงาน ก.พ. ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อดำเนินงานจัดประชุมฯ จำนวน ๒ ครั้ง สำหรับ ๓ คณะ จำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนการประชุมอีก ๕ คณะ จะขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14502 | การรับรองร่างปฏิญญารัฐมนตรีหัวข้อ "Navigating policy with data to leave no one behind" สำหรับการประชุมคณะกรรมการด้านสถิติภายใต้เอสแคป สมัยที่ 6 | ดศ | 16/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญารัฐมนตรีหัวข้อ “Navigating policy with data to leave no one behind” ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมคณะกรรมการด้านสถิติภายใต้เอสแคป สมัยที่ ๖ ในช่วงการประชุมระดับสูง (high-level segment) วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพของระบบสถิติของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะการจัดให้มีการพัฒนาและเสริมสร้างสถิติทางการ (Official Statistics) ที่เชื่อได้และทันต่อเวลา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์และการจัดทำนโยบายต่าง ๆ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14503 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 16/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ รวมจำนวน ๙,๒๑๗.๒๕๖ ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม และ ขสมก. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ ขสมก. และกระทรวงคมนาคมพิจารณาดำเนินการกู้เงินให้สอดคล้องกับมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ให้กระทำด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ และการกระจายภาระการชำระหนี้ของ ขสมก. ด้วย นอกจากนี้ เห็นควรให้ ขสมก. เร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะแนวทางในการเพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินอย่างยั่งยืน รวมทั้งให้คำนึงถึงภาระของรัฐบาล เพื่อให้ทราบถึงภาระงบประมาณที่รัฐจะต้องสนับสนุน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14504 | ร่างความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม 2561)] | นร | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างความตกลงว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียนต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14505 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการจำหน่ายที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในท้องที่ตำบลคลองประเวศ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม 2561)] | นร | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการจำหน่ายที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในท้องที่ตำบลคลองประเวศ อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14506 | การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง | นร05 | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง จำนวน ๗ มติ ดังนี้ ๑.๑ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝดระหว่างจังหวัดนครพนมกับจังหวัดฮาติงห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) เฉพาะในส่วนของข้อ ๒ ๑.๒ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง) ๑.๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๙ (เรื่อง การเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีกรณีเป็นเรื่องเกี่ยวกับความตกลงเมืองพี่เมืองน้อง และความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของไทยกับต่างประเทศ) ๑.๔ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง การรวบรวมข้อมูลการทำความตกลงเมืองพี่เมืองน้อง) ๑.๕ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ [เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City) ระหว่างแม่สอดและเมียวดีเพื่อผลักดันการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก] เฉพาะในส่วนของข้อ ๒ ๑.๖ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๐ [เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน)] เฉพาะในส่วนของข้อ ๒ และข้อ ๓ ๑.๗ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง) ๒. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ให้กระทำในระดับจังหวัดของไทยกับจังหวัดหรือหน่วยการปกครองของต่างประเทศที่มีฐานะเทียบเท่าจังหวัดของไทย กรณีการสถาปนาความสัมพันธ์ฯ ในระดับที่ต่ำกว่าจังหวัดของไทยอาจอนุโลมได้เป็นรายกรณี โดยให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมร่วมกันเป็นรายกรณีไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๓. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) และร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) เพื่อการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องฉบับมาตรฐาน (ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) ที่ยกร่างโดยกระทรวงการต่างประเทศเพื่อใช้ดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14507 | รัฐบาลสาธารณรัฐอินเดียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย [นางสุจิตรา ทุไร (Ms.Suchitra Durai)] | กต | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุจิตรา ทุไร (Ms.Suchitra Durai) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายภควันต สิงห พิศโนอี (Mr. Bhagwant Singh Bishnoi) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14508 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายอะซีซ อะลีเยฟ (Mr. Aziz Aliev)] | กต | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอะซีซ อะลีเยฟ (Mr. Aziz Aliev) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐอุซเบกิสถานประจำประเทศไทย สืบแทน นายอิสลาม เบกเมอซาเยฟ (Mr. Islam Bermirzaev) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14509 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายศักดิ์สกล จินดาสวัสดิ์) | รง | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายศักดิ์สกล จินดาสวัสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาวิชาการแรงงาน (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14510 | การแต่งตั้งผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) (นายเชวง ไทยยิ่ง) | นร09 | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเชวง ไทยยิ่ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14511 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ 10 | กก | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ ๑๐ (10th APEC Tourism Ministerial Meeting : TMM 10) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอิทธิพล คุณปลื้ม) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมภายใต้หัวข้อ “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและครบวงจรในยุคดิจิทัลสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” (Harnessing Sustainable and Inclusive Tourism in the Digital Age for the Asia-Pacific) โดยผลการประชุม TMM 10 ที่ประชุมได้ตระหนักถึงบทบาทของการท่องเที่ยวในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งถือเป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนที่สามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับประชาชน ชุมชน และประเทศไทย รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เช่น การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันผ่านการบูรณาการระหว่างคณะทำงานด้านต่าง ๆ ในกรอบความร่วมมือเอเปค บทบาทของสตรีกับการท่องเที่ยว ตลอดจนแผนการทำงานปี ค.ศ. ๒๐๑๘ และแผนยุทธศาสตร์ปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๙ เป็นต้น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับรองร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปคประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑) เห็นชอบไว้ โดยได้มีการตัดถ้อยคำบางส่วนออกเพื่อให้ข้อความมีความกระชับ ชัดเจน และถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ รวมถึงได้เพิ่มเนื้อหาใหม่ด้วย ซึ่งการปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ เป็นการปรับเปลี่ยนในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14512 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 10 (10th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) | นร11 | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๐ (the 10th Mekong-Japan Economic Ministers Meeting) เมื่อวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ มีสาระสำคัญเป็นการหารือและร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อผลักดันการดำเนินงานของประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (ไทย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และญี่ปุ่น ภายใต้วิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Industrial Development Vision : MIDV) และร่างวิสัยทัศน์ MIDV ภายหลังปี ๒๕๖๓ (MIDV 2.0) ในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนากฎระเบียบ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งปรับปรุงถ้อยคำในแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๐ (Joint Media Statement) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. สำหรับข้อเสนอแผนการดำเนินงานระยะเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขงกับญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (Mekong-Japan Economic and Industrial Cooperation Initiative : MJ-CI) นั้น เนื่องจากข้อเสนอแผนการดำเนินงานดังกล่าว เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและผลักดัน การดำเนินงานการอำนวยความสะดวกการคมนาคมขนส่งและการค้า และการส่งเสริมการวิจัยและสร้างนวัตกรรม เป็นต้น เป็นเพียงแนวทางการดำเนินงานเพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและญี่ปุ่นมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายไว้เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14513 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ | ยธ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตามมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ซึ่งการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวส่วนใหญ่สามารถดำเนินการจนบรรลุผล เช่น ทบทวนและปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อตั้งสถานบริการ (Zoning) ครบถ้วนแล้ว ๗๗ จังหวัด และจัดทำโครงการจัดทำระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อพัฒนาระบบการเฝ้าระวังการจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่โซนนิ่งบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา และการกระทำผิดกฎหมายตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๒/๒๕๕๘ เป็นต้น สำหรับปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ได้แก่ ปัญหาอุปสรรคในการส่งต่อข้อมูลจากตำรวจมายังกรมกิจการเด็กและเยาวชน (บ้านพักเด็กและครอบครัว) ในกรณีที่มีการจับกุมเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมรวมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือมีพฤติการณ์ที่น่าจะนำไปสู่การแข่งรถในทาง และกรณีเด็กประพฤติตนไม่สมควรเข้าไปใช้บริการในสถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกับสถานบริการ ๑.๒ เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาอุปสรรค ได้แก่ (๑) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอำนาจหน้าที่หรือที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ เข้ามาช่วยในการติดตามเยี่ยมบ้านเด็กและเยาวชน และ (๒) ให้กรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จัดทำฐานข้อมูลกลางของเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงที่มีพฤติกรรมกลุ่มหรือมั่วสุมในลักษณะหรือมีพฤติการณ์ที่น่าจะนำไปสู่การแข่งรถในทาง หรือประพฤติตนไม่สมควร หรือเป็นแกนนำในการก่อเหตุทะเลาะวิวาท ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแนวทางการดำเนินการเข้าร่วมกิจกรรมในแต่ละประเภทพื้นที่เชิงบวกควบคู่กับการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรกำหนดแนวทางและระยะเวลาในการส่งต่อข้อมูลให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยงและพื้นที่สุ่มเสี่ยง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่เพื่อส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์ของสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น การปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนมีจิตใจโอบอ้อมอารี ให้ความช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน การจัดตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในสายทาง/บริเวณที่เป็นจุดล่อแหลมหรือจุดเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรมขึ้น การตรวจค้นบุคคลหรือยานพาหนะที่มีความเสี่ยงในการกระทำผิดกฎหมายอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิดและสร้างความเชื่อมั่นในด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14514 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม พ.ศ. .... | วท | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสาขาธรณีวิทยาและสาขาอนามัยสิ่งแวดล้อมเป็นวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แก่ (๑) ต้องให้ความสำคัญกับประเด็นคุณสมบัติและจรรยาบรรณทางวิชาชีพ รวมถึงความโปร่งใสในการกำกับดูแล เพื่อป้องกันปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างสาขาวิชาชีพที่ใกล้เคียงกัน และ (๒) การกำกับควบคุมการประกอบวิชาชีพธรณีวิทยาและวิชาชีพอนามัยสิ่งแวดล้อมภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวได้รับการยกเว้นเมื่อกระทำในอำนาจหน้าที่ในฐานะข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาจเกิดความลักลั่นในการบังคับใช้กฎหมายระหว่างข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกับบุคคลทั่วไปได้ เนื่องจากพระราชบัญญัติวิชาชีพอื่น ๆ เช่น พระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๖ พระราชบัญญัติวิศวกร พ.ศ. ๒๕๔๒ และพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. ๒๕๔๓ มีผลบังคับใช้เป็นการทั่วไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14515 | ร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของธุรกิจ เหมาะสมกับสภาวการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำกับดูแลตัวแทนประกันชีวิต นายหน้าประกันชีวิต ผู้ประเมินวินาศภัย ตัวแทนประกันวินาศภัย และนายหน้าประกันวินาศภัย ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับการทำธุรกิจประกันภัยผ่านเทคโนโลยี ตลอดจนเพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการฉ้อฉลประกันภัย และให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14516 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิต และเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี ลักษณะแสตมป์สำหรับยาสูบชนิดอื่นที่ผลิตในราชอาณาจักร นอกจากบุหรี่ซิกาแรต ขนาดบรรจุต่ำกว่า ๒๐ กรัม และขนาดบรรจุตั้งแต่ ๒๐ กรัมขึ้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14517 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถจากการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ไทยตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 3 พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถจากการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ไทยตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๓ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถที่อยู่ในระหว่างการให้ลูกหนี้เช่าซื้อสำหรับธนาคารพาณิชย์ไทยที่ควบรวมกิจการตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๓ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการโอนทะเบียนรถที่อยู่ในระหว่างการให้ลูกหนี้เช่าซื้อจากการควบรวมกิจการของธนาคารพาณิชย์ไทยตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ ๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14518 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. .... | สธ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชน เพื่อให้สภาการสาธารณสุขชุมชนมีรายได้เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการบริหารจัดการได้อย่างคล่องตัวและให้บริการแก่ผู้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการสาธารณสุขชุมชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14519 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำผ่านไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย และกำหนดให้ถ่านไม้ที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและนำผ่านมาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำผ่านไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย และกำหนดให้ถ่านไม้ที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและนำผ่านมาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกและนำผ่านไปยังสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย และกำหนดให้ถ่านไม้ที่ส่งมาจากหรือมีแหล่งกำเนิดจากสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้าและนำผ่านมาในราชอาณาจักร เพื่อให้สอดคล้องตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๓๘๕ (ค.ศ.๒๐๑๗) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
14520 | สรุปผลการดำเนินงานศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา | ศธ | 10/10/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการจัดทำแผนพัฒนากำลังคนสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และดำเนินการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนาคนอาชีวศึกษา เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาทั่วทุกภูมิภาค ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนากำลังคนสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และรองรับการลงทุนใน ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ รวมทั้งได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ทั่วทุกภูมิภาค ครอบคลุมพื้นที่ ๗๗ จังหวัด รวมทั้งสิ้นจำนวน ๑๘ แห่ง ได้แก่ ภาคตะวันออก ๓ แห่ง ภาคใต้ชายแดน ๑ แห่ง ภาคกลาง ๔ แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๕ แห่ง ภาคเหนือ ๓ แห่ง และภาคใต้ ๒ แห่ง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
.....