ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1020 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20381 - 20400 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20381 | การถวายพระราชสมัญญาและการเรียกขานในฐานะที่ทรงพระปรีชาสามารถในด้านหรือการนั้นๆ (ขอถวายพระราชสมัญญาพระบิดาแห่งการปฏิรูปข้าวไทย และพระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย) | กษ | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะของสำนักราชเลขาธิการเกี่ยวกับการถวายพระราชสมัญญาแด่พระมหากษัตริย์ ความสรุปว่า การถวายพระราชสมัญญาเป็นการผูกคำเพื่อถวายแด่พระมหากษัตริย์ ตามอย่างการสร้างคำในภาษาบาลี คือ นำคำศัพท์ที่มีความดี รูปคำงดงาม เสียงไพเราะ มาประกอบเข้าเป็นชื่อด้วยการสมาสคำ แต่ปัจจุบันการถวายพระราชสมัญญาหรือพระสมัญญาโดยผูกคำด้วยการใช้ภาษาธรรมดาอย่างดื่น ๆ เช่น พระบิดาแห่ง .... จึงไม่ใช่พระราชสมัญญาหรือพระสมัญญา แต่เป็นการเรียกขานในฐานะที่ทรงพระปรีชาสามารถในด้านหรือการนั้น ๆ ๒. เห็นชอบให้ปรับขั้นตอนการดำเนินการเกี่ยวกับการถวายพระราชสมัญญาและการเรียกขานในฐานะที่ทรงพระปรีชาสามารถในด้านหรือการนั้น ๆ แด่พระมหากษัตริย์ โดยให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องขอความเห็นจากสำนักราชเลขาธิการเพื่อประกอบการพิจารณาร่วมกับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
|
||||||||||||||||||||||||
20382 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราค่าบำรุงสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... | กษ | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราค่าบำรุงสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าบำรุงสันติบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จากอัตราเดิม “ร้อยละห้าของกำไรสุทธิ แต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท” เป็นอัตราใหม่ “ร้อยละหนึ่งของกำไรสุทธิ แต่ไม่เกินสามหมื่นบาท” ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20383 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าฉนวน อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... | คค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าฉนวน อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าฉนวน อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เพื่อสร้างทางหลวงชนบท ชน. ๑๐๑๔ และทางหลวงชนบท ชน. ๔๐๒๔ ตามโครงการก่อสร้างทางต่างระดับข้ามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๒ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
20384 | ขอขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (โครงการ Policy Loan) จากเดิมที่กำหนดให้เริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ หรือจนกว่าจะเต็มวงเงิน แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน เป็น เริ่มรับคำขอตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ หรือจนกว่าจะเต็มวงเงิน แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน ทั้งนี้ ในส่วนของกรอบวงเงินงบประมาณยังคงให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรคัดกรองผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการที่กำหนดไว้ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหาได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20385 | โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สำหรับผู้ประกอบกิจการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยธนาคารออมสินให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการฯ และธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs เฉพาะการปล่อยสินเชื่อใหม่ วงเงินรวมทั้งโครงการ ๓๐,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับการชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับธนาคารออมสินนั้น ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยกำหนดอัตราการชดเชยเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๖ เดือน ของธนาคารออมสิน บวกร้อยละ ๑.๘๕ รวมไม่เกิน ร้อยละ ๓ ซึ่งครอบคลุมต้นทุนทางการเงินของธนาคารออมสิน และมีผลทำให้เกิดภาระงบประมาณที่รัฐบาลจะต้องชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้กับธนาคารออมสิน ภายในกรอบวงเงิน ๖,๓๐๐ ล้านบาท ในระยะเวลา ๗ ปี โดยให้ธนาคารออมสินเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละปีงบประมาณ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธนาคารแห่งประเทศไทยเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดวงเงินสินเชื่อต่อรายเพื่อให้โครงการฯ สามารถกระจายวงเงินสินเชื่อได้อย่างทั่วถึง รวมถึงธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่เข้าร่วมโครงการฯ ควรพิจารณาให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำของภาครัฐมาก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ SEMs ให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น การให้ความสำคัญกับการให้สินเชื่อในอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้หลักให้แก่ประเทศ หรืออุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีการเจริญเติบโตดีในอนาคต การบูรณาการโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน การขยายวัตถุประสงค์การกู้ยืมให้ครอบคลุมถึงการนำนวัตกรรมมาปรับปรุงสินค้าหรือบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น การจัดให้มีการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมในลักษณะเดียวกันกับ Soft Lone ๑๕๐,๐๐๐ ล้านบาทที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติให้ดำเนินการไปแล้ว รวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบกิจการ SMEs รับทราบรายละเอียดโครงการฯ อย่างทั่วถึง และระบุเจตนารมณ์ของการดำเนินโครงการฯ ให้ชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่ผ่านมา เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้แก่ผู้ประกอบกิจการ SMEs เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20386 | ร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ พ.ศ. .... | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโอนที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ให้แก่ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของ นางบุญมี ดอนเมือง และนางสวาท ดอนกระสินธุ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20387 | ร่างพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. .... | ยธ | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการบริหารการแก้ไขบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่กระทำผิด กำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพินิจ รวมทั้งสิทธิ หน้าที่ ประโยชน์ และกิจการอื่น ๆ เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยและการติดตามภายหลังปล่อยจากสถานที่ควบคุม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการกำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพินิจ การใช้เครื่องพันธนาการแก่เด็กและเยาวชนที่อยู่ในสถานที่ควบคุม และการให้เจ้าพนักงานพินิจเป็นเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
20388 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ปากีสถาน | คค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจลับระหว่างไทย-ปากีสถาน ฉบับลงนามวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มข้อบทว่าด้วยการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ข้อบทว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยการบิน ข้อบทว่าด้วยความปลอดภัยการบิน สิทธิความจุความถี่และสิทธิรับขนการจราจร และเส้นทางบิน ๒. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและปากีสถาน ๓. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจฯ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
||||||||||||||||||||||||
20389 | แนวทางการจัดให้เช่าที่ราชพัสดุ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี | กค | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินกิจการของรัฐภายหลังสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุดตามมาตรา ๔๘ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ดังนี้ ๑.๑ เห็นสมควรให้เอกชนรายเดิม [บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)] เช่าที่ราชพัสดุ บริเวณถนนสุขุมวิท ตำบลบางพระ และตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินกิจการโรงกลั่นน้ำมัน เป็นระยะเวลา ๓๐ ปี ๑.๒ กำหนดอัตราผลตอบแทนในการเช่าที่ราชพัสดุฯ ในอัตราที่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนตามราคาตลาด ๑.๓ ให้กรมธนารักษ์จัดให้มีการประเมินมูลค่าตลาดของค่าเช่า โดยผู้ประเมินอิสระอีกครั้ง เพื่อสอบทานความถูกต้องและความเป็นปัจจุบันของมูลค่าตลาดของค่าเช่า ก่อนการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนในการให้เช่าที่ราชพัสดุฯ ๑.๔ ให้กรมธนารักษ์นำเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามรายละเอียดในมาตรา ๒๔ (๔) (๕) (๖) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐพิจารณาภายใน ๓ เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินกิจการของรัฐภายหลังสัญญาร่วมลงทุนสิ้นสุดลงโดยการให้เอกชนร่วมลงทุนแล้ว ทั้งนี้ ให้นำเสนอผลประโยชน์ตอบแทนในการให้เช่าที่ราชพัสดุฯ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการหรือกิจการใดที่บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการเพิ่มเติมหรือขยายกำลังการผลิต หากเข้าข่ายประเภทและขนาดตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จะต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนการดำเนินการเช่าที่ราชพัสดุฯ และอัตราผลตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับ เห็นควรที่กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า เหมาะสม และประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ รวมทั้งให้กรมธนารักษ์ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ กำกับ ติดตาม และดูแลคู่สัญญา [บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)] ให้ดำเนินการตามสัญญาอย่างเคร่งครัด เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20390 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ หลังเดิม | กต | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงการต่างประเทศเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ จากรายการค่าปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นรายการค่ารื้อถอนอาคารสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ หลังเดิม และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาพื้นที่และสิ่งประกอบอื่นภายในสถานเอกอัครราชทูต ณ สิงคโปร์ ในวงเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมวงเงินทั้งสิ้น ๕๗,๔๙๙,๘๐๐ บาท ซึ่งกรมบัญชีกลางอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายงบประมาณได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ส่วนที่เหลือ จำนวน ๔๒,๕๐๐,๒๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ การดำเนินการรื้อถอนและพัฒนาที่ดินดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณดังกล่าวให้ทันภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ รวมทั้งงบประมาณที่ใช้สำหรับการปรับปรุงภูมิทัศน์ควรดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมกับความสง่างามของสถานเอกอัครราชทูตฯ และประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20391 | มาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น | ปช | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการหรือวางแผนงานโครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ หรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๙ (๑๑) ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ประกอบด้วยมาตรการ ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) มาตรการด้านกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (๒) มาตรการด้านการบริหาร (๓) มาตรการด้านการตรวจสอบ กำกับดูแล และการมีส่วนร่วมของประชาชน และ (๔) มาตรการด้านคุณธรรม จริยธรรม ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของมาตรการดังกล่าว และให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภาพรวมส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20392 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสแรกของปี 2559 | นร11 | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ ซึ่งความเคลื่อนไหวทางสังคมที่สำคัญในเชิงบวกทั้งในด้านการจ้างงานโดยรวม รายได้และผลิตภาพแรงงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินดีขึ้น ความร่วมมือประชารัฐเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันได้อย่างยั่งยืน แต่ยังมีความเคลื่อนไหวทางสังคมที่ต้องติดตาม เฝ้าระวังเพื่อบรรเทาผลกระทบของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งการจ้างงานภาคเกษตรกรรมที่ลดลงเนื่องจากผลกระทบจากภาวะภัยแล้ง จำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มขึ้น การเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงเทศกาล การกำกับดูแลการโฆษณาของรายการโทรทัศน์สำหรับเด็กให้เหมาะสม รวมทั้งการเร่งแก้ไขปัญหาและจัดการผลกระทบจากภัยแล้งให้กับเกษตรกรและภาคการเกษตร
|
||||||||||||||||||||||||
20393 | รายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 15 (15th ASCC Council Meeting) ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะ | พม | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๑๕ (15th ASCC Council Meeting) ระหว่างวันที่ ๓-๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ ณ เมืองหลวงพระบาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้มีการรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมฯ เช่น ความสำคัญของปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ในฐานะปีแรกภายหลังจากการเป็นประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการ และการสนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนและแผนงานสำคัญของ สปป.ลาว ภายใต้หัวข้อ “การทำให้วิสัยทัศน์ไปสู่ความเป็นจริงเพื่อการเป็นประชาคมอาเซียนที่มีพลวัต” “Turning Vision into Reality for a Dynamic ASEAN Community” เป็นต้น ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้กล่าวถ้อยแถลงและแสดงความยินดีต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สปป.ลาว ในการดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และได้กล่าวสนับสนุนสาระหลักของเอกสารขอบเขตการดำเนินงานจัดส่งเจ้าหน้าที่ประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนไปปฏิบัติงาน ณ สำนักงานคณะผู้แทนถาวรประจำอาเซียน และกล่าวสนับสนุนเอกสารผลลัพธ์สำคัญที่จะมีการเสนอให้ผู้นำอาเซียนรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๒๘ ได้แก่ (๑) ปฏิญญาเวียงจันทน์ว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านจากการจ้างงานนอกระบบไปสู่การจ้างงานในระบบเพื่อมุ่งสู่การส่งเสริมงานที่มีคุณค่าในอาเซียน (๒) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการตอบโต้ภัยพิบัติอาเซียนอย่างเป็นหนึ่งเดียว การตอบสนองของอาเซียนต่อภัยพิบัติเป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคและภายนอกภูมิภาค และ (๓) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนตกหล่น ทั้งนี้ เมื่อคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนได้ให้การรับรองเอกสารขอบเขตการดำเนินงานฯ แล้ว ประเทศไทยจะได้เริ่มต้นกระบวนการภายในประเทศต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20394 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน ปี 2559 | พณ | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนเมษายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกของไทยเดือนเมษายน ๒๕๕๙ กลับมาหดตัวตามกระแสการค้าโลกที่ยังมีความเปราะบาง เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกยังไม่มีความชัดเจน ประกอบกับปัจจัยด้านราคาสินค้าเกษตรและน้ำมันที่หดตัวสูงที่เป็นแรงกดดันให้มูลค่าขยายตัวต่ำกว่าปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การส่งออกของไทยมีสถานการณ์ที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ มาก แสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในตลาดและสินค้าส่งออกสำคัญไว้ได้ ๒. มูลค่าการค้าระหว่างประเทศในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกเดือนเมษายน ๒๕๕๙ มีมูลค่า ๑๕,๕๔๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๘.๐๐ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและทองคำ มูลค่าการส่งออกเดือนเมษายน ๒๕๕๙ จะหดตัวที่ร้อยละ ๖.๒ (YoY) ในขณะที่การนำเข้าเดือนเมษายน ๒๕๕๙ มีมูลค่า ๑๔,๘๒๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑๔.๙๒ (YoY) โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๒.๘ (YoY) ตามทิศทางของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้าวหดตัวถึงร้อยละ ๑๑.๕ (YoY) เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (๑๘.๕) ทูน่ากระป๋อง (๑๓.๗) น้ำตาลทราย (๑๕.๘) หดตัวสูง ซึ่งเป็นผลจากการหดตัวด้านราคาเป็นสำคัญ ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหดตัวที่ร้อยละ ๗.๘ จากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกล และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ที่หดตัวร้อยละ ๙.๗ (YoY) เท่ากัน รวมทั้งมูลค่าส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันยังคงหดตัวสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ ๒๔.๘ ๓. แนวทางการขับเคลื่อนการส่งออกของไทย ปี ๒๕๕๙ ได้แก่ การขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดอินโดจีนหรือ CLMV การเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก โดยใช้ความต้องการตลาดเป็นตัวนำการผลิต (Demand Driven) การส่งเสริมการค้าบริการ (Trade in Services) การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมทั้งการผลักดันและแก้ปัญหาทางการค้าร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน
|
||||||||||||||||||||||||
20395 | ขอความเห็นชอบขยายระยะเวลาการใช้งบกลางเพื่อสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจาก Cooperation Framework Agreement on Aviation Safety | คค | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ไปจนถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๙ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจาก Cooperation Framework Agreement on Aviation Safety ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยกับองค์การกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (European Aviation Safety Agency : EASA) ภายในวงเงิน ๒,๕๐๐,๐๐๐ ยูโร หรือไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบกรอบวงเงินแล้ว โดยจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเร่งดำเนินการตามกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถดำเนินการตาม Cooperation Framework Agreement on Aviation Safety ได้ในโอกาสแรก และพิจารณาแจ้งเวียนความคืบหน้าการดำเนินการของไทยให้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศต่าง ๆ ทราบเป็นระยะ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและจริงจังของการแก้ไขปัญหาของไทย อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ในเชิงบวก และเห็นควรมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยพิจารณากำหนดขอบเขตการดำเนินงาน (Scope of Work) ของผู้เชี่ยวชาญจากองค์การกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรปให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการบินสากลในทุกรายการ รวมทั้งเร่งพัฒนาบุคลากรของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เองและมีจำนวนเพียงพอโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20396 | ร่างพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กห | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. ๒๕๑๐ ในส่วนขององค์ประกอบของสภาทหารผ่านศึก โดยเพิ่มให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นอุปนายกคนที่หนึ่ง และปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นอุปนายกคนที่สอง และลดจำนวนกรรมการในส่วนที่เป็นทหารผ่านศึกประจำการ จากจำนวนเจ็ดคน ให้เหลือจำนวนหกคน ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20397 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 | รง | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้วและเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินของกองทุนฯ ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ และผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20398 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง มาตรการส่งเสริมพาณิชยนาวีของประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณามาตรการส่งเสริมพาณิชยนาวีของประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง มาตรการส่งเสริมพาณิชยนาวีของประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณามาตรการส่งเสริมพาณิชยนาวีของประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมทั้งข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาในเชิงนโยบายเกี่ยวกับกิจการต่าง ๆ ได้แก่ กิจการกองเรือพาณิชย์ไทย กิจการท่าเรือ กิจการอู่เรือ บุคลากรพาณิชยนาวี กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการพาณิชยนาวี และการแก้ไขปัญหาในทางกฎหมาย (พระราชบัญญัติส่งเสริมการพาณิชยนาวี พ.ศ. ๒๕๒๑) ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้พิจารณาศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหา อุปสรรค รวมถึงการกำหนดมาตรการส่งเสริม สนับสนุนการพาณิชยนาวีของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะการรักษาผลประโยชน์และรายได้ของประเทศ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
20399 | รัฐบาลแคนาดาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นางโดนิกา พอตตี (Mrs. Donica Pottie)] | กต | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางโดนิกา พอตตี (Mrs. Donica Pottie) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งแคนาดาประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายฟิลิป คาลเวิร์ต (Mr. Philip Calvert) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20400 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน พื้นที่สาธารณประโยชน์ และพื้นที่ป่าชายเลน ในภาพรวม ๑.๒ รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มีประเด็นเกี่ยวกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล รวม ๑๑ ประเด็น ได้แก่ (๑) รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ เรื่อง การจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (๒) รับทราบนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (๓) รับทราบกรณีจังหวัดยโสธรได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกนาโก (๔) พื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (๕) เห็นชอบกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน พื้นที่สาธารณประโยชน์ และพื้นที่ป่าชายเลน (๖) เห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการในคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ภายใต้ คทช. (๗) ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการบูรณาการกฎหมายการบริหารจัดการที่ดิน (๘) รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ (๙) รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการประเมินผลสัมฤทธิ์การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (๑๐) รับทราบความก้าวหน้าการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้ คทช. ในเขตปฏิรูปที่ดิน จังหวัดกาฬสินธุ์ และ (๑๑) รับทราบข้อมูลผู้ยากไร้ที่ดินทำกิน ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากการดำเนินภารกิจการจัดที่ดินทำกินฯ เห็นควรให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ภายใต้แผนงานบูรณาการจัดการปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. กรณีเรื่องใดเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....