ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1881 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37601 - 37620 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37601 | รายงานผลการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้รับงบอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ค่าใช้จ่ายรายหัว) ส่วนเพิ่ม (Top up) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน | ศธ | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนขนาดเล็กที่ได้ รับงบอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ค่าใช้จ่ายรายหัว) ส่วนเพิ่ม (Top up) สังกัดสำนักงานคณะ กรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สรุปได้ดังนี้ โรงเรียนขนาดเล็กส่วนใหญ่มีความคล่องตัวในการบริหารจัด การงบประมาณ มีสื่อแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม โครงการหรือกิจกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพมีความหลากหลายเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจำนวนมากทั้งนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการและ นวัตกรรมด้านการเรียนการสอน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. อนุมัติในหลักการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่มเติมสำหรับนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษา ขนาดเล็ก ในอัตรา 500 บาท/คน/ปี และนักเรียนโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดเล็กในอัตรา 1,000 บาท/คน/ปี ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาทบทวนคุณสมบัติโรงเรียนขนาดเล็กที่สมควรจะได้รับการสนับสนุนงบ ประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่มเติมดังกล่าว โดยหากจะกำหนดแนวทางหรือมาตรการอื่น ๆ เพื่อบริหารจัดการในการ จำกัดจำนวนโรงเรียนขนาดเล็ก ควรคำนึงถึงปัญหาและภาระของสังคมและครอบครัว เช่น ปัญหาการคมนาคม และ ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งให้ใช้ข้อมูลของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประกันคุณภาพ การศึกษา (องค์การมหาชน) ประกอบการศึกษาวิเคราะห์ด้วย และให้เริ่มสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนรายหัวเพิ่ม เติมดังกล่าวตั้งแต่ภาคการศึกษาแรกของปีการศึกษา 2553 เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37602 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พระราชบัญญัติงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 มีผลใช้บังคับแล้ว ดังนั้น การเช่ารถยนต์ต่อเนื่องในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้าม ปีงบประมาณตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ ส่วนราชการจึงสามารถดำเนินการได้ตาม ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 13 และหนังสือคณะกรรมการว่า ด้วยการพัสดุ (กวพ.) ด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ.) 0408.4/ว 351 ลงวันที่ 9 กันยายน 2548 ทั้งนี้ จะลงนามในสัญญา ได้ต่อเมื่อรายการเช่ารถยนต์ดังกล่าวได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมาตรา 23 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว โดยจะมีผลย้อนหลังตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ 2. เห็นชอบแนวทางการขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ ดังนี้ 2.1 กรณีมีความจำเป็นและเร่งด่วนส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจสามารถเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอ อนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการเช่ารถยนต์ในระหว่างปีงบประมาณตามนัยมาตรา 23 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ หากพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ได้ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้วยังไม่ประกาศใช้ จะจ่ายเงินได้เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปี หรือพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมแล้วแต่กรณี ได้ประกาศใช้บังคับแล้ว 2.2 กรณีที่ไม่มีความจำเป็นและเร่งด่วน ดังกรณีการเช่ารถยนต์ต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็น วันเริ่มต้นปีงบประมาณ นั้น สามารถดำเนินการเป็นการล่วงหน้าได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ พัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 13 และหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ.) 0408.4/ว 351 ลงวันที่ 9 กันยายน 2548 ทั้งนี้ จะลงนามในสัญญาได้ก็ต่อเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณที่ขอก่อหนี้ผูกพันมีผลใช้บังคับ และรายการเช่ารถยนต์ดังกล่าวได้รับอนุมัติจากคณะ รัฐมนตรีให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามนัยมาตรา 23 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ ฯ แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37603 | การเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษนอกเหนือโควตาปกติ | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ได้รับการพิจารณาบำเหน็จ
ความชอบเป็นกรณีเศษนอกเหนือโควตาปกติ ตามมติที่ประชุม ก.พ. ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ. โดยให้คงหลักการ สาระสำคัญของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวัน ที่ 31 กรกฎาคม 2544 วันที่ 18 กันยายน 2544 และวันที่ 17 มิถุนายน 2551 และปรับเฉพาะในส่วนของข้า ราชการพลเรือนสามัญ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาให้เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นการ ประจำด้วยความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างแท้จริง รวมทั้งประเมินในส่วนของพฤติกรรมการปฏิบัติราช การหรือสมรรถนะของผู้รับการประเมินตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37604 | การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินโครงการบ้านประชานิเวศน์ 1 | พม | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาด
ไทย การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และกรุงเทพมหานครร่วมกันพิจารณาการขอลดหย่อนภาษีของ กคช. ให้ได้ข้อ สรุปที่ชัดเจนก่อนดำเนินการต่อไป โดยให้รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ว่า ได้รับการร้อง เรียนว่า กคช. เก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินจากผู้เช่าไม่ตรงกับการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของกรุงเทพมหา นครไปตรวจสอบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37605 | ขออนุมัติดำเนินการโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี | กษ | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน เริ่มดำเนินการโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมา จากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี ระยะเวลาดำเนินการ 9 ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2561) โดยกรอบวงเงิน รวมทั้งสิ้น 8,300 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบ ประมาณให้เป็นไปตามแผนงานของโครงการตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อกำกับ ดูแลประสานงาน ติด ตามผล และแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ 2. อนุมัติหลักการให้กรมชลประทานสามารถจ่ายค่าชดเชยพิเศษแทนการจัดสรรที่ดินแปลงอพยพ กรณีที่ กรมชลประทานไม่สามารถจัดสรรที่ดินแปลงอพยพให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ หรือราษฎรไม่ประสงค์จะรับที่ดิน แปลงอพยพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 3. ให้กรมชลประทาน สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องดำเนินการแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่ง แวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ 4. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพิ่มเติมว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เป็นงานการตรียมความพร้อมโครงการ ฯ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะประสานขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่อไป 5. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดทำบัญชี รายชื่อราษฎรที่ได้รับผลกระทบ และจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศตั้งแต่ก่อนเริ่มดำเนินโครงการ ฯ และหลังจาก ที่โครงการ ฯ ได้รับอนุมัติให้เปิดดำเนินการเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการจ่ายค่าชดเชย รวมทั้งให้จัดทำแผนการ บริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันการแย่งชิงน้ำและการทำการเกษตรจนเกินศักยภาพของน้ำต้นทุนที่โครงการ ฯ จะจัด หาให้ได้ นอกจากนี้ ให้จัดทำเกณฑ์การจัดสรรน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำที่เป็นที่ยอมรับได้จากผู้ใช้น้ำในทุกกิจกรรม ทั้งในพื้นที่ชลประทานและการใช้น้ำบริเวณท้ายน้ำลงมา ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37606 | การขอยกเลิกการดำเนินการในพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 3 พื้นที่ | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง การขอยกเลิกการดำเนินการในพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวอย่าง
ยั่งยืน 3 พื้นที่ คืนไปได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37607 | แนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐาน | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งประกอบด้วยมาตรการบริหารอัตรากำลังปกติโดยให้ตรึงกรอบอัตราข้าราชการครู โดยไม่มีการเพิ่มอัตราตั้งใหม่ ส่วนการจัดสรรอัตราข้าราชการครูจากผลการเกษียณอายุเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552-2554 ให้เป็นไปตามที่ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) กำหนดเป็นปี ๆ ไป และมาตรการบริหารจัด การเชิงยุทธศาสตร์ จำนวน 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การปรับบทบาทภาครัฐเพื่อดำเนินภารกิจการ ศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การบริหารจัดการให้มีจำนวนโรงเรียนสอดคล้องกับความจำเป็น ของพื้นที่ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การบริหารจัดการกำลังคนให้สมดุลและสอดคล้องกับภารกิจด้านการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารทรัพยากรด้านการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล และยุทธศาสตร์ที่ 5 การพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการในภารกิจด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีประสิทธิภาพ และ ให้ คปร. และหน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละยุทธศาสตร์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่ คปร. เสนอ 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับแนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจการศึกษาขั้น พื้นฐาน ไปกำหนดเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) เพื่อดำเนินการ ให้สอดคล้องกัน 3. ให้ คปร. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับ ขั้นของการจัดทำแผนการปฏิบัติ ควรจัดทำรายละเอียดการดำเนินงาน กรอบระยะเวลา ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายใน แต่ละยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วย งานรับผิดชอบหลักยุทธศาสตร์ที่ 1 ยุทธศาสตร์ที่ 2 และยุทธศาสตร์ที่ 3 เนื่องจากสำนักงบประมาณมีภารกิจใน การจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องระบุไว้ในยุทธศาสตร์ ดังกล่าว สำหรับการกำหนดให้การจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวที่รวมเงินเดือนครูและสวัสดิการต่าง ๆ เข้าไว้ด้วย นั้น เนื่องจากเงินเดือนครูเป็นรายจ่ายประจำตามสิทธิ์ที่ต้องปรับเพิ่มขึ้นทุกปี หากเงินอุดหนุนรายหัวรวมเงินเดือนครู ไว้ด้วยก็ต้องปรับเพิ่มทุกปีด้วย ทำให้ต้นทุนในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอาจทำให้ไม่ สามารถวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารจัดการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37608 | รายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล ในไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 | กค | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลใน
ไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 สรุปได้ดังนี้ 1. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังให้เป็นพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 19,000 ล้านบาท โดยออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย 1.1 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 4 (LB145B) อายุคง เหลือ 4.73 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.25 ต่อปี จำนวน 11,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Re-open พันธบัตร รัฐบาล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ครั้งที่ 1 ทำให้ปริมาณพันธบัตรรัฐบาลรุ่นดังกล่าวมีจำนวน 121,035 ล้าน บาท จำหน่ายในวันที่ 19 สิงหาคม 2552 1.2 พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ครั้งที่ 1 (LB139A) อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 6 เดือน-ร้อยละ 0.15 ต่อปี จำนวน 8,000 ล้านบาท จำหน่ายในวันที่ 16 กันยายน 2552 อัตราดอกเบี้ยงวดเริ่มต้นวันที่ 18 กันยายน 2552 อยู่ที่ร้อยละ 1.35000 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 6 เดือน ณ วันที่ 14 กันยายน 2552 เท่ากับร้อยละ 1.50000 ต่อปี) 2. ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาล จำนวน 19,000 ล้านบาท แล้ว ทำให้ ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-เงิน สดจ่ายของรัฐบาล จำนวน 281,000 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37609 | ผลการดำเนินงานการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรับซื้อลำไย ปี 2552 | กค | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบ
การรับซื้อลำไย ปี 2552 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และธนาคารออมสิน ได้ ให้สินเชื่อตามโครงการบริหารจัดการลำไย ปี 2552 และสินเชื่อปกติ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการลำไย ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2552- 31 สิงหาคม 2552 รวม 312 ราย จำนวน 1,259,494,000 บาท โดยในส่วนของ สินเชื่อโครงการ ฯ ร่วมมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกอบด้วย ธ.ก.ส. ธนาคารกรุง ไทย จำกัด (มหา ชน) และ ธพว. ให้สินเชื่อรวม 37 ราย จำนวน 743,030,000 บาท สำหรับสินเชื่อปกติของธนาคารเพื่อสนับ สนุนผู้ประกอบการลำไย ประกอบด้วย ธ.ก.ส. ธพว. และธนาคารออมสิน ได้ให้สินเชื่อรวม 275 ราย จำนวน 516,464,000 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37610 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ 7/2552 | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
(กรอ.) ครั้งที่ 7/2552 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2552 และเห็นชอบมติคณะกรรมการ กรอ. และมอบหมายให้หน่วย งานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ แล้วรายงานคณะกรรมการ กรอ. และคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการ กรอ. เสนอ ดังนี้ 1. ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการโครงการให้ความช่วยเหลือทาง การเงินแก่ผู้ประกอบการ ของธนาคารแห่งประเทศไทยให้มีความต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันหมดอายุโครงการใน วันที่ 29 พฤษภาคม 2554 และรายงานคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 2. ที่ประชุมมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการ กรอ. เกี่ยวกับแนวทางใน การอำนวยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจไปพิจารณาดำเนินการ และให้มีภาคเอกชนเข้าร่วมในการกำหนดแนว ทางการอำนวยสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งมอบหมายกระทรวงการคลังและ กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการออกมาตรการ และระเบียบในการส่งเสริมและช่วยเหลือการประกอบธุรกิจ อุตสาหกรรมก่อสร้างในต่างประเทศ และรายงานคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 3. ที่ประชุมมีมติมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) รับไปพิจารณเรื่อง Post FTA ใน คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) โดยอาจใช้กลไกของคณะอนุกรรมการกำกับดูแลการเจรจา ความตกลงการค้าเสรี ภายใต้คณะกรรมการ กนศ. ที่มีอยู่ หรือพิจารณาจัดตั้งขึ้นใหม่ โดยมีประธานผู้แทนการค้าไทย เข้าร่วมเป็นองค์ประกอบด้วย แล้วนำเสนอคณะกรรมการ กรอ. ต่อไป 4. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำตาลทรายโควตา ก. โดยคงอัตราการนำเข้าเงินกอง ทุนอ้อยและน้ำตาลทราย โดยใช้ราคาน้ำตาลทรายโควตา ก. ที่ปรับเพิ่มตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2551 คือ เพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 5 บาท จนครบกำหนดการชำระหนี้ให้กองทุนประมาณเดือนพฤศจิกายน 2553 และ มอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการยกเลิกอัตราการนำเงินเข้ากอง ทุนอ้อยและน้ำตาลทรายภายหลังจากครบกำหนดชำระหนี้ของกองทุน รวมทั้งมอบให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาทบ ทวนรายการสินค้าที่ถูกควบคุมราคา และสินค้าที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด (Watch List) 5. ที่ประชุมมีมติรับทราบเกี่ยวกับความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) และให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) รับไปศึกษาทบทวนหลักการของการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว โดยให้พิจารณาถึงหลักการและประเภทสินค้า/โครงการที่ควรจะใช้ระบบ e-Auction และประเมินผลการดำเนินงานก่อนและหลังการใช้ระบบดังกล่าว โดยพิจารณาราคาประมูลเทียบกับราคากลางด้วย 6. ที่ประชุมมีมติรับทราบเกี่ยวกับความก้าวหน้าการศึกษาแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมและ ชุมชนอย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ 7. ที่ประชุมมีมติรับทราบความคืบหน้ากรณีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง เพื่อบังคับให้รัฐต้องปฏิบัติตาม กฎหมายทุกขั้นตอนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 67 และมอบหมายให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยบูรณาการเรื่องร่างหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่ง ชาติไว้ในกระบวนการเดียวกัน แล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2552
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37611 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร ระดับสูง) (นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก) | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายจตุรงค์ ปัญญาดิลก ให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 เพื่อทดแทนผู้เกษียณ อายุราชการ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37612 | แต่งตั้งประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (จำนวน 5 ราย 1. นายวรเวทย์ ธำรงธัญลักษณ์ฯ) | กษ | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนัก
งานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (27 ตุลาคม 2552) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ 1. นายวรเวทย์ ธำรงธัญลักษณ์ เป็นประธานกรรมการ 2. หม่อมหลวงสุภสิทธิ์ ชุมพล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3. นายณรงค์ หุตานุวัตร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4. นายอมร ชุติมาวงศ์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. นายปรีชา อุยตระกูล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37613 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ (Memorandum of Understanding on ASEAN Co-operation in Agriculture and Forest Products Promotion Scheme) (ยืนยันมติ 20410/52) | กษ | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเรื่อง การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วม
มือในกรอบอาเซียนเกี่ยวกับแผนการส่งเสริมสินค้าเกษตรและป่าไม้ (Memoradum of Understanding on ASEAN Co-operation in Agriculture and Forest Products Promition Scheme) เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ในสัปดาห์ต่อไป โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกรมสนธิ สัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ในประเด็นบันทึกความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นหนังสือสัญญาตามตาม มาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาหรือไม่ และ เชิญผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศมาชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในประเด็นดัง กล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37614 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระบบการประเมินผลและการจัดสรรงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ พ.ศ. .... | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยระบบการประเมิน
ผลและการจัดสรรงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษา ธิการ โดยให้รับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงบประมาณ สำนักงานรับรองมาตรฐานและ ประเมินคุณภาพการศึกษา และกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการประเมิน ผลและจัดสรรงบประมาณอุดมศึกษา (ค.ป.จ.) การกำหนดอำนาจหน้าที่ของ ค.ป.จ. และการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นกรอบของอัตราเงินเดือนค่าตอบแทนบุคลากรที่เปลี่ยนสภาพจากส่วนราชการเป็นสถาบันอุดมศึกษาใน กำกับของรัฐ เป็นต้น ไปพิจารณาด้วย พร้อมทั้งให้พิจารณาภาพรวมทั้งระบบของเรื่องการวัดศักยภาพการเรียน ในมหาวิทยาลัยในด้านความถนัดทั่วไป (GAT : General Aptitude Test) และความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ (PAT : Professional and Academic Aptitude Test) แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37615 | การจัดทำความตกลงโครงการ Participation of tree plantation farmers for sustainable forest management | ทส | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการจัดทำความตกลงโครงการ Participation of tree plantation farmers
for sustainable forest management เพื่อขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการระดับหน่วยงานจากองค์การอาหารและ เกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization : FAO) และให้อธิบดีกรมป่าไม้เป็นผู้ลงนามความ ตกลงโครงการดังกล่าว รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) เพื่อให้อธิบดี กรมป่าไม้เป็นผู้แทนรัฐบาลลงนามในความตกลงโครงการดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อมเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37616 | ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีพื้นที่สำหรับดำเนินพิธีการร่วมกัน และกำหนดหลักเกณฑ์กลางสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลไทยและเจ้า หน้าที่ของรัฐบาลประเทศภาคีตามความตกลงเพื่อดำเนินพิธีการในพื้นที่ดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมรับไปดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 12) ที่เห็นว่า การจัดทำหนังสือสัญญาในกรณีนี้ เป็นเรื่องที่ดำเนินการในขั้นตอนหลังจากการลงนามในหนังสือสัญญา และก่อนที่จะแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ซึ่งมาตรา 190 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ คณะรัฐมนตรีต้องให้ประชาชนสามารถเข้าถึงรายละเอียดของหนังสือสัญญานั้นและในกรณีที่การปฏิบัติตามหนังสือ สัญญาก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหรือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการ แก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบนั้นอย่างรวดเร็ว เหมาะสม และเป็นธรรม โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนด พื้นที่ควบคุมร่วมกัน หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ควบคุมร่วมกันในราชอาณาจักรไทยของเจ้า หน้าที่ของรัฐบาลไทยและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศภาคีความตกลง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37617 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ พ.ศ. .... | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประชาสัมพันธ์แห่ง
ชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและ รางอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประชาสัมพันธ์ พ.ศ. 2544 ระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2546 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการ ประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2548 2. กำหนดนิยามคำว่า "หน่วยงานของรัฐ" หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่ เรียกชื่ออย่างอื่นมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น องค์การของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ 3. กำหนดให้มีคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า "กปช." โดยมีกรรมการผู้ทรง คุณวุฒิไม่เกินหกคน มีอำนาจหน้าที่ในการเสนอนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบ และเสนอแนะให้คำปรึกษาและประสานงานการจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ของหน่วยงาน ของรัฐ รวมทั้งให้คำแนะนำในการประสานงานการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชน 4. กำหนดวาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 5. กำหนดให้กรมประชาสัมพันธ์ เป็นฝ่ายเลขานุการของ กปช. ทำหน้าที่ศึกษาวิเคราะห์นโยบาย และแผนการประชาสัมพันธ์ของชาติ ประสานงาน ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ส่งเสริม และสนับสนุนการจัดทำแผน การประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานของรัฐเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37618 | ความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างไทย - สวิตเซอร์แลนด์ | คค | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการลงนามความตกลงระหว่างคณะมนตรีสหพันธ์สวิสและรัฐบาลแห่ง
ราชอาณาจักรไทยว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างอาณาเขตของทั้งสองฝ่ายและพ้นจากนั้นไป ฉบับใหม่ เพื่อใช้ แทนที่ความตกลง ฯ ฉบับเดิม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้เสนอความตกลง ฯ ไปเพื่อรัฐสภาให้ความ เห็นชอบ ก่อนมอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้ความตกลงมีผลใช้บังคับต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวง คมนาคมดำเนินการตามมาตรา 190 วรรคสอง และวรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตามความ เห็นของกระทรวงการต่างประเทศต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37619 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ครั้งที่ 3/2552 | นร | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะ ที่ 2 ครั้งที่ 3/2552 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2552 โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ มีความเห็นในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 การจัดสรรเงินจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความ มั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ให้โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพิ่มเติม จำนวน 150,000 ล้านบาท ที่ประชุมคณะกรรมการ ฯ เห็นว่า กระทรวงการคลังควรพิจารณาจำนวนเงินสำหรับชดเชยเงินคงคลังที่ ชัดเจนก่อนการพิจารณาจัดสรรวงเงินกู้เพิ่มเติมให้แก่โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 และราย งานต่อรัฐสภา เพื่อให้ทราบถึงโครงสร้างการจัดสรรเงินกู้ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สำหรับการจัดสรรวงเงินจาก พระราชกำหนด ฯ เพิ่มเติมอีก 150,000 ล้านบาท ควรให้ความสำคัญกับโครงการที่อยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ ที่ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 เป็นลำดับแรก โดยระมัดระวังการดำเนินการที่อาจขัดต่อ รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในมาตรา 167 วรรคแรก ประเด็นการเพิ่มเติม/เปลี่ยนแปลงรายการ/โครงการ ที่จะต้องมี รายละเอียด แผนงาน/โครงการ รวมถึงเอกสารที่ครบถ้วนด้วย 1.2 การติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่ประชุมคณะ กรรมการ ฯ เห็นว่า การรายงานผลการดำเนินโครงการควรรายงานข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นผลการดำเนินงานที่ชัด เจน และในการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการ ฯ ต้องมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการทั้งในส่วนที่ ใช้แหล่งเงินทุนจากพระราชกำหนด ฯ วงเงิน 200,000 ล้านบาท ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลัง กู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พ.ศ. .... วงเงิน 400,000 ล้านบาท และงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 เนื่องจากในระยะต่อไปอาจมีการเสนอขออนุมัติโครงการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง และอาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนของ โครงการได้ และควรมีการตรวจสอบความเหมาะสมของราคาวัสดุ/อุปกรณ์ และต้นทุนต่อหน่วยงานในการดำเนิน โครงการเปรียบเทียบกับราคากลางอย่างรอบคอบด้วย สำหรับหน่วยงานที่ได้รับอนุมัติโครงการภายใต้พระราช กำหนด ฯ วงเงิน 200,000 ล้านบาท แต่มีความประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงโครงการ ให้กำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วย งานเจ้าของโครงการนำโครงการดังกล่าว เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะ ที่ 2 เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา 2. เห็นชอบการปรับชื่อคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการดำเนินโครงการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 เป็น คณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อให้มี ความสอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ในการดำเนินงานต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
37620 | รายงานการหยุดเดินรถของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 27/10/2552 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอสถานการณ์การหยุดเดินรถ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า การ ให้ความช่วยเหลือผู้โดยสาร และการแก้ไขปัญหาระยะยาว สรุปได้ดังนี้ จากกรณีที่พนักงานการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) ในพื้นที่เส้นทางภาคใต้ได้ยื่นขอลาป่วยพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ในวันที่ 19 ตุลาคม 2552 และต่อ มาได้อ้างว่าหัวรถจักรอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ไม่สามารถให้บริการได้ทำให้มีการหยุดเดินรถไฟในเส้นทางภาคใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถขบวนท้องถิ่น และจากการหยุดเดินรถทำให้เกิดความเสียหายแก่ รฟท. ประมาณ 20.16 ล้าน บาท นั้น กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยมอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด และบริษัทเอกชนร่วมบริการจัดรถโดยสารมาให้บริการขนถ่ายสัมภาระและรับผู้โดยสารที่ตกค้างเพื่อ ไปส่งยังจุดหมายปลายทาง และให้กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบทจัดส่งเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่เข้าดูแลและช่วยเหลือประชาชนเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง จัดหาอาหาร ที่พักชั่วคราว ขนถ่าย สัมภาระ เพื่อเปลี่ยนถ่ายผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลางทาง รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ได้แก่ ทหาร ตำรวจ และ ฝ่ายปกครองจัดกำลังเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร ในส่วนของรถจักร จำนวน 4 คัน ที่ถูกยึดไว้ที่โรงรถ จักรหาดใหญ่ ซึ่งพนักงานอ้างว่ามีสภาพไม่สมบูรณ์ไม่อาจนำมาใช้เดินรถได้ ขณะที่วิศวกรใหญ่ฝ่ายช่างกลยืนยันว่า รถจักรดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้การได้ นั้น ทางผู้บริหาร รฟท. ได้จัดหาพนักงานขับรถและช่างเครื่องจำนวน 4 ชุด จากส่วนกลางไปสำรองในพื้นที่เพื่อเดินรถทันที เมื่อกู้รถจักรคืนได้ เป็นต้น สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาว ได้ แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ รฟท. จำนวน 4 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการ ฯ ด้าน โครงสร้างพื้นฐาน คณะกรรมการ ฯ ด้านทรัพย์สิน คณะกรรมการ ฯ ด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ และคณะ กรรมการ ฯ ด้านบุคลากรและอัตรากำลัง 2. เห็นชอบให้ รฟท. ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2541 โดยอนุมัติ ให้ รฟท. รับพนักงาน รฟท. จำนวน 171 อัตรา ประกอบด้วย ตำแหน่งช่างเครื่องฝึกหัด จำนวน 121 อัตรา และ ตำแหน่งพนักงานเดินรถและโยธา จำนวน 50 อัตรา |
.....