ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1018 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20341 - 20360 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20341 | กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนกรกฎาคม 2559 | อื่นๆ | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากวันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตรงกับวันอาสาฬหบูชา และวันพุธที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นวันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ รวมทั้งวันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การพิจารณากำหนดวันหยุดราชการประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ) ดังนั้น ในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเฉพาะในวันอังคารที่ ๕, ๑๒ และ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เท่านั้น หากหน่วยงานของรัฐมีเรื่องใดเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี ขอให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเร่งดำเนินการจัดทำเรื่องส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีให้ทันเวลาต่อการประชุมที่กำหนดในเดือนกรกฎาคมดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
20342 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับทางหลวงหมายเลข 4026 (แยกเข้าสนามบิน) จังหวัดภูเก็ต ของกรมทางหลวง | คค | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการก่อสร้างรายการทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข ๔๐๒ กับทางหลวงหมายเลข ๔๐๒๖ (แยกเข้าสนามบิน) จังหวัดภูเก็ต จากทางยกระดับ (Overpass) เป็นทางลอด (Underpass) และเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมวงเงินจำนวนทั้งสิ้น ๔๐๘,๒๔๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงินจำนวนทั้งสิ้น ๔๗๙,๕๑๑,๔๕๕.๒๖ บาท ทั้งนี้ ให้กรมทางหลวงดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ส่วนการขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้กรมทางหลวงขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตามข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการก่อสร้างครั้งต่อ ๆ ไป กรมทางหลวงควรที่จะสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนให้เรียบร้อยก่อนที่จะจัดทำโครงการ เพื่อมิให้เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20343 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | กษ | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลงิ้วงาม ตำบลน้ำริด ตำบลผาจุก ตำบลท่าเสา ตำบลบ้านด่าน ตำบลคุ้งตะเภา ตำบลป่าเซ่า ตำบลท่าอิฐ ตำบลหาดกรวด อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ตำบลฝายหลวง ตำบลชัยจุมพล ตำบลทุ่งยั้ง ตำบลด่านแม่คำมัน ตำบลไผ่ล้อม อำเภอลับแล ตำบลวังแดง ตำบลข่อยสูง ตำบลบ้านแก่ง ตำบลน้ำอ่าง ตำบลหาดสองแคว อำเภอตรอน ตำบลท่าสัก ตำบลนายาง ตำบลไร่อ้อย ตำบลคอรุม ตำบลนาอิน ตำบลบ้านหม้อ ตำบลท่ามะเฟือง ตำบลพญาแมน อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย ตำบลนครเดิฐ ตำบลน้ำขุม ตำบลศรีนคร ตำบลคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย และตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ ตำบลตลุกเทียม ตำบลดงประคำ ตำบลศรีภิรมย์ ตำบลวงฆ้อง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณดังกล่าวเพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างเขื่อนทดน้ำและระบบส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบ ตามโครงการเขื่อนทดน้ำผาจุก จังหวัดอุตรดิตถ์ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20344 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางปานทิพย์ ศรีพิมล) | กค | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางปานทิพย์ ศรีพิมล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนารัฐวิสาหกิจ (นักวิเคราะห์รัฐวิสาหกิจทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20345 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร01 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยสถิติการแจ้งเรื่องร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นที่ยื่นเรื่องผ่านช่องทางการร้องทุกข์ ๑๑๑๑ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งสิ้น ๓๗,๖๗๙ ครั้ง รวมจำนวน ๒๒,๘๕๙ เรื่อง โดยประเด็นเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์/เสนอความคิดเห็นมากที่สุด ได้แก่ เหตุเดือดร้อนรำคาญ รองลงมาคือ แจ้งเบาะแสการลักลอบเปิดบ่อนและเล่นการพนัน แจ้งเบาะแสการลักลอบจำหน่ายและเสพยาเสพติด เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายและโครงการของรัฐในประเด็นที่หลากหลาย และปัญหาหนี้สินนอกระบบ ตามลำดับ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการจนได้ข้อยุติ คิดเป็นร้อยละ ๘๖.๖๑ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คิดเป็นร้อยละ ๑๓.๓๙ ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์ให้มีผลเป็นที่ยุติด้วยความเป็นธรรมภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
|
|||||||||||||||||||||||||||
20346 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงยุติธรรม) (นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต) | ยธ | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20347 | แนวทางเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ | กค | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางสนับสนุนการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องที่มีการรับเงินจากประชาชน เช่น ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ติดตั้งอุปกรณ์ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้เพียงพอต่อความต้องการให้บริการกับประชาชน โดยเริ่มดำเนินการติดตั้งภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ และติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๐ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงระเบียบและหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเร็ว และให้ดำเนินการตามแนวทางที่คณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ National e-Payment กำหนด ๑.๒ การดำเนินการเกี่ยวกับการออกเลขประจำตัว (๑) ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดำเนินการแก้ไขปัญหาเลขประจำตัวที่ปัจจุบันมีการซ้ำ ๑๓๘ ราย ในส่วนของนิติบุคคลที่มีเลขประจำตัวที่ซ้ำกับเลขประจำตัวประชาชน โดยการออกเลขประจำตัวให้กับนิติบุคคลใหม่ที่ไม่ซ้ำกับเลขที่ออกโดยกรมการปกครอง (๒) เพื่อป้องกันปัญหาการออกเลขประจำตัวซ้ำกันระหว่างหน่วยงานในอนาคต ให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอจัดสรรเลขประจำตัวของนิติบุคคลจำนวน ๒ ล้านเลขหมาย ส่งให้กรมการปกครองเพื่อกันไว้ไม่ให้ใช้ออกเลขประจำตัวประชาชนในส่วนของกรมการปกครอง (๓) กำหนดภารกิจการออกเลขประจำตัว ๑๓ หลัก โดยกรมการปกครองออกเลขประจำตัว ๑๓ หลัก ให้แก่บุคคลธรรมดา กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกเลขประจำตัว ๑๓ หลัก ให้แก่นิติบุคคล และกรมสรรพากรออกเลขให้กับบุคคลหรือนิติบุคคลบางประเภท เช่น กองมรดกเฉพาะที่ยังไม่ได้แบ่ง คณะบุคคล และผู้จ่ายเงินได้ ที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมายของกรมสรรพากร ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการติดตั้งอุปกรณ์ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่จะเริ่มดำเนินการภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ควรเริ่มจากหน่วยงานที่มีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมากก่อน และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งต้องมีการพัฒนาระบบให้มีความง่ายต่อการใช้งาน และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ตลอดจนมีมาตรการในการจูงใจให้ประชาชนมาใช้ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด และให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าพิจารณาขอจัดสรรเลขประจำตัวของนิติบุคคลที่ไม่ซ้ำกับเลขประจำตัวประชาชนมากขึ้นจาก ๒ ล้านหมายเลข เป็น ๒๐ ล้านหมายเลข เพื่อรองรับความต้องการใช้งานในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20348 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... และร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... และเห็นชอบร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และร่างระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันให้มีความทันสมัย เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับบริบทของการนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีในปัจจุบัน ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตบางประการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น มาตรา ๕ ของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ควรเพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับกรณีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังมิได้มีมติยืนยันหรือยกเลิกคำสั่งของนายกรัฐมนตรีหรือมติคณะรัฐมนตรีเดิม โดยให้ถือปฏิบัติตามคำสั่งหรือมติเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีคำสั่งหรือมติเป็นอย่างอื่น และร่างระเบียบฯ ข้อ ๙ การขออนุมัติโครงการจากคณะรัฐมนตรี ควรให้เจ้าของเรื่องกำหนดรูปแบบหรือวิธีในการกำกับดูแลโครงการหรือมาตรการที่จะดำเนินการให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส มีมาตรการป้องกันการทุจริต เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20349 | สรุปผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี | กต | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม (World Humanitarian Summit : WHS) และผลการปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ของคณะผู้แทนไทย ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเข้าร่วมการประชุมฯ รวมถึงการปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมฯ และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้
๑. ถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมเต็มคณะ ๒. ถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นสำหรับการประชุมโต๊ะกลมระดับผู้นำหัวข้อ "ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ-การจัดการความเสี่ยงและวิกฤติที่แตกต่าง" ๓. ถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นสำหรับการประชุมโต๊ะกลมระดับผู้นำหัวข้อ "การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง-การให้คำมั่นเพื่อจัดการกับการพลัดถิ่น" ๔. กฎบัตรว่าด้วยการครอบคลุมคนพิการในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรมและถ้อยแถลงในการประกาศคำมั่นในการอนุวัติกฎบัตรว่าด้วยการครอบคลุมคนพิการในการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ๕. แถลงการณ์แสดงความยึดมั่นต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ๖. แถลงการณ์ทางการเมืองสำหรับการประชุมสุดยอดว่าด้วยการดำเนินงานด้านมนุษยธรรม ๗. เอกสารคำมั่นเกี่ยวกับข้อริเริ่มด้านมนุษยธรรมเพื่อโลกที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์ |
|||||||||||||||||||||||||||
20350 | แนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (6 ตุลาคม 2558) ประจำเดือนพฤษภาคม 2559 | นร02 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการดำเนินการประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาลโดยโฆษกกระทรวง ทั้ง ๒๐ กระทรวง ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี (๖ ตุลาคม ๒๕๕๘) ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชาสัมพันธ์ในเดือนที่ผ่านมา (พฤษภาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล งานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี การเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซียของนายกรัฐมนตรี การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ มาตรการกระตุ้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน สถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไขปัญหาหมอกควันเพื่อช่วยเหลือประชาชน กิจกรรมรณรงค์เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก (๕ มิถุนายน ๒๕๕๙) การจัดเก็บรายได้และสถานการณ์ทางการคลัง การเปิดตัวโครงการ “Thailand scan me” กิจกรรมตลาดน้ำคลองผดุงกรุงเกษม มาตรการแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์และแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย (IUU) โครงการวิจัยร่วมไทย-ญี่ปุ่นเพื่อบูรณาการข้อมูลพันธุกรรมมนุษย์ของเชื้อก่อโรคเพื่อประยุกต์ใช้ในการควบคุมวัณโรค การมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ นโยบายการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนทุกช่วงวัย การพัฒนาและเสริมสร้างระบบป้องกันประเทศให้ทันสมัยด้วยกองทัพ และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๒. การประชาสัมพันธ์ในเดือนต่อไป (กรกฎาคม ๒๕๕๙) ได้แก่ การปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์และการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาล กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา งานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๗๐ ปี การรณรงค์ออกเสียงประชามติและการประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ การรณรงค์แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU) สถานการณ์ภัยแล้ง/สถานการณ์ไฟป่า/ปัญหาหมอกควันและมาตรการช่วยเหลือประชาชน การจัดงานสานศิลป์ถิ่นอาเซียน/การแข่งขันเรือใบนานาชาติ/การแข่งขันอาเซียนสกูลเกมส์ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน การขับเคลื่อนประชาคมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคอาเซียน การกำหนดมาตรฐานการผลิตและการตรวจสอบสินค้าประมงให้มีประสิทธิภาพ การพัฒนาพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ความร่วมมือการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์อย่างครบวงจรผ่าน Call center 1212 การประกวดสิ่งประดิษฐ์เพื่อช่วยปฏิบัติงานด้านรังสี โครงการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับแรงงานไทย การสร้างการรับรู้และสร้างความเข้าใจให้ในการดำเนินงานของรัฐบาลผ่านชุดคำพูด (Theme Message) และ Info graphics ให้กับประชาชน และการดำเนินการตาม Road Map ๓ ระยะของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20351 | สรุปสาระสำคัญการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 9 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ศธ | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปสาระสำคัญการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ ๙ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ รัฐ Selangor ประเทศมาเลเซีย ซึ่งที่ประชุมได้มีการนำเสนอและพิจารณาเอกสารเกี่ยวกับแผน ๕ ปีด้านการศึกษาของอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN 5-Year Work Plan on Education 2016-2020) (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้กับเด็กตกหล่น (ASEAN Declaration on Strengthening Education for the Out-of-School Children and Youth : OOSCY) และ (ร่าง) กฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (The Charter of ASEAN University Network : AUN Charter) ๑.๒ เห็นชอบเอกสารจำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ๑.๒.๑ (ร่าง) แผน ๕ ปีด้านการศึกษาของอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN 5-Year Work Plan on Education 2016-2020) เพื่อปรับใช้ในการดำเนินความร่วมมือด้านการศึกษาในกรอบอาเซียนต่อไป ๑.๒.๒ (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้กับเด็กตกหล่น (ASEAN Declaration on Strengthening Education for the Out-of-School Children and Youth : OOSCY) เพื่อให้ที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนเสนอบรรจุเป็นเอกสารประกอบการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ๑.๒.๓ การปรับปรุง (ร่าง) กฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (The Charter of ASEAN University Network : AUN Charter) ๑.๓ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้การรับรอง (ร่าง) ปฏิญญาฯ ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีกำหนดจัดในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ หรือตามที่ผู้จัดพิจารณาเห็นสมควร ๑.๔ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยใน (ร่าง) กฎบัตรฯ ฉบับปรับปรุงร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสมาชิกอาเซียนในโอกาสแรกต่อไป ๑.๕ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไทยหรือผู้แทนสำหรับการลงนามดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20352 | รายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2559 ไตรมาส 2 (มกราคม - มีนาคม 2559) | นร11 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานผลการปรับปรุงงบลงทุนระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๙ ไตรมาส ๒ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๕๙) โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ปรับปรุงกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ทำให้กรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่สะสมถึงไตรมาส ๒ (ตุลาคม ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙) ปรับลดลงจาก ๕๓๓,๑๖๗ ล้านบาท เป็น ๕๒๗,๖๐๑ ล้านบาท และจากการปรับกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนระหว่างปีดังกล่าว รัฐวิสาหกิจจึงได้จัดทำเป้าหมายการดำเนินงานตามกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยตั้งเป้าการเบิกจ่ายอยู่ที่ ๑๑๑,๓๔๒ ล้านบาท แต่รัฐวิสาหกิจสามารถเบิกจ่ายลงทุนได้จริง จำนวน ๕๙,๖๗๒ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๓.๖ ของเป้าหมายไตรมาสที่สอง สาเหตุจากความล่าช้าในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐวิสาหกิจ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.๑ เห็นควรให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเร่งรัดเบิกจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙) ที่ให้หน่วยงานกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจพิจารณาว่าหากโครงการใดไม่สามารถดำเนินการได้ ให้มีการทบทวนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนรายละเอียดโครงการ/หรือนำงบลงทุนไปใช้ดำเนินการในโครงการสำคัญในลำดับถัดไปแทน ๒.๒ เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับเกณฑ์ในส่วนของตัวชี้วัดหลักด้านผลการเบิกจ่ายลงทุนให้มีน้ำหนักมากขึ้น โดยให้มีผลกระทบต่อการประเมินผลในภาพรวมของกรรมการรัฐวิสาหกิจและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ เพื่อให้รัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายลงทุนได้ตามแผนที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||
20353 | ความต้องการงบประมาณของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย | อื่นๆ | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ภายในกรอบวงเงิน ๔๗๐,๑๖๔,๔๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
20354 | โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development) | นร11 | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development) ให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เพื่อส่งเสริม ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engine of Growth) โดยมีกรอบแนวคิดในการดำเนินโครงการ ดังนี้ ๑.๑ พื้นที่ดำเนินการ โดยดำเนินการใน ๓ จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง และจังหวัดฉะเชิงเทรา แบ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม เขตพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และเขตพัฒนาเมือง ๑.๒ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ประกอบด้วย ทางอากาศ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ทางเรือ ได้แก่ ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตาพุด ทางถนน ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรุงเทพฯ-ชลบุรี พัทยา-มาบตาพุด และแหลมฉบัง-นครราชสีมา และทางราง ได้แก่ รถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย และช่วงกรุงเทพฯ-ระยอง ๑.๓ การดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน ประกอบด้วย การให้สิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม การจัดตั้งกองทุนพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ การจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จการลงทุน (One Stop Service) การอำนวยความสะดวกในการอนุมัติเรื่องการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมและผังเมือง ความรวดเร็วในการออกใบอนุญาต การประกาศเป็นเขตปลอดภาษี การจัดหาที่ดินและระยะเวลาเช่าที่ดิน ระยะเวลาพำนักและทำงานของนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ สิทธิในการทำธุรกรรมทางการเงิน การใช้เงินตราต่างประเทศ การจัดตั้งศูนย์ธุรกรรมการเงิน และการจัดตั้งกองทุนในพื้นที่ร่วมกับชุมชนในท้องถิ่น ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงคมนาคม กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการดำเนินโครงการและงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ ให้แล้วเสร็จภายใน ๓ เดือน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้มีรายละเอียดครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ ๒.๑ การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการขนส่งที่เชื่อมโยงทั้งระบบ ด้านพลังงาน ด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา ๒.๒ แผนดำเนินการด้านผังเมืองและการใช้ประโยชน์ที่ดิน แผนบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการขยะ และมลภาวะต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ด้วย ๒.๓ กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนและดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี สิทธิการเช่าที่ดิน และการจัดหาแรงงาน รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จการลงทุน (One Stop Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนในการขออนุมัติอนุญาตการประกอบกิจการและให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ๒.๔ แผนการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน |
|||||||||||||||||||||||||||
20355 | รายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (ครั้งที่ 2) | มท | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินการตามโครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (ครั้งที่ ๒) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๙ จำนวนโครงการจังหวัดและสำนักงานจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ เห็นชอบแผน/รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ แล้ว จำนวน ๘๕,๔๔๔ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ จำนวนบัญชีที่จังหวัดโอนเงินเข้าบัญชีตามงบประมาณที่สำนักงานจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ เห็นชอบแผน/รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณฯ แล้ว จำนวน ๗๔,๕๘๘ หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามโครงการที่หมู่บ้านเสนอขอและได้รับอนุมัติและเห็นชอบแล้ว จำนวน ๘๕,๔๔๔ โครงการ คิดเป็นร้อยละ ๑๐๐ ๒. ผลการดำเนินการที่สามารถดำเนินการได้ก่อนกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ในขั้นตอน คือ จำนวนโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จและดำเนินการเบิกจ่ายเงินแล้ว จำนวน ๑,๗๑๕ โครงการ งบประมาณเบิกจ่ายทั้งสิ้น ๒๘๙,๑๙๑,๘๐๙ บาท ๓. ประเภทของโครงการของหมู่บ้าน แยกเป็น ๓ ประเภท คือ ด้านเศรษฐกิจ จำนวน ๔,๓๐๓ โครงการ ด้านสังคม จำนวน ๑,๒๐๒ โครงการ และด้านสาธารณประโยชน์ จำนวน ๗๙,๗๗๐ โครงการ ๔. ข้อมูลรายละเอียดโครงการ ประกอบด้วย โครงการประเภทหมู่บ้านจ้างเหมา จำนวน ๖๕,๒๘๖ โครงการ งบประมาณ ๑๑,๔๙๒,๗๖๖,๘๑๔ บาท และโครงการประเภทหมู่บ้านดำเนินการ จำนวน ๑๙,๙๘๙ โครงการ งบประมาณ ๓,๓๘๓,๔๒๑,๕๙๗ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
20356 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยออกตามความในมาตรา 18 (13) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 จำนวน 3 ฉบับ | คค | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยออกตามความในมาตรา ๑๘ (๑๓) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงคลองบางไผ่-เตาปูน ซึ่งมีอัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ ๑๔ บาท สูงสุด ๔๒ บาท ๑.๒ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยอัตราค่าบริการจอดรถยนต์และวิธีการจัดเก็บค่าบริการจอดรถยนต์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าบริการจอดรถยนต์โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งมีอาคารจอดแล้วจร จำนวน ๔ แห่ง โดยกำหนดอัตราค่าบริการสำหรับผู้มาใช้บริการรถไฟฟ้า ในอัตราค่าบริการ ๑๐ บาท ต่อ ๒ ชั่วโมง และสำหรับผู้ไม่ใช้บริการรถไฟฟ้าชั่วโมงละ ๒๐ บาท ๑.๓ ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม วิธีการจัดเก็บค่าโดยสารร่วม และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารร่วมระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วมระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ และรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ซึ่งมีอัตราค่าโดยสารสูงสุดอยู่ที่ ๗๐ บาท และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารร่วม ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วม (e-ticket) มาใช้ในการเชื่อมการเดินทางของประชาชนที่สัญจรโดยเรือโดยสาร รถไฟฟ้า และรถประจำทางตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง แผนการดำเนินงานโครงการลงทุนพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ปี พ.ศ. ๒๕๕๘) และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พิจารณากำหนดเงื่อนไขหลักเกณฑ์การปรับอัตราค่าโดยสารที่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจและเป็นธรรมกับทั้ง รฟม. และประชาชนผู้ใช้บริการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของ รฟม. ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
20357 | ขอความเห็นชอบร่างเจตนารมณ์ว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกกับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น | กห | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงกลาโหมจัดทำเจตนารมณ์ว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกกับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น (Statement of Intent for the Royal Thai Army-Japan Ground Self-Defense Force Staff Working Group) เพื่อเป็นการเสริมสร้างและยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือทางทหารระหว่างกองทัพบกไทยกับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น และเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้มีการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดในเรื่องที่อยู่ในความสนใจของทั้งสองฝ่าย โดยมีขอบเขตเนื้อหาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในด้านต่าง ๆ เช่น การเยือน การหารือ ประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การศึกษาและการวิจัย การเสริมสร้างขีดสมรรถนะในเชิงวิชาการ ข้อมูลข่าวสารทั่วไป รวมทั้งการมีส่วนร่วมในเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศ การมีส่วนร่วมเพื่อสนับสนุนความร่วมมือแบบพหุภาคี และความร่วมมือที่เกี่ยวข้องด้านอื่น ๆ ตามที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ๑.๒ ให้ผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทยในร่างเจตนารมณ์ฯ ดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเจตนารมณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||
20358 | (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว | รง | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MOU) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับความร่วมมือด้านแรงงานร่วมกัน โดยมีกรอบความร่วมมือ ได้แก่ (๑) ความร่วมมือทางวิชาการ (๒) ความร่วมมือด้านการพัฒนาฝีมือแรงงาน (๓) ความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน (๔) ความร่วมมือด้านการคุ้มครองแรงงาน และ (๕) ความร่วมมือด้านการประกันสังคม เพื่อเป็นการดำเนินงานและติดตามการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ จะมีการจัดประชุมร่วมสองฝ่ายทั้งระดับรัฐมนตรีและระดับเจ้าหน้าที่ ๑.๒ อนุมัติให้ พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามในเอกสารดังกล่าว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ลงนามในเอกสารดังกล่าว ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ ๒. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดประสานการดำเนินการกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อจัดทำร่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยให้แล้วเสร็จโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
20359 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (จำนวน 7 คน 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ฯลฯ) | ทส | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ จำนวน ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ประธานกรรมการ ๒. นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นายสันติ บุญประคับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. นางดรุณี เอ็ดเวิร์ดส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ๖. นางกอบบุญ ศรีชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารธุรกิจ ๗. นายรัต ตระกูลฮุน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||
20360 | ขอแก้ไขการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการผังเมืองตามพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 มาตรา 6 (5) (นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ ฯ) | มท | 28/06/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แก้ไขที่มาของการดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการผังเมืองที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ ในส่วนของกรรมการผู้แทนสถาบันหรือองค์การอิสระ และบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง จาก “๔. นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ ผู้แทนสภาสถาปนิก” เป็น “๔. นายสมศักดิ์ ตั้งทรงศิริศักดิ์ บุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับการผังเมือง” ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....