ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1015 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20281 - 20300 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20281 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันภายหลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 จำนวน 4 รายการ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ | ศธ | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก่อหนี้ผูกพันรายการก่อสร้าง จำนวน ๔ รายการ ภายในวงเงิน ๒,๔๔๔,๔๐๕,๐๐๐ บาท ภายหลังวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อุทยานเรียนรู้ป๋วย ๑๐๐ ปี มธ.ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี วงเงิน ๙๓๓,๘๕๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ อาคารเรียนรวม ระยะที่ ๒ มธ.ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี วงเงิน ๖๓๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ อาคารธรรมศาสตร์ธรรมรักษ์ มธ.ศูนย์รังสิต ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี วงเงิน ๒๔๕,๗๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๔ อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมพร้อมครุภัณฑ์ประกอบอาคาร มธ.ศูนย์พัทยา ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี วงเงิน ๖๒๗,๙๕๕,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) เร่งรัดการก่อหนี้ผูกพันและดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20282 | การของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 รายการเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ (เพิ่มเติม) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๕,๓๓๙,๘๐๖,๗๐๐ บาท ประกอบด้วย งบเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก จำนวน ๒,๕๓๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท และงบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จำนวน ๔ รายการ เป็นงบประมาณทั้งสิ้น ๑๒,๘๐๕,๔๐๖,๗๐๐ บาท ได้แก่ การถ่ายโอนภารกิจการก่อสร้างและบำรุงรักษาถนน จำนวน ๑๐,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าก่อสร้างลานกีฬา จำนวน ๓๑๓,๑๙๙,๗๐๐ บาท ก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารประกอบ จำนวน ๑,๐๕๒,๒๐๗,๐๐๐ บาท และก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๙๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดทำรายละเอียดโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ได้แก่ จำนวนอาสาสมัครที่ลงทะเบียนและปฏิบัติงานจริง สำหรับรายการค่าก่อสร้างทั้ง ๔ รายการ ต้องมีความพร้อมของแบบรูปรายการ ประมาณราคาค่าใช้จ่าย สถานที่ดำเนินการและมีการกระจายลงพื้นที่อย่างทั่วถึงเป็นธรรม โดยในส่วนของรายการก่อสร้างลานกีฬาให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดทำแบบรูปรายการประมาณราคาให้เหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้งบประมาณดังกล่าวให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำรายงานผลการดำเนินการเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการใช้ติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และความคุ้มค่า ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20283 | การของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 รายการเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก (เพิ่มเติม) | มท | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๕,๓๓๙,๘๐๖,๗๐๐ บาท ประกอบด้วย งบเงินอุดหนุนทั่วไป เพื่อสนับสนุนโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก จำนวน ๒,๕๓๔,๔๐๐,๐๐๐ บาท และงบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จำนวน ๔ รายการ เป็นงบประมาณทั้งสิ้น ๑๒,๘๐๕,๔๐๖,๗๐๐ บาท ได้แก่ การถ่ายโอนภารกิจการก่อสร้างและบำรุงรักษาถนน จำนวน ๑๐,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ค่าก่อสร้างลานกีฬา จำนวน ๓๑๓,๑๙๙,๗๐๐ บาท ก่อสร้างอาคารเรียนและอาคารประกอบ จำนวน ๑,๐๕๒,๒๐๗,๐๐๐ บาท และก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน ๙๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดทำรายละเอียดโครงการส่งเสริมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เชิงรุก ได้แก่ จำนวนอาสาสมัครที่ลงทะเบียนและปฏิบัติงานจริง ผลการเบิกจ่ายจริง สำหรับรายการค่าก่อสร้างทั้ง ๔ รายการ ต้องมีความพร้อมของแบบรูปรายการ ประมาณราคาค่าใช้จ่าย สถานที่ดำเนินการและมีการกระจายลงพื้นที่อย่างทั่วถึงเป็นธรรม โดยในส่วนของรายการก่อสร้างลานกีฬา ขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจัดทำแบบรูปรายการประมาณราคาให้เหมาะสมและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำรวจจำนวนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่ขึ้นทะเบียนไว้ให้ถูกต้องและจัดทำฐานข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเพื่อใช้ในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณได้อย่างถูกต้องและครบถ้วนก่อนนำเสนอขออนุมัติงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20284 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย (OTOP Extravaganza) | กค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทย โดยการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการซื้อสินค้า OTOP ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันทั้งหมดแล้วไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ๑.๒ อนุมัติร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้า OTOP จากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ในระหว่างวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท เป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ๑.๓ มอบหมายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยประชาสัมพันธ์แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ๑.๔ มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดงานแสดงสินค้า OTOP ในช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ ๑.๕ มอบหมายกรมสรรพากรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ OTOP เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ขายสินค้าให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวมีสิทธิขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund for Tourists : VRT) ๒. ให้ส่งร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการพัฒนาชุมชน และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ภาคประชาชนและผู้ประกอบการทราบเพื่อให้เข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นไทยโดยเร็ว และให้กระทรวงการคลังติดตามประเมินผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อตรวจสอบความคุ้มค่าของมาตรการฯ ทั้งในมิติทางเศรษฐกิจและสังคม โดยให้รายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ รวมทั้งเห็นควรให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมให้ท้องถิ่นและชุมชนต่าง ๆ จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในส่วนของภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาสินค้า การปรับรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20285 | การขยายระยะเวลาสำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจและมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | กค | 12/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาสำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจและมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการขยายเวลาการลดอัตราภาษีเงินได้และภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่ผู้ประกอบกิจการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึง ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ส่วนมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้ง CCTV เป็นการกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจสามารถหักรายจ่ายค่าซื้อและค่าติดตั้ง CCTV ได้เพิ่มขึ้นอีก ๑ เท่า เป็นระยะเวลา ๕ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ถึง ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งเสนอประกาศกระทรวงมหาดไทยเพื่อขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินและตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายระยะเวลาสำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจที่กระทรวงการคลังเสนอมาครั้งนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20286 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยออกตามความในมาตรา 18 (13) แห่งพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 จำนวน 3 ฉบับ | นร | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ เห็นชอบในหลักการร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยทั้ง ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ นั้น บัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ว่า “ฉลองรัชธรรม” ชื่อภาษาอังกฤษว่า “CHALONG RATCHADHAM” กระทรวงคมนาคมจึงขอเปลี่ยนข้อความในร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยทั้ง ๓ ฉบับ จาก “รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ” เป็น “รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20287 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตต้องเป็นไปตามมาตรฐานใดมาตรฐานหนึ่ง คือ มาตรฐานเลขที่ มอก. ๒๐-๒๕๕๙ หรือมาตรฐานเลขที่ มอก. ๒๔-๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20288 | รายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเรื่อง "แนวทางการปฏิรูปการศึกษา" ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ศธ | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเรื่อง “แนวทางการปฏิรูปการศึกษา” ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยกระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ด้านโครงสร้างและระบบบริหารจัดการ (๒) ด้านการเรียนการสอน (๓) ด้านทรัพยากรเพื่อการศึกษา และประเด็นที่ไม่เห็นด้วยคือ (๑) การจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู และ (๒) ไม่ควรจัดตั้งกระทรวงกีฬาเป็นการเฉพาะ แต่ควรตั้งเป็นหน่วยงานอิสระอยู่ในกำกับของการกีฬาแห่งประเทศไทย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20289 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ กรณีศึกษาการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ | สว | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ กรณีศึกษาการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้ศึกษาถึงความเป็นมาและมาตรการทางกฎหมายในการคุ้มครองโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ตลอดจนปัญหาที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เช่น ปัญหาการกำหนดคำนิยาม ปัญหาเกี่ยวกับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน และโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุ เป็นต้น โดยมีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพื่อให้การใช้บังคับพระราชบัญญัติฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับมรดกทางวัฒนธรรมของไทยให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลก สถานการณ์ของบ้านเมือง อนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นภาคี ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20290 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) | ทส | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นชอบกับข้อเสนอแนะดังกล่าว และมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ได้แก่ คณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ คณะกรรมการสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมภายใต้การปฏิรูปด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้ได้รับผลกระทบ และองค์ประกอบของกลไกวิชาการเฉพาะภายใต้การปฏิรูปกลไกด้านวิชาการ การใส่ที่มาในการอ้างอิงรูปภาพที่ปรากฏในรายงานวาระการปฏิรูป รวมทั้งการเสนอมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมการทรุดตัวของแผ่นดิน เนื่องจากน้ำหนักกดทับในรายงานวาระการปฏิรูป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20291 | การพิจารณากำหนด "วันควายไทย" | กษ | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง การพิจารณากำหนด “วันควายไทย” คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20292 | ร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฟิวส์ก้ามปูต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... | อก | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฟิวส์ก้ามปูต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฟิวส์ก้ามปูต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. ๒๕๓๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20293 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | มท | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงหรือตั้งหน่วยงานเพื่อให้มีบทบาทหน้าที่ในการวางแผนผังนโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับประเทศ ภาค อนุภาค หรือกลุ่มจังหวัด และจังหวัด การปรับปรุงการวางผังเมืองและการใช้พื้นที่โดยใช้แผนผังนโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ในระดับต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำเนินการและการพัฒนา การปรับปรุงกฎหมายผังเมืองและการใช้บังคับกฎหมายผังเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ รวมทั้งข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางปฏิรูประบบการผังเมืองและการใช้พื้นที่เพื่อยกระดับงานผังเมืองให้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาเชิงพื้นที่ทางกายภาพของประเทศ โดยขับเคลื่อนและบูรณาการงานผังเมืองให้สอดคล้องเชื่อมโยงกันเพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันและพัฒนากลไกการนำผังเมืองไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20294 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กห | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้พิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติแล้วมีความเห็นว่า ให้คงการประกาศใช้กฎอัยการศึกไว้ก่อน เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่ยังไม่มีความสงบเรียบร้อย เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่วนการลดพื้นที่ประกาศใช้กฎอัยการศึกจะต้องมีการร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20295 | ผลการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | อื่นๆ | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการเยือนประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และคณะ ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙-๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ กรุงโตเกียว โดยได้เข้าเยี่ยมคารวะและพบปะหารือกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น (นายโยชิฮิเดะ ซูกะ) และที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น (นายฮิโรโตะ อิซุมิ) และได้กล่าวปาฐกถาเกี่ยวกับนโยบายด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยในงาน Nikkei Forum 22nd International Conference on the Future of Asia (2016) ซึ่งมีนักธุรกิจและนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าร่วมงานกว่า ๖๒๐ คน หรือมากกว่า ๓๐๐ บริษัท เชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจและส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย และได้หารือกับนักลงทุนรายใหญ่ด้านการลงทุน ถือเป็นการชักจูงและส่งเสริมการลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งนี้ ผลการเยือนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมระหว่างไทยกับญี่ปุ่น จึงมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ได้แก่ การจดสิทธิบัตร อุปสรรคจากข้อกำหนดในการใช้ประโยชน์ที่ดินในผังเมืองรวมจังหวัดปราจีนบุรี นโยบายและมาตรการการส่งเสริมการลงทุน สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับกิจการที่เข้าข่าย Super Cluster ตามมาตรการของกระทรวงการคลัง การพัฒนาแรงงานให้ตรงความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหาร และการส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพของไทย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นหรือมาตรการใดที่หน่วยงานอยู่ระหว่างดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการสามารถรับทราบข้อมูลและการดำเนินงานของหน่วยงานโดยทั่วถึง สำหรับประเด็นอุปสรรคจากข้อกำหนดในการใช้ประโยชน์ที่ดินในผังเมืองรวมจังหวัดปราจีนบุรี กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย และกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ควรร่วมกันหารือเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการผ่อนปรนข้อกำหนดดังกล่าว ซึ่งควรคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมประกอบกันด้วย เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในการอำนวยความสะดวกต่อการขออนุญาตขยายกิจการโรงงานต่อไป นอกจากนี้ ในส่วนนโยบายส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบคลัสเตอร์ โครงการ Food Innopolis และมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนควรประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมในเรื่องแผนระยะเวลาการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ในปัจจุบันและระยะต่อไปที่ชัดเจน รวมถึงระบุกิจการเป้าหมายที่ไทยมีความต้องการให้มีการลงทุนมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการในประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20296 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมแบบใบอนุญาตทำงานให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามประเภทหรือสภาพข้อเท็จจริงของการทำงานของคนต่างด้าวในแต่ละกลุ่มให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพิ่มเติมวิธีการยื่นคำขอรับใบอนุญาตและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อรองรับการให้บริการภาครัฐด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและคนต่างด้าวผู้ยื่นคำขออนุญาตหรือแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการที่รัฐมนตรีจะมอบอำนาจที่ได้รับจากฝ่ายนิติบัญญัติให้แก่อธิบดีเป็นผู้มีอำนาจในการกำหนดแบบใบอนุญาต และวิธีการยื่นคำขอและการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวตามที่กำหนดในร่างกฎกระทรวงดังกล่าว ถือว่าเป็นการมอบอำนาจช่วง (sub-delegation) โดยอาศัยอำนาจตามกฎกระทรวงอันเป็นกฎหมายระดับอนุบัญญัติซึ่งไม่อาจกระทำได้ เพราะไม่มีฐานอำนาจของกฎหมายระดับพระราชบัญญัติมารองรับ และมีผลทำให้เป็นการออกกฎกระทรวงที่เกินกฎหมายแม่บทได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20297 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... | สว | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตว่า ควรจัดสรรและกระจายงบประมาณในการจัดเครื่องมือเครื่องใช้ให้แก่หน่วยงานที่ให้บริการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการตรวจซ้ำ และควรมีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพนิติวิทยาศาสตร์ ประกอบกับควรคำนึงถึงความเหมาะสมในด้านคุณสมบัติและประวัติการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงบประมาณ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20298 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... | สว | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ. .... เกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอต่ออายุใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาตตามร่างมาตรา ๓๕ และร่างมาตรา ๔๔ การออกกฎกระทรวงตามร่างมาตรา ๙๑ เพื่อกำหนดหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตให้มีการดำเนินการให้เกิดความปลอดภัยในเวลาที่มิใช่เวลาทำการ การกำหนดเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งงานที่มีเหตุพิเศษ สำหรับตำแหน่งปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางรังสี เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางเทคนิคเกี่ยวกับวัสดุนิวเคลียร์ หรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ การจัดให้มีการรับฟังความเห็นของผู้ประกอบกิจการก่อนการดำเนินการออกกฎกระทรวงตามร่างมาตรา ๕ เพื่อกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัติ รวมถึงการให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการประกอบกิจการของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพื่อการผลิตพลังงานไฟฟ้าต้องดำเนินการควบคุมให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และหาแนวทางในการกำหนดให้ผู้บริหารชั่วคราว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ทำแผน หรือผู้บริหารแผนที่มีอำนาจจัดการกิจการและทรัพย์สินแทนลูกหนี้เป็นผู้รับโอนใบอนุญาตหรือกำหนดให้มีหน้าที่และความรับผิดเช่นเดียวกับลูกหนี้ซึ่งเป็นผู้รับใบอนุญาตด้วย และให้มีกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดทางแพ่งสำหรับความเสียหายที่เกิดจากนิวเคลียร์และรังสีโดยเร็ว ตลอดจนให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายต่าง ๆ เพื่อให้มีการควบคุมดูแลยานพาหนะทางทหารของต่างประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ที่เข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20299 | รายงานผลการพิจารณาตามรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การตั้งโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) ของผู้ประกอบการชาวต่างชาติในจังหวัดจันทบุรี | พณ | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การตั้งโรงคัดบรรจุผลไม้ (ล้ง) ของผู้ประกอบการชาวต่างชาติในจังหวัดจันทบุรี ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ในประเด็นต่าง ๆ เช่น เรื่องปัญหาการเข้ามาทำงานของคนต่างด้าวในประเทศไทยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตทำงาน (Work permit) ซึ่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้บังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ อย่างเคร่งครัดกับทุกสัญชาติด้วยแล้ว สำหรับประเด็นการส่งเสริมการตลาด กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีแผนการจัดงานส่งเสริมการขยายตลาดสินค้าเกษตรและอาหารไปยังต่างประเทศใหม่ ๆ นอกจากตลาดจีน รวมถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่มและทำการซื้อขายแบบ On-line และกระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการสนับสนุนการสร้างห่วงโซ่อุปทานทั้งระบบ โดยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมแปรรูปผลไม้ในประเทศ เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20300 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... | สว | 05/07/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักเลขานุการองค์กรสำรองข้าวฉุกเฉินของอาเซียนบวกสาม พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตว่า ควรมีกฎหมายกลางเพื่อคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตฯ ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า การมีกฎหมายกลางเพื่อคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทยนั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๙ อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในประเทศไทย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ซึ่งขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อเสนอแนะขององค์กรตามรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับญัตติ รายงาน และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา) ด้วย
|
.....