ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1038 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20741 - 20760 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20741 | รายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 ระหว่าง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) | นร01 | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ ๔๖/๒๕๕๐ ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ ๑/๒๕๕๙ ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นข้อพิพาทเนื่องมาจากสัญญาสัมปทาน และมีจำนวนทุนทรัพย์พิพาทกันสูงมาก รวมทั้งข้อพิพาทดังกล่าวมีผลกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ โดยคณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาด ลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๙ แล้ว แต่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด มีความเห็นสอดคล้องกันว่า คำชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทที่ ๑, ๓, ๕ และ ๖ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างการแจ้งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าว
|
|||||||||||||||
20742 | ผลกิจกรรมเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 14 - 16 กุมภาพันธ์ 2559 | กต | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลกิจกรรมเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านอวกาศภายใต้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NASA) และกลุ่มนักวิชาชีพไทยจากสมาคมนักวิชาชีพไทยในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา (Association of Thai Professionals in America and Canada : ATPAC) และกลุ่มนักวิชาชีพสาขาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางในการดำเนินการและขอให้ทุกฝ่ายติดตามให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การสร้างเครือข่ายของการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ การพัฒนาระบบความมั่นคงทางไซเบอร์ การส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านแอนิเมชัน ๒. การหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายเหวียน เติ๊น สุง (HE. Mr. Nguyen Tan Dung) นายกรัฐมนตรีเวียดนาม โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญเกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ (การค้าการลงทุน) ด้านความมั่นคง ด้านแรงงาน และด้านประมง ทั้งนี้ การหารือทวิภาคีดังกล่าวสะท้อนความพยายามของเวียดนามในการผลักดันในทุกระดับให้ไทยอนุญาตให้แรงงานเวียดนามที่ลักลอบทำงานในประเทศไทยทุกคนได้รับการผ่อนผันให้ทำงานได้ทุกอาชีพเหมือนแรงงานต่างด้าว ๓ สัญชาติ จึงพยายามผลักดันให้จัดตั้งกลไกหารือ ad-hoc ในระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยเห็นพ้องกันว่าแรงงานเวียดนามมีลักษณะเฉพาะและมีศักยภาพในการผันตัวเป็นเจ้าของกิจการ อีกทั้งจำนวนที่ลักลอบทำงานในไทยในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่น่าจะควบคุมได้ไม่เหมือนกรณี ๓ สัญชาติ จึงไม่ควรเปิดจดทะเบียนใด ๆ เพิ่มเติมให้แก่แรงงานเวียดนาม แต่ควรส่งเสริมให้มีการนำเข้าแรงงานตามบันทึกข้อตกลงด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐบาลทั้งสองที่มีอยู่แล้ว รวมทั้งใช้กลไกหารือของกระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด |
|||||||||||||||
20743 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร | ทก | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Memorandum of Understanding between the Ministry of Information and Communication Technology of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Communications and Information of the Republic of Singapore for Cooperation in the Field of Information and Communication Technology) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแบ่งปันประสบการณ์และความรู้ด้านการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ การแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับความรู้และการพัฒนาด้านธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ การแลกเปลี่ยนทัศนะและความร่วมมือในการยกระดับระบบนิเวศด้วยธุรกิจเกิดใหม่ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การจัดหรือการอำนวยความสะดวกการฝึกอบรมและโปรแกรมการพัฒนาความสามารถ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจของคู่ภาคี ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการได้ โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ |
|||||||||||||||
20744 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎหมายในส่วนเกี่ยวกับการจัดตั้งบริษัท การควบรวมบริษัท การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเพื่อลดอุปสรรคและเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้เริ่มก่อการตั้งบริษัทตั้งแต่สองคนขึ้นไปจะต้องยึดหลักการให้เจ้าของกิจการที่แท้จริงเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมิให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านตัวแทน (nominee) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินกิจการของคนต่างด้าวในประเทศไทย) ตลอดจนให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับการเพิ่มเติมถึงวิธีการบอกกล่าวการโอนหนี้ไปยังลูกหนี้ ให้มีการกำหนดนิยามให้ชัดแจ้งหรือใช้คำที่บัญญัติในกฎหมายอื่น และการกำหนดวิธีการบอกกล่าวการโอนหนี้โดยการแจ้งผ่านระบบหรือเครือข่ายซึ่งต้องประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันนั้นอาจเป็นการเพิ่มขั้นตอนและระยะเวลาจากการทำหนังสือเพียงอย่างเดียว และคำว่า “ระบบหรือเครือข่าย” เป็นคำที่ใช้วงจำกัดในกลุ่มของบุคคลผู้มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ เมื่อนำมาบัญญัติในกฎหมายอาจทำให้ประชาชนไม่ทราบความหมายหรือเข้าใจความหมายคลาดเคลื่อนได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่า โดยที่ลักษณะการประกอบธุรกิจของประเทศไทยที่ผ่านมายังประสบปัญหาที่อาศัยช่องว่างของกฎหมาย โดยให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านทางตัวแทน (nominee) ซึ่งเป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ มีหลักการว่าการประกอบกิจการใด ๆ ในประเทศไทยจะต้องยึดหลักการให้เจ้าของกิจการที่แท้จริงเป็นผู้มีสัญชาติไทย โดยมิให้คนต่างด้าวเป็นเจ้าของกิจการหรือถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินผ่านทางตัวแทน (nominee) ซึ่งเป็นบุคคลมีสัญชาติไทย ประกอบกับปัจจุบันมีพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๓๖ บัญญัติมาตรการลงโทษสำหรับบุคคลมีสัญชาติไทยที่ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท จำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย โดยกำหนดบทลงโทษทั้งจำคุกและโทษปรับไว้แล้ว ดังนั้น เพื่อให้การค้าและการลงทุนของประเทศขยายตัวโดยมิให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม สมควรให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดกลไกหรือมาตรการเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเกิดประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และเร่งรัดดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||
20745 | การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ 8 | กก | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ภายในกรอบวงเงิน ๘๖,๓๘๖,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาใช้จ่ายจากเงินรายรับจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าร่วมการแข่งขัน (Participation Fee) ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประมาณการเบื้องต้นไว้ จำนวน ๒,๓๗๖,๘๖๔ บาท และจัดหารายรับจากสิทธิประโยชน์อื่น หรือขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชน เพื่อลดภาระงบประมาณของภาครัฐ ส่วนที่ขาดให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งกระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ทั้งนี้ กรณีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีความจำเป็นต้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ ๘ จำนวน ๒ คณะ ได้แก่ (๑) คณะกรรมการอำนวยการแข่งขัน ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก ๑๔ คน และ (๒) คณะกรรมการจัดการแข่งขัน ประกอบด้วย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นรองประธานกรรมการ และกรรมการอื่นอีก ๑๘ คน ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการวางแผนการบริหารจัดการและแผนงบประมาณสำหรับรองรับการดำเนินการในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาที่มีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะทราบระยะเวลาที่แน่นอน เพื่อไม่ให้ต้องเสนอขอสนับสนุนงบกลางเป็นรายครั้งในคราวต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
20746 | การขอรับจัดสรรงบกลางสำหรับการชำระเงินทุนงวดแรกในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย และการสงวนสิทธิไม่ยกเว้นภาษีจากคนชาติในส่วนของประเทศไทย | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๐๒๗,๐๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อชำระเงินทุนงวดแรกในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) ในส่วนของประเทศไทย จำนวน ๕๗.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ๒. มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งสงวนสิทธิในการเรียกเก็บภาษีจากเงินเดือนและเงินชดเชยที่เกิดขึ้นในประเทศไทยของบุคลากรของธนาคารที่เป็นพลเมืองไทยหรือมีสัญชาติไทย พร้อมกับการยื่นสัตยาบันสาร หลังจากที่ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับแล้ว เพื่อให้กระทรวงการคลังดำเนินการส่งมอบให้แก่ธนาคาร AIIB ต่อไป |
|||||||||||||||
20747 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - สหราชอาณาจักร | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือฉบับลงนามย่อ เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการให้สิทธิ การกำหนดสายการบินและการอนุญาต การปฏิเสธ การเพิกถอนและการพักใช้ใบอนุญาตดำเนินการ ความปลอดภัยการบิน และการขนส่งหลายรูปแบบ ๒. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือฉบับลงนามย่อเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิความจุความถี่ สิทธิรับขนการจราจร และการใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ๓. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ และร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ๔. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของหนังสือสัญญาดังกล่าวต่อไปโดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||
20748 | การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... | ยธ | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้หายสาบสูญ (International Convention for the Protection of all Persons from Enforced disappearance : CED) และเสนออนุสัญญาฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๒๓ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อให้มีกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย อันเป็นกฎหมายที่คุ้มครองสิทธิมนุษยชนตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือร่วมลงนาม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ ตามหมวด ๑ มาตรา ๕,๖,๗ ซึ่งระบุการลงโทษผู้กระทำความผิดยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด รวมทั้งการดำเนินการตามมาตรการเกี่ยวกับการปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายควรได้รับการพิจารณาผลกระทบและความพร้อมที่จะบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นว่า ประเทศไทยมีกฎหมายความมั่นคงสำคัญที่จำเป็นต้องพิจารณาถึงผลกระทบเพิ่มเติมจากอนุสัญญาฯ คือ พระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ. ๒๔๕๗ และพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ควรขอรับความเห็นจากหน่วยงานที่รับผิดชอบกฎหมายทั้งสองฉบับเพื่อเพิ่มความรอบคอบรัดกุมในการพิจารณาภาพรวมของข้อเสนอนี้ด้วย รวมทั้งประเด็นการรับรองหลักการไม่ผลักดันกลับ (Non-refoulement) ตามมาตรา ๑๔ หากคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบข้อเสนอนี้ ก็อาจมอบให้กระทรวงยุติธรรมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดของประเด็นดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติในภาพรวมมีความสอดคล้องไม่ขัดกันก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. รับทราบแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ โดยได้จัดทำแผนการจัดทำกฎหมายฯ เรียบร้อยแล้ว คือ (๑) ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกจำกัดเสรีภาพ (ร่างมาตรา ๑๙) (๒) ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยหลักเกณฑ์การจัดให้มีนักนิติวิทยาศาสตร์ แพทย์ หรือจิตแพทย์ และวิธีการสืบสวนสอบสวน (ร่างมาตรา ๓๘) (๓) ระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยค่าตอบแทนของพนักงานสอบสวน พนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบ เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินคดี และที่ปรึกษาคดีทรมานหรือคดีบังคับบุคคลให้สูญหาย (ร่างมาตรา ๔๓) ทั้งนี้ ให้แล้วเสร็จภายใน ๙๐ วัน นับตั้งแต่วันถัดจากประกาศพระราชบัญญัติในราชกิจจานุเบกษา |
|||||||||||||||
20749 | ขออนุมัติยกเลิกโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้กรมสรรพากรยกเลิกโครงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี วงเงิน ๑,๓๔๗,๘๒๓,๙๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการพัฒนาระบบงานภายในสำนักงาน เพื่อจัดทำและปรับปรุงระบบโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายสื่อสารของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศให้มีความสามารถรองรับการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น และจัดทำระบบบริการผู้เสียภาษีและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร พร้อมทั้งจัดให้มีระบบกล้องวงจรปิดพร้อมระบบบันทึกและเรียกดูข้อมูลย้อนหลัง เพื่อความปลอดภัยในการเข้าใช้บริการของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ จำนวน ๗๙๘ แห่ง ๑.๒ โครงการจัดหาครุภัณฑ์สำนักงาน เป็นการจัดหาอุปกรณ์สำนักงานเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์สำนักงานเดิม ติดตั้งภายในสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ จำนวน ๗๙๘ แห่ง ปรับปรุงเครื่องปรับอากาศ ระบบไฟฟ้า อุปกรณ์จัดเก็บเอกสารต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่และผู้เสียภาษีอากร และปรับปรุงพื้นที่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้บริการผู้เสียภาษีอากรและประชาชนผู้มาติดต่อได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ๑.๓ โครงการปรับปรุงพื้นที่ส่วนให้บริการประชาชน เป็นการปรับปรุงพื้นที่การให้บริการผู้เสียภาษีอากร และประชาชนที่มาติดต่อราชการที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ จำนวน ๗๙๘ แห่ง ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นว่า หากโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเพิ่มประสิทธิภาพภาษีแล้ว การยกเลิกอาจจะมีผลกระทบต่อการเพิ่มประสิทธิภาพภาษี จึงเห็นควรพิจารณาแนวทาง/มาตรการที่เหมาะในการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงการดังกล่าว ควรจะแบ่งโครงการเป็นระยะ ๆ ต่อไปทั้งนี้ การดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
20750 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 290 สายถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอน 2 (ด้านใต้) จังหวัดนครราชสีมา | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทางหลวงเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๒๙๐ สายถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอน ๒ (ด้านใต้) จังหวัดนครราชสีมา ระยะทาง ๒๙.๒๒๓ กิโลเมตร ในวงเงิน ๙๘๗,๙๓๔,๐๘๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรบรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙) |
|||||||||||||||
20751 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ 4 ชั้น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก | ศธ | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก (มทร.ตะวันออก) เปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ ๔ ชั้น จาก วิทยาเขตจักรพงษภูวนาถ กรุงเทพมหานคร เป็น วิทยาเขตบางพระ จังหวัดชลบุรี ภายในวงเงิน ๖๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท (ไม่เกินวงเงินที่คณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติไว้) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๖๔,๑๒๕,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๓,๓๗๕,๐๐๐ บาท โดยใส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐,๖๘๗,๕๐๐ บาท ซึ่งกรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินดังกล่าวต่อไปถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๙ แล้ว ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๕๓,๔๓๗,๕๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้มีการกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด และมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
20752 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ และนางอัจฉรา อุณหเลขกะ) | นร06 | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. นายชูเกียรติ มาลินีรัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๘ ๒. นางอัจฉรา อุณหเลขกะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบงานการข่าว (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าว กรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||
20753 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 | สลธ.คสช. | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติ-ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริต (คตช.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการ คตช. ในรอบปี ๒๕๕๘ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศแปลเป็นภาษาอังกฤษและแจกจ่ายเผยแพร่ในต่างประเทศ และให้กรมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ภายในประเทศ รวมทั้งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำในรูปแบบ Infographics เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ และรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการคตช. ได้แก่ ด้านการปลูกจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ ด้านการปราบปรามการทุจริต ด้านการป้องกันการทุจริต เป็นต้น ตามที่ คตช. เสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมติและข้อสั่งการของ คตช. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||
20754 | การเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | นร04 | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาอย่างเป็นทางการของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เมื่อวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายไมตรีปาละ สิริเสนา ประธานาธิบดีศรีลังกาในโอกาสที่เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑-๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีศรีลังกา และหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศศรีลังกา รวมทั้งเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีรัฐมนตรีเศรษฐกิจไทย-ศรีลังกา (Economic Ministers’ Meeting) ครั้งที่ ๑ เข้าร่วมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น พบหารือระหว่างภาคเอกชนไทย-ศรีลังกา กล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาทางธุรกิจ (Business Forum) เยี่ยมชมกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เยี่ยมชมท่าเรือโคลัมโบ และสถานที่สำคัญทางศาสนา นอกจากนี้ ยังได้ลงนามความตกลง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการ แผนปฏิบัติการร่วมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับศรีลังกา (๒๕๕๙-๒๕๖๑) และหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมระหว่างกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมของไทยกับคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมศรีลังกา ๒. มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการติดตามผลการเยือนในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านศาสนาและวัฒนธรรม ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ความร่วมมือด้านวิชาการ และความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป |
|||||||||||||||
20755 | เพื่อทราบผลการจัดซื้อจัดจ้าง รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ จังหวัดสงขลา 1 แห่ง | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมศุลกากรก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ สำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการก่อสร้างด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ จังหวัดสงขลา ๑ แห่ง วงเงิน ๑,๕๓๒,๐๗๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ระยะเวลาดำเนินโครงการดังกล่าวเกินระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) ได้รับอนุมัติไว้ จึงขอให้กรมศุลกากรนำเสนอรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขออนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||
20756 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 11 สายสามแยกดอยติ - เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๑ สายสามแยกดอยติ-เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน ในวงเงิน ๑,๔๗๔,๖๗๑,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||
20757 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา พ.ศ. 2556) | มท | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดพะเยา พ.ศ. ๒๕๕๖) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมถึงยกเลิกบัญชีโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ที่เห็นควรพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำและพื้นที่ลุ่มน้ำ และควรเร่งรัดในการวางและจัดทำผังเมืองรวมชุมชนให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และนำข้อกำหนดดังกล่าวกำหนดไว้ในผังเมืองรวมชุมชนต่อไป รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามผังเมืองรวมฉบับนื้อย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||
20758 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | ทส | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้เป็นเขตควบคุมมลพิษ เขตผังเมืองรวม และเขตอนุรักษ์ โดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับออกเป็น ๒ บริเวณ คือ พื้นที่บนแผ่นดินใหญ่และพื้นที่น่านน้ำทะเล โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ และกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นหรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ร่างประกาศดังกล่าวกำหนดมาตรการปกป้องคุ้มครองเขตพื้นที่ต่อเนื่องจากเขตโบราณสถานซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้กฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และควรแก้ไขข้อความในร่างประกาศฯ ข้อ ๑๔ เป็น “... ผู้แทนของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง ...” เพื่อให้ผู้แทนของสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี สังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม สามารถเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการ ในฐานะกรรมการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้ การประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามประกาศนี้ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||
20759 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขกฎหมายวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและเสนอแนะแนวทางการแก้ไขกฎหมายวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเสนอแนะแนวทางการแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. ๒๕๔๓ และแนวทางแก้ไขกฎหมายอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาพปัญหาและอุปสรรคของการประกอบธุรกิจ และเสนอแนะแนวทางการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีความรู้ ความเข้าใจในการประกอบธุรกิจ และยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการให้มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) เกี่ยวกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การขาดองค์ความรู้ และการประยุกต์ใช้ด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การจดทะเบียนเข้าสู่ระบบ และการขอใบอนุญาต การตลาด แรงงาน การพัฒนาความรู้ความสามารถ การครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา มาตรการหรือกฎระเบียบของรัฐที่เป็นอุปสรรคด้านการแข่งขันทางการค้า การขาดแคลนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||
20760 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 2 | ทส | 24/05/2559 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๓) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ (๔) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ เป็นแนวทางการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก รวมทั้งเป็นแนวทางการบูรณาการมิติสิ่งแวดล้อมเข้าสู่มิติสังคมและมิติเศรษฐกิจเพื่อการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ และมีสาระสำคัญเป็นการปกป้องสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นส่วนร่วมหนึ่งที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมทั่วโลกในประเด็นสำคัญ การสร้างความเข้มแข็งและประสานงานด้านสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างข้อตกลงพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อม ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
.....