ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1888 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 37741 - 37760 จากข้อมูลทั้งหมด 124241 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
37741 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งที่ 2/2552 | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ
คณะกรรมการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.) ครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2552 โดยที่ประชุมรับทราบและเห็นชอบในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ 1. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านในกรอบ GMS IMT-GT BIMSTEC ACMECS Mekong-Japan Cooperation และสามเหลี่ยมมรกต และการดำเนินงานในระยะ ต่อไป 2. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางสำนักงานความร่วมมือ พัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) กระทรวงการคลัง กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม และ ภาคเอกชน ประกอบด้วย (1) โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2551 รวม 6 โครงการ วงเงิน 2,942.57 ล้านบาท (2) โครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2552 รวม 2 โครงการ วงเงิน 1,335 ล้านบาท (3) โครง การที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปี พ.ศ. 2552 รวม 6 โครงการ วงเงิน 2,905 ล้านบาท และ (4) โครงการที่มีแผนจะ ดำเนินการในปี พ.ศ. 2553 รวม 5 โครงการ วงเงิน 3,690 ล้านบาท 3. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานของเวทีขับเคลื่อนการพัฒนาแนวพื้นที่พัฒนาเศรษฐ กิจ (Economic Corridor Forum : ECF) ภายใต้แผนงาน GMS 4. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามความตกลงการขนส่งพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่ม แม่น้ำโขง (Cross Border Transport Agreement : CBTA) 5. ที่ประชุมเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลัก ในการศึกษาประสบการณ์ของการบริหารจัดการแม่น้ำมิสซิสซิปปีของสหรัฐ ฯ เป็นแบบอย่างเพื่อนำมาปรับใช้กับ ประเทศในเขตลุ่มน้ำโขง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ยกประเด็นเรื่อง การประชุม US-Lower Mekong Ministerial Meeting ระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ฯ กับรัฐมนตรีต่างประเทศต่าง ๆ ใน ลุ่มน้ำโขงตอนล่าง (กัมพูชา ลาว ไทย เวียดนาม) ซึ่งมีการหารือระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน กับประเทศคู่เจรจา เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2552 ที่จังหวัดภูเก็ต โดยสหรัฐ ฯ ย้ำความสำคัญของพื้นที่ลุ่มน้ำโขง ตอนล่าง และประเทศในพื้นที่ต่อสหรัฐ ฯ และความมุ่งมั่นของสหรัฐ ฯ ในการช่วยเสริมสร้างสันติภาพ และความ เจริญรุ่งเรืองแก่ภูมิภาค ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาข้ามชาติ รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของ แม่น้ำโขง
|
|||||||||||||||||||||
37742 | ผลการประชุมเวทีหารือเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจระดับรัฐมนตรี และระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 2 | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการประชุมเวทีหารือเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจระดับรัฐมนตรีและระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 2 (2nd Economic Corridor Forum : ECF) ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายน 2552 โดยการประชุมเวทีหารือระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการหารือภาพรวมการพัฒนา GMS การพัฒนาตามแนวพื้นที่เศรษฐกิจ (Economic Corridor : EC) ยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการของแต่ละพื้นที่เศรษฐกิจ บทบาทภาครัฐและเอกชน และกลไกการทำงานร่วมกัน ส่วนการประชุมเวทีหารือระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มีการพิจารณาแนวทางความร่วมมือและผลักดันไปสู่การปฏิบัติของแผนงานความร่วมมือ GMS นอกจากนี้ ได้มีการลงนามในหนังสือแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐกัมพูชา ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนสิทธิจราจรสำหรับการขนส่งข้ามพรมแดน ณ จุดผ่านแดนอรัญประเทศ-ปอยเปต โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวีระชัย วีระเมธีกุล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของกัมพูชา ได้ร่วมลงนามใน Addendum ระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อเริ่มการเดินรถนำร่องระหว่างกันในจำนวน 40 คัน ณ ด่านอรัญประเทศ-ปอยเปต ภายในต้นปี พ.ศ. 2553 โดยกัมพูชาจะสามารถเดินรถเข้ามาได้ถึงกรุงเทพ ฯ ขณะที่ไทยเดินรถได้ถึงกรุงพนมเปญ และต่อเนื่องไปยังเมืองบาเวต (ชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม)
|
|||||||||||||||||||||
37743 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการจัดการน้ำในพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจ | สสป | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "แนวทางการจัดการน้ำในพื้นที่อุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืนของระบบ เศรษฐกิจ" และรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และ ผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอ แนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ด้านนโยบาย 1.1 จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายน้ำ เพื่ออุตสาหกรรม เป็นทิศทางในการวางแผนการพัฒนาแหล่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมที่มี ศักยภาพสูง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำทุกประเภท ดึงดูดการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริม การเจริญเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ตลอดจนความมั่นคงของชุมชนและสังคมให้บรรลุวัตถุประสงค์การ กระจายรายได้และความเจริญ 1.2 บูรณาการนโยบายและแผนการใช้น้ำเพื่ออุตสาหกรรมเข้ากับนโยบายและแผนการจัดการ น้ำของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และคณะกรรมการลุ่มน้ำต่าง ๆ ที่พื้นที่อุตสาหกรรมตั้งอยู่ 1.3 สร้างความสมดุลการใช้น้ำผ่านกลไกราคาของน้ำแต่ละประเภท จากแหล่งน้ำที่แตกต่างกัน เพื่อจูงใจให้ภาคอุตสาหกรรมตลอดจนภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ เลือกใช้ตามความเหมาะสม 1.4 สร้างกลไกการตรวจสอบคุณภาพน้ำในรูปคณะกรรมการน้ำชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนเอก ชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อยกระดับความร่วมมือและเพิ่มขีดความสามารถในการเฝ้าระวัง และตรวจวัดคุณภาพน้ำจากแหล่งน้ำตลอดจนการปนเปื้อนของน้ำทิ้ง 2. ด้านกฎหมาย 2.1 ผลักดันพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อเป็นกฎหมายหลักในการ บริหารและการพัฒนาทรัพยากรน้ำ การจัดตั้ง กนช. คณะกรรมการประจำลุ่มน้ำต่าง ๆ จะส่งผลดีต่อการระดม ความรู้ ความสามารถและความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีส่วนได้เสียเข้ามาร่วมกำหนดนโยบายและทิศทาง การบริหารจัดการน้ำให้มีเอกภาพ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย 2.2 พัฒนากฎหมายเกี่ยวกับการจัดการน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและน้ำเพื่อการเกษตร เพื่อให้เกิด องค์กรในรูปคณะกรรมการทรัพยากรน้ำเพื่ออุตสาหกรรมและทรัพยากรน้ำเพื่อเกษตรกรรมที่ประกอบด้วยส่วน ราชการ เอกชน ชุมชน เกษตรกร และผู้มีส่วนได้เสีย ทำหน้าที่ศึกษาวิเคราะห์ความต้องการน้ำ ประสิทธิภาพ การใช้น้ำของภาคการผลิตทั้งสอง 2.3 แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายด้านการจัดเก็บค่าบำบัดน้ำทิ้งจากภาคอุตสาหกรรม 3. ด้านการใช้เครื่องมือในการจูงใจ 3.1 ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมประยุกต์และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการประหยัดน้ำรวมทั้งการ อนุรักษ์น้ำ เช่น การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต การใช้ซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่ ฯลฯ เพื่อให้การใช้ทรัพยากร น้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพ ประหยัด คุ้มค่า 3.2 ให้รางวัลในรูปส่วนลดการจัดเก็บค่าการปล่อยมลพิษ หากโรงงานใดได้ดำเนินโครงการลด การใช้น้ำหรือโครงการลดปริมาณน้ำทิ้งให้นำค่าน้ำและค่าการปล่อยมลพิษที่ลดได้มาบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงบ การเงิน 4. ด้านการดำเนินงานหรือการนำนโยบายไปปฏิบัติ 4.1 แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายน้ำเพื่ออุตสาหกรรมระดับประเทศ เพื่อกำหนดนโยบายการ บริหารจัดการน้ำเพื่ออุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับ กนช. รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายน้ำเพื่ออุตสาห กรรมในระดับพื้นที่ เพื่อกำหนดสัดส่วนการจัดสรรน้ำให้แก่ภาคการผลิตและเพื่ออุปโภคบริโภคให้สอดคล้องกับ นโยบายของคณะกรรมการประจำลุ่มน้ำ ตลอดจนการกำหนดมาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ เพื่อความยั่งยืนของเศรษฐกิจ 4.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการค้นคว้าและวิจัยด้านการบริหารอุปสงค์และอุปทานน้ำ กระตุ้นให้ เกิดการตื่นตัวในทางวิชาการเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการน้ำ 5. มาตรการด้านระบบติดตามประเมินผล 5.1 ติดตามค่าปริมาณน้ำสำรองในแหล่งน้ำธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง 5.2 ประเมินผลประสิทธิภาพการใช้น้ำ โดยให้สถานประกอบการจัดทำค่าสัดส่วนของผลผลิต ต่อปริมาณน้ำเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน
|
|||||||||||||||||||||
37744 | สรุปรายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค (ระหว่างวันที่ 14 - 17 กรกฎาคม 2552) | ยธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอสรุปรายงานการประชุมระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้า
หน้าที่อาวุโสภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่ายว่าด้วยการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค ซึ่งจัดการประชุมขึ้น ระหว่างวันที่ 14-17 กรกฎาคม 2552 ณ โรงแรมดุสิตธานี อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. ผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ฯ ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานของโครงการหรือกิจกรรม ต่าง ฯ ตามแผนปฏิบัติการเพื่อการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาคใน 5 ด้าน ได้แก่ การลดอุปสงค์ยาเสพติด ยา เสพติดและเอชไอวี/เอดส์ การพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน การปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือระหว่างประเทศ ด้านกฎหมาย รวมทั้งพิจารณาทบทวนร่างแผนปฏิบัติการเพื่อการควบคุมยาเสพติดในอนุภูมิภาค (ฉบับที่ 7) เพื่อ ให้มีความเหมาะสมต่อสถานการณ์และหลักปฏิบัติของแต่ละประเทศ และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของประเทศภาคี ในด้านต่าง ๆ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของบันทึก ความเข้าใจ 7 ฝ่าย ฯ และร่างปฏิญญาชะอำเพื่อเสนอต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรี 2. ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ฯ ได้มีการพิจารณาและรับรองร่างแผนปฏิบัติการเพื่อควบคุมยาเสพ ติดในอนุภูมิภาค (ฉบับที่ 7) ร่างเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของบันทึกความเข้าใจ 7 ฝ่าย ฯ และเห็นชอบรายงานการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ฯ รวมทั้งได้รับรอง "ปฏิญญาชะอำ" (2009 MOU Cha-am Declaration) ที่มุ่งเน้นในเรื่องการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ ฯ ในเชิงคุณภาพ นอกจากนี้ รัฐมนตรี ประเทศภาคีสมาชิก ฯ ได้ร่วมลงนามในเอกสารแก้ไขเอกสารเพิ่มเติมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนของบันทึกความเข้า ใจ 7 ฝ่าย ฯ |
|||||||||||||||||||||
37745 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... | ศธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขา
วิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. .... ตาม ที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดย ร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ มีสาระสำคัญคือ 1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชา นิติศาสตร์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สาขาวิชาบริหารธุรกิจ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาศิลปกรรมศาสตร์ และสาขาวิชาศิลปศาสตร์ 2. กำหนดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย ครุยประจำตำแหน่ง และเครื่องหมายประกอบครุยประจำ ตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย อุปนายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร และคณา จารย์มหาวิทยาลัย 3. กำหนดสีประจำสาขาวิชา 4. กำหนดเข็มวิทยฐานะของมหาวิทยาลัย
|
|||||||||||||||||||||
37746 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานสงขลา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 3 ฉบับ | กษ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฯ จำนวน 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะเดาเป็นทางน้ำชลประทานที่ จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา ในท้องที่ตำบลสำนักแต้วขึ้นไปด้านเหนือน้ำ ในท้องที่ตำบล สำนักแต้ว อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลาเป็นทางน้ำชลประทานที่จะ เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองหลา จาก ศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำคลองหลา ในท้องที่ตำบลคลองหลาขึ้นไปด้านเหนือน้ำ ในท้องที่ตำบลคลอง หลา อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองจำไหรเป็นทางน้ำชลประทานที่ จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองจำไหร จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำคลองจำไหร ในท้องที่ตำบลคลองหอยโข่ง ขึ้นไปด้านเหนือน้ำ ในท้องที่ ตำบลคลองหอยโข่ง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||
37747 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนสถานประกอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่อง มือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำขอจดทะเบียนสถานประกอบ การผลิตเครื่องมือแพทย์ การขอต่ออายุใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ สถานที่ยื่นคำขอจด ทะเบียน การย้ายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่ผลิตหรือสถานที่เก็บเครื่องมือแพทย์ การเปลี่ยนแปลงรายการในใบจด ทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่องมือแพทย์ และการขอรับใบแทนใบจดทะเบียนสถานประกอบการผลิตเครื่อง มือแพทย์ 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจดทะเบียนสถานประกอบการนำเข้าเครื่อง มือแพทย์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำขอจดทะเบียนสถานประกอบ การนำเข้าเครื่องมือแพทย์ สถานที่ยื่นคำขอ การขอต่ออายุใบจดทะเบียนสถานประกอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ การย้ายหรือเปลี่ยนแปลงสถานที่นำเข้าหรือสถานที่เก็บเครื่องมือแพทย์ การเปลี่ยนแปลงรายการในใบจดทะเบียน สถานประกอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์ การขอรับใบแทนใบจดทะเบียนสถานประกอบการนำเข้าเครื่องมือแพทย์
|
|||||||||||||||||||||
37748 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยา ภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตาม ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอ คณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดให้ยกเลิก บัญชี 12 และ บัญชี 13 ท้ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎ ไทย พ.ศ. 2536 และให้ใช้ บัญชี 12 และ บัญชี 13 ท้ายระเบียบนี้แทน 1.2 กำหนดให้เพิ่ม บัญชี 39 ถึง บัญชี 44 ท้ายระเบียบสำน้กนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระ ราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2536 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 33 ลงวันที่ 30 กันยายน พุทธศักราช 2549 2. เห็นชอบให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายก รัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
37749 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัดที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | สผ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมา
ธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัดที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... และที่ประชุม สภาผู้แทนราษฎร วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2552 ได้ลงมติเห็นชอบด้วยกับข้อสังเกตดังกล่าว และให้นำเหตุ ผลของร่างพระราชบัญญัติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ใน การประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
37750 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งในระดับที่สูงขึ้น (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา) | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัครวัฒน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการร่างกฎ
หมายประจำ (นิติกร 10 ชช.) กลุ่มร่างกฎหมายและให้ความเห็นทางกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
37751 | แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายอนันต์ ระงับทุกข์ และ นายเกียรติศักดิ์ เสนไสย) | ศธ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 2 ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1. นายอนันต์ ระงับทุกข์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ (นักวิชาการศึกษา 10 ชช.) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2551 2. นายเกียรติศักดิ์ เสนไสย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระบบสาร สนเทศ (นักวิชาการศึกษา 10 ชช.) สำนักงาน ปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2551
|
|||||||||||||||||||||
37752 | รายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง (ระหว่างวันที่ 8 - 15 เมษายน 2552) | สผ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่ประธานรัฐสภาเสนอรายงานสรุปผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ระหว่างวันที่ 8-15 เมษายน 2552 ประกอบด้วย รายงานผลการ พิจารณาการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง และสรุปผลการพิจารณาของคณะอนุกรรม การ จำนวน 5 คณะ 2. มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) รับไปพิจารณากำหนด แนวทางการดำเนินการของรัฐบาลตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ฯ แล้วนำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
37753 | การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง (ระหว่างวันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2552) | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องการมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรี รับ-ส่งผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่เดินทางร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมสุดยอด ที่เกี่ยวข้อง (วันที่ 23-25 ตุลาคม 2552) ทั้งนี้ ให้แก้ไขข้อความในหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ด่วนที่ สุด ลงวันที่ 7 ตุลาคม 2552 (เรื่อง การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง) เป็น ดังนี้ "2) เชิญ ครม. เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุม ฯ วันศุกร์ที่ 23 ต.ค. 2552 เวลา 09.45-10.15 น. ณ ห้องดุสิต แกรนด์ บอลรูม A-B โรงแรมดุสิตธานี ชะอำ-หัวหิน และเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Gala Dinner) วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม 2552 เวลา 19.00-21.00 น. ณ ห้องเพชรบุรี โรงแรมฮอล์ลิเดย์อินน์" 2. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งข้อมูลราย ละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับกำหนดการและการมอบหมายรองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรี รวมทั้งภารกิจของคู่สมรสที่ถูก ต้องและครบถ้วนให้รองนายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีทุกท่านทราบโดยด่วนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
37754 | รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำปี 2551 | นร | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานสรุปผลการปฏิบัติงานของ
คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ประจำ ปี พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย การให้คำแนะนำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติ ราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทาง ปกครองโดยจัดวิทยากรออกเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองตามที่หน่วยงาน ของรัฐต่าง ๆ ร้องขอทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น และจัดเจ้าหน้าที่ไว้ให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์แก่ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และประชาชนที่ต้องการปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราช การทางปกครอง รวมทั้งเผยแพร่เอกสารที่จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครองให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ และประชาชนที่สนใจ
|
|||||||||||||||||||||
37755 | รายงานผลการแข่งขันของคณะนักกีฬาไทย ในการแข่งขันกีฬา 1st Asian Martial Arts Games 2009 (ระหว่างวันที่ 1 - 9 สิงหาคม 2552) | กก | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอผลการแข่งขันของคณะนักกีฬาไทย
ในการแข่งขันกีฬา 1st Asian Martial Arts Games 2009 ระหว่างวันที่ 1-9 สิงหาคม 2552 ซึ่งประเทศไทยรับ เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันดังกล่าว และคณะกรรมการโอลิมปิคเแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ รับการสนับสนุนในการส่งคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทย จำนวน 124 คน ใน 9 ชนิดกีฬา ผลการแข่ง ขันประเทศไทยได้รับเหรียญรางวัลทั้งสิ้น 54 เหรียญ เป็นเหรียญทอง 12 เหรียญ เหรียญเงิน 17 เหรียญ และ เหรียญทองแดง 16 เหรียญ
|
|||||||||||||||||||||
37756 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก" | สสป | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและ
ข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง ยุทธศาสตร์การพัฒนาศักยภาพโลจิสติกส์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการ แข่งขันของไทยในเวทีโลก และรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความเห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยว ข้อง และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณารายละเอียดในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี และนำเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ดังนี้ 1. ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบโลจิสติกส์ในภาคการผลิต 1.1 ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหรือเขตประกอบการอุตสาหกรรมตาม แนวบริเวณชายแดน 1.2 ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ เพื่อรองรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้สามารถแข่งขันได้ ในอนาคต 1.3 ส่งเสริมและสนับสนุนระบบการขนส่งที่ประหยัดพลังงาน (Mode Shift) 1.4 ส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจังต่อการย้าย หรือขยายฐานการผลิตเข้าสู่แหล่งวัตถุดิบ หรือ ตลาดผู้บริโภค 2. ด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ 2.1 ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าให้ตรงต่อเวลา และมีระบบเชื่อมโยงที่มีประสิทธิ ภาพ 2.2 ปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางรางตามเส้นทางหลักเชื่อมโยงทุกภูมิภาค 2.3 พัฒนาการใช้ระบบรางคู่ที่สามารถเชื่อมต่อศูนย์กระจายสินค้าจุดเชื่อมโยงการขนส่งทั้งในและ ต่างประเทศ 2.4 พัฒนาระบบการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ให้เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งทางบกและ ทางน้ำ 3. ด้านการจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้า สินค้าคงคลัง หรือศูนย์แสดงสินค้า โดยเร่งรัดการจัด ศูนย์กระจายสินค้าทั้งของรัฐและเอกชนที่มีอยู่ให้เกิดการบริหารจัดการในการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ 4. ด้านการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกทางการค้า 4.1 นำเทคโนโลยีระบบสารสนเทศมาใช้กับพิธีการศุลกากรในการนำเข้า-ส่งออกให้มีความคล่อง ตัวและมีประสิทธิภาพสูง 4.2 เร่งรัดการจัดทำข้อตกลง เงื่อนไข การผ่านแดน และกฎหมายการให้ข้าราชการจากด่านศุลกา กรออกไปทำงานนอกด่านร่วมกับด่านเพื่อนบ้านได้ 4.3 เร่งรัดเจรจาข้อตกลง การสร้างมาตรฐานด้านศุลกากร การขนส่งการประกันภัย รวมทั้งความ ปลอดภัยสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมตามมาตรฐานสากล 4.4 ปรับปรุงระบบภาษีและพิธีทางศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออก ให้สอดคล้องกับกฎ ระเบียบองค์การการค้าโลก (WTO) และข้อตกลงความร่วมมือในอนุภูมิภาค รวมทั้งข้อตกลงทวิภาคีกับประเทศที่ ไม่ได้เป็นสมาชิก WTO 5. ด้านการพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ 5.1 ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีศูนย์กระจายสินค้า (DS) และ/หรือศูนย์โลจิสติกส์ ตามแนวระเบียง เศรษฐกิจหลัก (EWEC) 5.2 ส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย (Thai Logistice Service Provider) ให้มี ปริมาณและคุณภาพมากยิ่งขึ้น 5.3 พัฒนาศูนย์กลางการบินในแต่ละภูมิภาคของประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมการ บิน 6. ด้านการพัฒนากำลังคนและยุทธศาสตร์การพัฒนา โดยให้มีการพัฒนาองค์ความรู้ด้านระบบโลจิส ติกส์ในสถานศึกษาโดยเฉพาะระดับปฏิบัติ ระดับจัดการ และระดับบริหาร
|
|||||||||||||||||||||
37757 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง การส่งเสริมองค์ความรู้ของประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น | สสป | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็นและข้อ
เสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เรื่อง "การส่งเสริมองค์ความรู้ของประชาชนเพื่อการมีส่วนร่วมในการกระจายอำนาจสู่ ท้องถิ่น" และรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการตามความ เห็นและข้อเสนอแนะดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ สรุปได้ ดังนี้ 1. กระทรวงศึกษาธิการควรบรรจุวิชาการปกครองส่วนท้องถิ่นหรือวิชาการมีส่วนร่วมของประชาชนในการ กระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไว้ในหลักสูตรทั้งในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดม ศึกษา 2. องค์กร และหน่วยงานของรัฐ และเอกชนควรสอดแทรกวิชาความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองส่วน ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของประชาชนด้านการกระจายอำนาจสู่ อปท. ไว้ในหลักสูตรการฝึกอบรมหรือการสัมมนา ทุกครั้งที่มีการฝึกอบรมหรือการสัมมนาในเวลาที่เหมาะสม 3. สถาบันอุดมศึกษาควรจัดทำหลักสูตร "การมีส่วนร่วมของประชาชนกลุ่มองค์กรชุมชนในองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น" เพื่อทำการฝึกอบรมกลุ่มองค์กรชุมชนเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนและองค์กรภาคธุรกิจ และทำการ ศึกษาวิจัยรองรับประเด็นปัญหาของท้องถิ่น 4. จัดให้มีศูนย์ฝึกอบรมระดับจังหวัดในทุกจังหวัด โดยให้ อปท. ในจังหวัดนั้น ๆ ร่วมมือกับกระทรวงศึกษา ธิการและมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคทำหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมสนับสนุนในเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่นและ การกระจายอำนาจสู่ อปท. ทั้งในแง่ของการให้ข้อมูลข่าวสารเป็นศูนย์ฝึกอบรมและประสานงานระหว่างกลุ่มองค์กร เครือข่าย ภาคประชาชนกับ อปท. 5. ส่งเสริมให้ อปท. ปรับวิธีการบริหารให้มีลักษณะแนวระนาบ เปิดโอกาส และส่งเสริมสนับสนุนให้กลุ่ม องค์กรชุมชน เครือข่ายภาคประชาชนมีส่วนร่วมในกิจการของ อปท. ให้มากขึ้น 6. ส่งเสริมให้ อปท. ใช้แผนแม่บทชุมชนเป็นฐานในการจัดทำแผนพัฒนาของ อปท. โดยให้ภาคประชาชนมี ส่วนร่วมอย่างจริงจัง
|
|||||||||||||||||||||
37758 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... (ตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535) และร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... (ตามพระราชบัญญัติประกันชีวิต พ.ศ. 2535) รวม 2 ฉบับ | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการ
ต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดแบบบัตรประจำตัวนายทะเบียน และแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกัน วินาศภัย พ.ศ. 2535 เพื่อไว้ใช้แสดงตนในการปฏิบัติหน้าที่ 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวนายทะเบียนและพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ กำหนดแบบบัตรประจำตัวนายทะเบียน และแบบบัตรประจำตัวพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกัน ชีวิต พ.ศ. 2535 เพื่อไว้ใช้แสดงตนในการปฏิบัติหน้าที่
|
|||||||||||||||||||||
37759 | ร่างกฎกระทรวงจัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท แต่งตั้งนายทะเบียน และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงจัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท แต่งตั้งนาย
ทะเบียน และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงจัดตั้งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท แต่งตั้ง นายทะเบียน และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด พ.ศ. 2549 ออก ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยห้างหุ้นส่วนจำกัดและบริษัท ดังนี้ 1. ให้ข้าราชการพลเรือนประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับชำนาญการพิเศษขึ้นไป ประเภทอำนวยการ และ ประเภทบริหาร ในสังกัดกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งนายทะเบียนกลางแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยนายทะเบียนกลาง 2. ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญประเภททั่วไประดับปฏิบัติงาน ซึ่งมีอายุราชการไม่น้อยกว่า 5 ปี และ ระดับชำนาญงานขึ้นไป ประเภทวิชาการตั้งแต่ระดับปฏิบัติการขึ้นไป ประเภทอำนวยการ และประเภทบริหาร ใน สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนายทะเบียนกลางแต่งตั้งเป็นนายทะเบียน
|
|||||||||||||||||||||
37760 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค | 13/10/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายใน
การบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่าง กฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบ ฯ มี สาระสำคัญดังนี้ 1. ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของ ส่วนราชการ พ.ศ. 2549 2. กำหนดนิยามคำว่า "ส่วนราชการ" "หัวหน้าส่วนราชการ" และ "ค่าใช้จ่าย" เพื่อให้การเบิกจ่ายมี ความชัดเจน ถูกต้อง และสอดคล้องกับการปฏิบัติงานของส่วนราชการมากยิ่งขึ้น 3. แบ่งหมวดค่าใช้จ่ายออกเป็น 4 หมวด คือ หมวด 1 ค่าตอบแทน หมวด 2 ค่าใช้สอย หมวด 3 ค่า วัสดุ หมวด 4 ค่าสาธารณูปโภค โดยระบุค่าใช้จ่ายที่สามารถเบิกได้ไว้ในแต่ละหมวด เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และส่วนราชการสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างคล่องตัวและถูกต้อง
|
.....