ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1019 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20361 - 20380 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20361 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 40/2559 และครั้งที่ 41/2559 | นร | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๐/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๔๑/๒๕๕๙ วันศุกร์ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20362 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ โดยที่พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้มีการแก้ไขเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่ประกอบธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้มีโอกาสฟื้นฟูกิจการและไม่ต้องตกเป็นบุคคลล้มละลาย นั้น ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรมหารือร่วมกันเพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประสบปัญหาทางการเงินและประสบภาวะล้มละลายเพื่อให้สามารถฟื้นฟูกิจการของตนเองได้ รวมทั้งให้กำหนดมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนด้วย ๑.๒ ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙ และ ๑๙ เมษายน ๒๕๕๙ รับทราบกรอบการดำเนินโครงการประชารัฐ และโครงการประชารัฐบนที่ดินราชพัสดุ (โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ) นั้น ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลการดำเนินโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ อย่างเคร่งครัด ๒. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการให้บริการภาครัฐเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ (Doing Business) ซึ่งมีผลต่อการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก เช่น กฎหมายว่าด้วยหลักประกันทางธุรกิจ กฎหมายล้มละลาย ที่ประกาศใช้บังคับแล้วว่ามีบทบัญญัติ กฎ หรือระเบียบใดที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจหรือทำให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร เช่น การไม่สามารถใช้บังคับกับทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวให้เร่งดำเนินการเพื่อให้มีผลใช้บังคับโดยเร็วต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๓.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการกำกับดูแลการก่อสร้างเส้นทางจราจร หรือทางเดินเท้าในบริเวณพื้นที่มีต้นไม้ใหญ่เป็นจำนวนมาก เพื่อให้การก่อสร้างดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อต้นไม้ในบริเวณนั้น รวมทั้งให้พิจารณาจัดหารุกขกรเพื่อมาทำหน้าที่ในการดูแลรักษาและตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ให้เป็นไปตามหลักวิชาการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน ๓.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำดัชนีผลงานรัฐบาล (Government Performance Index) เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับผลการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมาของรัฐบาลในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม กฎหมาย การต่างประเทศ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้นำเสนอดัชนีผลงานรัฐบาลดังกล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นและนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์ต่อไป ๓.๓ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ชะลอเรื่องหลักการการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารไว้ก่อน
|
||||||||||||||||||||||||
20363 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2559 | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LBF165A ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ครบกำหนดเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๒๔,๔๕๐ ล้านบาท ได้ชำระคืนต้นเงินจากบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินที่ได้จากการโอนเงินสินทรัพย์คงเหลือจากบัญชีผลประโยชน์ประจำปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖,๑๗๒,๕๒๓,๙๗๙.๓๓ บาท และได้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้วงเงินส่วนที่เหลือจำนวน ๑๘,๒๗๗,๔๗๖,๐๒๐.๖๗ บาท ประกอบด้วย (๑) เงินกู้ระยะสั้นโดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (PN) จำนวน ๓๗๗,๔๗๖,๐๒๐.๖๗ บาท อายุ ๒ เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๕๐ ต่อปี และ (๒) ตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (R-Bill) อายุ ๑๘๒ วัน อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยร้อยละ ๑.๓๗๙๕๘ ต่อปี ประมูลในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๗,๙๐๐ ล้านบาท ๒. กระทรวงการคลังได้ออกประกาศกระทรวงเกี่ยวกับผลการกู้เงินดังกล่าว จำนวน ๒ ฉบับ เพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||
20364 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 พ.ศ. .... | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการจัดทำเหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้แสดงความกตัญญูกตเวที และความจงรักภักดี อีกทั้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20365 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร09 | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ภายในสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีนำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีลงนาม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20366 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ | ทก | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามเจตนารมณ์ของกรอบข้อตกลงเฮียวโกะ ได้แก่ การแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า การเสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านภัยพิบัติให้แก่ชุมชน และการเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ ๒. การพัฒนาระบบการเตือนภัยให้ชัดเจน แม่นยำ ทันเหตุการณ์ ตลอดจนต้องพัฒนาอุปกรณ์ เครื่องมือ ให้สอดรับกับความซับซ้อนและความหลากหลายของภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต จึงมีความต้องการบุคลากรที่มีความชำนาญทางด้านเทคนิค ให้เอื้อกับภาระงานที่เพิ่มขึ้น ๓. การจัดระบบเทคโนโลยีและอุปกรณ์การเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว แม่นยำ และทั่วถึงครอบคลุมพื้นที่เสี่ยงภัยทั่วประเทศ ๔. แนวทางการแก้ไขปัญหาที่ควรแก้ไขในลำดับแรก คือ การปรับปรุงสภาพปัจจุบันให้สมบูรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ได้แก่ การปรับปรุงระบบงานและโครงสร้างการปฏิบัติงานของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ การปรับปรุงระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงาน และการเร่งซ่อมแซมและปรับปรุงอุปกรณ์เครื่องมือที่มีอยู่เป็นการด่วน ได้แก่ หอเตือนภัย และทุ่นตรวจวัดสึนามิ ๕. คณะกรรมการบริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติได้เร่งจัดทำยุทธศาสตร์การเตือนภัยพิบัติ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการเตือนภัย ให้สามารถปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนากลไกการดำเนินงานให้สามารถขับเคลื่อนงานไปจนบรรลุเป้าหมายด้านการเตือนภัยที่กำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
20367 | รายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว | รง | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับรายงานผลการเดินทางไปราชการ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและคณะ เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง [the 24th ASEAN Labour Ministers Meeting (ALMM) and Related Meetings] ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ (24th ALMM) เมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ที่ประชุมให้การรับรอง (๑) เอกสารอาเซียน มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ หลักการเกี่ยวกับแนวทางอาเซียนสำหรับการรับรองคุณวุฒิและการยอมรับระบบรับรองสมรรถนะ กรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน : ธรรมาภิบาลและโครงสร้าง เอกสารเกี่ยวกับแนวทางอาเซียนสำหรับความรับผิดชอบทางสังคมด้านแรงงาน เอกสารแนวทางอาเซียนเกี่ยวกับการปฏิบัติที่จำเป็นสำหรับสถานประกอบการด้านการป้องกันและการบริหารจัดการเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีเอดส์ ปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านจากการจ้างงานนอกระบบไปสู่การจ้างงานในระบบเพื่อมุ่งสู่การส่งเสริมงานที่มีคุณค่าในอาเซียน (๒) แผนงานอาเซียนด้านแรงงาน มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ แผนงานรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ๒๐๑๖-๒๐๒๐ แผนงานคณะทำงานอาวุโสแรงงานอาเซียนว่าด้วยแนวปฏิบัติด้านแรงงานที่ก้าวหน้าเพื่อเสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขัน ๒๐๑๖-๒๐๒๐ ร่างแผนงานคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยการปฏิบัติให้เป็นไปตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานต่างด้าว ๒๐๑๖-๒๐๒๐ และแผนปฏิบัติการเครือข่ายด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยอาเซียน ทั้งนี้ มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. การประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๙ (9th ASEAN Plus Three Labour Ministers Meeting : 9th ALMM+3) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยมีสาระสำคัญ (๑) ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อหัวข้อหลักของการประชุม และร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติของแต่ละประเทศในการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านจากการจ้างงานนอกระบบไปสู่การจ้างงานในระบบ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศบวกสามในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แนวปฏิบัติที่ดี รวมทั้งการส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (๒) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับการคุ้มครองแรงงานนอกระบบ การส่งเสริมให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่การเป็นแรงงานในระบบ รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ เช่น การจัดตั้งคณะกรรมการทั้งในระดับชาติ ระดับจังหวัด การดำเนินโครงการประชารัฐ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม การจัดตั้งกองทุนสำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้าน และโครงการประกันสังคมแบบสมัครใจ เป็นต้น (๓) รัฐมนตรีแรงงานอาเซียน+๓ รับทราบสถานะความร่วมมืออาเซียน-จีน เป็นความร่วมมือในการช่วยเหลือประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ความร่วมมือด้านการประกันสังคม และการจ้างงาน ความร่วมมืออาเซียน-ญี่ปุ่น เป็นความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และการพัฒนาอาชีวศึกษา ความร่วมมืออาเซียน-เกาหลีใต้ เป็นความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการอาชีวศึกษา การโยกย้ายถิ่นฐาน ทั้งนี้ มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||
20368 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | ทส | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของประเทศไทยที่มีส่วนร่วมดำเนินงานดูแล อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการร่วมมือดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อีกทั้งยังส่งเสริมบทบาทผู้นำของประเทศไทยในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแสดงถึงความพร้อมตลอดจนภาพลักษณ์ที่ดีในการส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาค ๒. การจัดประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยช่วงระยะเวลาในการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีฯ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศก่อน ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องแจ้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ดังกล่าวต่อที่ประชุมประจำปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๒๒ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และจัดทำคำของบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมต่อไป ซึ่งขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการเตรียมการจัดทำรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ในวงเงิน ๑๒,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||||||||
20369 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน 4 ฉบับ | สลธ.คสช. | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๔ ฉบับ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๙/๒๕๕๙ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ในกรณีที่มีการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นเทศบาล การยกฐานะเป็นเทศบาล หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะของเทศบาล สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๐/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษา สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๓. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๑/๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๔. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๒/๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการป้องกันการลักลอบนำสารเคมี วัสดุ หรือเครื่องมือบางประเภทไปใช้ผลิตยาเสพติด สั่ง ณ วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||
20370 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการถนนสาย ฉช.3001 แยก ทล. 314 - ลาดกระบัง จังหวัดฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ (สัญญาที่ 1) และ (สัญญาที่ 2) | คค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงชนบทก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการถนนสาย ฉช.๓๐๐๑ แยก ทล.๓๑๔-ลาดกระบัง จังหวัดฉะเชิงเทรา, สมุทรปราการ สัญญาที่ ๑ ในวงเงิน ๑,๘๗๑,๒๓๙,๐๐๐ บาท และสัญญาที่ ๒ ระยะทาง ๙.๓๒๘ กิโลเมตร ในวงเงิน ๑,๘๔๑,๕๗๐,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20371 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 33/2559 เรื่อง ให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น | สลธ.คสช. | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๓/๒๕๕๙ เรื่อง ให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น สั่ง ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20372 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 พ.ศ. .... | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิด ราคา โลหะ อัตราเนื้อโลหะ น้ำหนัก ขนาด อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด ลวดลาย และลักษณะอื่น ๆ ของเหรียญกษาปณ์ทองคำ ราคาหนึ่งหมื่นหกบาท หนึ่งชนิด เหรียญกษาปณ์เงิน ราคาแปดร้อยบาท หนึ่งชนิด และเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว (ทองแดงผสมนิกเกิล) ราคาห้าสิบบาท หนึ่งชนิด ออกใช้เพื่อเป็นที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20373 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองหก ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง และตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... | คค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองหก ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง และตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลคลองหก ตำบลคลองเจ็ด อำเภอคลองหลวง และตำบลบึงชำอ้อ อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ปท. ๔๐๐๑ ตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับ ข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๕๒ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจร และการขนส่งอันเป็นสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20374 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี พ.ศ. .... | รง | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี เพื่อให้ความคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้านซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์และเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปีให้มีความปลอดภัยในการทำงาน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรเพิ่มเติมงานที่มีลักษณะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์หรือเด็กซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบห้าปี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๓ ในบทนิยามคำว่า “งานที่รับไปทำที่บ้าน” มาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อให้กฎหมายแม่บทมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||
20375 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 30 เมษายน 2559 (ครั้งที่ 15) | มท | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๑๕) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๑๙.๘๙ ๒. การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง ไม่มีการส่งมอบพื้นที่เพิ่มเติม เหลือพื้นที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ๑๙-๒-๙๐.๕ ไร่ ๓. ปัญหา/อุปสรรค ได้แก่ การส่งมอบพื้นที่ที่เหลือยังส่งมอบไม่ได้ตามสัญญาก่อสร้างกระทบกับแผนงานก่อสร้างตามที่ได้รับอนุมัติ และกระทบกับการใช้พื้นที่ในการจัดกองวัสดุหรือประกอบชิ้นส่วนโครงสร้างก่อนนำไปติดตั้ง ซึ่งเป็นเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปอีก ๖๑๑ วัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจการจ้าง ๔. คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าของโครงการฯ มีความเห็นว่า (๑) การขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไป จำนวน ๓๘๗ วัน ไม่สามารถทำให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จได้ อีกทั้งยังมีเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปได้อีก (๒) พื้นที่ที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้ผู้รับจ้าง พื้นที่ชุมชนบ้านพักองค์การทอผ้า ที่ไม่สามารถย้ายออกจากพื้นที่เดิมได้ ควรเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดรายละเอียดขอบเขตของงาน (TOR) และประเมินราคาเพื่อดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่อไป แต่การดำเนินงานของคณะกรรมการฯ มีความล่าช้ากว่าแผนงาน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรควรพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการเพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ให้กับผู้รับจ้างโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||
20376 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม) | สว | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพื่อจัดตั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) ซึ่งเห็นควรแก้ไขถ้อยคำในเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติ รวมทั้งการออกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำหรับสำนักงานปลัดกระทรวงและสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการ อำนาจหน้าที่ในการบริหารงาน การบริหารงานบุคคล และการจัดสรรทรัพยากรของส่วนราชการให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และการใช้คำว่า “ดิจิทัล” ซึ่งเกี่ยวข้องกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20377 | ขอความเห็นชอบเสนอข้อกำหนดร่างขอบเขตการทำงานของกองทุนเพื่อบรรเทาทุกข์และให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสำหรับเหยื่อจากการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ (Terms of Reference of the Trust Fund for Humanitarian and Relief Efforts for the Victims of Irregular Movement of Persons) | ตช | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างขอบเขตการทำงานของกองทุนเพื่อบรรเทาทุกข์และให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสำหรับเหยื่อจากการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ (Terms of Reference of the Trust Fund for Humanitarian and Relief Efforts for the Victims of Irregular Movement of Persons) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับกระบวนการบริหารจัดการกองทุนและรายงานทางการเงิน การใช้ประโยชน์จากกองทุน การสนับสนุนกองทุนที่เป็นไปด้วยความสมัครใจ ๑.๒ เห็นชอบในกรณีที่ประเทศไทยจะบริจาคเงินเข้ากองทุนเพื่อบรรเทาทุกข์ฯ ดังกล่าว ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยเงื่อนไขและภาระงบประมาณที่ต้องบริจาคเข้ากองทุนเพื่อบรรเทาทุกข์ฯ ดังกล่าว ขั้นต่ำ จำนวน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๖ บาท) และเป็นไปโดยความสมัครใจ นั้น หากมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาดำเนินการเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอก็ให้ขอใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามนัยระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างขอบเขตการทำงานของกองทุนเพื่อบรรเทาทุกข์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20378 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ FIDF1 และ FIDF3 | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นำส่งเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institution Development Fund : FIDF) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เพิ่มเติม จำนวน ๕,๘๔๙ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20379 | รายงานผลการสนับสนุนการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและทุกคนในสังคม (อารยสถาปัตย์) | พม | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รายงานผลการสนับสนุนการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและทุกคนในสังคม (อารยสถาปัตย์) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินโครงการสร้างชุมชนแห่งการอยู่ร่วมกันและเข้าถึงได้ในอาเซียน : ชุมชนต้นแบบเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ โดยร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และองค์กรคนพิการ ศึกษาและสำรวจพื้นที่ชุมชนเกาะเกร็ดและเทศบาลนครปากเกร็ดเพื่อทราบสถานการณ์และความยากลำบากของการเดินทางออกนอกพื้นที่เกาะเกร็ด ๑.๒ จากผลการศึกษาและสำรวจพื้นที่เกาะเกร็ดและเทศบาลนครปากเกร็ด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ร่วมกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จังหวัดนนทบุรี เทศบาลนครปากเกร็ด องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเกร็ด และองค์กรคนพิการ ออกแบบและจัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการและทุกคนในสังคม โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จำนวน ๘,๖๗๐,๐๐๐ บาท เพื่อดำเนินการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการ ได้แก่ พื้นที่ฝั่งเทศบาลนครปากเกร็ด จำนวน ๕๕ จุด และพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะเกร็ด จำนวน ๙๐ จุด เช่น ปรับปรุงป้ายรถเมล์ ปรับปรุงทางเท้าเชื่อมระหว่างป้ายรถเมล์และท่าเรือ ทาสีตีเส้นที่จอดรถคนพิการ ป้ายสัญลักษณ์หรือป้ายชี้ทาง จุดแวะพักเก้าอี้นั่งพัก ป้ายแผนผังต่างสัมผัส ห้องน้ำคนพิการ ทางลาดและทางลาดลงโป๊ะเทียบเรือท่าปากเกร็ดและท่าครูทิว (ท่าเรือหมู่ ๖ ตำบลเกาะเกร็ด) ปรับปรุงเรือต้นแบบ งานปิดท่อระบายน้ำ และปรับปรุงทางเดินให้มีลูกระนาด เป็นต้น ซึ่งดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ๑.๓ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดพิธีเปิดเกาะเกร็ด : ชุมชนต้นแบบเพื่อทุกคน เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้คนพิการ ผู้สูงอายุ และทุกคนเดินทางมาท่องเที่ยวเกาะเกร็ดหรือเดินทางข้ามไปยังเทศบาลนครปากเกร็ดได้โดยอิสระ สะดวก และปลอดภัย สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จะขยายผลพื้นที่ชุมชนต้นแบบออกไปอีก จำนวน ๓๓ จังหวัด โดยขยายการดำเนินงานในพื้นที่นอกจากอาคารสถานที่ราชการ ศาสนสถาน และพื้นที่สาธารณะให้ครอบคลุมการเดินทางและระบบขนส่งมวลชนต่าง ๆ ในพื้นที่เป้าหมาย ๒. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาเร่งรัดการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และทุกคนในสังคมให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘
|
||||||||||||||||||||||||
20380 | รายงานผลการดำเนินงาน "ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" | ศธ | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานผลการดำเนินงาน “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘-พฤษภาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ พฤติกรรมของนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรม 4 H ได้แก่ Head พัฒนาด้านสมอง ทักษะการคิด heart พัฒนาด้านจิตใจ คุณธรรม จริยธรรม Hand พัฒนาด้านทักษะการปฏิบัติ การทำงาน และ Health พัฒนาด้านสุขภาพ พบว่า นักเรียนมีน้ำใจต่อกัน มีความสามัคคีจากการที่ได้ทำงานเป็นกลุ่ม นักเรียนค้นพบความถนัดและความสามารถของตนเอง รวมทั้งมีความรับผิดชอบในบทบาทหน้าที่ของตนเองและมีความสุขกับการมาโรงเรียน ๑.๒ การเปรียบเทียบผลการทดสอบ O-NET ระหว่างโรงเรียนที่เข้าร่วมและโรงเรียนที่ไม่เข้าร่วมโครงการ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” โดยระดับประถมศึกษาปีที่ ๖ พบว่า โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะมีผลการสอบสูงกว่าโรงเรียนที่ไม่เข้าร่วมโครงการทุกรายวิชา (ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ) สำหรับระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ พบว่า โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะมีผลการสอบสูงกว่าโรงเรียนที่ไม่เข้าร่วมโครงการ ๔ รายวิชา ยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษ มีผลการสอบต่ำกว่าโรงเรียนที่ไม่เข้าร่วมโครงการ ร้อยละ ๐.๐๗ ๒. ในการประเมินผลระยะต่อไป ให้กระทรวงศึกษาธิการประเมินผลความพึงพอใจและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการ “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเด็กนักเรียน ครู ผู้ปกครอง โรงเรียน รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการส่งเสริมทักษะของนักเรียนในการอ่าน คิด เขียน และพูดให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย ๓. ตามที่กระทรวงศึกษาธิการมีแนวทางการบริหารจัดการสถานศึกษา โดยการดำเนินการควบรวมโรงเรียนขนาดเล็กเพื่อแก้ไขปัญหาโรงเรียนที่มีจำนวนครูและนักเรียนน้อย และนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายดังกล่าวต่อสาธารณชนด้วย ๔. โดยที่คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนไทยตามโครงการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ (PISA) มีระดับคะแนนต่ำกว่านักเรียนของหลายประเทศในอาเซียน จึงให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยด่วน
|
.....