ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1013 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20241 - 20260 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20241 | ขอขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. 2559 | คค | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. ....) โดยให้รายการงบลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๗ รายการ วงเงินงบประมาณปี ๒๕๕๙ รวม ๔๒๒.๓๒๑ ล้านบาท สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และลงนามในสัญญาครบทุกรายการภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ กรมเจ้าท่า จำนวน ๒ รายการ วงเงิน ๑๓๗.๙๕๓ ล้านบาท ๑.๑.๑ เรือตรวจการณ์ ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า ๗๐ ฟุต สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๔ สาขาเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑ ลำ วงเงิน ๒๑.๘๒๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ อาคารที่ทำการของกรมเจ้าท่า กรุงเทพมหานคร วงเงิน ๑๑๖.๑๓๓ ล้านบาท ๑.๒ กรมท่าอากาศยาน จำนวน ๓ รายการ วงเงิน ๑๕๙.๗๒๐ ล้านบาท ๑.๒.๑ ค่าซ่อมบำรุงเสริมผิวทางวิ่งและไหล่ทางวิ่งทางเผื่อและทางวิ่งเผื่อถนนตรวจการณ์รอบสนามบินตามวาระ ท่าอากาศยานกระบี่ จังหวัดกระบี่ ๑ แห่ง วงเงิน ๑๔๑.๗๒๐ ล้านบาท ๑.๒.๒ งานซ่อมปรับปรุงบ้านพักเจ้าหน้าที่กรมการบินพลเรือน ท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑ แห่ง จำนวนเงิน ๔.๐๐๐ ล้านบาท ๑.๒.๓ จัดหาอุปกรณ์ AWOS/AATAS (Automatic Weather Observation System/Advance Air Traffic Advisory System) ท่าอากาศยานปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๑ ระบบ วงเงิน ๑๔.๐๐๐ ล้านบาท ๑.๓ กรมทางหลวง จำนวน ๒ รายการ วงเงิน ๑๒๔.๖๔๘ ล้านบาท ๑.๓.๑ โครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีงานทาง (Central Lab) กรุงเทพมหานคร ๑ แห่ง วงเงิน ๑๑๙.๗๗๘ ล้านบาท ๑.๓.๒ ค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานโครงการจัดจ้างสร้างศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีงานทาง (Central Lab) วงเงิน ๔.๘๗๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20242 | ผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 7 | วธ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีวัฒนธรรมเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๗ (The 7th Asia-Europe Culture Ministers’ Meeting : ASEM CMM 7) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเข้าร่วมการประชุม ASEM CMM 7 ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ เมืองกวางจู สาธารณรัฐเกาหลี สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุม ASEM CMM 7 จัดขึ้นภายใต้หัวข้อหลัก “วัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Culture and Creative Economy)” และมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ ๓ หัวข้อ คือ (๑) อนาคตของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Future of the Advanced Technology and the Creative Industries) (๒) มรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Traditional Cultural Heritage and the Creative Economy) และ (๓) ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (International Cooperation for Vitalizing the Creative Industries) ๑.๒ สาระสำคัญของการประชุม ASEM CMM 7 ประกอบด้วยการกล่าวถ้อยแถลงและนำเสนอนโยบายวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของหัวหน้าคณะผู้แทนจากประเทศสมาชิก ASEM การประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การนำเสนอกรณีศึกษาของไทยในการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เรื่อง “ผลิตภัณฑ์จากมรดกทางวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์ของไทยเพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของมรดกทางวัฒนธรรมดั้งเดิม" การหารือทวิภาคี และการร่วมรับรองแถลงการณ์ประธานการประชุม ASEM CMM 7 ซึ่งมีสาระสำคัญที่มุ่งเน้นการสนับสนุนและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความร่วมมือทางวัฒนธรรมระหว่างเอเชียและยุโรป รวมถึงการเพิ่มความตระหนักรู้ความสนใจในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และผลักดันให้เกิดการเติบโตในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อันจะนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในกรอบการประชุม ASEM CMM 7 รับทราบและขับเคลื่อนงานตามภารกิจที่รับผิดชอบและบูรณาการดำเนินงานร่วมกันต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20243 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์ธัชวรรณ กนิษฐ์พงศ์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย เนื่องจากนายภาณุมาศ ศรีศุข กรรมการเดิม ได้ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20244 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2559) | นร | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๔๔/๒๕๕๙ วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20245 | การขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแนวทางหลักเกณฑ์ และขั้นตอนการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางและหลักเกณฑ์การเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เสนอคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เฉพาะรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างแท้จริง และสอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศ โดยมีแนวทางและหลักเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ ๑.๑.๑ เป็นรายจ่ายที่สอดคล้องกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี ทิศทางและกรอบยุทธศาสตร์ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ แผนแม่บทระดับชาติ นโยบายสำคัญของรัฐบาล และยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๑.๒ เป็นรายจ่ายที่ต้องดำเนินการตามข้อผูกพันทางกฎหมาย หรือเป็นรายจ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร การป้องกันและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศในเรื่องน้ำท่วมหรือภัยแล้ง หรือเป็นรายจ่ายที่ส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศทั้งด้านการค้า การลงทุน สิ่งแวดล้อม หรือโครงสร้างพื้นฐาน หรือเป็นรายจ่ายที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง ทั้งนี้ การเสนอคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายฯ ดังกล่าว ไม่ควรทำให้เกิดภาระรายจ่ายประจำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและไม่ควรผูกพันงบประมาณรายจ่ายข้ามปีในปีต่อ ๆ ไป โดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นที่เสนอคำขอต้องมีศักยภาพที่จะดำเนินงานและมีความพร้อมที่จะดำเนินการได้ทันทีและต้องเสนอโครงการ/รายการ ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานนั้น ๆ ๑.๒ ขั้นตอนในการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๑.๒.๑ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จัดทำคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้มีการตรวจสอบและรับรองข้อมูลแล้วว่าการดำเนินงานนั้นไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายหรือระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และให้เสนอขอรับความเห็นชอบต่อนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับ หรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัด รวมทั้งรวบรวมจัดส่งให้สำนักงบประมาณ ภายในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ๑.๒.๒ สำหรับหน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล และหน่วยงานอิสระของรัฐ ให้ยื่นคำขอแปรญัตติต่อประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยตรง ภายในวันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เพื่อที่สำนักงบประมาณจะได้สามารถประมวลผลภาพรวมการขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๑.๒.๓ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาคำขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และนำเสนอผลการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อนำเสนอคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ต่อไป ๒. เรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมเรื่องดังกล่าวส่งไปยังสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่สำนักงบประมาณเสนอต่อไป ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20246 | แนวแนะการเลี้ยงดู ดูแล และพัฒนาเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรงในทุกสภาพแวดล้อม | พม | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวแนะการเลี้ยงดู ดูแล และพัฒนาเด็ก โดยไม่ใช้ความรุนแรงในทุกสภาพแวดล้อม ซึ่งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจประสานงานและจัดทำร่างนโยบายและแผนงานด้านการขจัดความรุนแรงต่อเด็กของอาเซียนได้ดำเนินการจัดทำแนวแนะฯ ในบริบทของประเทศไทยในระยะ ๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยได้นำหลักการ แนวคิด และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการไม่ใช้ความรุนแรงกับเด็ก ตลอดจนวิธีการสำหรับผู้ที่ทำงานกับเด็กและเพื่อเด็กในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น บ้าน โรงเรียน สถานที่ทำงาน ชุมชน สถานสงเคราะห์ สถานดูแลและพัฒนาเด็กปฐมวัย สถานที่ดูแลเด็กในกระบวนการยุติธรรม ให้มีความเข้าใจและสามารถนำแนวแนะฯ ดังกล่าวไปใช้อย่างเหมาะสม และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ดำเนินการเพื่อขจัดความรุนแรงต่อเด็กอย่างเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการป้องกันในสถานภาพของโรงเรียน ควรมีหลักสูตรการเรียนการสอนการใช้สื่อออนไลน์ในทางสร้างสรรค์และรู้เท่าทันผลร้ายจากการใช้สื่อออนไลน์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แนวแนะฯ อย่างจริงจัง เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบองค์ความรู้อย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ หน่วยงาน/องค์กรที่นำแนวแนะฯ ไปใช้ ควรเพิ่มกรมอนามัยและหน่วยงานบริการสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานที่ให้ความรู้ ทักษะ การเลี้ยงดูเด็กแก่พ่อแม่ หรือผู้เลี้ยงดูเด็ก รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลเพื่อให้ทราบถึงความก้าวหน้าของการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม พิจารณาแนวทางสร้างจิตสำนึก ตลอดจนปลูกฝังค่านิยมที่ดีของสังคมให้เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับสถาบันครอบครัว |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20247 | รายงานประจำปี 2556, 2557 และ 2558 ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ | วท | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๖, ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายงานผลการดำเนินงานประจำปี ๒๕๕๖, ๒๕๕๗ และ ๒๕๕๘ รวมทั้งรายงานงบการเงิน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติเปิดเผยหรือเผยแพร่รายงานดังกล่าว ตามนัยมาตรา ๑๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำกับให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอรายงานประจำปีต่อคณะรัฐมนตรีเป็นประจำทุกปีตามบทบัญญัติของกฎหมายต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20248 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา | ปช | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะ ๒ ด้าน ได้แก่ (๑) การดำเนินตามนโยบายส่งเสริมการผลิตหรือปลูกยางพารา และ (๒) การตลาดยางพารา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ การยางแห่งประเทศไทย คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภาพรวมส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20249 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซัปโปโร ญี่ปุ่น (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายมะซะอะกิ โอะซะวะ (Mr. Masaaki Ozawa)] | กต | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายมะซะอะกิ โอะซะวะ (Mr. Masaaki Ozawa) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดฮอกไกโด สืบแทน นายอิคุโอะ คะสึคิ (Mr. Ikuo Katsuki) ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20250 | การแต่งตั้งสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายอรุณ ภาณุพงศ์ และนายธนะ ดวงรัตน์) | กต | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ จำนวน ๒ ราย โดยมีวาระดำรงตำแหน่ง ๖ ปี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายอรุณ ภาณุพงศ์ เป็นสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สืบต่อไปอีกวาระหนึ่ง ๒. นายธนะ ดวงรัตน์ เป็นสมาชิกฝ่ายไทยในศาลประจำอนุญาโตตุลาการ ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20251 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทานตลอดจนการยกเว้น ลดหย่อน หรือวิธีการผ่อนชำระค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทานตลอดจนการยกเว้น ลดหย่อน หรือวิธีการผ่อนชำระค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดเก็บหรือชำระค่าชลประทานตลอดจนการยกเว้น ลดหย่อน หรือวิธีการผ่อนชำระค่าชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในการบังคับใช้ร่างกฎกระทรวงฯ ในรายละเอียดจะต้องเป็นไปตามระเบียบที่กรมชลประทานกำหนด ซึ่งระเบียบฉบับนี้กรมชลประทานมิได้นำมาเสนอควบคู่กับร่างกฎกระทรวงฯ ในการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ กรมชลประทานจึงควรเร่งรัดดำเนินการร่างระเบียบดังกล่าวนี้ ให้ทันต่อการประกาศใช้กฎกระทรวงฯ ในราชกิจจานุเบกษา รวมทั้งควรทำการสำรวจปัญหาการจัดเก็บ การยกเว้น ลดหย่อน หรือการผ่อนชำระ ค่าชลประทานในทุกพื้นที่ที่มีการจัดเก็บค่าชลประทาน ทั้งในและนอกเขตชลประทาน เพื่อนำมาประกอบการจัดทำร่างระเบียบที่กรมชลประทานกำหนด และเพื่อให้ร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้สามารถครอบคลุมและแก้ไขปัญหาการจัดเก็บค่าชลประทานที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20252 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลพบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลถนนใหญ่ ตำบลเขาสามยอด ตำบลพรหมาสตร์ ตำบลทะเลชุบศร ตำบลบางขันหมาก ตำบลท่าหิน ตำบลท่าศาลา ตำบลป่าตาล ตำบลโพธิ์เก้าต้น ตำบลโคกตูม ตำบลกกโก อำเภอเมืองลพบุรี และตำบลโพตลาดแก้ว ตำบลบางคู้ อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการตรวจสอบรายละเอียดแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์เพื่อการปฏิรูปที่ดิน การพิจารณาผลกระทบในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม ควรกำหนดคำนิยามของคำว่า “การใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อนันทนาการหรือที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” ให้ชัดเจน การจัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทให้เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากนี้ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ รวมทั้งข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20253 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (วาระการดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด และวินัยตุลาการศาลปกครอง) | ศป | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (วาระการดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด และวินัยตุลาการศาลปกครอง) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดมีวาระการดำรงตำแหน่งสี่ปีและดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว และปรับปรุงโทษทางวินัยตุลาการศาลปกครองกรณีกระทำผิดวินัยที่มิใช่การกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตามที่ศาลปกครองสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกฎหมายเพื่อกำหนดให้ประธานศาลปกครองสูงสุดมีวาระการดำรงตำแหน่งที่แน่นอนและดำรงตำแหน่งได้เพียงวาระเดียว และการกำหนดให้ประธานศาลปกครองสูงสุดที่ดำรงตำแหน่งครบวาระหรือลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่งแต่ยังไม่พ้นจากตำแหน่งตุลาการศาลปกครอง ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการในศาลปกครองสูงสุดในตำแหน่งอื่น ตามที่คณะกรรมการตุลาการศาลปกครองประกาศกำหนด โดยให้ได้รับอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง รวมทั้งประโยชน์ตอบแทนอื่นที่ไม่ต่ำกว่าเดิม เป็นการกำหนดให้สอดคล้องกับการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุดที่กำหนดขึ้นใหม่และอาจเทียบเคียงได้กับการดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาอาวุโสในศาลยุติธรรม จึงเห็นควรสนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมข้อกฎหมายในประเด็นดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (วาระการดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด และวินัยตุลาการศาลปกครอง) ตามที่ศาลปกครองสูงสุดเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20254 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม World Irrigation Forum ครั้งที่ 2 และการประชุม International Executive Council Meeting ครั้งที่ 67 | กษ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม World Irrigation Forum ครั้งที่ ๒ และการประชุม International Executive Council Meeting ครั้งที่ ๖๗ ระหว่างวันที่ ๖-๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ในลักษณะของการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเป็นกรณีเฉพาะราย ภายในกรอบวงเงิน ๗๐,๔๕๘,๖๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) ดำเนินการตามรายการที่ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีและรายการที่ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม World Irrigation Forum ครั้งที่ ๒ และการประชุม International Executive Council Meeting ครั้งที่ ๖๗ จำนวน ๒๕,๕๓๗,๒๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๔,๖๘๘,๑๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๘,๙๐๖,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑๑,๙๔๓,๑๐๐ บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอแปรญัตติเพิ่มต่อคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. ค่าเช่าสถานที่เพื่อจัดประชุม ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ วงเงิน ๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แผนงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตการจัดการน้ำชลประทาน งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Irrigation Forum ครั้งที่ ๒ และการประชุม International Executive Council Meeting ครั้งที่ ๖๗ จำนวน ๗๕๐,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๔,๒๕๐,๐๐๐ บาท ๓. ค่าจ้างดำเนินการจัดประชุม ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐ วงเงิน ๓๙,๙๒๑,๔๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ แผนงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตการจัดการน้ำชลประทาน งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Irrigation Forum ครั้งที่ ๒ และการประชุม International Executive Council Meeting ครั้งที่ ๖๗ จำนวน ๑๒,๘๑๘,๙๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๒๗,๑๐๒,๕๐๐ บาท ทั้งนี้ การดำเนินการจัดประชุมดังกล่าว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์สูงสุดที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20255 | การพิจารณาเงินทดแทนการประกันชีวิตย้อนหลังแก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร01 | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ่ายเงินทดแทนการประกันชีวิตย้อนหลังแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บทุพพลภาพจนถึงขั้นปลดออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ จำนวน ๑,๒๒๘ คน คนละ ๕๐๐,๐๐๐ บาท ภายในกรอบวงเงิน ๖๑๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยนำหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงิน “เงินทดแทนการประกันชีวิต” ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยบำเหน็จความชอบสำหรับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๐ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ๒. ในกรณีที่พบว่ามีผู้มีสิทธิในการรับเงินทดแทนการประกันชีวิตเพิ่มเติมจากที่เสนอในครั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขออนุมัติการจ่ายเงินต่อคณะรัฐมนตรีเป็นคราว ๆ ไป โดยมีความเห็นของสำนักงบประมาณประกอบเรื่องนี้ด้วย ๓. ในกรณีตามข้อ ๒ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ หากไม่มีข้อทักท้วงให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติหรือเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20256 | (ร่าง) แผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 - 2564) | วธ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ (ร่าง) แผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) เพื่อเป็นกลไกสำคัญของรัฐในการแก้ไขปัญหาสังคมที่เป็นวิกฤตคุณธรรมของคนในชาติ ให้เกิดความสมดุล ทั้งทางวัตถุและจิตใจ ประเทศชาติและประชาชนมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีเป้าประสงค์เพื่อให้สังคมไทยมีคุณธรรม คนไทยปฏิบัติตนตามหลักคำสอนทางศาสนาที่ตนนับถือ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ ธำรงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมอันดีงามของไทย และอยู่ร่วมกันด้วยสันติสุขในประเทศไทย ประชาคมอาเซียน และประชาคมโลกอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อน ได้แก่ (๑) วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย (๒) สร้างความเข้มแข็งในระบบการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมคุณธรรมให้เป็นเอกภาพ (๓) สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม และ (๔) ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างด้านคุณธรรมในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บทฯ ไปปฏิบัติและรายงานผลต่อคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๓ ให้สำนักงบประมาณใช้แผนแม่บทฯ เป็นแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้มีการทบทวน/ยกเลิก/ปรับ รวมนโยบายและยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมที่มีความซ้ำซ้อน เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้งให้มีการทบทวนหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักในแต่ละยุทธศาสตร์เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงานในปัจจุบัน ในส่วนของเป้าประสงค์สังคมไทยมีคุณธรรม เห็นควรมีการกำหนดคุณลักษณะภาพคนไทย สังคมไทยมีคุณธรรมในเรื่องใดบ้างให้เป็นรูปธรรมชัดเจนที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า สำหรับการนำสู่การปฏิบัติจำเป็นต้องดำเนินงานอย่างเข้มข้น รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ ระยะเวลาตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ นอกจากนี้ ในยุทธศาสตร์ที่ ๑ วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย กลยุทธ์ที่ ๔ วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมของสถาบันเศรษฐกิจ แนวทางการดำเนินงานข้อ ๔.๔ ควรขยายให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานและจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ตามแผนแม่บทดังกล่าว โดยค่าใช้จ่ายภาครัฐที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงาน แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทฯ ให้มีความชัดเจนและเหมาะสม โดยกำหนดหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุนในแต่ละยุทธศาสตร์ให้สอดรับกับภาระหน้าที่ที่แต่ละหน่วยงานจะต้องดำเนินการ และพิจารณานำกลไกประชารัฐมาใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไปด้วย ทั้งนี้ กิจกรรมใดที่เป็นการดำเนินการซึ่งเกินกว่ากรอบระยะเวลาการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล ให้นำเรื่องดังกล่าวบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปเพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอโครงการที่ต้องเสนอขออนุมัติงบประมาณจากคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20257 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "แนวทางการแก้ปัญหาการจัดการขยะชุมชน" ของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการขยะชุมชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่อง “แนวทางการแก้ปัญหาการจัดการขยะชุมชน” พร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาการจัดการขยะชุมชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณารวบรวมและศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการขยะชุมชน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการกำหนดมาตรการและแนวทางในการแก้ไขปัญหาขยะชุมชนให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา อุปสรรค และสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยเสนอแนะแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ มาตรการการลดขยะชุมชน การบริหารจัดการขยะชุมชน และการแก้ไขกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20258 | โครงการบรรพชาอุปสมบท 85 รูป เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราวหรือบุคลากรทุกประเภทของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ ที่ลาอุปสมบทในโครงการบรรพชาอุปสมบท ๘๕ รูป เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ ในระหว่างวันที่ ๘-๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยไม่ถือเป็นวันลา เสมือนเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการและได้รับเงินเดือนปกติ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20259 | ขอความเห็นชอบการยกเลิกรายการงานภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน จำนวน 2 รายการ | กษ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกงานก่อสร้างภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน ในส่วนของกรมชลประทาน จำนวน ๒ รายการ ได้แก่ แก้มลิงบ้านคลองมิตรสัมพันธ์ พร้อมอาคารประกอบ ตำบลหนองหว้า อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว และประตูระบายน้ำนบหัก ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับการจัดสรรเงินกู้จากสำนักงบประมาณ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๒๓.๖๐๓๙ ล้านบาท ทั้งนี้ หลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีให้สามารถยกเลิกโครงการแล้ว กรมชลประทานจะดำเนินการส่งคืนเงินกู้ส่วนที่เหลือจากการดำเนินงานไปยังสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระมัดระวังในการตรวจสอบความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการอื่น ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและต้องขอยกเลิกโครงการในภายหลังดังเช่นกรณีรายการแก้มลิงบ้านคลองมิตรสัมพันธ์พร้อมอาคารประกอบ และควรมีการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ทางราชการด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญางานก่อสร้างภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ควรคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและผลกระทบที่ได้รับ โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาความจำเป็น ความพร้อม และความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการในโอกาสต่อไป สำหรับวงเงินของรายการดังกล่าวที่ได้รับจัดสรรจากสำนักงบประมาณแล้ว จำนวน ๒๓.๖๐๓๙ ล้านบาท เห็นควรให้กรมชลประทานประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการส่งคืนเงินงวดที่ได้รับจัดสรรแล้วต่อไป รวมทั้งควรเร่งรัดการกำกับดูแลการปฏิบัติงาน ทั้งในส่วนที่เป็นงานจ้างเหมาและงานที่ดำเนินการเองภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ให้มีประสิทธิภาพเป็นไปตามกรอบระยะเวลาและแผนการใช้จ่ายเงินกู้ และเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ และโครงการที่มีผลการเบิกจ่ายไม่สอดคล้องกับผลการดำเนินงาน เพื่อให้การดำเนินงานในทางปฏิบัติของโครงการเงินกู้ฯ ที่ดำเนินการภายใต้ความรับผิดชองกรมชลประทานบรรลุเป้าประสงค์ตามนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเร็ว นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการศึกษาและทำความเข้าใจถึงสภาพสังคม ความต้องการของชุมชน ภูมิประเทศสิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจของพื้นที่ดำเนินโครงการ ตลอดจนลำดับความสำคัญจำเป็นและความคุ้มค่าของการดำเนินงานอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20260 | ขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรี เพื่อขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองพารา ท้องที่ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต | กษ | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเลนคลองพารา ท้องที่ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ในพื้นที่ส่วนที่มีการใช้ประโยชน์อยู่เดิม จำนวน ๔๕๓ ไร่ และกันพื้นที่ที่มีสภาพเป็นป่าชายเลน จำนวน ๗๓ ไร่ ออกมา เพื่อให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งรับผิดชอบคุ้มครองดูแลตามภารกิจ โดยให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนมาบังคับใช้เป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) จะต้องดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทน เพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมกรณีการดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งรวมถึงการจัดสรรงบประมาณให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนไม่น้อยกว่า ๒๐ เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ก่อนได้รับหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมกรณีการดำเนินการโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. ๒๕๕๖ การดำเนินการตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ การกันพื้นที่เป็นแนวกันชน (Buffer Zone) เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนตลอดแนวชายฝั่งทะเล การจัดทำแผนงานย้ายสถานที่พร้อมจัดหาพื้นที่อื่นทดแทน และแผนงานฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนให้กลับคืนสู่สภาพเดิม ตลอดจนการศึกษาประเมินคุณค่าบริการของระบบนิเวศป่าชายเลนเพื่อใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบมูลค่าความเสียหายและผลประโยชน์ในการใช้พื้นที่ป่าชายเลนในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
.....