ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1885 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37681 - 37700 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37681 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึงและการได้รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับร่างระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์
และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการเข้าถึง และการได้ รับประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้รับ ความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า ร่างข้อ 4 ควรเพิ่มพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. 2525 และฉบับเพิ่มเติม พ.ศ. 2544 ปรากฏอยู่ด้วยก่อนคำว่า หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรชีวภาพ และร่าง ข้อ 10 และ 11 การขอรับใบอนุญาตเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาคำขอและแจ้งผลภาย ใน 90 วัน ต่อจากนั้นให้จัดทำข้อตกลงกับผู้ยื่นคำขอใบอนุญาต ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งอนุญาต และ แจ้งให้ผู้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตส่งแผนงานโครงการ ฯ ฉบับสมบูรณ์ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งเมื่อจัด ทำข้อตกลง ข้อความที่ให้ทำข้อตกลงภายใน 15 วัน ไม่ชัดเจน ควรระบุว่าให้ดำเนินการเตรียมทำข้อตกลง รวมทั้ง ความเห็นเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ตอบแทนกรณีขอเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพ (ส่วนที่ 3) ซึ่งกำหนดให้ผู้ยื่นคำขอใบ อนุญาตที่ได้รับคำสั่งอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐแล้วให้กำหนดสิทธิและประโยชน์ตอบแทนที่จะจ่ายให้กับชุมชน ท้องถิ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพยากรชีวภาพ นั้น ควรมีความหมายรวมถึง การให้การศึกษา และความรู้เกี่ยวกับ ทรัพยากรชีวภาพ และผลกระทบต่าง ๆ อันเกิดจากการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพกับประชาชนในชุมชน ท้องถิ่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เพื่อสร้างความตระหนักถึงคุณค่าและส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนร่วมกันอนุรักษ์ และใช้ความหลากหลายทางชีวภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ไปพิจารณาด้วย แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา อีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37682 | โครงการสินเชื่อสำหรับการจัดซื้อรถตัดอ้อยเพื่อแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ และการขาดแคลนแรงงาน | อก | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติวงเงินกู้ปีละ 1,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี (ปี พ.ศ. 2553-2555) เพื่อใช้ใน
การดำเนินโครงการสินเชื่อสำหรับการจัดซื้อรถตัดอ้อยเพื่อแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้และการขาดแคลนแรงงาน โดย ใช้เงินกู้จากวงเงินสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการปลูกอ้อยจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ ได้รับปีละ 10,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังประสาน ธ.ก.ส. เพื่อพิจารณาสนับสนุนสินเชื่อในอัตราดอก เบี้ยผ่อนปรนให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยที่จะมาขอกู้ และดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตรต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการให้สิทธิกลุ่มชาวไร่อ้อยเป็นลำดับแรก และการกำกับดูแลค่าบริการใช้รถตัดอ้อยให้อยู่ในระดับที่เหมาะ สมเป็นธรรม รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงการติดตามผลการดำเนินการ และการสนับสนุนสินเชื่อจัดซื้อรถตัดอ้อย ที่ควรให้ความสำคัญกับการรวมกลุ่มของเกษตรกร การสำรวจความต้อง การใช้รถ และการวางแผนปรับสภาพพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับการทำงานของรถตัดอ้อย ไปพิจารณาดำเนิน การในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37683 | การปรับปรุงหลักการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหาร | นร | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักการการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารที่ได้ปรับปรุงใหม่ และ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องซึ่งมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ และให้คณะกรรมการพัฒนา ระบบราชการเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีในการจำแนกประเภทให้แก่หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้ง ขึ้นใหม่ และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ 2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบ ประมาณ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เกี่ยวกับกรณีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในเกณฑ์ที่อาจปรับสถานภาพ เป็นองค์การมหาชน จำนวน 10 แห่ง ประกอบด้วยองค์การสวนสัตว์ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การกีฬาแห่งประเทศไทย สถาบันการบิน พลเรือน องค์การสวนพฤกษศาสตร์ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ องค์การจัดการน้ำเสีย และองค์การ ตลาดเพื่อเกษตรกร เนื่องจากรัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะตามสถานะการดำเนินงานที่แตก ต่างกัน และปัจจุบันมีระบบการกำกับดูแลที่ชัดเจนโดยเฉพาะระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะมี การประเมินผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นประจำทุกปี หากปรับสถานภาพหน่วยงานเหล่านั้นเป็นองค์การมหาชนอาจ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงานในหลายด้าน ตลอดจนสภาพการจ้างงานของบุคลากรในองค์กร และการ ดำเนินงานขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายต่าง ๆ จึงเห็นควรคงสถานภาพหน่วยงานดังกล่าวเป็นรัฐวิสาหกิจ เช่นเดิม ส่วนกรณีที่เสนอให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเป็นผู้พิจารณาเสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีใน การจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นใหม่ นั้น ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยว ข้องและนำเสนอคณะรัฐมนตรีในคราวเดียวกันเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ไปพิจารณาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37684 | ร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน | ยธ | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2552-2556) โดยเป็นแผนระดับ ชาติ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้ในการส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งยังเป็นการสร้างหลักประกันสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชน และพัฒนาระบบงานด้านสิทธิมนุษยชนในภาพ รวมอย่างมีเอกภาพของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนดัง กล่าวไปสู่การปฏิบัติด้วยการแปลงแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติไปสู่แผนบริหารราชการแผ่นดิน แผนปฏิบัติราชการ กระทรวง กรม แผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แผนพัฒนาองค์กรชุมชน แผนพัฒนาขององค์กรในระดับ ภูมิภาค แผนพัฒนาองค์กรสาธารณะ ตลอดจนแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วจัดทำเป็นโครงการ/กิจกรรมเพื่อรองรับการ ดำเนินภารกิจแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาสนับสนุนอัตรากำลังข้าราชการ จำนวน 20 คน เพื่อดำเนินการ ภารกิจแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในการจัดทำและพัฒนาแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การส่งเสริมให้มีการปฏิบัติ ตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ การสร้างกลไก มาตรการ กฎหมาย หรือเครื่องมือเพื่อรองรับการดำเนินงานและ การติดตามประเมินผลแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ให้แก่กระทรวงยุติธรรม โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงแรงงาน กระทรวง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงาน ป.ป.ช. ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดสภาพแวด ล้อมทางกายภาพระบบขนส่งสาธารณะ และการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ที่ตอบสนองต่อการให้บริการแก่ผู้ สูงอายุ และคนพิการในด้านต่าง ๆ รวมทั้งควรมีการสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกจังหวัด และใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นเครื่องมือ เพื่อให้เกิดการประสานงานและการใช้ประโยชน์จากฐาน ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องการป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนการนำแผนไปสู่การปฏิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่ พิเศษ ซึ่งเป็นพื้นที่อ่อนไหวและมีปัญหากระทบต่อความมั่นคง ควรมีการกำกับดูแลให้มีการดำเนินการอย่างเหมาะ สม และเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อมิให้เกิดข้อจำกัดต่อการปฏิบัติของภาครัฐในการแก้ปัญหาภายใต้กรอบของกฎ หมาย และให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักเรื่องสิทธิมนุษยชนต่อภาคประชาชนโดยตรงควบคู่ไปกับการ ดำเนินการต่อองค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37685 | การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและ การออกแบบนิทรรศการระหว่างสถาบันวัฒนธรรมแห่งสาธารณรัฐเปรู และกรมศิลปากรแห่งราชอาณาจักรไทย | วธ | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
1. ให้ร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศการระหว่างสถาบัน วัฒนธรรมแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐเปรู และกรมศิลปากรแห่งราชอาณาจักรไทย ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เนื่องจากสาระสำคัญของร่างความตกลง ฯ เป็นเรื่องความ ร่วมมือทางด้านวิชาการ ด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษา และการออกแบบนิทรรศการ รวมทั้งวิชาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนอาณาเขตประเทศไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขต ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิ อธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทาง เศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน อย่างมีนัยสำคัญ 2. อนุมัติให้กรมศิลปากรทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านพิพิธภัณฑ์ศึกษาและการออกแบบนิทรรศ การระหว่างสถาบันวัฒนธรรมแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐเปรู และกรมศิลปากรแห่งราชอาณาจักรไทย และให้อธิบดี กรมศิลปากรเป็นผู้มีอำนาจลงนามในความตกลง ฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37686 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทย ฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สาขาวิชา อุตสาหกรรมศาสตร์ ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2552 และกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับ สาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาอุตสาหกรรมศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นใน การกำหนดให้ร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีผลใช้บังคับย้อนหลังเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาในการนำร่างพระ ราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายต่อไป 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการกำชับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษา ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2541 ที่กำหนดหลักการว่า เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรสาขาวิชา ใดแล้วจะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขา วิชานั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อมิให้มีการเสนอขอให้พระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในแต่ละสาขาวิชามีผลใช้บังคับย้อนหลัง ซึ่งเป็นการไม่เหมาะสมและไม่บังควร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37687 | ขออนุมัติหลักการยกเว้นดำเนินการตามกรอบและหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยว | กก | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการยกเว้นดำเนินการตามกรอบและหลักเกณฑ์การดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้าน การท่องเที่ยวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2551 รวม 5,171 ราย เป็นเงิน 22,438,268.94 บาท และอนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่องเที่ยวดังกล่าว โดยให้ เบิกจ่ายจากงบประมาณที่เหลือจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงิน สำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงิน 1,912,970,000 บาท ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเมื่อวันที่ 9 ธันวา คม 2551 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ 2. ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเยียวยาผู้ประสบวิกฤตด้านการท่อง เที่ยวดังกล่าว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาเพื่อปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37688 | การจัดงานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (OTOP CITY) ครั้งที่ 6 ปี 2552 | มท | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ใช้งบประมาณเพื่อการจัดงานเมืองแห่งภูมิปัญญาไทย (OTOP CITY)
ครั้งที่ 6 ปี 2552 ในวงเงิน 140 ล้านบาท จากโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (เพิ่มเติมครั้ง ที่ 2) โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอรับการสนับสนุนการดำเนินงาน จากคณะรัฐมนตรี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ [ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2552 (เรื่อง ขออนุมัติโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555) (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) อนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง เสนอไว้แล้ว] โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37689 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร) | คค | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมติดตามกำกับดูแลการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่ -บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้อยู่ในกรอบวงเงินค่าก่อสร้างงานโยธา จำนวน รวม 36,055 ล้านบาท ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 (เรื่อง ขออนุมัติขยายกรอบวง เงินค่าก่อสร้างงานโยธาและค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) และวันที่ 11 สิงหาคม 2552 (เรื่อง การดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ) อย่างเคร่งครัด ด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37690 | ขออนุมัติลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการจัดการด้านการเงินสำหรับงานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจเหนือ - ใต้ (ห้วยทราย - เชียงของ) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง ค่าควบคุมงาน | คค | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการลงนามร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีนว่าด้วยการจัดการด้านการเงินสำหรับงานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงตามแนวเศรษฐกิจ เหนือ-ใต้ (ห้วยทราย-เชียงของ) ของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่าง ความตกลงดังกล่าว ที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนามและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ก็ให้กระทรวงคมนาคม สามารถดำเนินการได้โดยประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และให้รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออก หนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้แทน สำหรับการลงนามดัง กล่าว รวมทั้งอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างโครงการ ฯ ในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบเป็นเงิน 812 ล้านบาท และเพิ่มวงเงินค่าควบคุมงานในส่วนที่รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบเป็นเงิน 45.5 ล้านบาท และขยายระยะเวลาก่อ หนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2555 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2556 และ อนุมัติในหลักการการจ่ายค่างานส่วนที่เพิ่มขึ้นโดยเจียดจ่ายจากงบประมาณปกติ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2551 (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพอื่น) ในการคำนวณราคา กลางงานก่อสร้างให้เป็นปัจจุบันก่อนดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและเสนอผลการจัดซื้อจัดจ้างให้สำนักงบประมาณ พิจารณาความเหมาะสมของราคาอีกครั้งหนึ่งตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2534 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมกำกับ การดำเนินงานก่อสร้างให้เป็นไปตามกำหนดเวลา และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นเกี่ยวกับกระบวน การของความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถอำนวยความสะดวกการขนส่งและการเดินทางข้ามพรมแดนได้เมื่อสะพานก่อ สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2556 ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37691 | ขออนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้สำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ 1.1 อนุมัติการจัดสรรเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริม สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 วงเงิน 149,999.8371 ล้านบาท โดยโครงการใดที่เข้าข่ายต้องดำเนิน การตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและ กฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยให้ดำเนินการบันทึกข้อมูลรายละเอียดโครงการ พื้นที่การดำเนินงาน แผน การดำเนินงาน และแผนการเบิกจ่ายเงินสำหรับโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในระบบ e-Budgeting SP และให้สำนักงบประมาณเป็นผู้พิจารณาจัดสรรวงเงินกู้ตามแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงิน 1.2 อนุมัติกรอบการใช้จ่ายเงินกู้และนำเสนอกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนด ฯ ต่อรัฐสภา เพื่อทราบ 1.3 เห็นชอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) พิจารณาดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 โดยให้ดำเนิน การใช้จ่ายเงินตามแผนงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2553 และให้คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ องค์ปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการปฏิบัติเพื่อให้ อปท. ปฏิบัติต่อไป 1.4 เห็นชอบให้หน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรเงินกู้จากพระราชกำหนด ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจสอบมูลค่างาน กำกับ ติดตามการดำเนินการเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และป้องกันการกระทำอันเป็น ทุจริต โดยให้หัวหน้าส่วนราชการรับผิดชอบโครงการที่ได้เสนอมาและได้รับจัดสรรเงินกู้เพื่อดำเนินการ และเพื่อ ประโยชน์ในการติดตามโครงการของสาธารณชนให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำประกาศแจ้งรายละเอียดของ โครงการ ณ ที่ตั้งโครงการให้สาธารณชนทราบด้วย 2. ให้เพิ่มถ้อยคำในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0907/18476 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2552 หน้า 5 ข้อ 4) จากเดิม "...และเพื่อประโยชน์ในการติดตามโครงการของสาธารณชน ให้หน่วยงานเจ้าของ โครงการจัดทำประกาศแจ้งรายละเอียดของโครงการ ณ ที่ตั้งของโครงการให้สาธารณชนทราบด้วย" เป็น "...และ เพื่อประโยชน์ในการติดตามโครงการของสาธารณชนให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำประกาศแจ้งรายละเอียด ของโครงการ ตามแบบของสำนักนายกรัฐมนตรี ณ ที่ตั้งของโครงการให้สาธารณชนทราบด้วย" ตามที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลังเสนอเพิ่มเติม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37692 | มาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปี 2552/53 | พณ | 20/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2552 ที่เห็นชอบ โครงการเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าว โดยให้กระทรวงพาณิชย์หารือกับกระทรวงการคลังเพื่อเพิ่มสภาพ คล่องให้แก่ผู้ประกอบการค้าข้าวเพื่อให้เกิดการแข่งขันกันรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในช่วงต้นฤดูได้มากขึ้น โดย รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อไป ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนนับแต่วันกู้ ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน 2552-เมษายน 2553 สำหรับค่าใช้จ่ายในการขอชดเชยดอกเบี้ยให้กระทรวงการคลังเสนอคณะ รัฐมนตรีอนุมัติจากงบกลางเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น กับเห็นชอบโครงการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก โดย ให้คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัด จัดตลาดนัดข้าวเปลือกในแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญ ในพื้นที่ 57 จังหวัด ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยกำกับดูแลให้เกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมในการจำหน่ายข้าวทั้งในการ หักลดความชื้นและสิ่งเจือปน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552-กุมภาพันธ์ 2553 ยกเว้นภาคใต้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2553 โดยดำเนินการเฉพาะช่วงที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดมาก และราคามีแนวโน้ม อ่อนตัวลง รวมทั้งเห็นชอบวงเงินจ่ายขาดจำนวน 11 ล้านบาท แยกเป็นวงเงินจ่ายขาดจำนวน 9.875 ล้านบาท เพื่อ นำไปจัดสรรให้จังหวัดแหล่งผลิตเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตลาดนัดข้าวเปลือก และวงเงินจ่ายขาดจำนวน 1.125 ล้าน บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของส่วนกลางเพื่อติดตามและประเมินผลตามโครงการ 2. เห็นชอบโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก และโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตร กรเพื่อรอการจำหน่าย ปีการผลิต 2552/53 รวมทั้งเห็นชอบการแก้ปัญหาการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว แนวทางการระบายข้าวเหนียวโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2551 และการกำหนดหลักเกณฑ์อ้างอิงโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2552/53
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37693 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับ
ปรุงพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้มีความสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐ ธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงระบบบริหารราชการ และปรับปรุงกระบวนการจัดสรรงบประมาณ ให้มีประสิทธิภาพ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37694 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | สผ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2552 2. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอเพิ่มเติมกรณี ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (นายวิทยา บุรณศิริ) ขอให้มีการถ่ายทอดสดการประชุม สภาผู้แทนราษฎรทางสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในวันพุธที่ 14 และวันพฤหัสบดี ที่ 15 ตุลาคม 2552 พิจารณากรณีวุฒิสภาแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... นั้น โดยที่ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2551 ข้อ 11 ได้กำหนดให้ประธาน สภามีอำนาจในการจัดให้มีการถ่ายทอดสดการประชุมทางวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งปัจจุบันได้มีการ ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมของรัฐสภา สถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา และสถานีวิทยุกระจายเสียง แห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ประกอบกับแนวทางการปฏิบัติในการถ่ายทอดสดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา รัฐบาลจะจัดให้มีการถ่ายทอดสดตามมติของคณะกรรมการประสานงาน (วิป) เช่น ร่างพระราชบัญญัติที่มีความ สำคัญ ซึ่งมีการพิจารณาในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ สำหรับการพิจารณาครั้งนี้เป็นการพิจารณาข้อแก้ไขเพิ่มเติม ของวุฒิสภาเท่านั้น และคณะกรรมการประสานงาน (วิป) มีความเห็นว่า ไม่ควรให้มีการถ่ายทอดทางสถานีโทร ทัศน์เพิ่มเติมอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37695 | แต่งตั้งข้าราชการ (นายศุภชัย ไพบูลย์) | สธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่ง
ระดับ 10 จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1. นายศิวฤทธิ์ รัศมีจันทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก สำนักงาน สาธารณสุข จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 2. นางชุติมา กาญจนวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลลำปาง สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดลำปาง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 3. นายศุภชัย ไพบูลย์ผล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาอายุกรรม กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลราชบุรี สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2551
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37696 | แต่งตั้งข้าราชการ (นางชุติมา กาญจนวงศ์) | สธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่ง
ระดับ 10 จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ 1. นายศิวฤทธิ์ รัศมีจันทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก สำนักงาน สาธารณสุข จังหวัดพิษณุโลก สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 2. นางชุติมา กาญจนวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลลำปาง สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดลำปาง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2551 3. นายศุภชัย ไพบูลย์ผล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวชกรรม สาขาอายุกรรม กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลราชบุรี สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2551
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37697 | ราษฎร "กลุ่มแผ่นดินของเรา" ร้องเรียนเกี่ยวกับการขอออกโฉนดที่ดินในที่ดินเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2479 | มท | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้มีการเพิกถอนการหวงห้ามโดยการกันเขตพระราชกฤษฎีกา
กำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. 2479 ในที่ดินของราษฎร ที่กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรเรื่องที่ ดินในเขตพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัด นครสวรรค์ พ.ศ. 2479 ขึ้นดำเนินการ และคณะกรรมการ ฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวรวม 3 คณะ ซึ่งจังหวัดนครสรรค์ได้รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอนุกรรม การ ฯ ระดับอำเภอทั้ง 3 อำเภอแล้ว น่าเชื่อว่าราษฎรมีการครอบครองทำประโยชน์มาก่อนการหวงห้ามที่ ดินในปี พ.ศ. 2479 สมควรที่จะดำเนินการให้ราษฎรกลุ่มดังกล่าวได้มีสิทธิในที่ดินทำกินอย่างถูกต้อง จำนวน 1,215 แปลง และให้กระทรวงการคลังรับไปประสานกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย เพื่อดำเนิน การเพิกถอนที่ดินที่กำหนดเป็นเขตหวงห้ามดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2550 (เรื่อง การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรในที่ดินเขตพระราช กฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้าม ฯ จังหวัดนครสวรรค์ พระพุทธศักราช 2479) รวมทั้งมติคณะรัฐมนตรีอื่นที่เกี่ยว ข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37698 | ร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... | มท | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้แยกตำบล บ้านจันทร์ ตำบลแม่แดด และตำบลแจ่มหลวง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ออกจากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียง ใหม่ และรวมตั้งขึ้นเป็นอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้า กัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 2. สำหรับอัตรากำลังให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ เกี่ยวกับการจัดตั้งส่วนราชการเพื่อปฏิบัติ งานในพื้นที่ดังกล่าว เห็นควรใช้วิธีการเกลี่ยอัตรากำลังภายในส่วนราชการหรือระหว่างส่วนราชการก่อน หากยัง มีไม่เพียงพอให้ใช้วิธีการจ้างงานแบบหลากหลาย เช่น พนักงานราชการ หรือจ้างเหมาเอกชน แล้วแต่กรณี และ หากดำเนินการแล้วยังไม่เพียงพออีกให้เสนอเหตุผลความจำเป็นให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ส่วนงบประมาณที่ต้อง ใช้เพื่อการนี้ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37699 | ขออนุมัติใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธาสัญญาจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมโครงการ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ | คค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทไว้ในสัญญาจ้างก่อสร้างงานโยธาสัญญาที่ 1, 2 และ 3 ที่ดำเนินการประกวดราคาแล้วเสร็จ และงานโยธาสัญญาที่ 6 (งานระบบราง) โครงการรถไฟฟ้าสาย สีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่ประเทศไทย (รฟม.) จะดำเนินการประกวดราคาใน ลำดับต่อไป รวมทั้งสัญญาจ้างที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานโครงการที่ รฟม. กำลังอยู่ในระหว่างการคัดเลือก บริษัทที่ปรึกษา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย 2. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมที่เห็นควรกำหนดให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลา การชี้ขาดในกรณีที่มีข้อพิพาทระหว่างกันในประเทศไทยเพื่อประโยชน์ในเชิงคดีและการบริหารงบประมาณของรัฐ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37700 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่ออุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้เงิน จำนวน 2,355 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนบริการ สาธารณะ (PSO) โดยรัฐบาลเป็นผู้รับชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามความเหมาะ สมต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. เสนอขอกู้เงินจำนวนดังกล่าวต่อคณะกรรมการนโยบายและกำกับ การบริหารหนี้สาธารณะในการบรรจุเรื่องดังกล่าวไว้ในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ปี 2553 เพื่อ ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2549 และเร่งดำเนินการตามแผน ปฏิบัติการเพื่อปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการเงินของ รฟท. เพื่อเพิ่มความสามารถ ในการสร้างรายได้และลดค่าใช้จ่าย สร้างกลยุทธ์ในการดำเนินงานที่ชัดเจน รวมทั้งเพื่อลดเงินอุดหนุนที่จะได้รับ ชดเชยจากภาครัฐในอนาคต ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำน้กงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ 2. ให้คณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะจัดทำบันทึกตกลง (MoU) กับ รฟท. และตรวจสอบ ระบบบัญชี ซึ่งแสดงถึงการแยกรายได้และค่าใช้จ่ายของการให้บริการเชิงพาณิชย์ และบริการสาธารณะและต้นทุน การให้บริการสาธารณะให้พร้อมก่อนที่ รฟท. จะกู้เงิน ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ให้ติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานของ รฟท. อย่างใกล้ชิดเพื่อให้การกู้เงินดังกล่าวมีความสอดคล้องกับความจำเป็นในการ ใช้เงินในแต่ละช่วงเวลา และมิให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายทางการเงินเกินความจำเป็นแก่ภาครัฐ ตามความเห็นของสำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
.....