ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1031 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20601 - 20620 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20601 | รายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม "เทศกาลไทย ครั้งที่ 17" และ "Cross Over Night at the Royal Thai Embassy" และหารือความร่วมมือด้านการวิจัยนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม และความร่วมมือด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล ณ ประเทศญี่ปุ่น | อก | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม “เทศกาลไทย ครั้งที่ ๑๗” และ “Cross Over Night at the Royal Thai Embassy” และหารือความร่วมมือด้านการวิจัยนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม และความร่วมมือด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาล ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมกิจกรรม “เทศกาลไทย ครั้งที่ ๑๗” และ “Cross Over Night at the Royal Thai Embassy” ซึ่งเป็นงานแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย อาหารไทย การท่องเที่ยวไทยและธุรกิจบริการที่สำคัญของไทย โดยมีการออกร้านจำนวนทั้งสิ้น ๑๘๔ ราย ประกอบด้วยหน่วยงานราชการไทยในต่างประเทศ ร้านอาหารไทย จำนวน ๗๓ ราย ร้านผลไม้ไทย จำนวน ๑๔ ราย ร้านจำหน่ายสินค้าไทยต่าง ๆ และร้านบริการต่าง ๆ เช่น นวดไทย บริษัททัวร์ รวม ๕๒ ราย ร้านเครื่องดื่ม รวม ๒๐ รายบูธ NGO/NPO/วัด รวม ๑๐ ราย และร้านต่าง ๆ ภายในโซน Thai Village รวม ๑๕ ราย โดยมีกิจกรรม ได้แก่ การออกบูธจัดแสดงสินค้าและอัตลักษณ์อาหารไทย ในโซน “Thai Village” กิจกรรมสาธิตการปรุงอาหารไทย โชว์ แชร์ ชิม จากซอสสำเร็จรูปที่ผ่านกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงอุตสาหกรรมให้มีความง่ายและสะดวกต่อการปรุง และยังคงมีรสชาติความเป็นอาหารไทย กิจกรรมการแนะนำ “ผัดหมี่โคราช” ที่ปรุงโดยใช้วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการไทย บนเวทีแสดงภายในโซน “Thai Village” ๒. การร่วมหารือเพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่มีศักยภาพด้านการวิจัยนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานพัฒนาส่งเสริมฮาลาลในประเทศญี่ปุ่น ในประเด็นที่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของไทยในอนาคต
|
|||||||||||||||||||||
20602 | การรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 | กค | 14/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสถานะหนี้สาธารณะของประเทศ และผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ ประกอบด้วย หนี้รัฐบาล ๔,๔๓๑,๖๘๓.๙๗ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน ๑,๐๓๙,๙๑๐.๘๒ ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) ๕๒๕,๕๒๓.๗๐ ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ ๑๖,๕๓๑.๓๗ ล้านบาท รวมยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ๖,๐๑๓,๖๔๙.๘๖ ล้านบาท ๒. ผลการดำเนินงานตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะได้จัดทำแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ได้มีการปรับปรุงแผนฯ แล้ว ๑ ครั้ง มีวงเงินรวมในแผนฯ ๑,๗๔๑,๔๒๒.๒๕ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๙ กระทรวงการคลังและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ดำเนินการกู้เงินและบริหารหนี้เป็นวงเงินทั้งสิ้น ๗๐๓,๑๐๐.๓๗ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๔๐.๓๘ ของแผนฯ ๓. ผลการดำเนินการบริหารความเสี่ยงหนี้ของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจที่ไม่ได้บรรจุอยู่ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ โดยใช้งบชำระหนี้เหลือจ่ายและรายได้ชำระคืนหนี้ก่อนครบกำหนด (Prepayment) วงเงินรวม ๒๑,๕๗๐.๖๘ ล้านบาท (การบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐบาลสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑๗๗.๓๕ ล้านบาท และการบริหารความเสี่ยงหนี้รัฐวิสาหกิจสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้ ๑๒.๑๗ ล้านบาท) ซึ่งสามารถลดภาระดอกเบี้ยได้รวมทั้งสิ้น ๑๘๙.๕๒ ล้านบาท ๔. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินโครงการลงทุนตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ของรัฐวิสาหกิจ จากการติดตามผลการดำเนินโครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จำนวน ๙ แห่ง พบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยมีการดำเนินโครงการล่าช้ากว่าแผน จำนวน ๔ โครงการ |
|||||||||||||||||||||
20603 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... | สว | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัตินี้ และมีข้อสังเกตว่า ควรให้สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดหลักสูตรการศึกษาที่สอดคล้องกับลักษณะการศึกษาวิชาชีพเฉพาะด้าน รวมทั้งควรให้สถาบันมีอำนาจอนุมัติเปิดสอนและให้ความเห็นชอบหลักสูตรการศึกษาได้เอง โดยให้คำนึงถึงมาตรฐานการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
20604 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและออกใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิต หรือซ่อม พ.ศ. .... | พณ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและออกใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิต หรือซ่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและออกใบอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดที่ตนผลิตหรือซ่อม พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ให้ผู้ขออนุญาตต้องปฏิบัติตาม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20605 | การเสนอตราสารขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยประชุมที่ 99 - 104 | รง | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยประชุมที่ ๙๙-๑๐๑ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) และสมัยประชุมที่ ๑๐๓-๑๐๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘) ซึ่งมีพิธีสารและข้อแนะได้รับการรับรองจากที่ประชุมใหญ่องค์การแรงงานระหว่างประเทศ จำนวน ๗ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) อนุสัญญาฉบับที่ ๑๘๙ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ (๒) พิธีสารเพื่อเป็นส่วนเสริมอนุสัญญาฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ (๓) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๐ ว่าด้วยเอชไอวี/เอดส์ และโลกแห่งการทำงาน ค.ศ. ๒๐๑๐ (๔) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๑ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ (๕) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๒ ว่าด้วยพื้นฐานความคุ้มครองทางสังคม ค.ศ. ๒๐๑๒ (๖) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๓ ว่าด้วยมาตรการส่วนเสริมสำหรับการปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ ค.ศ. ๒๐๑๔ และ (๗) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๔ ว่าด้วยการปรับเปลี่ยนจากเศรษฐกิจนอกระบบเป็นในระบบ ค.ศ.๒๐๑๕ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาหลักการภายใต้ตราสารทั้ง ๗ ฉบับ และนำมาปรับปรุงกฎหมายภายในให้สอดคล้อง เพื่อแสดงถึงความตั้งใจจริงของไทยในการแก้ไขปัญหาด้านแรงงาน และลดแรงกดดันจากการถูกโจมตีจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะประเด็นการบังคับใช้แรงงานในอุตสาหกรรมประมง และการให้ความคุ้มครองแรงงานทำงานในบ้าน ดังนั้น ไทยอาจพิจารณาให้ความสำคัญกับตราสารที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเหล่านี้เป็นอันดับแรก ได้แก่ (๑) พิธีสารเพื่อเป็นส่วนเสริมอนุสัญญาฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ (๒) ข้อแนะฉบับที่ ๒๐๓ ว่าด้วยมาตรการส่วนเสริมสำหรับการปราบปรามการใช้แรงงานบังคับ ค.ศ. ๒๐๑๔ และ (๓) อนุสัญญาฉบับที่ ๑๘๙ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ ตามลำดับ และเมื่อไทยมีความพร้อมก็อาจพิจารณาให้สัตยาบันตราสารดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับอนุสัญญาฉบับที่ ๑๘๙ ว่าด้วยคนงานทำงานในบ้าน ค.ศ. ๒๐๑๑ และพิธีสารเสริมอนุสัญญาฉบับที่ ๒๙ ว่าด้วยแรงงานบังคับ ค.ศ. ๑๙๓๐ ให้กระทรวงแรงงานไปพิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เกี่ยวกับเนื้อหาของอนุสัญญาเป็นการกำหนดหน้าที่ให้ประเทศสมาชิกต้องปฏิบัติ และใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ จึงเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และหากกระทรวงแรงงานยืนยันได้ว่าต้องมีการออกกฎหมายเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามอนุสัญญาดังกล่าว ก็จะเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องเสนอขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ ดังนั้น การเสนออนุสัญญาดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะเป็นการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||
20606 | รายงานความก้าวหน้าการพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ของประเทศไทย | กค | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าการพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ของประเทศไทย ณ วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกรมศุลกากรและผู้ประกอบการ เช่น ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ตัวแทนออกของ ตัวแทนผู้รับขนส่งสินค้า บริษัทเรือ สายการบิน และธนาคารต่าง ๆ ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW ครบถ้วน ๑๐๐% ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นมา ๒. การเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐในการออกใบอนุญาต/ใบรับรอง และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า การส่งออกและโลจิสติกส์ ทั้ง ๓๖ หน่วยงาน มีระบบพร้อมรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ NSW แล้ว แต่ยังเหลืออีก ๓ หน่วยงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ๓. ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการพัฒนาระบบ NSW ได้แก่ การขาดความชัดเจนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ กำกับ ดูแลระบบ การให้บริการของหน่วยงานภาครัฐในขั้นตอนการออกใบอนุญาต/ใบรับรองมีหลายขั้นตอนและใช้ระยะเวลาในการดำเนินการมาก หน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่ยังไม่มีงบประมาณหรือยังไม่ได้จัดทำโครงการของบประมาณสำหรับการพัฒนาระบบเพิ่มเติมของแต่ละหน่วยงาน กฎหมาย/ระเบียบของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า ส่งออกสินค้า ยังไม่รองรับการทำธุรกรรมสำหรับนำเข้า ส่งออก โลจิสติกส์ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW แบบไร้เอกสารอย่างปลอดภัย และหน่วยงานภาครัฐมีบุคลากรไม่เพียงพอในการกำกับดูแลและพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบ NSW ทั้งในรูปแบบ G2G/B2G ๔. ข้อเสนอแนะในการดำเนินการพัฒนาระบบ NSW ได้แก่ ผลักดันให้มีองค์กรมาทำหน้าที่บริหารจัดการระบบ NSW เร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ดำเนินการปรับปรุงกระบวนงานการออกใบอนุญาต/ใบรับรอง โดยใช้การแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบ NSW แบบครบวงจร ผลักดันให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า ส่งสินค้าออก ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบให้รองรับการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้เอกสาร และผลักดันให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จัดสรรอัตรากำลังบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์เพิ่มเติมให้เพียงพอตามอัตราที่แต่ละหน่วยงานขอไว้ |
|||||||||||||||||||||
20607 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบล ศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณี ที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลท่าเคย ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง และตำบลลีเล็ด ตำบลศรีวิชัย ตำบลมะลวน ตำบลหัวเตย ตำบลท่าข้าม ตำบลพุนพิน ตำบลน้ำรอบ ตำบลหนองไทร ตำบลบางงอน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำและระบบระบายน้ำตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20608 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมออกตามความในพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. 2542 พ.ศ. .... | พณ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมออกตามความในพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด พ.ศ. ๒๕๔๒ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ การออกใบอนุญาตให้ผู้ผลิตหรือผู้ซ่อมเป็นผู้ตรวจสอบและให้คำรับรองการต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจ การออกใบแทนใบอนุญาต การตรวจสอบให้คำรับรองสำหรับเครื่องชั่งตวงวัด การตรวจสอบความเที่ยงของเครื่องชั่งตวงวัด เพื่อให้เป็นไปตามอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ และปรับปรุงระดับตำแหน่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ไปตรวจสอบให้คำรับรองเครื่องชั่งตวงวัดนอกสถานที่ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
20609 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนคลองขลุง - ท่ามะเขือ จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... | มท | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนคลองขลุง-ท่ามะเขือ จังหวัดกำแพงเพชร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลคลองขลุง ตำบลท่ามะเขือ และตำบลวังยาง อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรให้มีการตรวจสอบรูปแผนที่ให้ชัดเจนก่อนมีการประกาศใช้บังคับ เนื่องจากร่างกฎกระทรวงฯ มีเขตดำเนินการทับซ้อนกับเขตปฏิรูปที่ดินในบางท้องที่ และข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นดูแลและให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณริมแหล่งน้ำสาธารณะ โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง เพื่อป้องกันการบุกรุกทำลายสภาพตามธรรมชาติของแหล่งน้ำและควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับภูมิสังคมและวิถีชีวิตของชุมชนอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20610 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี 2559 และแนวโน้มปี 2559 | นร11 | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ และแนวโน้มปี ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ขยายตัวร้อยละ ๓.๒ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า และเป็นการขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบ ๑๒ ไตรมาส เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙ ขยายตัวจากไตรมาสสี่ของปี ๒๕๕๘ ร้อยละ ๐.๙ สูงขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการท่องเที่ยวขยายตัวในระดับสูง เป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวที่สำคัญ รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๕๙ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๐-๓.๕ โดยมีค่ากลางที่ร้อยละ ๓.๓ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๒.๘ ในปี ๒๕๕๘ โดยมีปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวต่อเนื่องจาก (๑) การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวในเกณฑ์สูง (๒) แรงขับเคลื่อนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ได้จัดทำเพิ่มเติมในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙ (๓) จำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง (๔) ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำ และ (๕) แนวโน้มการปรับตัวดีขึ้นของการผลิตภาคเกษตรในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะลดลงร้อยละ ๑.๗ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๓ และร้อยละ ๔.๒ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๐.๑-๐.๖ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๙.๔ ของ GDP ๓. การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ๒๕๕๙ ควรให้ความสำคัญกับการเบิกจ่ายงบประมาณและการดำเนินโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ประสิทธิภาพการดำเนินการตามมาตรการภายใต้กรอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การดูแลเงินบาทไม่ให้ผันผวนมากและเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ การฟื้นฟูเกษตรกรและเตรียมเกษตรกรให้มีความพร้อมสำหรับปีการเพาะปลูก ๒๕๕๙/๒๕๖๐ การสนับสนุนการฟื้นตัวและการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน การดูแลและขับเคลื่อนภาคการส่งออก และการดูแลภาคการท่องเที่ยว
|
|||||||||||||||||||||
20611 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม 2559 | อก | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัวเป็นบวกร้อยละ ๑.๘๓ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว เช่น รถยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ เครื่องประดับ และเครื่องปรับอากาศ ๒. การนำเข้าของภาคอุตสาหกรรมไทย การนำเข้าเครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบหดตัวร้อยละ ๔.๗ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าเครื่องยนต์ เพลาส่งกำลังและส่วนประกอบอื่น ๆ เครื่องสูบลม เครื่องสูบของเหลว รวมถึงเครื่องจักรใช้ในการแปรรูปโลหะและส่วนประกอบที่ลดลง ด้านการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) มีมูลค่า ๕,๙๗๑.๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๑.๘ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน จากการนำเข้าด้ายและเส้นใย เคมีภัณฑ์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ รวมถึงอุปกรณ์ส่วนประกอบของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ๓. การใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมการผลิต มีปริมาณทั้งหมดจำนวน ๑๐,๘๐๗.๒ ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมง เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ร้อยละ ๑๕.๗ และร้อยละ ๔.๐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๘ ๔. ภาวะการประกอบกิจการ มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ จำนวน ๓๗๘ ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ร้อยละ ๔๗.๗ มียอดเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๒๘ แต่มีจำนวนการจ้างงานลดลงร้อยละ ๖.๕ และเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน มีโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการเพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ร้อยละ ๕.๙ สำหรับโรงงานที่ปิดกิจการมีจำนวน ๒๐๙ ราย น้อยกว่าเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ ร้อยละ ๑.๔ แต่มากกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ ๕๔.๘
|
|||||||||||||||||||||
20612 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและทำร้ายร่างกาย) | ยธ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย และสิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีกล่าวอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวและทำร้ายร่างกาย) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมพิจารณาแล้วเห็นควรให้มีการศึกษาและกำหนดระเบียบปฏิบัติให้ทุกหน่วยงานมีการตรวจร่างกายและบันทึกสภาพร่างกายโดยแพทย์ก่อนการควบคุมตัว จัดทำหลักสูตรฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับเทคนิคการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อหาร่องรอยของการทรมาน สำหรับกรณีงบประมาณในการส่งตัวให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หากมีความจำเป็นอาจขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายจากกองทุนยุติธรรมได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20613 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ ฯลฯ) | กค | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายวีระวุฒิ ศรีเปารยะ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๒. นายจำเริญ โพธิยอด ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี (นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๙ ๓. นายเอกวัฒน์ มานะแก้ว ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
20614 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำกรุงกีโต สาธารณรัฐเอกวาดอร์ (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายเฮนรี ยันดุน (Mr. Henry Yandun)] | กต | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฮนรี ยันดุน (Mr. Henry Yandun) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงกีโต สาธารณรัฐเอกวาดอร์ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐเอกวาดอร์ แทนนายหลุยส์ การ์เซีย ฆารา (Mr. Luis Garcia Jara) ซึ่งถึงแก่กรรม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20615 | สรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของรัฐบาลที่บังคับให้รถโดยสารสาธารณะต้องติดตั้งก๊าซธรรมชาติ NGV (Natural Gas for Vehicles) แต่มีเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอ | สม | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของรัฐบาลที่บังคับให้รถโดยสารสาธารณะต้องติดตั้งก๊าซธรรมชาติ NGV (Natural Gas for Vehdes) แต่มีเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงยุติธรรมร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ประกอบการและเจ้าของรถได้รับประโยชน์จากการนำนโยบายที่บังคับให้รถตู้โดยสารสาธารณะต้องติดตั้งก๊าซธรรมชาติ NGV แล้ว โดยในช่วงปี ๒๕๔๘ ราคาน้ำมันดีเซลสูงกว่าราคาก๊าซธรรมชาติ NGV ทำให้ผู้ประกอบการและเจ้าของรถได้รับประโยชน์จากการเก็บค่าโดยสารที่สูงกว่าราคาต้นทุนของเชื้อเพลิงที่แท้จริง จึงไม่สมควรให้การเยียวยาแก่ผู้ประกอบการและเจ้าของรถแต่อย่างใด รวมทั้งการออกนโยบายที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในโอกาสต่อไปภาครัฐควรให้ข้อมูลที่เพียงพอต่อประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน ประกอบกับคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานได้มีมติขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้คงราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติ NGV ที่ราคา ๑๐.๐๐ บาทต่อกิโลกรัม สำหรับในส่วนของราคาก๊าซธรรมชาติ NGV สำหรับรถโดยสารสาธารณะต่อไป และปรับเพิ่มวงเงินช่วยเหลือสำหรับกลุ่มรถโดยสารและกลุ่มรถโดยสารสาธารณะเดิม โดยให้ช่วยเหลือรถโดยสารสาธารณะไปจนกว่าจะมีกลไกถาวรอื่นมาดูแลแทน เช่น ร่างกฎหมายว่าด้วยกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20616 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในสังกัดกระทรวงแรงงาน รวม 5 ฉบับ | นร09 | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวง รวม ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและอำนาจหน้าที่ภายในสำนักงานปลัดกระทรวงและกรมต่าง ๆ ของกระทรวงแรงงาน เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงรวม ๕ ฉบับดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๔. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... ๕. ร่างกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||
20617 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 25/2559 เรื่อง การยกเลิกการห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร | สลธ.คสช. | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๕/๒๕๕๙ เรื่อง การยกเลิกการห้ามบุคคลเดินทางออกนอกราชอาณาจักร สั่ง ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20618 | สรุปผลการเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) | ศธ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเยือนสาธารณรัฐอินโดนีเซียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานสภารัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สภาซีเมค) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ ตามคำเชิญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุม “2nd Strategic Dialogue for Education Ministers Meeting (SDEM)” พร้อมทั้งกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมดังกล่าวในฐานะประธานสภาซีเมค การหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย รวมทั้งประชุมหารือร่วมกับศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอทั้ง ๖ แห่งในอินโดนีเซีย สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมหารือกับผู้อำนวยการศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอทั้ง ๖ แห่งในอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๙ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่แต่ละศูนย์กำลังดำเนินการ สิ่งท้าทายและอุปสรรค รวมถึงสิ่งที่ประธานสภาซีเมคจะสามารถให้การสนับสนุนการทำงานของศูนย์ได้ และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภายหลังจากการนำเสนอของทุกศูนย์แล้ว จะได้มีข้อหารือและแลกเปลี่ยนถึงสิ่งท้าทายและประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาในภาคการศึกษาของภูมิภาค นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ทุกศูนย์นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์เพื่อพิจารณาแนวทางที่จะบรรลุผลสำเร็จตามประเด็นสำคัญด้านการศึกษาของซีมีโอ อันจะนำไปสู่การพัฒนาด้านการศึกษาและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในภูมิภาคต่อไป ๒. การประชุม “2nd Strategic Dialogue for Education Ministers Meeting (SDEM)” เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ ผู้แทนประเทศระดับรัฐมนตรีศึกษาได้หารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม รวมทั้งแนวทางความร่วมมือ ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นสำคัญด้านการศึกษาของซีมีโอ ๗ ประการ เพื่อพัฒนาการศึกษาของภูมิภาคร่วมกัน โดยในระหว่างการประชุมฯ ที่ประชุมรัฐมนตรีศึกษาได้ให้การรับรองแถลงการณ์บันดุง (Bandung Statement) โดยเน้นการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกซีมีโอ การเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศให้มีความแข็งแกร่ง การแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีและสิ่งท้าทายร่วมกันในเรื่องของการศึกษาปฐมวัย การศึกษาและฝึกอบรมด้านเทคนิคและอาชีวศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การนำนวัตกรรมมาใช้ในการจัดหลักสูตรการเรียนการสอนควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะพื้นฐาน การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศึกษาระหว่างภาครัฐ เอกชน โรงเรียน และชุมชน ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้หารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ โดยได้หยิบยกประเด็นการทำงานร่วมกันในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานสภาซีเมค โดยประสงค์จะเห็นการทำงานที่เชื่อมโยงระหว่างศูนย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศต่าง ๆ รวมทั้งใช้ความเป็นเลิศให้เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาภูมิภาค ตลอดจนส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนเพื่อร่วมกันพัฒนาการศึกษา ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมของอินโดนีเซียตอบรับที่จะร่วมมือกับไทยในการวางแผนการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในภูมิภาค |
|||||||||||||||||||||
20619 | การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2553 รวม 3 ฉบับ ออกไปอีก 2 ปี | ทส | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๓ ฉบับ ซึ่งจะหมดอายุการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และขอขยายบังคับใช้ต่อไปอีก ๒ ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการออกประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเห็นควรจัดทำแผนงานและเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทั้งหมดที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดอายุการใช้บังคับ เพื่อให้การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันและสามารถใช้บังคับตามกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
20620 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 07/06/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลางต้องกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการส่งข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดหรือทรัพย์สินให้กับต่างประเทศผู้ร้องขอโดยยึดหลักการปฏิบัติต่างตอบแทน และในการรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาจากต่างประเทศนั้น บทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีกระบวนการทางกฎหมายที่รับรองและคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาหรือจำเลยตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ อยู่แล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....