ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1016 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20301 - 20320 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20301 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... | สธ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยได้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติในมาตรา ๓ (๓) แห่งพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. ๒๕๐๕ โดยการยกเว้นให้สถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามกฎหมายว่าด้วยสถานประกอบการเพื่อสุขภาพไม่อยู่ภายใต้การบังคับตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการซึ่งอยู่ระหว่างเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ความเห็นชอบ พิจารณาร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. .... โดยกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามขนาดพื้นที่ การให้บริการของสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ดำเนินการยกร่างอนุบัญญัติเพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบภารกิจตามพระราชบัญญัติฯ มีฐานะเป็นกอง รวมถึงอยู่ระหว่างดำเนินการยกร่างประกาศกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เรื่อง หลักเกณฑ์การเปรียบเทียบปรับ โดยกำหนดหลักเกณฑ์การใช้อำนาจเปรียบเทียบปรับในกรณีกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20302 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายบุญชัย ธีระกาญจน์) | สธ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านส่งเสริมสุขภาพ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) (ด้านสาธารณสุข) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. นายบุญชัย ธีระกาญจน์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20303 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 1 ปี 2559 และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน 2559 | อก | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๑ ปี ๒๕๕๙ และภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๑ (มกราคม-มีนาคม) ปี ๒๕๕๙ สถานการณ์การค้าหดตัวเนื่องจากการนำเข้าที่หดตัวอย่างต่อเนื่องจากความต้องการภายในประเทศและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกปรับตัวลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำเข้ามีมูลค่าลดลงร้อยละ ๑๑.๙๙ สำหรับการส่งออกกลับมาขยายตัวเล็กน้อยที่ระดับร้อยละ ๐.๙๐ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๘ มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๘๙ และมูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ ๖.๗๕ ๒. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนเมษายน ๒๕๕๙ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๑.๕ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ การกลั่นน้ำมัน โดยการนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) หดตัวร้อยละ ๘.๖ และ ๗.๘ ตามลำดับ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20304 | รายงานผลการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมเกิน 1,000 ล้านบาท โครงการต่อขยายสะพานอรุณอมรินทร์ พร้อมทางขึ้น - ลง และทางยกระดับข้ามแยกศิริราช | มท | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างและค่าชดเชยที่ดินและสิ่งก่อสร้างโครงการต่อขยายสะพานอรุณอมรินทร์ พร้อมทางขึ้น-ลง และทางยกระดับข้ามแยกศิริราช ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๒๕๕,๗๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๗๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๖๑๓,๗๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๑ และค่าชดเชยที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อีกจำนวน ๓๗๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20305 | ขอความเห็นชอบให้รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ | วท | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติตอบรับการเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมร่วมกับทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ในประเทศไทย จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ ๑.๑.๑ การประชุม First Project Coordination Meeting on the Applications of Emerging Radiopharmaceuticals for Targeted Therapy ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ๑.๑.๒ การประชุม Regional Coordination Meeting ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ๑.๑.๓ การประชุมเชิงปฏิบัติการ Workshop on Developing a Quality Framework to Enhance Patient Care in Diagnostic Radiology ระหว่างวันที่ ๓-๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ๑.๒ ให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติดำเนินการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแจ้งให้คณะผู้แทนถาวรไทยประจำกรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ทราบและแจ้ง IAEA ตามแนวทางปฏิบัติต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่เห็นควรระบุยืนยันในหนังสือตอบรับของฝ่ายไทยว่า ไทยจะสามารถให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่บุคคลที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับความตกลงว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของ IAEA เท่านั้น เพื่อให้ฝ่ายไทยสามารถปฏิบัติได้โดยไม่ต้องออกหรือแก้ไขพระราชบัญญัติเพื่อรองรับพันธกรณีในเรื่องนี้ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20306 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน 2559 | นร11 | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนเมษายน ๒๕๕๙ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ ในด้านการผลิต ดัชนีราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๐ ในขณะที่ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองร้อยละ ๑.๕ และจำนวนนักท่องเที่ยวขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องร้อยละ ๙.๘ ในด้านอุปสงค์ ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๕ ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวร้อยละ ๑.๔ ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๓ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ ๗.๖ เนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ายังอยู่ในภาวะชะลอตัว เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อกลับมาเป็นบวกเล็กน้อย อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลก ในเดือนเมษายน ๒๕๕๙ โดยรวมยังคงอยู่ในช่วงของการชะลอตัวตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ญี่ปุ่น และประเทศสำคัญอื่น ๆ แม้จะมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ของเศรษฐกิจยุโรปก็ตาม การชะลอตัวทางเศรษฐกิจทำให้ประเทศต่าง ๆ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายและมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๙ ช้าลงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20307 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ 1/2559 | นร11 | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการ กพข. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้นำเสนอแนวทางการดำเนินงานและแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไป ของคณะอนุกรรมการ ๔ ชุด ภายใต้ กพข. ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาเสถียรภาพเศรษฐกิจมหภาค (๒) คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๓) คณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐและการพัฒนากระบวนการทางศุลกากร และ (๔) คณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลและการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ๒. ที่ประชุมฯ เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานและข้อเสนอตามที่คณะอนุกรรมการทั้ง ๔ ชุดนำเสนอ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการโดยเร็ว และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการสื่อสารและทำความเข้าใจด้านการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ทุกภาคส่วน ทั้งภายในและต่างประเทศได้รับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการของภาครัฐ โดยเชื่อมโยงกับกระบวนการจัดอันดับของสถาบัน IMD (International Institute for management Development), WEF (World Economic Forum) และธนาคารโลก ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องรับการสนับสนุนงบประมาณและบุคลากรเพิ่มเติม ให้นำเสนอเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20308 | ร่างกฎกระทรวงซึ่งจะต้องออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 2 ฉบับ | พณ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเครื่องหมายการค้า พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า การดำเนินการเกี่ยวกับทะเบียนเครื่องหมายการค้าในขั้นตอนต่าง ๆ และการปรับปรุงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพิจารณาปรับข้อความในข้อ ๒ ของร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็น “ในกรณีที่มีการตั้งตัวแทนหรือตั้งผู้รับมอบอำนาจเป็นหนังสือได้กระทำในต่างประเทศ จะต้องมีการรับรองลายมือชื่อโดยหัวหน้าสำนักงานสังกัดกระทรวงพาณิชย์ซึ่งประจำอยู่ ณ ประเทศที่ผู้ตั้งตัวแทนหรือตั้งผู้รับมอบอำนาจมีถิ่นที่อยู่ หรือโดยพนักงานกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ที่ประจำอยู่ ณ ประเทศที่ผู้ตั้งตัวแทนหรือผู้รับมอบอำนาจมีถิ่นที่อยู่” เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินงานและไม่ขัดต่ออำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาเร่งรัดปรับปรุงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อยกระดับสถานะของประเทศไทยจากประเทศคู่ค้าให้สูงขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20309 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559) | นร | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20310 | รายงานผลดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี 2557/2558 | อก | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ของคณะกรรมการกำกับดูแลการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยในฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการจ่ายเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ สำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายแจ้งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรโอนเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ เข้าบัญชีชาวไร่อ้อยที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มราคาอ้อยขั้นต้น ๑๖๐ บาทต่อตันอ้อย ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่ง ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โอนรวม ๑๓ งวด คิดเป็นปริมาณอ้อย ๑๐๕,๙๓๑,๙๙๖.๒๘๒ ตัน จำนวนเงินที่โอน ๑๖,๙๔๙,๑๑๙,๔๐๕.๑๒ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๗ ของวงเงินที่จะต้องจ่ายทั้งหมด สำหรับชาวไร่อ้อยส่วนที่เหลือ ที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือค่าอ้อยฤดูการผลิต ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ คิดเป็นปริมาณอ้อย ๒๗,๐๘๓.๑๖๓ ตัน จำนวนเงิน ๔,๓๓๓,๓๐๖.๐๘ บาท คิดเป็นร้อยละ ๐.๐๓ จำแนกเป็นกรณี (๑) โอนเงินไม่ผ่าน เนื่องจากบัญชีไม่เคลื่อนไหว ปิดบัญชี และผิดบัญชี จำนวน ๑๕ ราย ปริมาณอ้อย ๔,๒๘๑.๐๔๐ ตัน เป็นเงินจำนวน ๖๘๔,๙๖๖.๔๐ บาท และ (๒) อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล ของคณะทำงานควบคุมการผลิตประจำโรงงาน รวมทั้งชาวไร่อ้อยจดทะเบียนล่าช้า คิดเป็นปริมาณอ้อย ๒๒,๘๐๒.๑๒๓ ตัน เป็นเงินจำนวน ๓,๖๔๘,๓๓๙.๖๘ บาท กรณีชาวไร่อ้อย ส่วนที่เหลือที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือค่าอ้อยฤดูการผลิตผลิต ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ให้สิ้นสุดการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามมติคณะกรรมการบริหาร ๒. ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินช่วยเหลือ กรณีปัญหาที่ไม่สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือชาวไร่อ้อยได้ครบถ้วนร้อยละ ๑๐๐ คงเหลือร้อยละ ๐.๐๓ คิดเป็นเงิน ๔,๓๓๓,๓๐๖.๐๘ บาท เกิดจากปัญหาการจดทะเบียนชาวไร่อ้อย และการติดตามข้อมูลจากชาวไร่อ้อยมีความล่าช้า เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายและสำนักงานกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกำหนดแผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานรองรับให้ชัดเจนเพื่อให้มีการจ่ายเงินได้ครบถ้วนร้อยละ ๑๐๐ ในปีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20311 | การขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเรื่อง การติดตามประเมินผลนโยบายการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ โครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ 5 ล้านบาท) และการแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว | นร | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเรื่อง การติดตามประเมินผลนโยบายการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ โครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) และการแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และรายงานความคืบหน้าให้ทราบ ดังนี้ ๒.๑ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนที่นำทางตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันจัดทำแผนที่นำทางในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการรวบรวมข้อมูล สถิติ สถานะทางคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ ๒.๓ ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพิจารณานำนโยบายสำคัญของรัฐบาลในเรื่องตำบลละ ๕ ล้านบาท และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ๒.๔ การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ ควรมีการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการทางคดีของศาลทหาร ๒.๕ การแก้ไขปัญหาด้านการท่องเที่ยว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ระหว่างกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ๓. นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเพิ่มเติมว่า “ให้สรุปในภาพรวมเป็นกิจกรรม บูรณาการ และประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจง่าย เช่น การนำเสนอด้วย Infographics”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20312 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2559) | ทส | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๑๐,๘๕๒.๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๙ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การสัมมนาระดับสูง เรื่องสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๗ (7th High Level Seminar on Environmentally Sustainable Cities : 7th HLS ESC) การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Assembly : UNEA) การประชุมหารือระดับรัฐมนตรี (Ministerial-level policy review session) โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างฯ ให้หน่วยงานภายในทราบและถือปฏิบัติ พร้อมทั้งจัดทำคู่มือขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหน่วยงาน ตลอดจนกำชับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกระบวนการ ข้อระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแจ้งข้อมูลข่าวสารให้หน่วยงานภายนอกทราบ ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการขับเคลื่อนกฎหมาย รวม ๑๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการหรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยแนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำคู่มือประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : COP) และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย การปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ตามแผนเสนอร่างกฎหมายของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20313 | ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับโรงงานเกิดความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด และสอดคล้องกับสภาพบ้านเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในด้านต่าง ๆ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกี่ยวกับบรรดาค่าธรรมเนียมรายปีหรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการจัดเก็บควรตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กำหนดไว้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับความพร้อมผู้ตรวจสอบเอกชนในการตรวจสอบโรงงานตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายและวิธีการชำระเงินในการตรวจสอบโรงงานให้มีความเหมาะสมและเป็นธรรม การตรวจสอบมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบฯ อย่างสม่ำเสมอ การพิจารณากำหนดระยะเวลาที่โรงงานต้องยื่นเรื่องขอต่ออายุใบอนุญาตให้มีระยะเวลาที่นานขึ้นก่อนที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ การกำหนดให้มีการประกันภัยหรือหลักประกันหรือกองทุนเพื่อการเยียวยาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ควรมีการพิจารณากำหนดรายละเอียดให้ชัดเจน ทั้งในเรื่องความเหมาะสมและรูปแบบของหลักประกัน ประเภทของขอบเขตของความเสียหาย และแนวทางการใช้จ่ายเงินเพื่อเยียวยาความเสียหาย การพิจารณาทบทวนการกำหนดให้สามารถนำความตกลงระหว่างประเทศ ความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากร นวัตกรรม หรือเทคโนโลยี มาประกอบการพิจารณาการออกกฎกระทรวง โดยให้มีรายละเอียดเพิ่มเติมที่ชัดเจนและคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้าน ตลอดจนการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการโอนใบอนุญาตของกิจการที่ไม่สามารถตั้งโรงงานหรือประกอบกิจการภายในระยะเวลา ๕ ปี ได้ และให้สามารถโอนใบอนุญาตประกอบกิจการเป็นทอดได้ ควรมีการพิจารณาถึงผลกระทบในด้านอื่น ๆ อย่างรอบด้าน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20314 | ร่างพระราชบัญญัติการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการบังคับตามคำสั่งศาลในคดีอาญา พ.ศ. .... | ศย | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการบังคับตามคำสั่งศาลในคดีอาญา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการเสริมสร้างประสิทธิภาพในการบังคับตามคำสั่งศาลในคดีอาญา โดยให้นำเงินค่าปรับตามคำพิพากษาในคดีอาญามาใช้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการกำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว และการติดตามจับกุมผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หลบหนีในชั้นศาล ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับประเด็นการจ่ายเงินค่าตอบแทน ค่าใช้จ่าย เงินสินบนและเงินรางวัลแก่ผู้มีสิทธิได้รับจากเงินค่าปรับตามคำพิพากษาในคดีอาญา ตามร่างมาตรา ๙ ไม่มีความจำเป็นต้องบัญญัติเนื่องจากตามพระราชบัญญัติเงินคงคลัง พ.ศ. ๒๔๙๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจกำหนดข้อบังคับอนุญาตให้หัวหน้าส่วนราชการใด ๆ หักรายจ่ายจากเงินที่จะต้องส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เพื่อจ่ายเป็นสินบนรางวัลหรือค่าใช้จ่ายในการจัดให้ได้มาซึ่งเงินอันพึงต้องชำระให้แก่รัฐบาลได้ และควรพิจารณาในประเด็นเกี่ยวกับความซ้ำซ้อนกับเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของบุคคลผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ซึ่งไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมาย งบประมาณและความคุ้มค่า หลักเกณฑ์การปล่อยชั่วคราวของเจ้าพนักงานหรือศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สิทธิของบุคคลผู้แจ้งความนำจับในชั้นพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ รวมทั้งเห็นว่าชื่อร่างพระราชบัญญัตินี้ยังไม่สอดคล้องกับเนื้อหาร่างกฎหมายที่กำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20315 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 11 | กต | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๑ (11th Asia-Europe Meeting-ASEM 11) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงอูลานบาตอร์ มองโกเลีย รวม ๒ ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์ประธาน (Chair’s Statement) และปฏิญญาอูลานบาตอร์ (Ulaanbaatar Declaration) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของสมาชิก ASEM เพื่อตระหนักถึงความสำเร็จที่ผ่านมาของ ASEM และเพื่อกำหนดทิศทางการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในอนาคต ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้ความเห็นชอบเอกสารดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรปรับแก้ไขและเพิ่มเติมประเด็นในร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20316 | ขอความเห็นชอบการปรับรูปแบบอาคารโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ 1 ปี 2557 | พม | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับลดกรอบวงเงินลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ จาก ๙,๕๗๗.๗๕๒ ล้านบาท เป็น ๘,๕๗๙.๙๐๗ ล้านบาท และปรับลดเป้าหมายหน่วยก่อสร้างจาก ๑๖,๑๔๖ หน่วย เป็น ๑๕,๖๗๖ หน่วย ซึ่งรวมถึงการปรับรูปแบบอาคารโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดสมุทรปราการ (บางโฉลงทาวน์โฮม) โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดเพชรบูรณ์ ระยะที่ ๑ และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดนครศรีธรรมราช (อ้อมค่าย) และชะลอการดำเนินโครงการ จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดภูเก็ต ๒ และโครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน หารายได้ จังหวัดเชียงใหม่ (ดอยสะเก็ด) และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) เร่งรัดดำเนินการมาตรการด้านการตลาดและการขาย รวมทั้งควบคุมการก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายของโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนด ทั้งนี้ หากผลการขายไม่เป็นไปตามเป้าหมายให้พิจารณาทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมในการดำเนินโครงการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันพุธที่ ๒ มีนาคม ๒๕๕๙ ๒. รับทราบกรณีที่ให้คณะกรรมการการเคหะแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการปรับโอนวงเงินลงทุนเหลือจ่ายระหว่างโครงการย่อยภายใต้กรอบการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในกรณีที่ไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการ โดยให้การเคหะแห่งชาติรายงานการปรับโอนวงเงินเหลือจ่ายและผลกระทบให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการให้การเคหะแห่งชาติจัดทำโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยโดยดำเนินการในลักษณะการให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณของภาครัฐต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20317 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมและขอความเห็นชอบจ่ายเงินกู้และขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ตามโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2558/59 | กค | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนค่าเช่าและค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางผู้กู้ และสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการระบายข้าวเปลือกจากยุ้งฉางผู้กู้ถึงจุดส่งมอบเพื่อเป็นค่าขนย้ายข้าวเปลือกของเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร ให้แก่เกษตรกรและสหกรณ์การเกษตรที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จำนวน ๗๐๘.๗๕ ล้านบาท ๑.๒ เห็นชอบการจ่ายเงินกู้เพิ่มเติมให้กับเกษตรกร จำนวน ๕๙ ราย ซึ่งได้จัดทำสัญญาเงินกู้ไว้ก่อนวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และขยายระยะเวลาในการดำเนินโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ออกไปครั้งละ ๑ เดือน ไม่เกิน ๓ ครั้ง ๒. ให้ ธ.ก.ส. พิจารณาการขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ให้แก่เกษตรกรเป็นราย ๆ ไป เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและลดภาระการขาดทุนของโครงการ โดยให้อยู่ภายในกรอบระยะเวลาและข้อกำหนดตามที่ ธ.ก.ส. เสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนเวลาดำเนินการที่ชัดเจน การประชาสัมพันธ์และเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนที่กำหนดไว้ การจัดหากลไกการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถมีช่องทางระบายข้าวในสต็อกของสหกรณ์การเกษตรและเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการเชื่อมโยงการจัดหาตลาดภายในและต่างประเทศควบคู่ไปกับการให้สินเชื่อเพื่อการชะลอขายข้าวเปลือก และนำประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นไปวางแผนป้องกันในการดำเนินโครงการปีต่อไป การศึกษาแนวทางการเชื่อมโยงการใช้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวและโครงการอื่น ๆ ที่ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการผลักดันการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (โซนนิ่งเกษตร) โดยเฉพาะการส่งเสริมการปลูกข้าวในพื้นที่ที่เหมาะสม ปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ไม่เหมาะสมเป็นสินค้าเกษตรอื่นให้สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น และนำไปสู่การปรับโครงสร้างการผลิตการเกษตรได้อย่างแท้จริง รวมทั้งการจัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรและพื้นที่การเพาะปลูกจะต้องมีการจัดทำบัญชีและทะเบียนคุมอย่างถูกต้อง ไม่รั่วไหล โดยการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๔. ในกรณีการจ่ายเงินกู้เพิ่มเติมให้กับเกษตรกร จำนวน ๕๙ ราย ให้ ธ.ก.ส. ชี้แจงและประสานงานกับผู้ปฏิบัติงานถึงขั้นตอนในการดำเนินโครงการให้ชัดเจนเพื่อป้องกันมิให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการปฏิบัติงานที่อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรอีกในอนาคต ๕. มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงเหตุผลในการปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าและค่าเก็บรักษาข้าวเปลือกในยุ้งฉางผู้กู้ จากอัตรา ๑,๐๐๐ บาท/ตัน ในปีการผลิต ๒๕๕๘/๒๕๕๙ เป็น ๑,๕๐๐ บาท/ตัน ในปีการผลิต ๒๕๕๙/๒๕๖๐ ให้คณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อให้การสื่อสารต่อสาธารณชนและเกษตรกรของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเป็นไปอย่างมีเอกภาพ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20318 | หลักเกณฑ์และแนวทาง เรื่อง ค่าบริการทางการแพทย์และเงินเหมาจ่ายช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล กรณีผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์เหตุระเบิดแยกราชประสงค์ วันที่ 17 สิงหาคม 2558 ของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์และแนวทาง เรื่อง ค่าบริการทางการแพทย์และเงินเหมาจ่ายช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล กรณีผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์เหตุระเบิดแยกราชประสงค์ วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กันไว้เบิกเหลื่อมปี เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์สำหรับผู้ไม่มีสิทธิในการรักษาหรือสิทธิการรักษาไม่ครอบคลุม ในวงเงิน ๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณในเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณาจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลแก่ผู้บาดเจ็บชาวต่างชาติที่ประสงค์จะขอรับเงินช่วยเหลือในการรักษาพยาบาลต่อเนื่องหลังจากเดินทางกลับประเทศไปแล้วนั้น ฝ่ายไทยควรแจ้งข้อมูลหลักเกณฑ์และแนวทางฯ ดังกล่าวให้ผู้ได้รับบาดเจ็บชาวต่างชาติจากเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ทุกรายได้รับทราบถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยาอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของไทยและเป็นการปฏิบัติที่มีหลักการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว และเพื่อให้การดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางฯ เป็นไปในแนวทางเดียวกัน เห็นควรพิจารณามอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบความซ้ำซ้อนของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง และจัดทำหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายที่ชัดเจน โดยคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม และประโยชน์ที่ผู้บาดเจ็บจะได้รับอย่างแท้จริง แล้วขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้ในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์ดังกล่าวเป็นกรณีเฉพาะราย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาจัดทำกฎหมายหรือระเบียบ เงื่อนไข และวิธีการในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาที่ครอบคลุมในทุกกรณีทั้งเหตุการณ์ภัยพิบัติ สาธารณภัย เหตุการณ์ทางการเมือง หรือการก่อการร้าย ครอบคลุมการให้ความช่วยเหลือเยียวยาทุกประเภท เช่น กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ บาดเจ็บ และครอบคลุมบุคคลทุกกลุ่ม เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชน ชาวต่างชาติ เพื่อให้การให้ความช่วยเหลือเยียวยาของภาครัฐมีหลักเกณฑ์มาตรฐานและเกิดความชัดเจนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20319 | การต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของบริษัท อีโค่ โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2527/24 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข SW1 | พน | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๗/๒๔ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข SW1 ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙-๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๙ และให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๙) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๗/๒๔ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20320 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 เรื่อง โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร | อก | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เกี่ยวกับระยะเวลาการชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ตามโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร จาก “ให้ชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา ๓ ปี นับแต่ปีที่กู้ยืม” โดยขอแก้ไขเป็น “การกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามโครงการ แยกตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน คือ หากเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี และหากเป็นเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี” ในกรอบวงเงินสินเชื่อปีละ ๓,๐๐๐ ล้านบาท จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยใช้จากวงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ของเงินกู้ยืมสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการปลูกอ้อย (เงินเกี๊ยว) เป็นระยะเวลา ๓ ปี โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้ชาวไร่อ้อยผู้กู้ชำระในอัตราร้อยละ ๒ มีโรงงานน้ำตาลเป็นผู้ค้ำประกัน ๑.๒ แนวทางปฏิบัติตามโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อการปลูกอ้อยอย่างครบวงจร ซึ่งรวมถึงระยะเวลาโครงการ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ และสิ้นสุดการจ่ายเงินกู้ตามโครงการ ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑ คุณสมบัติของผู้ขอกู้ พื้นที่ดำเนินการ รูปแบบการกู้เงินตามโครงการ หลักประกันเงินกู้ เอกสารประกอบการขออนุมัติโครงการ ขั้นตอนการเข้าร่วมและอนุมัติโครงการ การชำระหนี้เงินกู้ และการติดตามและรายงาน ๑.๓ ให้รัฐบาลรับภาระอัตราดอกเบี้ยส่วนเกินเพื่อให้ชาวไร่อ้อยนำไปพัฒนาการปลูกอ้อยให้มีประสิทธิภาพครบวงจร ภายใต้โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อการปลูกอ้อยอย่างครบวงจร ในกรอบวงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยประมาณ ๙๒๒.๕๐ ล้านบาท โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการ แบ่งเป็น ๑.๓.๑ กรณีกลุ่มผู้กู้เป็นเกษตรกรรายบุคคล ดอกเบี้ยโครงการ=(MRR-๒%) หรือ=๕% โดยเกษตรกรจ่าย ๒% และรัฐชดเชยส่วนต่าง ๓% ๑.๓.๒ กรณีผู้กู้เป็นกลุ่มเกษตรกร ดอกเบี้ยโครงการ=(MLR-๑%) หรือ=๔% โดยเกษตรกรจ่าย ๒% และรัฐชดเชยส่วนต่าง ๒% ๑.๓.๓ กรณีการจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร ที่ขยายการให้สินเชื่อเพิ่มเติมในการจัดซื้อรถคีบอ้อย รถแทรกเตอร์ และรถบรรทุกอ้อย เห็นควรให้ขยายสินเชื่อเฉพาะรถคีบอ้อย ส่วนรถแทรกเตอร์และรถบรรทุกอ้อย เห็นควรใช้อัตราดอกเบี้ย (MLR-๑%) หรือ=๔% และรัฐไม่ต้องชดเชยส่วนต่าง เนื่องจากรัฐได้จัดหาแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้แล้ว ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรจัดทำประมาณการกรอบวงเงินชดเชยอัตราดอกเบี้ยที่รัฐต้องจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีให้ชัดเจน รวมทั้งให้ติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และเมื่อสิ้นสุดโครงการแล้วควรจัดให้มีการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของโครงการเพื่อนำผลที่ได้ไปใช้ประกอบการจัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยในอนาคต สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการรับภาระอัตราดอกเบี้ยส่วนเกิน ให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามค่าใช้จ่ายจริงเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และเห็นควรมีการวางแผนด้านการตลาดรองรับผลผลิตที่จะเพิ่มขึ้นและให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงและมีความหลากหลายนอกเหนือจากผลิตเป็นน้ำตาลทรายเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่รัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาน้ำตาลทรายตกต่ำ และบูรณาการการดำเนินการกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการทำเกษตรแบบแปลงใหญ่ นอกจากนี้ ควรมีการกำหนดมาตรการเพื่อไม่ให้มีการขยายพื้นที่การปลูกอ้อยเพิ่มเติม แต่สนับสนุนการลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรรายเดิมเพื่อไม่ให้เป็นภาระของรัฐบาลและกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายในปีงบประมาณต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....