ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1039 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20761 - 20780 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20761 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย | ยธ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือ (Memorandum of Understanding between the Office of the Narcotics Control Board and The Australian Federal Police on Combating Transnational Crimes and Enhancing Cooperation) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่มีอยู่ในปัจจุบันระหว่างคู่ภาคีในส่วนของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติที่มีความเชื่อมโยงกับการลักลอบค้ายาเสพติด และมีเป้าหมายเป็นการสร้างกรอบความร่วมมือพื้นฐานระหว่างคู่ภาคีในการต่อสู้กับการลักลอบค้ายาเสพติด ๑.๒ อนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ (Memorandum of Understanding between the Department of Special Investigation and The Australian Federal Police on Combating Transnational Crime) มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมข้อตกลงความร่วมมือที่มีอยู่ในปัจจุบันระหว่างคู่ภาคีสองฝ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนของการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการก่อการร้าย ๑.๓ อนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20762 | ขอความเห็นชอบโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ปี 2559 ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (พ.ศ. 2559 - 2568) | พม | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ปี ๒๕๕๙ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) ดำเนินการโดยกองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน ๑๒๐ โครงการ รวม ๕,๐๙๙ หน่วย วงเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น ๗,๖๑๔,๐๙๔,๐๐๐ บาท แหล่งที่มาของเงินงบประมาณเป็นเงินสนับสนุนจากรัฐบาลเต็มจำนวน โดยให้สามารถก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ ๑.๒ ให้ส่วนราชการที่จะดำเนินโครงการบ้านพักข้าราชการ (บ้านหลวง) ปี ๒๕๕๙ ระยะเร่งด่วน จำนวน ๑๓ โครงการ ๗๘๓ หน่วย วงเงินงบประมาณรวม ๑,๑๑๔,๙๑๗,๐๐๐ บาท ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) จัดทำรายละเอียด แบบรูปรายการ พร้อมประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเสนอขออนุมัติการดำเนินการ โดยใช้งบกลางต่อไป ทั้งนี้ โดยให้สามารถก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณได้ สำหรับโครงการที่เหลือให้หน่วยงานทั้ง ๕ หน่วยงาน เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในปี ๒๕๖๐ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ส่วนราชการที่จะดำเนินโครงการจัดทำรายละเอียด แบบรูปรายการ พร้อมประมาณการค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเป็นมาตรฐานเดียวกันในแต่ละระดับ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญของโครงการ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมของแต่ละหน่วยงาน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยให้ได้รับสวัสดิการบ้านพักข้าราชการฯ สามารถเข้าถึงสวัสดิากรดังกล่าวอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนโครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หน่วยงานเจ้าของโครงการจะลงนามในสัญญาและดำเนินงานได้ต่อเมื่อรายงานฯ ผ่านความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และถูกต้อง มีการแข่งขันการประมูลอย่างเป็นธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง ส่วนราชการที่จะดำเนินโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการในการดำเนินการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของข้าราชการในรูปแบบรัฐสวัสดิการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น กำหนดระยะเวลาในการอยู่อาศัยเฉพาะในช่วงเวลาที่ข้าราชการรับราชการเท่านั้น กำหนดให้มีการจัดเก็บค่าบริหารจัดการ (ค่าส่วนกลาง) เพื่อนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการบำรุงรักษาและพัฒนาสาธารณประโยชน์ในที่อยู่อาศัย กำหนดให้มีโครงการเพื่อให้ข้าราชการที่จะเกษียณอายุราชการได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ |
|||||||||||||||||||||
20763 | แผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ. 2559 - 2561 ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 | สธ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อหรือโรคระบาด พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ ประเทศไทยปลอดภัยจากโรคติดต่อด้วยระบบป้องกันและควบคุมโรคติดต่อที่มีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ และเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน และเป้าประสงค์ กวาดล้าง กำจัด ควบคุมโรคติดต่อสำคัญของประเทศด้วยระบบและเครือข่ายการทำงานที่เข้มแข็ง รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีแผนปฏิบัติการ ๔ ระบบหลัก คือ ระบบป้องกันโรคติดต่อ (Prevention) ระบบตรวจจับภัยจากโรคติดต่อ (Detection) ระบบควบคุมโรคติดต่อและตอบสนองต่อปัญหา (Response) และระบบสนับสนุนการดำเนินงานด้านโรคติดต่อ (Support) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานและนำแผนปฏิบัติการดังกล่าวไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงหลักความประหยัดและความคุ้มค่า ตลอดจนสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งรวมถึงภาคเอกชน ภาคประชาชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อร่วมแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายใต้แผนปฏิบัติการดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ไปดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาถึงความเชื่อมโยงสอดคล้องกับแผนงานและโครงการภายใต้แผนยกระดับความมั่นคงและความเป็นเลิศด้านควบคุมโรค พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๙ เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงานและการใช้งบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||
20764 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 2 | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ครั้งที่ ๒ ที่มีวงเงินปรับลดลงสุทธิ ๗๐,๖๗๑.๖๗ ล้านบาท จากเดิม ๑,๖๑๙,๕๒๒.๐๗ ล้านบาท เป็น ๑,๕๔๘,๘๕๐.๔๐ ล้านบาท ๑.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนฯ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้น ๒,๕๖๓.๓๗ ล้านบาท จากเดิม ๑๒๑,๙๐๐.๑๘ ล้านบาท เป็น ๑๒๔,๔๖๓.๕๕ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การบริหารความเสี่ยง และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ปรับปรุงครั้งที่ ๒ ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เองก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๕ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมาย เป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะรายงานผลการดำเนินการตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ ๒. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของวงเงินกู้กำกับติดตามการดำเนินแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20765 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวม 3 ฉบับ | นร09 | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ได้แก่ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อแก้ไขชื่อของ “กองกลาง” เป็น “สำนักงานเลขานุการกรม” ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแผนบูรณาการการทำงานระหว่างราชการบริหารส่วนกลางและราชการบริหารส่วนภูมิภาคที่ชัดเจน เพื่อให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวและกีฬาในระดับพื้นที่ สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาในระดับประเทศที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ และแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้งจัดทำแนวทางความต้องการบุคลากรให้สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างระบบราชการกระทรวง โดยกำหนดคุณสมบัติให้มีความรู้ความสามารถโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนส่งเสริมการบูรณาการทั้งในระดับส่วนกลาง ภูมิภาค และระดับท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทางปฏิบัติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับดังกล่าว เพื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20766 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตว่า เมื่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับแล้ว ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งไม่พอใจผลการพิจารณาวินิจฉัยของสภาสถาบันอุดมศึกษาหรือในกรณีที่สภาสถาบันอุดมศึกษาพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด อาจจะเสนอเรื่องร้องทุกข์ต่าง ๆ เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์พิจารณาวินิจฉัยเรื่องร้องทุกข์เป็นจำนวนมาก อันเป็นการสร้างภาระหนักที่ให้แก่คณะกรรมการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบทำให้เกิดความล่าช้าในการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์เกี่ยวกับการถูกสั่งให้ออกจากราชการหรือถูกสั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกซึ่งเป็นภารกิจหลักที่สำคัญ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20767 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายวิม ยาหิรัญ) | นร06 | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิม ยาหิรัญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20768 | ยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2564) | วธ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบยุทธศาสตร์การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และแผนปฏิบัติงานภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของประเทศไทยให้มีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน มีกลไกการบริหารจัดการและบูรณาการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม และพัฒนาประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของอาเซียน และเป็นแหล่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ที่สำคัญในตลาดโลก ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ (๑) พัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทยให้เป็นมืออาชีพ (๒) ส่งเสริมและพัฒนาตลาดภาพยนตร์และวีดิทัศน์ไทย (๓) ส่งเสริมการปกป้องและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของงานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (๔) ส่งเสริมความร่วมมือในการลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และ (๕) พัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ โดยมีวงเงินเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ ทั้งสิ้น ๑,๒๕๐ ล้านบาท ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ฯ และแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ เห็นชอบให้สำนักงบประมาณใช้แผนยุทธศาสตร์ฯ เป็นแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เกี่ยวกับการบูรณาการแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ ร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและกระทรวงอุตสาหกรรม การประสานงานกับคณะกรรมการเร่งรัดนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบคลัสเตอร์เพื่อปรับปรุงมาตรการแผนงาน/โครงการของกระทรวงวัฒนธรรมให้สอดคล้องกับมาตรการส่งเสริมคลัสเตอร์ดิจิทัล การหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการ ตัวชี้วัด และเป้าหมายที่ชัดเจน การกำหนดแนวทางและกลไกในการติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติงานของแผนงาน/โครงการภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ เป็นระยะ ๆ การเร่งรัดปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิตและนวัตกรรม และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ รวมทั้งไม่ควรกำหนดเรื่องการจัดตั้งส่วนราชการไว้ในร่างยุทธศาสตร์ที่ ๕ พัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20769 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองและลงนามในการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ 9 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (9th ASEAN Ministers Meeting on Education and the related Meetings) | ศธ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบหรือรับรองเอกสาร ๔ ฉบับ ที่จะมีการรับรองและลงนามในการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน ครั้งที่ ๙ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (9th ASEAN Ministers Meeting on Education and the related Meetings) ซึ่งกำหนดจัดประชุมระหว่างวันที่ ๒๓-๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ รัฐ Selangor ประเทศมาเลเซีย มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของไทยในการพัฒนาความร่วมมือด้านการศึกษาร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะเพิ่มโอกาสและคุณภาพทางการศึกษา รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเรียนรู้ตลอดชีวิต อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ให้สามารถเป็นแรงงานสำคัญในการพัฒนาภูมิภาค และมีขีดความสามารถทัดเทียมในสากลโลก ได้แก่ ๑.๑.๑ (ร่าง) แผน ๕ ปี ด้านการศึกษาของอาเซียน พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ (ASEAN 5-Year Work Plan on Education 2016-2020) ๑.๑.๒ (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการศึกษาเพื่อเด็กตกหล่น (ASEAN Declaration on Education for Out-of-School Children) เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๑๕ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ และบรรจุเป็นเอกสารประกอบการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ๑.๑.๓ (ร่าง) กฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (The Charter of ASEAN University Network : AUN Charter) ๑.๑.๔ (ร่าง) ความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างอาเซียนกับรัฐบาลฮังการี (Cooperation Agreement between ASEAN and Hungary) ๑.๒ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามใน (ร่าง) ความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างอาเซียนกับรัฐบาลฮังการี (Cooperation Agreement between ASEAN and Hungary) ในฐานะผู้ลงนามฝ่ายอาเซียน ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
20770 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ (Memorandum of Understanding between The Royal Thai Police (RTP) and Australian Federal Police (AFP) on Combating Transnational Crime and Developing Police Cooperation) | ตช | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือของตำรวจ (Memorandum of Understanding between The Royal Thai Police (RTP) and Australian Federal Police (AFP) on Combating Transnational Crime and Developing Police Cooperation) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างเสริมความร่วมมือกันบนพื้นฐานความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือที่มีอยู่ระหว่างคู่ภาคีทั้งสองฝ่ายในด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการก่อการร้าย และมีเป้าหมายเป็นการสร้างกรอบความร่วมมือพื้นฐานระหว่างคู่ภาคีทั้งสองฝ่ายเพื่อการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการก่อการร้าย และเพื่อการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือของตำรวจ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายในการฟื้นฟูภัยพิบัติและการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน ๑.๒ อนุมัติให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||
20771 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) (นายสมชาย หาญหิรัญ) | อก | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย หาญหิรัญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งเดิมซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20772 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวสิริพร พิทยโสภณ) | นร04 | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางสาวสิริพร พิทยโสภณ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
20773 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง | พม | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง เพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำคูคลอง ประกอบด้วย ข้อมูลพื้นที่เป้าหมาย แผนงานการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผลการดำเนินงาน ปัญหาและอุปสรรค และแผนงานสำคัญ (มิถุนายน-กรกฎาคม ๒๕๕๙) ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าในการดำเนินการ โดยมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลองเพื่อรับผิดชอบโครงการโดยเฉพาะ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามการดำเนินงาน มีการบูรณาการแผนงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการจัดชุดปฏิบัติการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการลงติดตามงานของรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้อง มีการประชุมสร้างความเข้าใจในระดับชุมชน มีพิธียกเสาเอกชุมชนนำร่อง มีการดำเนินการรื้อย้าย-ก่อสร้างชุมชน และมีการประชุมเตรียมการรื้อย้ายชุมชน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20774 | รายงานสถานการณ์เหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี : กรณีพบอุปกรณ์บรรจุสารกัมมันตรังสีอิริเดียม - 192 (Ir - 192) | วท | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรายงานสถานการณ์เหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี : กรณีพบอุปกรณ์บรรจุสารกัมมันตรังสีอิริเดียม-๑๙๒ (Ir-192) สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการตรวจสอบพบอุปกรณ์ถ่ายภาพด้วยรังสีแกมมาในทางอุตสาหกรรม จำนวน ๑ เครื่อง ขนาด ๓๐x๒๐x๑๐ เซนติเมตร พบระดับรังสีมีค่าต่ำใกล้เคียงกับระดับรังสีในธรรมชาติ ไม่พบว่ามีการเปรอะเปื้อนทางรังสี ทั้งที่อุปกรณ์และบริเวณโดยรอบ จึงสามารถยืนยันได้ว่าอุปกรณ์ฯ ไม่มีอันตรายต่อประชาชนใกล้เคียงและสิ่งแวดล้อม ๑.๒ จากฐานข้อมูลการกำกับดูแลวัสดุกัมมันตรังสีของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ พบข้อมูลอุปกรณ์ลักษณะเดียวกันนี้ในสถานประกอบการแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดระยอง ได้ถูกโจรกรรมเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งสถานประกอบการได้แจ้งความต่อสถานีตำรวจในพื้นที่ไว้แล้ว ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวกันหรือไม่ ๑.๓ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและรับมือการตื่นตระหนกของประชาชนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางรังสี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ลงพื้นที่พร้อมรองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เพื่อให้ข่าวสารที่ถูกต้องแก่สื่อมวลชนเพื่อลดการตื่นตระหนกของประชาชน และมอบหมายให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจัดทำเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบเป็นระยะ ๑.๔ สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้ดำเนินการจัดการประชุมผู้บริหารเพื่อสรุปและประเมินสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณามาตรการในการรับมือเหตุฉุกเฉินทางรังสีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้จัดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ๑.๕ มาตรการในการรับมือเหตุฉุกเฉินทางรังสีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ (๑) กรณีที่เกิดเหตุนอกเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติมีเครือข่ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม พร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็น ในการดำเนินการเข้าระงับเหตุฉุกเฉินทางรังสีในเบื้องต้นร่วมกับศูนย์ปรมาณูเพื่อสันติประจำภูมิภาค และสามารถแจ้งเหตุให้ส่วนกลางทราบได้ตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) เพิ่มการฝึกอบรมและซ้อมแผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสีให้กับเครือข่ายและประชาชนที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ (๓) ปรับปรุงคู่มือการปฏิบัติงานรองรับเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี และเผยแพร่แก่สถานประกอบการและประชาชนทั่วไป และ (๔) มีมาตรการใน (ร่าง) พระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. .... ให้สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติมีอำนาจในการกำกับดูแลที่เข้มงวดรัดกุมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ประชาชนและป้องปรามไม่ให้สถานประกอบการทางนิวเคลียร์และรังสีละเมิดข้อกฎหมาย โดยกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการรับมือเหตุฉุกเฉินทางรังสีและวัตถุอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตตามที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมทั้งกรณีที่อุปกรณ์บรรจุสารเคมีอันตราย อุปกรณ์บรรจุสารกัมมันตรังสีอื่น ๆ หรือวัตถุอันตรายอื่น ๆ สูญหาย ให้ดำเนินการ ๒.๑ ให้ส่วนราชการที่เป็นเจ้าของอุปกรณ์แจ้งความต่อสถานีตำรวจในทันที ติดตามการค้นหาและการดำเนินคดี พร้อมทั้งเผยแพร่ข่าวสารและความคืบหน้าต่อสาธารณชนโดยเร็ว เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและมีการกำกับและเฝ้าระวังการแพร่กระจายของสารเคมีหรือสารกัมมันตรังสีต่าง ๆ ได้ทันการณ์ ๒.๒ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดการติดตาม ค้นหา และดำเนินคดีในกรณีมีการแจ้งสูญหายของสารเคมีอันตรายและอุปกรณ์บรรจุสารกัมมันตรังสีดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัด และแจ้งความคืบหน้าให้เจ้าของอุปกรณ์และสาธารณชนได้รับทราบต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
20775 | มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (เพิ่มเติม) | นร04 | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี (เพิ่มเติม) [คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๐๘/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับการบริหารราชการ และสั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ] ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20776 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 23/2559 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(องค์การมหาชน) และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 24/2559 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง | สลธ.คสช. | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๕๙ เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สั่ง ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๔/๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20777 | ร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
20778 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลจากการประชุมสัมมนา เรื่อง การขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยแบบบูรณาการ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาจัดทำเป็นเอกสารสรุปผลการขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศในช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาล (ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗-มิถุนายน ๒๕๕๙) โดยจำแนกเป็น ๖ กลุ่มงานตามกลุ่มการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะผลงานที่มีผลโดยตรงต่อประชาชนหรือผลงานที่เป็นความคาดหวังของประชาชน ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ (๑) เร่งสร้างแรงจูงใจให้มีการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เช่น ให้ทุนแก่นักเรียน นักศึกษารุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรม นำนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ไปสร้างรายได้ให้แก่ผู้คิดค้น (๒) พิจารณานำนวัตกรรมที่มีอยู่ไปต่อยอดใช้ประโยชน์ในภาคส่วนต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่น ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขในการนำแว่นตาสำหรับคนตาบอดหรืออวัยวะเทียมไปให้คนพิการได้ใช้ประโยชน์ และ (๓) ดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดทิศทางการสร้างสรรค์นวัตกรรมให้สอดรับกับการนำไปใช้ประโยชน์ในภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม หรือภาคส่วนอื่น ๆ เช่น รถหรือเครื่องบินบังคับวิทยุสำหรับฉีดปุ๋ย รถหรือเรือสำหรับดูดเลนในแม่น้ำลำคลอง ๓. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่มีศูนย์บริการประชาชนในชุมชนบูรณาการการทำงานของศูนย์บริการดังกล่าวเพื่อให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ทำงานอย่างมีเอกภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในชุมชน ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาความเหมาะสมในการยกฐานะสถาบันการพลศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางที่รองรับในด้านวิชาการทางด้านการกีฬา มีมาตรฐานหลักสูตรด้านกีฬา ผลิตนักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาให้มีคุณภาพ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาให้การสนับสนุนนักกีฬาสมัครเล่นหรือนักกีฬาอาชีพที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ เช่น การสนับสนุนเงินรางวัลเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่นักกีฬาต่อไป ๕. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณากำหนดมาตรการทั้งในเชิงป้องกันและแก้ไขปัญหาอัคคีภัยเพิ่มเติม เช่น การกำหนดมาตรฐานอาคาร การซักซ้อมเมื่อเผชิญเหตุ กรอบการคุ้มครองประกันอัคคีภัย การเคลื่อนย้ายผู้ประสบเหตุ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเหมาะสมของแต่ละสถานที่ เช่น ส่วนราชการ โรงเรียนและหอพัก รวมทั้งให้ทุกส่วนราชการดำเนินมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ๖. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง การขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง) ที่ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาที่อยู่อาศัยของชุมชนในพื้นที่ที่มีสภาพทรุดโทรมและไม่เหมาะสม เช่น ชุมชนป้อมมหากาฬ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๗. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการในการกำจัดขยะมูลฝอยให้สอดคล้องกับแนวทางประชารัฐ เช่น การให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยกับภาครัฐ การจัดเก็บค่าจัดการขยะมูลฝอยให้สอดคล้องกับปริมาณขยะ ๘. ให้กระทรวงการคลังปรับปรุงกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับคณะกรรมการสานพลังประชารัฐและคณะทำงาน ๑๒ คณะภาคธุรกิจ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนนโยบายในการปฏิรูปของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
20779 | รายงานผลการเยือนสหพันธรัฐเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี และผลการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน - รัสเซีย สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ 17 - 20 พฤษภาคม 2559 | กต | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี และผลการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสหพันธรัฐรัสเซียฯ นายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงรวม ๑๔ ฉบับ และได้เห็นพ้องที่จะจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ ๑๒๐ ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-รัสเซีย ในปี ๒๕๖๐ และเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น ๕ เท่า ภายใน ๕ ปี (ประมาณ ๑๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยรัสเซียสนใจที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากไทยและยินดีเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของไทยในสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย [Eurasian Economic Union (EAEU)] รวมทั้งพร้อมที่จะเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ไทย ส่วนไทยสนใจที่จะซื้อยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยจากรัสเซีย และยินดีเป็นฐานการผลิตและประตูสู่อาเซียนของรัสเซีย และพร้อมที่จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร รวมทั้งเสนอให้มีการเปิดเที่ยวบินตรงจากนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปยังจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดภูเก็ต และได้เชิญชวนหน่วยงานด้านอวกาศของรัสเซียมาจัดแสดงนิทรรศการอวกาศในประเทศไทย รวมทั้งเชิญชวนนักธุรกิจรัสเซียมาลงทุนใน Super-Cluster และเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยด้วย ๒. ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน-รัสเซีย ที่ประชุมสนับสนุนรัสเซียให้มีบทบาทที่สร้างสรรค์มากขึ้นในภูมิภาคเอเชีย-แปฟิซิกที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง และเห็นพ้องที่จะเน้นการรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ รวมทั้งการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยนายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนบทบาทของศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย และส่งเสริมให้อาเซียนและรัสเซียขยายความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอาเซียน นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะขยายการค้าและการลงทุน และสนับสนุนให้มีการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Area : FTA) ระหว่างอาเซียนและ EAEU ๓. เรื่องอื่น ๆ ไทยยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแก่ทุกประเทศและองค์การระดับภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ร่วมกัน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้รัสเซียส่งหัวหน้ารัฐบาลเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue : ACD) ที่จะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมปีนี้ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้หารือกับประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเกี่ยวกับความร่วมมือโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย การแก้ปัญหาบริเวณชายแดนและการเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดน โดยเมียนมาขอให้ไทยดูแลแรงงานเมียนมาด้วย
|
|||||||||||||||||||||
20780 | โครงการ "มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS" | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรายงานว่า จากรายงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุสถิติอุบัติเหตุรุนแรงที่เกิดจากรถโดยสารสาธารณะ ในระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ มีจำนวน ๖,๒๙๓ คัน โดยสาเหตุเกิดจากพฤติกรรมการเดินรถของผู้ประกอบการ และพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถ กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) จึงได้หามาตรการแก้ไข ทั้งการออกกฎหมายบังคับใช้ การให้ความรู้ผู้ประกอบการและผู้ขับรถ รวมทั้งออกตรวจเข้มเพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และล่าสุดได้จัดทำโครงการขึ้นภายใต้ชื่อ “มั่นใจทั่วไทย รถใช้ GPS” โดยการนำเทคโนโลยีติดตามตำแหน่งยานพาหนะ (GPS) มาใช้เพื่อดูแลและติดตามการบริหารของผู้ประกอบการ และพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถแสดงพิกัดของรถที่ประสบอุบัติเหตุ และสร้างมาตรฐานความปลอดภัยทางท้องถนนได้มากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้รถโดยสารสาธารณะ (ยกเว้นรถสองแถว และรถโดยสารหมวด ๔) จะต้องติดตั้ง GPS ครบทุกคัน ภายในปี ๒๕๖๐ ส่วนรถลากจูงและรถบรรทุกตั้งแต่ ๑๐ ล้อขึ้นไป จะต้องติดตั้ง GPS ครบทุกคันภายในปี ๒๕๖๒ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากรถสาธารณะ และยังเป็นประโยชน์ต่อการบริหารจัดการการเดินรถ รวมทั้งลดต้นทุนการขนส่งและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ
|
.....