ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1887 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37721 - 37740 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37721 | แนวทางดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการรับเรื่องราวร้องเรียนของประชาชน และการใช้ พ.ร.บ. กฎหมายความมั่นคงฯ ในพื้นที่ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับแนวทางการรับเรื่องร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) ในการจัดตั้งคณะ กรรมการระดับสูงเพื่อรับผิดชอบในการวางกรอบและระบบการอำนวยการ การเร่งรัด ติดตาม ประเมินผล และ การประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้กระบวนการสอบสวนข้อร้องเรียนของประชาชนเกี่ยวกับการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 2. เห็นชอบในหลักการให้มีการยกเลิกประกาศบังคับใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัด สงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย และอำเภอนาทวี ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552 นี้ และให้นำพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาบังคับใช้แทน โดยมอบ ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงกลาโหม |
|||||||||||||||||||||
37722 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ. 2521 พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้นำเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัด พ.ศ. 2521 มารวมเป็นเบี้ยหวัด หรือบำนาญ และให้ถือเป็นเบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเงินเบี้ยหวัด หรือ บำนาญตามพระราชบัญญัตินี้ แล้วแต่กรณี รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์การจ่ายบำเหน็จตกทอดให้สอดคล้อง กับกรณีที่ได้นำเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญมารวมเป็นบำนาญ และร่างพระราชบัญญัติกองทุน บำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้นำเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ ตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ พ.ศ. 2521 มารวมเป็นเบี้ยหวัด หรือบำนาญ และ ให้ถือเป็นเบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยเงินเบี้ยหวัด หรือบำนาญตามพระราชบัญญัตินี้ แล้วแต่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งคณะกรรมการ ประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัด บำนาญ พ.ศ. 2521 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำ นาญ พ.ศ. 2521 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และ เงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขการจ่ายเงินช่วยพิเศษให้สอดคล้องกับการ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ 3. งบประมาณรายจ่ายที่ต้องใช้ในการจ่ายเพิ่มเงินบำเหน็จดำรงชีพ อันเนื่องมาจากการปรับปรุงแก้ไข กฎหมายทั้ง 4 ฉบับดังกล่าว ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามความเห็นสำนักงบประมาณ โดยเบิกจ่ายจาก งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ที่ได้ตั้งงบ ประมาณรายจ่ายไว้แล้ว จำนวน 87,633.7238 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
37723 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. .... | อก | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ด้วยการพิจารณาอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่ง แวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. .... ที่เห็นว่า ร่างระเบียบเรื่องนี้มิได้มีสาระสำคัญในการวางระเบียบ ปฏิบัติเฉพาะกับส่วนราชการเท่านั้น แต่เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ปฏิบัติสำหรับภาคเอกชน และคณะกรรมการ ชำนาญการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้วย ซึ่งการกำหนดหลักเกณฑ์ ดังกล่าวนอกจากขัดกับพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 แล้ว ยังเป็นการ กำหนดให้องค์การอิสระใช้อำนาจรัฐ ไม่อาจกระทำได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจตามกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ ดังนั้น การตราร่างระเบียบโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (8) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่น ดิน พ.ศ. 2534 จึงไม่อาจกระทำได้เพราะเกินอำนาจที่พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 บัญญัติไว้ 2. ให้ถอนร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพิจารณาอนุญาตโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อ ให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ พ.ศ. .... ตาม มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 ออกจากการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||
37724 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบขั้นตอนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ธนาคารออมสิน และคณะทำงานกลั่นกรองรายสาขากลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการ ผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาการให้สินเชื่อ ตามโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ ธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ 1.2 เห็นชอบการผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจท่อง เที่ยว โดยให้ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ ฯ ไม่ต้องนำสถานการณ์เป็นลูกหนี้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของ ผู้ประกอบการที่เกิดขึ้นหลังจากเกิดปัญหาการปิดท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานนานาชาติ ดอนเมือง (นับจากวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 เป็นต้นไป) มาประกอบการพิจารณาการขอสินเชื่อ และให้ธนาคาร นำข้อมูลผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการก่อนหน้า (ก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2551) และแนวโน้ม รวมทั้ง ศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในปัจจุบันมาประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บ จากผู้กู้ภายใต้โครงการ ฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากผู้กู้ไว้ในอัตราร้อยละ MLR ของ ธพว. ลบ 3 ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี และตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นต้นไป ให้คิดอัตราดอกเบี้ยตามที่แต่ละธนาคารกำหนด 2. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ และยังเปิด ดำเนินการอยู่จนถึงปัจจุบัน และให้แยกแยะผู้ประกอบการที่มีศักยภาพให้เข้าสู่ระบบการปล่อยสินเชื่อตามปกติของ ธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ รวมทั้งเร่งรัดการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนธุรกรรมตาม นโยบายพิเศษของรัฐของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. .... เพื่อดำเนินการแยกบัญชีการดำเนินการตามนโยบาย รัฐบาล (Public Service Account : PSA) และให้ติดตามและประเมินผลการให้สินเชื่อโครงการนี้ แก่ผู้ประกอบการ อย่างใกล้ชิด เพื่อรายงานความคืบหน้าปัญหาและอุปสรรคการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรี และเพื่อเป็นฐานข้อมูล สำหรับการพิจารณาให้ความช่วยเหลือครั้งต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
37725 | การเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการประสานการดำเนินงานโครงการประกันรายได้
เกษตรกร ครั้งที่ 4/2552 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2552 และการประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ 9 ตุลา คม 2552 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการประสานงาน โครงการประกันรายได้เกษตรกรเสนอ และเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวง พาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป ดังนี้ 1. กรณีปริมาณสูงสุดที่เกษตรกรปลูกข้าวมากกว่า 1 ชนิด ให้เกษตรกรสามารถเลือกใช้สิทธิการชด เชยในข้าวแต่ละชนิดในปริมาณที่เกษตรกรมีผลผลิตจริง และขึ้นทะเบียนไว้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินจำนวนขั้นสูงที่โครง การกำหนดของข้าวชนิดนั้น ๆ และเมื่อนำผลผลิตที่ใช้สิทธิทั้งหมดมารวมกันแล้ว ต้องไม่เกินจำนวนขั้นสูงของข้าว ชนิดที่กำหนดผลผลิตไว้สูงสุด และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เร่งแจ้งเจ้าหน้าที่ ในระดับพื้นที่ทราบ 2. การคิดปริมาณชดเชยกรณีของจังหวัดที่มิได้มีการกำหนดผลผลิตต่อไร่ระดับจังหวัดไว้ ให้ใช้ผลผลิต ต่อไร่ของพืชชนิดนั้น เฉลี่ยของระดับภาค และหากของระดับภาคไม่ได้ระบุไว้ ให้อนุโลมใช้ผลผลิตต่อไร่เฉลี่ยของ ระดับประเทศ และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และ ธ.ก.ส. เร่งทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว 3. กรณีผลผลิตต่อไร่ระดับจังหวัดที่เกษตรกรเห็นว่าไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกษตรกรผลิตได้ ให้ คงตัวเลขเดิมที่ได้ประกาศไปแล้ว และกำหนดเกณฑ์ทอนความชื้นเพิ่มเติม และประกาศให้ทราบทั่วกัน เพื่อให้การ คำนวณผลผลิตต่อไร่ระดับจังหวัดสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น และเป็นมาตรฐานเดียวกัน และให้กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรโดยด่วนต่อไป 4. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว) รับประเด็นการจัดเตรียมแนวทางการดำเนินการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว รอบที่ 2 ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และ ธ.ก.ส. เพื่อกำหนดช่วงเวลา และหลักเกณฑ์การใช้สิทธิในการประกันรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้เหมาะสม แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ครั้งหนึ่ง 5. ให้ประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติพิจารณาความเหมาะสมการมอบหมายให้ปลัดกระทรวง พาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าว เป็นผู้ลงนามในประกาศเกณฑ์กลางอ้างอิง ของข้าว ต่อไปหลังจากได้รับความเห็นชอบจากประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติแล้ว
|
|||||||||||||||||||||
37726 | พิธีสารฉบับที่ 2 เพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยการนำพิกัดอัตราศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียนมาใช้ | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างพิธีสารฉบับที่ 2 เพื่อแก้ไขพิธีสารว่าด้วยการนำพิกัดอัตราศุลกากรฮาร์โมไนซ์อาเซียน มาใช้ (Second Protocol to Amend the Protocol Governing the Implementation of the ASEAN Harmonised Tariff Nomenclature) มีสาระสำคัญคือ เพื่อแก้ไขพิธีสาร ฯ เดิม ซึ่งเป็นพิธีสารที่เป็นไปตามความตกลงระหว่าง ประเทศที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจที่มีอยู่เดิม ประเด็นการแก้ไขเกี่ยวข้องกับกลไกการปฏิบัติงาน และระบบ อ้างอิงทางศุลกากรเพื่อให้ทันสมัย เกิดความชัดเจนในการนำมาใช้และถือปฏิบัติของสมาชิกอาเซียน 2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฉบับที่ 2 ในนามรัฐบาลไทย 3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลังเพื่อการลงนามในพิธีสารฉบับที่ 2
|
|||||||||||||||||||||
37727 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยเหลือผู้ซึ่งออกจากราชการตามมาตร
การปรับปรุงอัตรากำลังของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้ข้าราชการผู้ซึ่งจะเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดต้องมีอายุตั้งแต่ห้าสิบปี บริบูรณ์ขึ้นไป เว้นแต่ข้าราชการทหารต้องมีอายุตั้งแต่สี่สิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไปหรือมีเวลาราชการตั้งแต่ยี่สิบ ห้าปีขึ้นไป โดยจะต้องไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสอบสวน หรือสอบหาข้อเท็จจริงทางวินัย หรืออยู่ระหว่างการดำเนินการลงโทษทางวินัยตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการประเภทนั้น ๆ หรือ เป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท 2. ผู้ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือจะบรรจุกลับเข้ารับราชการประจำในฝ่ายบริหารอีกไม่ได้ แต่หากกลับ เข้ารับราชการประจำในส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชา หรือกำกับของฝ่ายบริหารอีก ให้ผู้นั้นส่งคืนเงิน ช่วยเหลือที่ได้รับไว้ทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยตามอัตราเงินฝากประจำสิบสองเดือนของธนาคารออมสิน 3. กรณีผู้ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือแล้ว และต่อมาได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ต้องคืน เงินช่วยเหลือที่ได้รับไว้ทั้งหมด พร้อมดอกเบี้ยตามอัตาราเงินฝากประจำสิบสองเดือนของธนาคารออมสิน ทั้งนี้ เฉพาะกรณีที่สัญญาจ้างมีระยะเวลาเกินหนึ่งปี โดยให้นับรวมระยะเวลาการต่ออายุสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||
37728 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งนำของเสียหรือวัสดุเหลือใช้จากการประกอบกิจการโรงงานมาใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... | อก | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน
ซึ่งนำของเสียหรือวัสดุเหลือใช้จากการประกอบกิจการโรงงานมาใช้ประโยชน์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาและกระทรวงอุตสาหกรรมให้ความเห็นชอบด้วยแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่าง กฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้โรงงานทุกประเภทที่นำของเสียหรือวัสดุเหลือใช้มาผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อเป็นพลังงานทด แทน หรือโรงงานที่นำอากาศเสียจากการเผาไหม้ในกระบวนการผลิตทั้งหมดกลับมาใช้ประโยชน์ สามารถขอยก เว้นค่าธรรมเนียมรายปีเป็นระยะเวลา 5 ปี 2. กำหนดหลักเกณฑ์การได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีแก่โรงงานที่ซึ่งนำของเสียหรือวัสดุเหลือใช้ จากการประกอบกิจการมาใช้ประโยชน์ก่อนและหลังวันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ 3. กำหนดหลักเกณฑ์การแจ้งสิทธิได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปี และระยะเวลาออกใบรับแจ้ง 4. กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเพิกถอนใบรับแจ้งได้ เมื่อตรวจพบภายหลังว่าไม่เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ 5. กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานซึ่งได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีแสดงใบรับแจ้งต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ในวันที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมรายปีของทุกปี 6. กำหนดเงื่อนไขที่ทำให้ผู้ประกอบกิจการหมดสิทธิได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียม
|
|||||||||||||||||||||
37729 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการชำระหนี้แทนของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและ
ค่าธรรมเนียมการชำระหนี้แทนของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้กระทรวงการคลังชำระหนี้แทนรัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐ โดยหนี้ที่จะชำระ แทนจะต้องเป็นหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเท่านั้นและหน่วยงานนั้นได้ให้ความเห็นชอบในการปรับโครง สร้างดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ การกู้เงินดังกล่าวจะต้องมีการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะแล้ว 2. การกู้เงินรายใหม่เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินบาทให้กู้เป็นเงินบาทเท่านั้น และให้นับรวมในวงเงิน กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ หรือเมื่อมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ หรือหากเป็นการกู้เงินรายใหม่เพื่อปรับ โครงสร้างหนี้เงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ให้นับรวมในวงเงินกู้เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 3. เมื่อกระทรวงการคลังได้ชำระหนี้แทนแล้ว ให้หน่วยงานนั้นเป็นหนี้กระทรวงการคลังตามจำนวน ที่ได้ชำระ โดยให้เรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราและเงื่อนไขเดียวกับที่กระทรวงการคลังได้กู้เงินมาเพื่อชำระหนี้แทน รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว 4. กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการชำระหนี้จากรัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการ เงินภาครัฐในอัตรา ดังนี้ ในปีแรกอัตราร้อยละ 0.50 ต่อปี ของวงเงินที่ได้ชำระ และในปีถัด ๆ ไป ให้เป็นไป ตามอัตราค่าธรรมเนียมค้ำประกันของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ
|
|||||||||||||||||||||
37730 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจระหว่าง
ประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะ ที่ 2 ตรวจพิจารณาแล้ว โดยคณะกรรมการ ฯ ได้ตัดประธานผู้แทนการค้าไทยในตำแหน่งกรรมการนโยบายเศรษฐ กิจระหว่างประเทศออก เนื่องจากประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นตำแหน่งทางการเมือง มิได้เป็นข้าราชการการเมือง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และเพิ่มเติมให้นายกรัฐมนตรีสามารถแต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิได้จำนวนไม่เกินสามคน โดยหากนายกรัฐมนตรีจะประสงค์จะแต่งตั้งประธานผู้แทนการค้าไทยร่วมเป็น กรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ก็อาจแต่งตั้งในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งเพิ่มเติมวาระการ ดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแทนตำแหน่ง ที่ว่าง และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
37731 | ร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการ เกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระราคาอ้อยและค่าผลิตน้ำตาลทราย และอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน พ.ศ. .... | อก | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เรื่อง หลัก
เกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายได้ การกำหนดและการชำระราคาอ้อย และค่าผลิตน้ำตาล ทราย และอัตราส่วนของผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนิน การต่อไปได้ โดยร่างประกาศ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดให้ร่างประกาศใช้บังคับตั้งแต่ฤดูการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ปี 2552/2553 เป็น ต้นไป จนกว่าจะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ใหม่ 2. "ฤดูการผลิต" หมายความว่า ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 กันยายน 3. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประมาณการรายได้การจำหน่ายน้ำตาลทรายในแต่ละฤดูการผลิต ทั้งปีที่ผ่านมาและปัจจุบัน 4. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดราคาน้ำตาลทรายโตวต้า ข. ในแต่ละฤดูการผลิต 5. กำหนดอัตราส่วนผลตอบแทนระหว่างชาวไร่อ้อยและโรงงาน และกำหนดราคาอ้อยและผลตอบ แทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย 6. กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการการชำระราคาอ้อย และผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาล ทราย
|
|||||||||||||||||||||
37732 | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทยคนใหม่ [นายกิลดา เลอ ลีเดก (Mr. Gildas LE LIDEC)] | กต | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกิลดา เลอ ลีเดก (Mr. Gildas LE LIDEC) ให้ดำรงตำแหน่งเอก
อัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทน นายโลรอง บีลี (Mr. Laurent Bili) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
37733 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ ระดับ 10 (กระทรวงคมนาคม) (จำนวน 3 ราย 1. นายชัยเดช ข่าทิพย์พาทีฯ) | คค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่ง
ระดับ 10 จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ 1. นายชัยเดช ข่าทิพย์พาที ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้าน วิศวกรรมโยธา (ด้านบำรุงรักษา) วิศวกรวิชาชีพ 10 วช. (วิศวกรรมโยธา) กรมทางหลวง ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 2. นายพิชิต จำนงพิพัฒน์กุล ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้าน วิศวกรรมโยธา (ด้านวิจัยและพัฒนา) วิศวกรวิชาชีพ 10 วช. (วิศวกรรมโยธา) กรมทางหลวง ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 3. นายเทียม เจนงามกุล ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้าน วิศวกรรมโยธา (ด้านบำรุงรักษาทางและสะพาน) วิศว กรวิชาชีพ 10 วช. (วิศวกรรมโยธา) กรมทางหลวง ชนบท ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2551
|
|||||||||||||||||||||
37734 | รายงานกิจการ งบดุล งบกำไรขาดทุน รอบปีบัญชี 2551 (1 เมษายน 2551 - 31 มีนาคม 2552) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานกิจการ งบดุล งบกำไรขาดทุน รอบปีบัญชี
2551 (1 เมษายน 2551-31 มีนาคม 2552) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
|
|||||||||||||||||||||
37735 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์" | สสป | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์" และรับทราบตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ควรจัดตั้งศูนย์ข้อมูลและนิทรรศการถาวรกระจายตามภูมิภาคเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับประชา ชนอย่างต่อเนื่องและถูกวิธีโดยเร่งด่วน เพื่อให้มีความเข้าใจในเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในการ ผลิตไฟฟ้าจนเกิดผลดีและผลเสียในการมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ครบถ้วนดีขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และลดแรงต้านใน การสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอนาคต 2. ควรเร่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการศึกษาแนวทางการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วยความทุ่มเท ในการให้ความรู้ ข้อดีข้อเสีย ทำความเข้าใจ และจัดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากคนในพื้นที่ที่ถูกเลือกให้เป็น สถานที่ตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยมีส่วนร่วมล่วงหน้าเป็นเวลานาน และควรมีประกาศให้ชัดเจนในเรื่องสถานที่ตั้งและ พื้นที่ที่ต้องใช้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมทั้งศึกษาผลกระทบต่อชุมชน สิ่งแวดล้อม การประกอบอาชีพของประชา ชนในพื้นที่ 3. ควรกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือพิเศษ และจัดการพื้นที่ในบริเวณที่จะก่อสร้าง โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และชุมชนรอบ ๆ โรงไฟฟ้าเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงการ รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนในการถือหุ้น และให้สิทธิพิเศษแก่ชุมชนโดยรอบโรงไฟฟ้าอย่าง ต่อเนื่อง อาทิ ภาษีบำรุงท้องที่ หรือหุ้นให้เปล่า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน 4. ควรออกกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 5. ควรออกกฎหมายการบริหารจัดการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างโปร่งใสโดยเปิดเผยให้ประชาชนได้มีส่วน ร่วมในการตัดสินใจและสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่สำคัญของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ตลอดเวลา 6. ควรคัดเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการ ลงทุนและความปลอดภัยสูงสุดสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย 7. เร่งกำหนดนโยบายและกฎหมายในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เช่น สิ่งแวดล้อม การออกใบอนุญาตต่าง ๆ การจัดการกากกัมมันตรังสี การจัดการเชื้อเพลิงใช้แล้ว Safeguards รวม ทั้งการปลดโรงไฟฟ้า ฯ
|
|||||||||||||||||||||
37736 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ธรรมะเพื่อพัฒนาคนทางจิตควบคู่กับการศึกษาทางโลก | สสป | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง แนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ธรรมะเพื่อพัฒนาคนทางจิตควบคู่กับการศึกษา ทางโลก และรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความ เห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ ดังนี้ 1. หน่วยงานของรัฐต้องมียุทธศาสตร์และแนวทางให้ความสำคัญต่อระบบสนับสนุนให้เกิดผู้นำที่เสียสละ หรือจิตอาสาและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการเรียนรู้และเผยแพร่ธรรมะ เพื่อพัฒนาคนทาง จิตขั้นสำคัญที่สุดในธรรมะเรื่องไม่เบียดเบียนความเสียสละและเมตตาธรรม 2. ต้องดำเนินการให้การเรียนรู้ธรรมะทั้งในโรงเรียน และการเรียนรู้ธรรมะนอกโรงเรียนในและนอกวัด ในและนอกบ้านของเด็ก และผู้ใหญ่ทุกวัย ให้เห็นว่า สิ่งที่เรียนในโรงเรียนสามารถเห็นจากนอกโรงเรียนและในสังคม ได้ 3. ส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทการเผยแพร่จากภาคฆราวาสที่มีจิตอาสาและความรับผิดชอบต่อสังคม 4. ต้องมีวิธีสนับสนุนบทบาทของประชาชนในการปฏิบัติเพื่อสนับสนุนพระ หรือนักบวชในการเผยแพร่ ธรรมะทั้งรูปแบบในเมืองและชนบทที่อาจต่างกัน 5. ต้องมีวิธีสนับสนุนบทบาทของพระสงฆ์ในการเป็นผู้นำทางปัญญาระดับต่าง ๆ และการเป็นตัวอย่าง ที่ดีแก่ประชาชนในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทั้งวิถีชีวิตในเมืองและชนบท 6. ต้องปรับปรุงให้มีผู้รับผิดชอบหลักที่ชัดเจนในการพัฒนาคนทางจิต โดยมีรองนายกรัฐมนตรีด้านการ สร้างคนเช่นเดียวกับด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง โดยมีองค์ประกอบจากผู้แทนหน่วยราชการ และภาคประชาชนที่ เกี่ยวข้องกับการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม รวมทั้งผู้มีประสบการณ์ด้านบริหารการเปลี่ยนแปลงทั้งคนและระบบ ขนาดใหญ่ร่วมเป็นคณะกรรมการ 7. ควรส่งเสริมบทบาทของสื่อมวลชนทุกรูปแบบในการพัฒนาการศึกษาและเผยแพร่ธรรมะ เพื่อพัฒนา คนทางจิต
|
|||||||||||||||||||||
37737 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภา ผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติ ฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม พ.ศ. 2537 ดังต่อไปนี้ 1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า "วิชาชีพเภสัชกรรม" ให้มีความหมายครอบคลุมถึงการปรุงและจ่าย ยาตามใบสั่งยาของผู้ประกอบวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธารณสุขอื่น ๆ 2. แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสภาเภสัชกรรมในการออกข้อบังคับสภาเภสัชกรรม เรื่องการต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาต 3. แก้ไขเพิ่มเติมให้มีการต่ออายุใบอนุญาต โดยกำหนดให้ใบอนุญาตมีอายุ 5 ปี นับแต่วันที่ออกใบ อนุญาต 4. เพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต 5. กำหนดบทเฉพาะกาล เพื่อรองรับสิทธิประโยชน์ที่มีตามกฎหมายเดิม โดยกำหนดให้ใบอนุญาตที่ มีอยู่เดิมใช้บังคับต่อไปได้อีก 5 ปี นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||
37738 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน 10 ฉบับ) | มท | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้ บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปีเพิ่มขึ้น จำนวน 10 ฉบับ ดังนี้ 1. กฎกระทรวง ฉบับที่ 401 (พ.ศ. 2542) ฯ ผังเมืองรวมเมืองตรัง จังหัวดตรัง 2. กฎกระทรวง ฉบับที่ 412 (พ.ศ. 2542) ฯ ผังเมืองรวมเมืองสตูล จังหวัดสตูล 3. กฎกระทรวง ฉบับที่ 440 (พ.ศ. 2543) ฯ ผังเมืองรวมเมืองโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา 4. กฎกระทรวง ฉบับที่ 451 (พ.ศ. 2543) ฯ ผังเมืองรวมเมืองโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี 5. กฎกระทรวง ฉบับที่ 452 (พ.ศ. 2543) ฯ ผังเมืองรวมเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 6. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนนทบุรี พ.ศ. 2548 7. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2548 8. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเกาะภูเก็ต พ.ศ. 2548 9. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองอุบลราชธานี-วารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2547 10. กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครราชสีมา พ.ศ. 2547
|
|||||||||||||||||||||
37739 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติของหน่วยงานที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตในการผลิต ครอบครอง จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือ นำผ่านซึ่งเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... | สธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติของหน่วยงานที่ได้รับยกเว้นไม่
ต้องขออนุญาตในการผลิต ครอบครอง จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. .... ที่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดวิธีการให้หน่วยงานปฏิบัติ เช่น สถานที่และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิต สถานที่ครอบครองและ สถานที่เก็บเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ วิธีการเก็บเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ และการกำหนดให้บุคคลผู้มีคุณสมบัติตาม ที่กำหนดมีหน้าที่ควบคุมการผลิต ครอบครอง จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ 2. กำหนดหลักเกณฑ์การแจ้งข้อมูลและการทำบัญชีรายชื่อเกี่ยวกับเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ที่ผลิต ครอบ ครอง จำหน่าย นำเข้า ส่งออก 3. กำหนดบทเฉพาะกาลในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ที่ผลิต ครอบครอง จำหน่าย นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ก่อนวันที่ร่างกฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
|
|||||||||||||||||||||
37740 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายคณิต ตันติศิริวิทย์) | สธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายคณิต ตันติศิริวิทย์ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ 10 วช. ด้านเวช
กรรม สาขาอายุรกรรม กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลน่าน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน สำนักงาน ปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการ ตาม ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
.....