ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1017 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 20321 - 20340 จากข้อมูลทั้งหมด 124195 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20321 | แผนการใช้จ่ายเงินต้นของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศปีงบประมาณ 2559 | พณ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนการใช้จ่ายเงินต้นของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปีงบประมาณ ๒๕๕๙ เพื่อใช้ดำเนินงานตามนโยบายเร่งรัดผลักดันการค้าระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๙๑ โครงการ วงเงินรวม ๗๘๘,๐๔๑,๒๒๗.๓๐ บาท ประกอบด้วยโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active) แผนงานเร่งรัดขยายตลาดเชิงรุก แผนงานเจรจาเชิงรุกเพื่อเปิดและขยายตลาด แผนงานปฏิรูปโครงสร้างการส่งออก และแผนงานตามนโยบายและมาตรการเร่งด่วน (งบฉุกเฉิน) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำเงินต้นของกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมาใช้จ่ายอาจส่งผลกระทบให้กองทุนมีเงินต้นทุนลดน้อยลง จึงควรมีการวางแผนการใช้จ่ายเงินอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ การใช้จ่ายเงินภายใต้กองทุนฯ จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และประโยชน์สูงสุดที่ทางราชการจะได้รับ และบริหารจัดการเงินกองทุนฯ ให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน เพื่อให้กองทุนฯ มีรายได้ที่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายและไม่เป็นภาระต่องบประมาณรายจ่าย โดยการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานและโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมทั้งควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงการใช้เงินของกองทุนฯ ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20322 | รายงานงบการเงินประจำปี 2558 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานงบการเงินประจำปี ๒๕๕๘ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองงบแสดงฐานะการเงินและงบกำไรขาดทุน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะทางการเงินรวม ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ มีสินทรัพย์รวม ๘๗๖,๖๒๕,๔๐๐,๗๓๗ บาท ๒. งบกำไรขาดทุน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ กำไรสำหรับปี ๒๕๕๘ จำนวน ๓๒,๗๕๗,๘๘๓,๒๘๙ บาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20323 | ขออนุมัติค่าเช่าที่ดินการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) | ตผ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเช่าที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณย่านพหลโยธิน (ศูนย์การผลิตและซ่อมบำรุง ฝ่ายการช่างโยธา) เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) ในลักษณะการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๗๔ อัตราค่าเช่าปีแรกตารางเมตรละ ๑,๕๔๖.๘๘ บาทต่อปี เป็นเงินค่าเช่าปีแรก ๒๗,๐๐๘,๕๒๕ บาท และปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าร้อยละ ๕ ทุกปี รวม ๑๕ ปี เป็นจำนวนเงิน ๕๘๒,๘๐๕,๑๗๔.๑๒ บาท โดยสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่ารื้อย้ายค่าก่อสร้างชดเชย และค่าอื่น ๆ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยกำหนด ตลอดจนจะต้องดำเนินการกับผู้บุกรุกและรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเองทั้งสิ้น ๑.๒ สำหรับค่าใช้จ่ายการเช่าที่ดินรวม ๑๕ ปี เป็นจำนวนเงิน ๕๘๒,๘๐๕,๑๗๔.๑๒ บาท ซึ่งเป็นอัตราค่าเช่าที่สูง เห็นควรพิจารณาทบทวนหรือต่อรองให้ได้อัตราค่าเช่าที่เหมาะสมและต่ำสุดก่อน โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นนั้น ในปีแรกเห็นควรใช้จ่ายจากเงินรายได้ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ส่วนค่าเช่าในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมให้เป็นไปตามสัญญาในแต่ละปีงบประมาณต่อไป ๑.๓ เนื่องจากค่าเช่าที่ดินดังกล่าวจำเป็นต้องก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเป็นระยะเวลารวม ๑๕ ปี จึงเห็นควรอนุมัติให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการผูกพันงบประมาณล่วงหน้าเกินกว่า ๕ ปี เป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายในคราวเดียวกัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ (เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและมาตรการอื่นที่เกี่ยวข้อง) ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอเรื่องการให้เช่าที่ดินหรือให้สิทธิที่ดินภายในพื้นที่บริเวณย่านพหลโยธินดังกล่าว ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม พิจารณาความเหมาะสมก่อนดำเนินการตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20324 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการ | กห | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พร้อมคณะ ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ เพื่อกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารระหว่างกระทรวงกลาโหมกับกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเข้าเยี่ยมคำนับ นายติน จ่อ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยนายติน จ่อ กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานทุนทรัพย์ซ่อมแซมโรงเรียนในรัฐยะไข่ซึ่งได้รับความเสียหายจากมรสุมในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งกล่าวถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศว่ามีความแนบแน่น รวมถึงเห็นพ้องร่วมกันเกี่ยวกับความร่วมมือในการก่อสร้างสะพานเมียวดีแห่งใหม่ที่เชื่อมต่อถนนสายเอเชียบริเวณอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ ๒. การพบหารือกับ นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีประจำสำนักประธานาธิบดี และประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยนางออง ซาน ซูจี ได้กล่าวแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้ให้การต้อนรับในระหว่างการเยือนไทยที่ผ่านมา และขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสวัสดิภาพแรงงานเมียนมาในไทยตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่ โดยเฉพาะการลงนามในข้อตกลงร่วมกันกับกระทรวงแรงงาน สำหรับปัญหาผู้หนีภัยจากการสู้รบที่อยู่ในไทยจะได้จัดตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อตรวจสอบเอกสารและเร่งดำเนินการต่อไป นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการสานต่อการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ๓. การพบหารือกับ พลเอก อาวุโส มิน อ่อง ไหล่ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และพลโท เส่ง วิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกันถึงแนวทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางทหารและการส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างกัน โดยจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนการเยือน และการฝึกศึกษาในระดับต่าง ๆ ของทุกเหล่าทัพให้มากขึ้น รวมทั้งเห็นพ้องถึงความสำคัญที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นในเรื่องเขตแดน ผู้หนีภัยจากการสู้รบ การหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย สินค้าหนีภาษี และปัญหายาเสพติด โดยจะได้พิจารณาจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อขับเคลื่อนนโยบายความมั่นคงสู่การปฏิบัติผ่านกลไกความร่วมมือด้านความมั่นคงที่มีอยู่ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20325 | รายงานการเข้าร่วมประชุมเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป ณ ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ | พม | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการเข้าร่วมประชุมเครือข่ายหญิงไทยในยุโรป ณ ราชอาณาจักรนอร์เวย์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๙ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาในหัวข้อ “พราวเยาวชนไทยในต่างแดน โอกาสและอุปสรรค” โดยได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับทุกช่วงวัยโดยเฉพาะเยาวชนที่จะเป็นพลังสำคัญของประเทศชาติต่อไป และกล่าวถึงนโยบายหลักในการให้เงินแก่เด็กในครอบครัวยากจนเดือนละ ๖๐๐ บาท เป็นเวลา ๓ ปี รวมทั้งได้พบปะผู้แทนเครือข่ายหญิงไทยในยุโรปและสมาคมสตรีไทยในนอร์เวย์เพื่อรับฟังปัญหาในการดำเนินชีวิตในต่างประเทศ และความต้องการต่าง ๆ ที่อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือดูแล และหารือแนวทางการช่วยเหลือกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงออสโล ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ให้คำมั่นในการช่วยเหลือหญิงไทยอย่างเต็มที่ ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัวได้พัฒนาเว็บไซต์ yingthai.net เพื่อเป็นสื่อกลางเผยแพร่ข้อมูลและการติดต่อให้ความช่วยเหลือหญิงไทยในต่างประเทศ และอยู่ระหว่างพัฒนา Mobile Application เพื่อเพิ่มช่องทางและเข้าถึงได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ตลอดจนได้พบปะหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเด็กและความเท่าเทียมของราชอาณาจักรนอร์เวย์ และได้กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลไทยเกี่ยวกับโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด และการพัฒนาศักยภาพเด็กและเยาวชนให้มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญของชาติ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัยเขตเอิสท์โฟลด์ โดยศูนย์นี้มีวัตถุประสงค์ในการสอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยให้กับกลุ่มเยาวชนไทยและเป็นศูนย์กลางในการรวมกลุ่ม พบปะ พูดคุย ให้คำปรึกษากันและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวที่แตกต่างทางวัฒนธรรม รวมทั้งเยี่ยมชมการดำเนินงาน ณ บ้านพักคนชรา Sofienbergjenmart ซึ่งเป็นการให้สวัสดิการโดยรัฐ และให้บริการแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ซึ่งเป็นต้นแบบที่มีมาตรฐาน และมีแนวทางปฏิบัติที่ดีในการบริหารงาน การบริการ การออกแบบสถานที่ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการนำมาปรับใช้กับการจัดสวัสดิการในประเทศไทยอย่างมาก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20326 | ขออนุมัติการดำเนินงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่ประสบภัยแล้ง ปี 2559 | กษ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการดำเนินงานโครงการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่ประสบภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่ประสบภัยแล้ง ปี ๒๕๕๙ ให้สามารถฟื้นฟูการผลิตไม้ผลที่ได้รับความเสียหาย และเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรมีแนวทางปฏิบัติต่อสวนไม้ผลเพื่อประกอบอาชีพชาวสวนผลไม้ได้อย่างยั่งยืน โดยดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง (ไม้ผล) ๓๕ จังหวัด พื้นที่รวมทั้งสิ้น จำนวน ๓๒๘,๕๐๐ ไร่ เกษตรกร จำนวน ๙๕,๐๐๐ ราย แยกเป็นพื้นที่เสียหายสิ้นเชิง จำนวน ๒๘,๕๐๐ ไร่ เกษตรกร จำนวน ๑๑,๖๐๐ ราย และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ ไร่ เกษตรกร จำนวน ๘๓,๔๐๐ ราย ๑.๒ เห็นชอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน ๓๘ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงการฯ ๒. ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้ภาครัฐชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการฯ ในวงเงิน ๑,๕๔๔.๗๐ ล้านบาท ประกอบด้วย ๒.๑ มาตรการขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้เดิมของเกษตรกร เห็นควรที่รัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกรในอัตรา ๑.๕ ต่อปี เป็นระยะเวลา ๒ ปี โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมรับภาระในส่วนที่เหลือร้อยละ ๑.๕ ต่อปี ซึ่งเทียบเคียงได้กับโครงการชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๕๙/๖๐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ โดยเห็นควรดำเนินการเฉพาะในกลุ่มเป้าหมายตามที่ ธ.ก.ส. แจ้งยืนยันลูกค้าเดิมของ ธ.ก.ส. จำนวน ๖๖,๕๐๐ ราย (ร้อยละ ๗๐ ของเป้าหมายรวม) ในวงเงินกู้รายละไม่เกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลา ๒ ปี ภาครัฐชดเชยดอกเบี้ยในวงเงิน ๓๙๙.๐๐ ล้านบาท สำหรับเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายส่วนที่เหลือ หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เห็นควรให้ตรวจสอบข้อมูลสินเชื่อให้ชัดเจนก่อน แล้วจึงกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือต่อไป ๒.๒ มาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อลงทุนสร้างแหล่งน้ำสำรองและการบริหารจัดการน้ำ รายละไม่เกิน ๑๓๐,๐๐๐ บาท โดยให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี และเกษตรกรจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ ๒ ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๓ ปี โดยช่วยเหลือเกษตรกรทั้งหมด จำนวน ๙๕,๐๐๐ ราย ภาครัฐชดเชยดอกเบี้ย ในวงเงิน ๑,๑๑๑.๕๐ ล้านบาท และมาตรการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการปลูกใหม่ทดแทนผลไม้เดิมหรือเป็นประเภทไม้ผลที่เหมาะกับสภาพพื้นที่ อัตราไร่ละไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท รายละไม่เกิน ๓๐ ไร่ โดยให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี และเกษตรกรจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ ๒ ต่อปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน ๔ ปี โดยช่วยเหลือเกษตรกรที่เสียหายสิ้นเชิงทั้งหมด จำนวน ๑๑,๖๐๐ ราย ภาครัฐชดเชยดอกเบี้ย ในวงเงิน ๓๔.๒๐ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับสินเชื่อเพื่อลงทุนสร้างแหล่งน้ำสำรองและการบริหารจัดการน้ำ ควรพิจารณาความเหมาะสมของสภาพพื้นที่และรูปแบบที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรลงทุน เพื่อให้คุ้มค่าและใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว และควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการขอสินเชื่อในรูปของกลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่มีขนาดพื้นที่เล็ก โดยขอกู้ในนามกลุ่ม ซึ่ง ธ.ก.ส. จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ประมาณ MLR-1 (ปัจจุบัน MLR ประมาณร้อยละ ๕) ซึ่งนอกจากเกษตรกรจะมีภาระสินเชื่อและดอกเบี้ยลดลงแล้ว ยังเป็นการบริหารจัดการน้ำร่วมกันภายในกลุ่ม ซึ่งจะประหยัดการใช้พื้นที่ในการสร้างแหล่งน้ำสำรองร่วมกัน ทั้งนี้ ต้องมีการคำนวณแหล่งน้ำให้เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการใช้ของกลุ่มเกษตรกร ส่วนสินเชื่อเพื่อปลูกทดแทนไม้ผลชนิดเดิมหรือปรับเปลี่ยนเป็นไม้ผลชนิดอื่นที่เหมาะสม กรณีเกษตรกรที่เสียหายโดยสิ้นเชิง และมีหนี้เดิม แต่ได้รับการขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้เดิมของเกษตรกรออกไปอีก ๒ ปี หากเข้าสู่ปีที่ ๓ และ ๔ เกษตรกรกลุ่มนี้จะมีภาระหนี้เดิมที่ต้องชำระ แต่เนื่องจากเกษตรกรบางรายอยู่ระหว่างเพาะปลูกใหม่ ซึ่งยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จึงควรพิจารณาภาระหนี้เดิมของเกษตรกรเป็นกรณี ๆ อย่างเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงเมื่อครบระยะเวลา ๒ ปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20327 | ท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 | ทส | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยชี้แจงทำความเข้าใจและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก ๒๑ ประเทศ องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก เพื่อไม่ให้พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย ๑.๒ การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยชี้แจงทำความเข้าใจและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก ๒๑ ประเทศ องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก เกี่ยวกับสถานการณ์และวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน และสนับสนุนไทยในการขอปรับแก้ร่างข้อมติที่จะส่งผลต่อการดำเนินงานของไทยในอนาคต ๑.๓ การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ให้ถอน (Withdraw) วาระการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลกออกจากวาระการประชุม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือประสานสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศรัฐภาคีสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก ๒๑ ประเทศ เพื่อขอให้สนับสนุนท่าทีของไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ๓. กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นอื่น ๆ โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากองค์กรที่ปรึกษา ๔. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะ และเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสเป็นรองหัวหน้าคณะ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเลขานุการหัวหน้าคณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศและกรอบการเจรจา) ๕. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20328 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรมผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม | กค | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเงื่อนไขและหลักเกณฑ์โครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่รัฐให้การส่งเสริมเป็นพิเศษ ทั้งกลุ่มผู้ประกอบการใหม่ (Start-up SMEs) กลุ่มผู้ประกอบการนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Innovation & Technology SMEs) ที่มีศักยภาพให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้เพิ่มขึ้น และเพื่อเพิ่มผลิตภาพ สร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมในประเทศ รวมทั้งเพื่อบูรณาการเชื่อมโยงเครือข่ายของภาครัฐและเอกชนเพื่อให้การช่วยเหลือ SMEs ในกลุ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยมีวงเงินค้ำประกันโครงการรวม ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน ๑ ล้านบาท ประเภทบุคคลธรรมดา ไม่เกิน ๕ ล้านบาทประเภทนิติบุคคล กรณีผู้ประกอบการนวัตกรรมและเทคโนโลยีสูงสุด ไม่เกิน ๒๐ ล้านบาท ระยะเวลาการค้ำประกันโครงการไม่เกิน ๑๐ ปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยในส่วนของภาระงบประมาณของโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการใหม่และนวัตกรรม (Start-up & Innovation) ให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลัง (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ เป็นผู้ประกอบการที่เริ่มต้นประกอบธุรกิจใหม่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มเป้าหมายในโครงการอื่น ดังนั้น บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมถึงสถาบันการเงินควรให้ความสำคัญในการติดตามดูแลกลุ่มลูกค้าในโครงการนี้เป็นพิเศษ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาระหนี้ค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPGs) นอกจากนี้ ควรพิจารณาให้คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติเข้ามาร่วมให้คำแนะนำและสนับสนุนทางด้านเทคนิควิชาการ เพื่อให้กลุ่มผู้ประกอบการใหม่สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการขอรับเงินสมทบจ่ายค่าประกันชดเชยจากรัฐบาล เห็นควรให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20329 | แต่งตั้งอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือรออิสบิซาตุลฮัจย์ อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) (นายอรุณ บุญชม) | วธ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้ง นายอรุณ บุญชม รองประธานกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือรออิสบิซาตุลฮัจย์ อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) ประจำปี ๒๕๕๙ (ฮ.ศ. ๑๔๓๗) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20330 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 เรื่อง การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพโครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ | กก | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพโครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ) และกรอบวงเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพโครงการจัด Air Race 1 ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ ในวงเงิน ๒๕๙,๕๖๐,๐๐๐ บาท โดยแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น ๑.๑ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ กรณีประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันการบิน Air Race 1 โครงการ Air Race 1 ในมหกรรมทางเรือนานาชาติ แบบ Pre Event ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙ เป็นเงิน ๙๙,๙๖๐,๐๐๐ บาท ๑.๒ ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ในการจัดโครงการ Air Race 1 ในมหกรรมทางเรือนานาชาติ การแข่งขันสะสมคะแนนชิงแชมป์โลก Air Race 1 Race of Thailand (World Series 2017) ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. สำหรับรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) จัดการแข่งขันการบิน Air Race 1 แบบ Pre Event เป็นเงิน ๙๙,๙๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนที่ประมาณการไว้เบื้องต้น จำนวน ๒๐,๔๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาด อีกจำนวน ๗๙,๕๖๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยให้จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับการจัดการแข่งขันสะสมคะแนนชิงแชมป์โลก Air Race 1 Race of Thailand (World Series 2017) ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ เป็นเงิน ๑๘๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลัก ส่วนค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากที่เอกชนให้การสนับสนุน ให้การกีฬาแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนก่อนการเบิกจ่ายเงินงบประมาณต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20331 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายสมโภชน์ ราชแพทยาคม) | นร05 | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมโภชน์ ราชแพทยาคม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20332 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายรัศม์ ชาลีจันทร์) | กต | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก เนื่องจากมีการเปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาปูโต สาธารณรัฐโมซัมบิก ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20333 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (นายพสุ โลหารชุน และนายมงคล พฤกษ์วัฒนา) | อก | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายพสุ โลหารชุน ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ๒. นายมงคล พฤกษ์วัฒนา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20334 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (กรณีพ้นตำแหน่งนอกเหนือวาระ) (รองศาสตราจารย์ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์) | กค | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง รองศาสตราจารย์ทิพวรรณ หล่อสุวรรณรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผลในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20335 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ (จำนวน 12 คน 1. นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ฯลฯ) | ทส | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ จำนวน ๑๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ด้านสิ่งแวดล้อม ๒. ศาสตราจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ๓. ศาสตราจารย์ชุมพร ปัจจุสานนท์ ด้านนิติศาสตร์ ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๕. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ด้านเศรษฐศาสตร์ ๖. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ด้านทรัพยากรธรณี ๗. นายประวิทย์ อินอ่วม ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ๘. นายไพวัลย์ สิอิ้น ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ๙. นายประมวล รัตนานุพงศ์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ๑๐. นายวชิรพงศ์ สกุลรัตน์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ๑๑. นายธนู แนบเนียร ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต ๑๒. นายบรรจง นฤพรเมธี ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดกระบี่ ตรัง สตูล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20336 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (ไตรมาสที่ ๓) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งสิ้น ๒,๗๒๐,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๒,๐๓๙,๘๐๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๗๔.๙๙ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๒๕๐,๗๓๐ ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายร้อยละ ๑.๘๙ (เป้าหมายภาพรวม ร้อยละ ๗๓.๑๐) ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๒,๑๗๕,๖๔๖ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑,๗๗๕,๑๗๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๑.๕๙ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๕๔๔,๓๕๔ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๖๔,๖๓๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๔๘.๖๑ ๒. งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบประมาณทั้งสิ้น ๕๖,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑๐,๗๙๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๑๙.๒๗ ประกอบด้วย รายจ่ายประจำ จำนวน ๔๑,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๐,๗๒๗ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒๖.๑๖ และรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๖๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๐.๔๓ ๓. เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้น ๓๐๗,๘๕๑ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๑๙๘,๔๒๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๔.๔๕ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๑๔,๓๗๗ ล้านบาท มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๒๖๕,๑๖๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๖.๑๓ ๔. นโยบายสำคัญของรัฐบาล ๔.๑ โครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล (ตำบลละ ๕ ล้านบาท) จัดสรรงบประมาณให้กระทรวงมหาดไทย (จังหวัด) แล้ว จำนวน ๓๖,๔๖๒ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๓๒,๔๖๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๐๔ มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๔,๕๖๕ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๔.๘๐ ๔.๒ มาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๐๐๐ ล้านบาท จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๓๗,๘๐๐ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๓๓,๘๙๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๘๙.๖๘ มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๓๕,๐๒๔ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๒.๖๖ ๔.๓ โครงการยกระดับศักยภาพหมู่บ้านเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ (หมู่บ้านละ ๒ แสนบาท) จัดสรรงบประมาณแล้ว จำนวน ๑๔,๙๑๘ ล้านบาท โอนจัดสรรงบประมาณเข้าบัญชีหมู่บ้านแล้ว จำนวน ๑๔,๙๐๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๙๙.๙๔ และหมู่บ้านเบิกจ่ายแล้ว ๗,๓๓๑ โครงการ จำนวน ๑,๒๕๙ ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20337 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20338 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินงานด้านระบบราง โดยเฉพาะโครงการที่จะมีผลเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๕๙ และ ๒๕๖๐ ให้สาธารณชนทราบ โดยให้ชี้แจงในรายละเอียดในประเด็นที่สำคัญต่าง ๆ เช่น เหตุผลความจำเป็นในการดำเนินโครงการ รูปแบบการลงทุนที่ใช้ในการดำเนินโครงการ ความคุ้มค่า และการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคและท้องถิ่น ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) เร่งรัดการจัดทำแผนการบริหารจัดการทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทยให้ชัดเจน เกิดประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร และสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ เช่น การกำหนดหลักเกณฑ์และราคาการให้เช่าที่ดินให้สอดคล้องกับราคาตลาด การพิจารณาให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในการพัฒนาทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนกิจการขององค์กรหรือสอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาล โดยให้นำแผนดังกล่าวเสนอคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาโดยด่วนต่อไป ๓. ตามที่ได้มีข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายควบคุมการผลิตสุรากลั่นชุมชนให้ถูกต้องและปลอดภัยยิ่งขึ้น นั้น เนื่องจากปัจจุบันพบว่า ยังมีผู้ผลิตสุรากลั่นชุมชนโดยไม่ได้รับอนุญาตและดำเนินการอย่างไม่ถูกสุขลักษณะ และก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ดื่ม ก่อให้เกิดปัญหาน้ำเสีย รวมทั้งผลกระทบในด้านอื่น ๆ อีกด้วย เช่น อุบัติเหตุ การก่อเหตุทะเลาะวิวาท จึงให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ให้ทันในช่วงวันหยุดราชการในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป และให้กำกับดูแลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20339 | การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2559 | นร | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร จึงเห็นควรให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสดังกล่าวอย่างสมพระเกียรติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
20340 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ) | สธ | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านส่งเสริมสุขภาพ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) (ด้านสาธารณสุข) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ๒. นายบุญชัย ธีระกาญจน์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ |
.....