ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1014 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20261 - 20280 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20261 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สว | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพัฒนาระบบมาตรวิทยาแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า ควรให้สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติเร่งดำเนินการศึกษาวิจัย รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อประโยชน์ในการกำหนดมาตรฐานการวัดแห่งชาติ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศให้เข้มแข็งอันจะเป็นการสร้างศักยภาพการแข่งขันแก่ผู้ประกอบการของไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจากการใช้สินค้าอุปโภคบริโภคให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับมาตรฐานระหว่างประเทศ ตลอดจนจะเป็นการลดข้อกำจัดในการใช้ความสามารถทางเทคนิคเป็นกำแพงกีดกันสินค้าไทยในตลาดโลก ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20262 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงสา จังหวัดน่าน พ.ศ. .... | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเวียงสา จังหวัดน่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกลางเวียง และบางส่วนของตำบลส้าน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้มีการตรวจสอบรายละเอียดแผนที่ท้ายกฎกระทรวงฯ ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงฯ ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์เพื่อการปฏิรูปที่ดิน การพิจารณาผลกระทบในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรม ควรกำหนดคำนิยามคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรม” ให้ชัดเจน ควรจัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทให้เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ นอกจากนี้ การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ รวมทั้งข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20263 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) | สว | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มช่องทางชำระค่าปรับ) ซึ่งมีข้อสังเกตว่า ควรเปิดโอกาสให้ธนาคารหรือหน่วยบริการรับชำระเงินอื่น ๆ ได้เข้าร่วมโครงการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้บริการการชำระค่าปรับตามใบสั่งโดยผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไว้ในข้อตกลงในอัตราไม่เกินร้อยละ ๓ ต่อหนึ่งใบสั่ง แต่หากเป็นการชำระด้วยเงินสดอัตราค่าธรรมเนียมดังกล่าวต้องไม่เกิน ๒๐ บาทต่อหนึ่งใบสั่ง การเร่งรัดออกกฎหมายอนุบัญญัติ ควรมีการบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การลงโทษผู้กระทำผิดวินัยจราจรมีประสิทธิภาพ การกำหนดอัตราค่าปรับให้เป็นอัตราเดียวกันในกฎหมายทุกฉบับที่เกี่ยวข้องกัน การนำมาตรการบันทึกคะแนน การพักใช้และการยึดใบอนุญาตขับขี่มาใช้บังคับกับผู้ขับขี่อย่างเคร่งครัด และการรวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบกให้เป็นกฎหมายฉบับเดียวหรือจัดทำเป็น “ประมวลกฎหมายจราจรทางบก” ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20264 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบกิจการคลังสินค้า กิจการไซโล และกิจการห้องเย็น พ.ศ. .... | พณ | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับการประกอบกิจการคลังสินค้า กิจการไซโล และกิจการห้องเย็น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมการขออนุญาตประกอบกิจการคลังสินค้า กิจการไซโล และกิจการห้องเย็น และกำหนดค่าธรรมเนียมการขออนุญาตให้มีสำนักงานสาขาในกิจการคลังสินค้า กิจการไซโล กิจการห้องเย็น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20265 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลควนสุบรรณ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลควนสุบรรณ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลควนสุบรรณ อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี บางส่วน ประมาณ ๑ ไร่ เพื่อมอบหมายให้องค์การบริหารส่วนตำบลควนสุบรรณใช้เป็นที่ตั้งศาลาอเนกประสงค์สำหรับใช้ประชุมและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20266 | การพิจารณารับรองเอกสาร Ministerial Declaration of the Group of 77 and China on the Occasion of UNCTAD XIV และเอกสาร Pre-Conference Negotiating Text for UNCTAD XIV | กต | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสาร Ministerial Declaration of the Group of 77 and China on the Occasion of UNCTAD XIV และร่างเอกสาร Pre-Conference Negotiating Text for UNCTAD XIV รวม ๒ ฉบับ ซึ่งจะมีการรับรองในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรี UNCTAD สมัยที่ ๑๔ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการค้าโลกเพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมและเป็นธรรม และเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองโดยมีเป้าหมายหลักคือการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อการส่งเสริมความร่วมมือและช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในทางการค้า การพัฒนา การช่วยเหลือทางการเงิน เทคโนโลยี การลงทุนที่ครอบคลุมและเป็นธรรม รวมถึงการสนับสนุนให้มีกฎระเบียบแบบบูรณาการที่สามารถแก้ปัญหาในประเด็นเหล่านี้ได้ และอนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยรับรองเอกสารดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงเอกสารฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20267 | ร่างกฎกระทรวง จำนวน 6 ฉบับ ตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. 2558 | คค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๖ ฉบับ ตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทเรือที่ได้รับการยกเว้นตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทเรือที่ได้รับการยกเว้นตามพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานการคุ้มครองสุขภาพของคนประจำเรือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานการคุ้มครองสุขภาพของคนประจำเรือ ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยบนเรือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยบนเรือ ๑.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานเครื่องมือหรืออุปกรณ์และมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรฐานเครื่องมือหรืออุปกรณ์และมาตรการเพื่อความปลอดภัยในการทำงานบนเรือ ๑.๕ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการยื่นอุทธรณ์และวิธีพิจารณาอุทธรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอุทธรณ์การออกใบรับรองด้านแรงงานทางทะเล และใบประกาศการปฏิบัติด้านแรงงานทางทะเล การต่ออายุ และการเพิกถอนใบรับรองด้านแรงงานทางทะเล และใบประกาศการปฏิบัติด้านแรงงานทางทะเล ๑.๖ ร่างกฎกระทรวงการมอบอำนาจการตรวจเรือ การออกใบสำคัญรับรองด้านแรงงานทางทะเล และการสลักหลังใบสำคัญรับรอง แก่องค์กรที่ได้รับการยอมรับจากกรมเจ้าท่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการมอบอำนาจ การเพิกถอนการมอบอำนาจ วิธีการประเมินผลการดำเนินงาน และการประกาศรายชื่อองค์กรที่ได้รับการยอมรับจากกรมเจ้าท่า ๒. ให้กระทรวงแรงงานซึ่งร่วมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้เร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๓๕ และมาตรา ๘๑ แห่งพระราชบัญญัติแรงงานทางทะเล พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้กฎหมายแม่บทมีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์ และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
|||||||||||||||||||||
20268 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 (ครั้งที่ 7) | พน | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ (ครั้งที่ ๗) เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน รวม ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) แนวทางการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สัมปทานจะสิ้นสุดอายุในปี ๒๕๖๕-๒๕๖๖ (๒) แผนระบบรับส่งและโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคง (LNG) (๓) แนวทางการดำเนินการกับข้อร้องเรียนของผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (Small Power Producer : SPP) ระบบ Cogeneration ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาในปี ๒๕๖๐-๒๕๖๘ และ (๔) แนวทางการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มในกิจการพลังงาน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีรถยนต์ที่ใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี ๑๐ ต้องพิจารณาถึงต้นทุนที่แท้จริงในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ ซึ่งผู้ประกอบการรถยนต์ยังไม่สามารถกำหนดต้นทุนในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ได้ เนื่องจากยังไม่มีคุณลักษณะของน้ำมันไบโอดีเซล บี ๑๐ ที่จะใช้ในการทดสอบรถยนต์ ส่วนแนวทางการบริหารจัดการน้ำมันปาล์มในกิจการพลังงาน การใช้น้ำมันปาล์มในกิจการพลังงาน ควรพิจารณาถึงผลประโยชน์อื่น ๆ ที่ได้จากการดำเนินงานดังกล่าวเพิ่มเติม อาทิ การประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้จากการใช้น้ำมันปาล์ม (เชื้อเพลิงชีวมวล) แทนน้ำมันเตาในโรงไฟฟ้า และจากค่าใช้จ่ายทั้งส่วนที่ลงทุนโรงไฟฟ้าและราคาน้ำมันปาล์มที่สูงกว่าน้ำมันเตาที่รายงานโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งจะสามารถประเมินค่าใช้จ่ายในรูปบาทต่อตันก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ และสามารถนำข้อมูลไปเทียบเคียงกับการลดก๊าซเรือนกระจกวิธีอื่น ๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการทำแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย นอกจากนี้ ควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติที่จะให้สัมปทานในเงื่อนไขที่เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบันและในอนาคตโดยตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง รวมทั้งการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับจำนวนชนิดของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ชัดเจน โดยคำนึงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำมันของผู้ให้บริการ และการส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนเป็นทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20269 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต | อื่นๆ | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ อ.ก.พ. กระทรวงเกลี่ยอัตรากำลังและกำหนดตำแหน่งผู้ปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เว้นแต่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สอดคล้องกับภารกิจ โดยอย่างน้อยต้องมีผู้ปฏิบัติหน้าที่ (๑) รองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ซึ่งเป็นข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษหรือระดับเชี่ยวชาญ โดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตกำหนดหรือมอบหมาย (๒) หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบและหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรม ซึ่งเป็นข้าราชการซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการหรือระดับชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือการส่งเสริมและคุ้มครองจริยธรรม แล้วแต่กรณี ตามที่หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตมอบหมาย ทั้งนี้ การเกลี่ยอัตรากำลังและการกำหนดตำแหน่งให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ในกรณีที่ส่วนราชการไม่มีอัตราว่างเพียงพอ ให้พิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากการเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อรองรับการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตต่อไป แล้วรายงานให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ในฐานะฝ่ายเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติทราบ ๑.๒ ให้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ รวมทั้งส่งเสริมและคุ้มครองจริยธรรมตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่โดยเคร่งครัด โดยในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตประสานงาน ร่วมมือ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติหรือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐสั่งการหรือร้องขอ แล้วแต่กรณี ๑.๓ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐร่วมกันกำหนดแนวทางการบริหารงานและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งแนวทางความก้าวหน้าในสายอาชีพของผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ๑.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐส่งเสริม สนับสนุน ช่วยเหลือการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต รวมทั้งการให้รางวัลตอบแทนผู้ทำประโยชน์ หรือการดำเนินการอื่นใดในการยกระดับธรรมาภิบาลและเสริมสร้างกลไกการเฝ้าระวังเพื่อป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งนี้ ตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยให้ถือปฏิบัติตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป เห็นควรให้ส่วนราชการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป และควรพิจารณาทบทวนชื่อตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ที่กำหนดเป็นข้าราชการตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการหรือระดับชำนาญการพิเศษเป็นผู้รับผิดชอบ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนกับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรม ตามข้อ ๑๗ แห่งประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ที่กำหนดให้ข้าราชการดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับต้นขึ้นไปเป็นหัวหน้ากลุ่มงานฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20270 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. 2555) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕) เพื่อปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ที่ดินในบริเวณที่ดินประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก และที่ดินประเภทสถาบันราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานเกี่ยวกับการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบแล้ว และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20271 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. 2556) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. ๒๕๕๖) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมข้อกำหนดในที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม และที่ดินประเภทที่โล่งเพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นว่า การใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงานซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบด้วย และประกาศคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ลงวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เรื่อง หลักเกณฑ์และรายละเอียดของโครงการหรือกิจกรรมที่ได้รับการยกเว้นการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการบางประเภท ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20272 | แผนดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแผนการดำเนินการและแนวปฏิบัติในการดำเนินโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรผู้มีสิทธิ์ในการรับเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตของโครงการ รวมทั้งการรับรองสิทธิ์ของเกษตรกรโดยผ่านกลไกของประชาคมหมู่บ้านและคณะกรรมการบริหารโครงการที่เกี่ยวข้อง โดยแผนดำเนินการดังกล่าวครอบคลุมประเด็นหลักสำคัญ ได้แก่ คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ โครงสร้างการบริหารโครงการ การขอใช้สิทธิ์และการรับรองสิทธิ์ ระยะเวลาโครงการ การอุทธรณ์ การตรวจติดตามผลการดำเนินโครงการ และแผนปฏิบัติงานโครงการ และมอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานโครงการให้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธ.ก.ส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงานโครงการให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทราบนั้น จะต้องคำนึงถึงสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบในการดำเนินการของหน่วยงานและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน รวมทั้งตรวจสอบจำนวนครัวเรือนและพื้นที่ในการปลูกข้าวจริงตามจำนวนของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด และรายงานผลการตรวจสอบให้คณะรัฐมนตรีรับทราบก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน และหากในภายหลังมีการตรวจสอบพบว่า มีเกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือ แต่ไม่ดำเนินการตามที่รับรองไว้ ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจริง ค่าชดเชยต้นทุนเงินและค่าบริหารจัดการ ให้ ธ.ก.ส. เรียกเก็บจากเกษตรกรและรวบรวมนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินต่อไป นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและการรับรู้แก่เจ้าหน้าที่และเกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างทั่วถึงผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมถึงควรต้องวางระบบการติดตามตรวจสอบข้อมูลอย่างเข้มงวด เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในครั้งนี้สามารถช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้อย่างแท้จริงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้ ธ.ก.ส. รับผิดชอบการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการที่ต้องการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างแท้จริง โดยให้เพิ่มเติมข้อกำหนดและคุณสมบัติของผู้มีสิทธ์เข้าร่วมโครงการ ดังนี้ ๓.๑ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับเกษตรกรที่ได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการผลิตพืชทดแทนตามโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๐ ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต) ๓.๒ ให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวตามทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในช่วง ๒-๓ ปี ที่ผ่านมา ๓.๓ พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการจะต้องเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการปลูกข้าวและสอดคล้องกับแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) |
|||||||||||||||||||||
20273 | ผลการนำเสนอรายงานประเทศของไทยตามกลไก Universal Periodic Review รอบที่ 2 | กต | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
๑. รับทราบผลการนำเสนอรายงานประเทศของไทยตามกลไก Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ ๒ ซึ่งรวมถึงท่าทีของไทยต่อข้อเสนอแนะที่ไทยได้รับจากการนำเสนอรายงานฯ และรับทราบแผนการดำเนินการต่อไป สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการนำเสนอรายงานประเทศของไทยตามกลไก UPR ไทยได้ย้ำถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และกล่าวถึงกระบวนการยกร่างรายงานประเทศที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงพัฒนาการด้านสิทธิมนุษยชนของไทยในช่วง ๔ ปีครึ่งที่ผ่านมา โดยครอบคลุมประเด็นการปราบปรามการค้ามนุษย์ สิทธิแรงงาน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของโครงสร้างสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชน สิทธิเด็ก สตรี คนชรา และการบังคับใช้กฎหมายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนประเด็นข้อเสนอแนะที่ประเทศต่าง ๆ ให้ไทยพิจารณา รวม ๒๔๙ ข้อ นั้น ไทยได้ตอบรับทันที ๑๘๑ ข้อ เช่น การดำเนินการเข้าเป็นภาคีตราสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน การเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลไกสิทธิมนุษยชน และขอนำกลับมาพิจารณาเพิ่มเติม ๖๘ ข้อ เช่น การเข้าเป็นภาคีตราสารระหว่างประเทศบางฉบับ เช่น ธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ รวมทั้งแจ้งคำมั่นโดยสมัครใจเพิ่มเติมอีก ๗ ข้อ การแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ การระงับการบังคับใช้โทษประหารชีวิตอย่างเป็นทางการ และการยกเลิกโทษประหารชีวิตอย่างสิ้นเชิง ๑.๒ แผนการดำเนินการต่อไป กระทรวงการต่างประเทศจะจัดการประชุมคณะกรรมการกำกับดูแลการจัดทำรายงานประเทศและติดตามการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะภายใต้กลไก UPR ของที่ประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Human Rights Council : HRC) เพื่อแจ้งผลการนำเสนอรายงานและการพิจารณาตอบรับข้อเสนอแนะข้างต้นให้แก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และเตรียมการจัดทำแผนการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ได้ตอบรับและคำมั่นโดยสมัครใจ รวมทั้งจัดการหารือกลุ่มย่อยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประมวลท่าทีต่อข้อเสนอแนะที่ไทยได้นำกลับมาพิจารณาเพิ่มเติม ๒. มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการร่วมกันพิจารณารับข้อเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถแจ้งผลต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติภายในกำหนดเวลา และในการร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินงานตามข้อเสนอแนะที่ไทยตอบรับต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20274 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สว | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ (ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายมหรรณพ เดชวิทักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) โดยการแก้ไขเรื่องนี้เป็นการแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งมีผลใช้บังคับสำหรับคดีอาญาเป็นการทั่วไป ซึ่งอาจมีผลกระทบกับบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในส่วนอื่นอีก รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ปัญหาทางปฏิบัติ และปัญหาเชิงนโยบาย สมควรที่จะต้องนำมาประกอบการพิจารณาด้วย เพื่อให้การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในครั้งนี้ ดำเนินการด้วยความรอบคอบ เป็นไปอย่างเป็นระบบที่จะอำนวยความยุติธรรมในการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนและผลประโยชน์ของรัฐ และเป็นไปตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights : ICCPR) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒. ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) ที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติภายในกำหนดเวลา พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าวไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20275 | การประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง | กต | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่างเอกสาร ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) แผนปฏิบัติการกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๘ (๒) ร่างถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๖ (๓) ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๙ และ (๔) ร่างถ้อยแถลงการณ์ประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๙ ซึ่งจะมีการรับรองเอกสารดังกล่าวในการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (กรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๗ กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๖ ข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๙ และกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๙) เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาถึงประเด็นที่เป็นจุดเน้นหลักของกรอบความร่วมมือฯ ดังกล่าว ที่ช่วยเสริมสนับสนุนความร่วมมือในอนุภูมิภาคนี้ และควรคำนึงถึงความเชื่อมโยงสอดคล้องและความซ้ำซ้อนกับแผนงานความร่วมมือต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง สำหรับร่างแผนปฏิบัติการกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๑๘ ในประเด็นด้านการคมนาคมและความเชื่อมโยง ในด้านโครงการถนนสามฝ่ายระหว่างอินเดีย-เมียนมา-ไทย เห็นควรให้มีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจนในการเชื่อมโยงถนนสามฝ่ายดังกล่าวต่อเนื่องไปยังดินแดนตอนใน รวมทั้งโครงการด้านการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ในสะพานเศรษฐกิจตอนในต่าง ๆ ของอินเดีย และในส่วนของร่างถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๖ เห็นควรเพิ่มประเด็นที่รัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลีให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ (ODA) ต่อประเทศลุ่มน้ำโขงในโครงการระยะปานกลางและระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาความเชื่อมโยงในอาเซียน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
20276 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 49 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารรวม ๙ ฉบับ ซึ่งจะมีการรับรองและลงนามร่างเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๙ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๑๗ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๖ และการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒๓ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้แก่ ๑.๑.๑ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๙ ๑.๑.๒ ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนในโอกาสครบรอบ ๔๐ ปี สนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ๑.๑.๓ ร่างแถลงการณ์การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในการจัดการความเคลื่อนไหวข้ามแดนของอาชญากร ๑.๑.๔ ร่างแถลงการณ์การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำการประมงผิดกฎหมายขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ๑.๑.๕ ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล ๑.๑.๖ ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีต่างประเทศกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่าด้วยการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของคาบสมุทรเกาหลี ๑.๑.๗ ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและจีนว่าด้วยการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยการปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ๑.๑.๘ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน-จีน ระหว่างรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนกับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๑.๙ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียน-อินเดีย ระหว่างรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนกับรัฐบาลสาธารณรัฐอินเดีย ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ ทั้ง ๗ ฉบับ ๑.๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ทั้งนี้ หากเป็นกรณีผู้แทนฯ ให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้แทนดังกล่าว ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีผลใช้บังคับในโอกาสอันเหมาะสมตามแต่จะตกลงกันระหว่างภาคี รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียนว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อให้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีผลใช้บังคับ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20277 | การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) | กค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ ในส่วนที่เกี่ยวกับลักษณะที่สำคัญของกองทุนฯ โดยการเปลี่ยนชื่อกองทุน การกำหนดให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ลงทุนแต่เพียงรายเดียวในระยะแรก และการกำหนดให้มีกองทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นกลไกในการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม หน่วยงานเจ้าของโครงการ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพเข้าสู่กองทุนฯ โดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และธนาคารแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการพิจารณากำหนดเงื่อนไขการแบ่งผลตอบแทนระหว่างหน่วยงานเจ้าของโครงการและกองทุนฯ รวมถึงทำความตกลงในรายละเอียดสำหรับการลงทุนก่อสร้างปรับปรุงหรือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้บริการของโครงการที่เข้าร่วมกองทุนฯ ให้ชัดเจน การจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นกลไกประกันผลตอบแทนขั้นต่ำให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน โดยการจัดหาแหล่งรายได้และทำแผนการบริหารรายได้ของกองทุนหมุนเวียนให้ชัดเจน การพิจารณาอัตราการรับประกันผลตอบแทนที่เหมาะสม รวมถึงการกันสำรองจากปีที่กองทุนฯ ได้ผลตอบแทนสูงไว้ชดเชยภาระการรับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำและภาระชดเชยให้กับรัฐบาล ตลอดจนการทบทวนบทบาทและความจำเป็นของกองทุนวายุภักษ์ในระยะต่อไปให้มีความชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผนการจัดตั้งกองทุนฯ อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของกรอบระยะเวลาในการพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะเข้ามาอยู่ในกองทุนฯ ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีการกำหนดมูลค่าที่แท้จริงของโครงการ และมีการกำหนดเงื่อนไขการแบ่งผลประโยชน์ระหว่างหน่วยงานเจ้าของโครงการและกองทุนฯ เพื่อให้การดำเนินการออกขายหน่วยลงทุนให้แก่บุคคลทั่วไปสามารถดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสมเมื่อมีการจัดตั้งกองทุนฯ แล้ว และสามารถดำเนินการได้ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทน. ๘/๒๕๕๙ ข้อ ๑๓ ที่กำหนดให้บริษัทจัดการต้องเข้าทำสัญญาเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานภายใน ๑ ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนกองทุนรวม โดยคิดเป็นมูลค่ารวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๕ ของมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทุนรวม |
|||||||||||||||||||||
20278 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม 35 ฉบับ (จังหวัดสมุทรสงคราม ) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัด รวม ๓๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครพนม จังหวัดอุตรดิตถ์ จังหวัดหนองคาย จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดตาก จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดลพบุรี จังหวัดพิจิตร จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา จังหวัดสตูล จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดสกลนคร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดลำพูน จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปัตตานี จังหวัดสุโขทัย จังหวัดชัยนาท จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงฯ ตามแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ได้แก่ (๑) การกำหนดยกเว้นไม่ให้ใช้ข้อบังคับข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินในกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสำหรับบางพื้นที่ (๒) การยกเว้นหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับเอกชนเป็นการเฉพาะราย และ (๓) ข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอื่นในที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการยกเว้นในเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินบางประเภทให้สามารถพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนบางประเภทซึ่งมีลักษณะเป็นโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ส่วนข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ รวมทั้งการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์ นอกจากนี้ เมื่อร่างกฎกระทรวงฯ ประกาศใช้แล้ว ควรกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มงวด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. เมื่อมีการประกาศใช้บังคับกฎกระทรวงฯ รวม ๓๕ ฉบับดังกล่าวแล้ว ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดตามแนวทางการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20279 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี 2558 | กค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ซึ่งเป็นการรายงานภาพรวมธุรกิจประกันภัยของไทย รอบ ๑๒ เดือน ปี ๒๕๕๘ โดยธุรกิจประกันภัยเดือนมกราคม-ธันวาคม ปี ๒๕๕๘ มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น ๗๔๒,๔๐๘ ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนที่ร้อยละ ๕.๔๖ มีกำไรสุทธิ จำนวน ๖๖,๙๓๙ ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ ๒.๕๖ สำหรับธุรกิจประกันชีวิตมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น แต่ธุรกิจประกันวินาศภัยมีกำไรสุทธิหดตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และผลการดำเนินงานฯ ภายใต้ยุทธศาสตร์หลัก ๔ ยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (๑) เสริมสร้างความเชื่อมั่นและเข้าถึงระบบประกันภัย (๒) การเสริมสร้างเสถียรภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน (๓) พัฒนาการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย และ (๔) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย รวมทั้งผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัด ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้รับคะแนนจากการประเมินผลการดำเนินงานตามมาตรการและแผนการดำเนินงานในปี ๒๕๕๘ จำนวน ๓.๗๘๓ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๕
|
|||||||||||||||||||||
20280 | ผลการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับ World Economic Forum | พณ | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับ World Economic Forum (WEF) เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ สมาพันธรัฐสวิส โดยมี Professor Klaus Schwab ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ WEF รวมทั้งหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ของ WEF ซึ่งเข้าร่วมประชุมหารือในด้านความสามารถทางการแข่งขันโดยรวม และการยกระดับมูลค่าและตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร ประกอบด้วย ๓ หัวข้อ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. จุดอ่อนในการประเมินและจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขันของ WEF และแนวทางการยกระดับความสามารถทางการแข่งขันของไทย โดยไทยให้ข้อสังเกตว่าข้อมูล Hard Data ที่ WEF ใช้ในการประเมินอันดับสามารถพัฒนาให้มีคุณภาพมากขึ้นได้ และไทยจะดำเนินการ อาทิ ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อติดตามและตรวจสอบข้อมูลที่หน่วยงานภาครัฐไทยส่งไปยังองค์กรระหว่างประเทศ รวมทั้งเน้นย้ำกับภาคเอกชนถึงประโยชน์ต่อธุรกิจเองที่จะได้จากการตอบแบบสอบถามและอันดับความสามารถทางการแข่งขันที่ดีขึ้น ๒. ความร่วมมือเพื่อยกระดับมูลค่าและตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร ไทยให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าเกษตรและยกระดับรายได้อย่างทั่วถึง ซึ่งสอดรับกับโครงการ Grow Asia ภายใต้แนวคิด New Vision for Agriculture ของ WEF และจากความสนใจของไทย WEF จะประสานหน่วยงานที่ดำเนินโครงการ Grow Asia และสถาบันในเครือข่าย (Knowledge Partners) ด้านการเกษตรและอาหาร เพื่อหาทางสนับสนุนไทยในการพัฒนานวัตกรรมและตลาดสินค้าเกษตรมูลค่าเพิ่มสูง โดยเริ่มจากข้าวและมันสำปะหลัง และไทยได้เสนอให้ทำโครงการติดตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก เพื่อสนับสนุนนโยบายการใช้ข้อมูลตลาดนำการผลิตของรัฐบาล ๓. การเพิ่มบทบาทของไทยในเวที WEF ภาครัฐของไทยยังไม่มีการติดต่อกับ WEF อย่างเป็นทางการ ทำให้บทบาทของไทยใน WEF ที่ผ่านมาค่อนข้างน้อยและจำกัดโอกาสของไทยในการกำหนดทิศทางและการเชื่อมโยงการค้าและการผลิตในภูมิภาค รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายภาคเอกชนและผู้เชี่ยวชาญของ WEF โดย WEF เสนอให้ไทยระบุประเด็นที่ไทยสนใจ และจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ให้เป็นทางการและใกล้ชิดมากขึ้น และเชิญชวนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมเป็น Trustee ในกลุ่ม Shaping the Future of Production ด้วย
|
.....