ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1037 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20721 - 20740 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20721 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 12 สายตาก - อำเภอแม่สอด ตอน 4 จังหวัดตาก | คค | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๒ สายตาก-อำเภอแม่สอด ตอน ๔ จังหวัดตาก ในวงเงิน ๑,๔๓๗,๕๙๐,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20722 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 24 สายอำเภอปราสาท - อำเภอขุขันธ์ - แยกทางหลวงหมายเลข 2085 ตอน 1 จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ | คค | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๒๔ สายอำเภอปราสาท-อำเภอขุขันธ์-แยกทางหลวงหมายเลข ๒๐๘๕ ตอน ๑ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ ในวงเงิน ๑,๒๘๐,๒๐๖,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20723 | นโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนแม่บทการส่งเสริมและพัฒนากีฬาอาชีพ พ.ศ. 2558 - 2562 | กก | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการ นโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนแม่บทเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนากีฬาอาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายด้านการส่งเสริมและพัฒนากีฬาอาชีพให้มีความเข้มแข็ง มีทิศทางการดำเนินการที่ชัดเจน และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ภายใต้วิสัยทัศน์ “กีฬาอาชีพของไทยมาตรฐานระดับสากล สร้างสุขให้สังคม สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นำประเทศสู่ศูนย์กลางกีฬาอาชีพระดับโลก” ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การพัฒนาการจัดการแข่งขัน (๒) การสร้างสุข สร้างรายได้ (๓) การพัฒนาบุคลากร และ (๔) การบริหารและการบริการกีฬาอาชีพ โดยกำหนดกรอบวงเงินตามแผนปฏิบัติการโครงการเพื่อการขับเคลื่อนการดำเนินงาน จำนวน ๓,๙๐๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานตามแผนดังกล่าว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยคำนึงถึงการให้ภาคเอกชนเข้ามีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม รวมถึงพิจารณาใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่นที่มีอยู่ อาทิ กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาปรับกรอบระยะเวลาของนโยบาย ยุทธศาสตร์ และแผนแม่บทการส่งเสริมและพัฒนากีฬาอาชีพให้สอดคล้องกับช่วงระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) เพื่อให้การดำเนินการตามแผนและการบูรณาการระหว่างแผนมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของการกีฬาแห่งประเทศไทยให้สอดคล้องกับข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในครั้งนี้ และควรมีแนวทางการส่งเสริมให้นักกีฬาและบุคลากรในวงการกีฬาอาชีพนำความเป็นไทยและวัฒนธรรมไทยไปเผยแพร่เพื่อเสริมสร้างเกียรติภูมิ ภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สากล และหากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนส่งเสริมกิจการที่เกี่ยวข้องกับกีฬา ก็ควรกำหนดมาตรฐานของกิจการนั้น ๆ เพื่อเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการแนวทางการพัฒนาการกีฬาอาชีพที่มีการดำเนินการภายใต้ข้อเสนอในครั้งนี้ และ (ร่าง) แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยเฉพาะในประเด็นการพัฒนาบุคลากรกีฬา การพัฒนาระบบการจัดการแข่งขันกีฬาให้มีมาตรฐานสากล และการพัฒนาระบบบริหารเพื่อส่งเสริมกีฬาอาชีพ เพื่อให้การพัฒนาการกีฬาอาชีพมีการดำเนินการที่เป็นเอกภาพและมีการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20724 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การโทรคมนาคมทางดาวเทียมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานขององค์การโทรคมนาคมทางดาวเทียมระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตว่า ควรแก้ไขถ้อยคำในเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติ และร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้มิได้ให้ความคุ้มครองรวมไปถึงส่วนที่เป็นการดำเนินการเชิงพาณิชย์ รวมทั้งการดำเนินงานของบริษัท Intelsat, Ltd. ซึ่งจัดตั้งขึ้นภายหลัง ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว แล้วสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20725 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3646 สายทดน้อย - หนองเอี่ยน พ.ศ. .... | คค | 31/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๖๔๖ สายทดน้อย-หนองเอี่ยน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลผักขะ อำเภอวัฒนานคร และตำบลคลองทับจันทร์ ตำบลเมืองไผ่ ตำบลฟากห้วย ตำบลคลองน้ำใส ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๖๔๖ สายทดน้อย-หนองเอี่ยน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการพิจารณาสร้างทางหลวงสายต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบในด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องระบายน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากต่อไปในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
20726 | ร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
20727 | รายงานแบบบรรจุภัณฑ์ไทยที่ชนะการประกวด WorldStar Awards 2016 และ WorldStar Student Awards 2015 | อก | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมรายงานแบบบรรจุภัณฑ์ไทยที่ชนะการประกวด WorldStar Awards 2016 และ WorldStar Student Awards 2015 โดยในปี ๒๕๕๘ ผลงานบรรจุภัณฑ์ไทยที่ผ่านการประกวด ThaiStar Packaging Awards 2015 จำนวน ๓๙ ผลงาน ได้รับรางวัล AsiaStar Awards 2015 รวม ๒๓ รางวัล โดยผลงานบรรจุภัณฑ์ สำหรับผลิตภัณฑ์ซักผ้า Pipper Standard จากบริษัท อิเควเตอร์ เพียว เนเจอร์ จำกัด ประเทศไทย ได้รับรางวัล President Award 2015 ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุด สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ได้คะแนนสูงที่สุดจากผลงานทั้งหมดที่ส่งเข้าประกวด และเมื่อวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก (World Packaging Organization : WPO) ได้ตัดสินการประกวด WorldStar Awards 2016 และ WorldStar Student Awards 2015 ณ นครมุมไบ ประเทศอินเดีย ซึ่งผลงานบรรจุภัณฑ์จากประเทศไทย ได้รับรางวัล WorldStar Awards 2016 จำนวน ๓ รางวัล และรางวัล WorldStar Student Awards 2015 จำนวน ๒ รางวัล รวมทั้งสิ้น ๕ รางวัล ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะนำผลงานบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบโดยนักออกแบบไทยที่ได้รับรางวัลจากการประกวดบรรจุภัณฑ์ระดับโลกและระดับภูมิภาคเอเชีย ระหว่างปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ รวมทั้งผลงานที่ชนะการประกวดบรรจุภัณฑ์ไทยประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ จัดแสดงให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้รับชมศักยภาพและความพร้อมของผลงานบรรจุภัณฑ์ไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ ในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ ทำเนียบรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||
20728 | รายงานตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. 2544 ประจำปี 2558 | สสส. | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ ประจำปี ๒๕๕๘ ประกอบด้วย สาระสำคัญของสถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงหลักต่อสุขภาพและผลงานเด่นในปี ๒๕๕๘ การดำเนินงานในปี ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงานสำคัญตามเป้าประสงค์ ๖ เป้าประสงค์ในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งการตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการทำงานในปี ๒๕๕๘ ตามที่กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20729 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม ปี 2559 | พณ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนมีนาคม ปี ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกของไทยเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ ๒ จากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม โดยเฉพาะรถยนต์ เครื่องจักรกล และทองคำ อีกทั้งการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรหลายรายการมีแนวโน้มการส่งออกที่ดี จากการขยายตัวด้านปริมาณ แต่ยังคงเผชิญกับปัจจัยราคาที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ด้านมูลค่าขยายตัวต่ำกว่าด้านปริมาณส่งออกที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีการส่งออกของไทยมีสถานการณ์ที่ดีกว่าประเทศอื่น ๆ มาก แสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในตลาดและสินค้าส่งออกสำคัญไว้ได้ สะท้อนให้เห็นว่าความสามารถทางการแข่งขันของไทยยังอยู่ระดับที่ดี ๒. การส่งออกเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ มีมูลค่า ๑๙,๑๒๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑.๓๐ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน และทองคำ มูลค่าส่งออกจะขยายตัวร้อยละ ๑.๔ (YoY) ในขณะที่การนำเข้าเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ มีมูลค่า ๑๖,๑๕๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ ๖.๙๔ (YoY) โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรกลับมาหดตัวที่ร้อยละ ๑.๕ (YoY) ตามราคาสินค้าเกษตรโลก ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๓.๔ (YoY) จากการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกล และทองคำ ในขณะที่ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยฉุดรั้งมูลค่าส่งออกสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ๓. แนวทางการขับเคลื่อนการส่งออกของไทย ปี ๒๕๕๙ ได้แก่ การขยายการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะตลาดอินโดจีนหรือ CLMV การเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก โดยใช้ความต้องการตลาดเป็นตัวนำการผลิต (Demand Driven) การส่งเสริมการค้าบริการ (Trade in Services) การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมทั้งการผลักดันและแก้ปัญหาทางการค้าร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน |
|||||||||||||||||||||
20730 | สรุปมติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก ครั้งที่ 1/2559 | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องเพื่อทราบ ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ คจร. (๒) ความคืบหน้าการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และ (๓) สถานะการดำเนินโครงการตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา ๙ เรื่อง ได้แก่ (๑) การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจราจรทางบก (๒) การขอขยายแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) (๓) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ส่วนต่อขยายช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน (๔) โครงการระบบขนส่งมวลชนระบบรองของกรุงเทพมหานคร (โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา โครงการรถไฟฟ้าสายบางนา-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง) (๕) มาตรฐานป้ายสัญลักษณ์ในระบบขนส่งสาธารณะ (๖) การจำกัดความสูงของรถพ่วงและการใช้รถบรรทุกที่จดทะเบียนเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล (๗) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ (๘) การพัฒนาและแก้ไขการจราจรแออัดของสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินต่าง ๆ และ (๙) การเชื่อมโยงระบบโครงข่ายคมนาคมของภูมิภาคเข้ากับเมืองใหญ่
|
|||||||||||||||||||||
20731 | ชี้แจงข้อมูล กรณีค่าบริการอำนวยความสะดวกเพื่อตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Processing Service : APPS) | คค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานชี้แจงข้อมูล กรณีประเทศไทยจัดเก็บค่าบริการอำนวยความสะดวกเพื่อตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Processing Service : APPS) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ระบบ APPS เป็นการคัดกรองผู้โดยสาร Black List ออกจากผู้โดยสารทั่วไปได้ตั้งแต่ผู้โดยสารเช็คอินกับสายการบิน ซึ่งเป็นมาตรการอำนวยความสะดวกที่มีผลโดยตรงต่อการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงตามอำนาจกฎหมาย ผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกรวดเร็วในการตรวจคนเดินทางเข้าออก ณ ช่องตรวจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และจะทราบได้ทันทีว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองในประเทศปลายทางหรือไม่ ถ้าประเทศปลายทางนั้นมีระบบ APPS เช่นกัน ๒. ปัจจุบันมีประเทศที่ใช้ระบบ APPS จำนวน ๒๙ ประเทศ และมีการจัดเก็บค่าบริการ APPS จากผู้โดยสารจำนวน ๑๘ ประเทศ (เป็นประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เก็บค่าบริการ ๔ ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย กัมพูชา และเมียนมา) ทั้งนี้ ประเทศที่ไม่มีการจัดเก็บค่าบริการฯ รัฐเป็นผู้ดำเนินการจัดให้มีระบบและบำรุงรักษาโดยใช้งบประมาณ แต่ประเทศที่จัดเก็บค่าบริการฯ ถือว่าผู้ได้รับประโยชน์จากมาตรการอำนวยความสะดวกเป็นผู้รับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ๓. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินการจัดให้มีระบบ APPS ณ ท่าอากาศยาน จำนวน ๖ แห่ง ซึ่งเปิดให้บริการระบบแล้วตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นมา โดยจัดเก็บค่าบริการฯ ในอัตรา ๓๕ บาทต่อผู้โดยสาร ๑ คนต่อเที่ยว (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) สำหรับท่าอากาศยานของกรมท่าอากาศยาน จำนวน ๑๘ แห่ง การท่าอากาศยานอู่ตะเภา จำนวน ๑ แห่ง และบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน ๓ แห่ง คาดว่าจะติดตั้งระบบดังกล่าวแล้วเสร็จพร้อมให้บริการประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ และจะจัดเก็บค่าบริการฯ อัตราเดียวกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) โดยจะจัดเก็บจากผู้โดยสารขาเข้า ผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารเปลี่ยนลำ และผู้โดยสารผ่าน รวมทั้งจะประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารทราบถึงการจัดเก็บค่าบริการฯ และประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบดังกล่าวก่อนการจัดเก็บค่าบริการฯ
|
|||||||||||||||||||||
20732 | การแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการออสเตรเลีย - เอเชีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (AAPTIP) | ยธ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการออสเตรเลีย-เอเชีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ตามคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ ๑๖๙/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๙ โดยมีผู้แทนโครงการฝ่ายออสเตรเลีย เป็นที่ปรึกษา ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (กำกับดูแลงานด้านการต่างประเทศ) เป็นรองประธานกรรมการ และมีกรรมการอื่นอีก ๑๕ คน มีอำนาจหน้าที่ในการขับเคลื่อนและกำกับดูแลการดำเนินงานตามโครงการออสเตรเลีย-เอเชีย เพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ให้มีความเชื่อมโยงสอดคล้องกับนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ แผนงานของไทยทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค กำหนดกรอบและแผนงาน เสนอแนะแนวทางในการขับเคลื่อนและพัฒนาแผนปฏิบัติงานของประเทศไทยภายใต้โครงการฯ ร่วมกับผู้แทนโครงการฝ่ายออสเตรเลีย เป็นต้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
20733 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลท่าศาลา ตำบลไทยบุรี ตำบลหัวตะพาน ตำบลโพธิ์ทอง และตำบลโมคลาน อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกำหนดคำนิยามคำว่า “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับนันทนาการ” และ “การใช้ที่ดินที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว” ให้ชัดเจน การพิจารณาผลกระทบในการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ การจัดทำฐานข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภทให้เป็นปัจจุบันและเผยแพร่ต่อสาธารณะ รวมทั้งการใช้บังคับร่างกฎกระทรวงฯ ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาด้านพลังงาน และข้อกำหนดของร่างกฎกระทรวงฯ อาจส่งผลให้ไม่สามารถตั้งหรือขยายโรงงานได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นดูแลและให้ความสำคัญต่อการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณชุมชนเมือง บริเวณริมฝั่งลำน้ำและชายฝั่งทะเล เพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับภูมิสังคมและการขยายตัวของเมืองอย่างเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
20734 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การเข้าเป็น ภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม) | พณ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [การเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด (Madrid Protocol) และการขยายขอบเขตความคุ้มครอง การปรับปรุงหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และระยะเวลาการจดทะเบียน การปรับปรุงค่าธรรมเนียม] ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า การแก้ไขบทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิของผู้ขอจดทะเบียนและระยะเวลาการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการเครื่องหมายการค้าตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ต้องพิจารณาแก้ไขบทบัญญัติในพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เช่น มาตรา ๒๗ มาตรา ๓๑ มาตรา ๖๐ มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๔ และมาตรา ๘๙ เป็นต้น ให้สอดคล้องกันทั้งฉบับ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้าศึกษาวิเคราะห์ถึงแนวทางและความเหมาะสมในการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าในเรื่องดังกล่าว รวมทั้งมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนากฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้าศึกษา วิเคราะห์ถึงแนวทางและความเหมาะสม ผลดี และผลเสียในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในกฎกระทรวงแทนการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมไว้ท้ายพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
20735 | รายงานผลการดำเนินการในประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ 6 เดือน (ตุลาคม 2558 - มีนาคม 2559) | พณ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการในประเด็นสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รอบ ๖ เดือน (ตุลาคม ๒๕๕๘-มีนาคม ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภาพรวมการเบิกจ่าย ณ สิ้นไตรมาสที่ ๒ เบิกจ่ายได้ ๕,๓๒๙.๒ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๐.๒๓ ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร และเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๒๕๑ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๒.๓๕ ของงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ได้รับจัดสรร ๒. การเจรจาหรือทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาภายใต้กรอบอาเซียน การเจรจาภายใต้กรอบการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) การเจรจาภายใต้กรอบเอเปค การเจรจาภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และการหารือทวิภาคี ๓. การแก้ไขปัญหาราคาข้าวและการระบายข้าว ได้แก่ การชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ การจัดตลาดนัดข้าวเปลือก ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ และการจัดทำแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ๔. การแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่กำลังออกตามฤดูกาล ได้แก่ การแก้ไขปัญหามันสำปะหลัง การแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมัน การแก้ไขปัญหายางพารา และการแก้ไขปัญหาผลไม้ ๕. การให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise : SMEs) ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs Pro-active) และส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือ SMEs ๖. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชน ได้แก่ การดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและค่าครองชีพ การช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนพื้นที่ประสบภัยแล้งลุ่มน้ำเจ้าพระยา การจัดหาร้านอาหารปรุงสำเร็จราคาประหยัด และการจัดทำแอปพลิเคชัน "ลายแทงของถูก" เพื่อแสดงข้อมูลเปรียบเทียบราคาสินค้าและแหล่งจำหน่าย ๗. การสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยจัดงาน "Open House" เขตเศรษฐกิจพิเศษของไทยเพื่อประกาศความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาคและเชื่อมโยงทั่วโลก ๘. การขับเคลื่อนการส่งออก โดยส่งเสริมการขยายการค้าในตลาดศักยภาพใหม่
|
|||||||||||||||||||||
20736 | รายงานผลการปฏิบัติงาน กสทช. ประจำปี 2558 | กสทช | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) รายงานผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ประจำปี ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญ ได้แก่ ภารกิจและโครงการที่สำคัญ ผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๘ ของ กสทช. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) และสำนักงาน กสทช. รายงานสถานการณ์ตลาดและการแข่งขันกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ในปี ๒๕๕๘ การบริหารงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ แผนงาน/โครงการ แผนงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๘ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ที่มีความสำคัญต่อประชาชน
|
|||||||||||||||||||||
20737 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 23/2559 เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 24/2559 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง | สลธ.คสช. | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๓/๒๕๕๙ เรื่อง การปฏิบัติหน้าที่ของผู้อำนวยการสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) สั่ง ณ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ๒. คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๔/๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง สั่ง ณ วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||
20738 | ผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการปรอท สมัยที่ 7 | ทส | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการปรอท สมัยที่ ๗ (the Seventh session Intergovernmental Negotiating Committee (INC) to prepare a global legally binding instrument on mercury ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ ศูนย์ประชุม the King Hussein Bin Talal Convention Centre ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ มีมติรับรองโดยชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณารับรองอย่างเป็นทางการโดยที่ประชุมรัฐภาคีสมัยแรก ในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) คำแนะนำเพื่อช่วยเหลือภาคีในการกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ภายใต้ข้อ ๓ (แหล่งอุปทานปรอทและการค้าปรอท) (๒) แนวทางการพัฒนาแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อลดการใช้ปรอทในเหมืองแร่ทองคำพื้นบ้านและขนาดเล็ก และ (๓) แนวทางเพื่อลดการปลดปล่อยปรอทสู่อากาศ ๒. ที่ประชุมฯ ยังไม่บรรลุข้อตกลงในประเด็นต่าง ๆ และมีมติให้นำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมในโอกาสถัดไป ได้แก่ (๑) ร่างคำแนะนำในการระบุคลังปรอทหรือสารประกอบปรอท (individual stocks) ที่มีปริมาณมากกว่า ๕๐ เมตริกตัน และแหล่งอุปทานปรอท (sources of mercury supply generating stocks) ที่ก่อให้เกิดปรอทหรือสารประกอบปรอทมากกว่า ๑๐ เมตริกตันต่อปี (๒) Roadmap สำหรับการพัฒนาแนวทางการเก็บกักอย่างชั่วคราวของปรอทที่ไม่ใช่ของเสียปรอทแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (๓) การกำหนดค่า mercury thresholds เพื่อพิจารณาว่าของเสียนั้นเป็นของเสียปรอท และ (๔) แนวทางการจัดพื้นที่ปนเปื้อนปรอท ๓. สิ่งที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการต่อไป คือ เตรียมการภาคยานุวัติในอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท เพื่อประโยชน์ในการลดความเสี่ยงอันตรายของสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากปรอทและสารประกอบปรอทอันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป และการดำเนินการเพื่อรองรับการมีผลใช้บังคับของอนุสัญญามินามาตะฯ อาทิ การเผยแพร่ข้อมูล และเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางต่าง ๆ ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นภายใต้อนุสัญญามินามาตะฯ หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวทางต่าง ๆ ดังกล่าว ดำเนินมาตรการเพื่อลดการปลดปล่อย และการปล่อยปรอทและสารประกอบปรอทสู่อากาศ แหล่งน้ำ และดิน และติดตามตรวจสอบปรอทและสารประกอบปรอทในสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
20739 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2558/59 ครั้งที่ 22 | กษ | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ครั้งที่ ๒๒ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๓๑,๗๙๗ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔๕ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๘,๓๓๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๘ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๑.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ ผลการใช้น้ำอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๑๑,๕๒๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๐๑ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๓,๐๙๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๙๗ ของแผนการจัดสรรน้ำ คิดเป็นระบายน้ำเฉลี่ยวันละ ๑๗.๐๑ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๓ การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๙ ผลการระบายน้ำ ในช่วงวันที่ ๒-๘ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังอยู่ในเกณฑ์ใกล้เคียงกับแผนที่กำหนดไว้ ๑.๔ สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง จำนวน ๑.๙๙ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว ๑.๙๖ ล้านไร่ เสียหาย ๐.๐๐๔ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว ๐.๐๒ ล้านไร่ ๑.๕ จุดเฝ้าระวัง (๑) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ๑๐ แห่ง (เขื่อนน้ำน้อย) ได้แก่ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เขื่อนห้วยหลวง เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนลำปาว เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนกระเสียว อ่างเก็บน้ำคลองสียัด และอ่างเก็บน้ำบางพระ (๒) ปริมาณน้ำท่าในลำน้ำสายหลักอยู่ในเกณฑ์ปริมาณน้ำน้อย โดยมีจุดที่ต้องเฝ้าระวังคือ การป้องกันความเค็มที่บริเวณสถานีประปาสำแลไม่ให้เกินค่ามาตรฐานเพื่อการผลิตน้ำประปา ๑.๖ การช่วยเหลือกรณีพิเศษ ช่วงวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๕๙-ปัจจุบัน ได้แก่ การช่วยเหลือสวนผลไม้ จังหวัดจันทบุรี การส่งน้ำคลองมะขามเฒ่า-อู่ทอง และกรมชลประทาน ส่งน้ำเข้าสู่บึงสีไฟรอบที่สอง ๑.๗ แนวโน้มสถานการณ์ น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค รักษาระบบนิเวศ มีเพียงพอตลอดจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในช่วงวันที่ ๑๘-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ที่ผ่านมามีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น ๒๒๖.๗๘ ล้านลูกบาศก์เมตร ยกเว้นเขื่อนภูมิพลที่ไม่มีน้ำไหลลงเขื่อน ทำให้เขื่อนภูมิพลยังคงมีปริมาณน้ำใช้การได้น้อย ดังนั้น จึงได้มีการปรับการระบายน้ำลดลงจาก ๕ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เป็น ๔ ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ศึกษาแนวทางในการผันน้ำจากแหล่งน้ำอื่น ๆ มาเติมในเขื่อนภูมิพลเพื่อให้มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียงพอในช่วงก่อนฤดูฝน
|
|||||||||||||||||||||
20740 | การลงนามในความตกลง FATCA และ MOU | กค | 24/05/2559 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามในความตกลง (Foreign Account Tax Compliance Act : FATCA) และบันทึกความเข้าใจประกอบการลงนามในความตกลง FATCA (MOU) ระหว่างประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อวันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและเอกอัครราชทูตแห่งสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยได้มีการลงนามในความตกลง FATCA และ MOU โดยสถานทูตสหรัฐฯ แจ้งว่าไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) เนื่องจากเอกอัครราชทูตแห่งสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยมีอำนาจในการลงนามในความตกลง FATCA และ MOU อยู่แล้ว เพราะความตกลง FATCA เป็นความตกลงที่อยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายบริหารจึงไม่จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา (U.S. Senate) ในการให้สัตยาบัน ดังนั้น การลงนามในความตกลง FATCA และ MOU ไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
.....