ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1036 จากทั้งหมด 6215 หน้า แสดงรายการที่ 20701 - 20720 จากข้อมูลทั้งหมด 124293 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
20701 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 | กษ | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการปฏิบัติงานโครงการแผนพัฒนาอาชีพตามความต้องการของชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ และการเบิกจ่ายงบประมาณของชุมชนและศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล จากวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เป็นวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ ให้กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการสรุปผลการปฏิบัติงานโครงการฯ และการเบิกจ่ายงบประมาณให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ๑.๓ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจอนุมัติการปรับเปลี่ยนแผนการปฏิบัติงานโครงการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยยึดวัตถุประสงค์ กิจกรรม และอัตราการจ้างแรงงานของโครงการเดิมทุกประการ และต้องอยู่ภายใต้วงเงินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร และการปฏิบัติให้ยึดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามคู่มือโครงการดังกล่าว กรณีที่ไม่มีข้อกำหนดไว้ในคู่มือให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ พิจารณาอนุมัติ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะในขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินของกลุ่มเกษตรกร จากศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชนด้วยการสร้างงานและรายได้ และสามารถลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งที่ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการให้เกิดความยั่งยืนต่อไป และสรุปผลการปฏิบัติงานโครงการดังกล่าวและการเบิกจ่ายงบประมาณให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่ได้ขอขยายเพิ่มเติม ตลอดจนควรรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ เป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20702 | การแลกเปลี่ยนหนังสือและการจัดทำความตกลงโครงการ ASEAN Secretariat Post 2015 - Institutional Strengthening and Capacity Development (2016 - 2018) | กต | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการสำนักเลขาธิการอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘-การสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพองค์กร (๒๕๕๙-๒๕๖๑) [ASEAN Secretariat Post 2015-Institutional Strengthening and Capacity Development (2016-2018)] โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ มีสาระเป็นการตอบรับข้อเสนอของฝ่ายเยอรมนี โดยระบุข้อเสนอที่จะให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการเสริมสร้างศักยภาพแก่สำนักเลขาธิการอาเซียน ระหว่างปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ เป็นมูลค่ารวม ๑,๙๕๐,๐๐๐ ยูโร โดยให้สมาคมเยอรมันเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศ (Deutsche Gesellschaft fur Internationale Zusammenarbeit : GIZ) และสำนักเลขาธิการอาเซียนเป็นผู้ดำเนินโครงการ ส่วนร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการฯ จัดทำขึ้นระหว่าง GIZ กับอาเซียน โดยระบุรายละเอียดของการดำเนินโครงการ เช่น การสนับสนุนทางการเงิน/ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง การจัดหาสถานที่ การบริหารจัดการโครงการ การประเมินผล การปรับแก้ และบอกเลิกความตกลง รวมทั้งการระงับข้อพิพาทและการตีความ ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการฯ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งความยินยอมของรัฐบาลไทยให้สำนักเลขาธิการอาเซียนทราบผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างหนังสือแลกเปลี่ยนของฝ่ายอาเซียนและร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20703 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนแล้งด้านพืช (ช่วงภัยเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน 2558) | กษ | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนแล้งด้านพืช (ช่วงภัยเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๘) ในเขตพื้นที่ ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน และเพชรบูรณ์ เกษตรกร จำนวน ๑๔,๔๑๓ ราย วงเงินขอรับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น ๒๑๗,๕๒๒,๙๒๖ บาท ประกอบด้วย (๑) จังหวัดน่าน เกษตรกร จำนวน ๒,๗๗๘ ราย วงเงิน ๒๗,๔๑๖,๐๙๖.๗๕ บาท และ (๒) จังหวัดเพชรบูรณ์ เกษตรกร จำนวน ๑๑,๖๓๕ ราย วงเงิน ๑๙๐,๑๐๖,๘๒๘.๗๓ บาท โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตรตรวจสอบเอกสารหลักฐานและรวบรวมส่งสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณในคราวเดียวกัน และให้ถือว่าคำขอดังกล่าวเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมสำเนาส่ง ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูการผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ให้สอดคล้องกับแผนบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) และแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการเชิงรุก (Agricultural Map for Adaptive Management) หรือ Agri-Map ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทำขึ้น ทั้งเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต และการลดความเสี่ยงจากการทำกิจกรรมทางการเกษตรในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติสูงร่วมกับการส่งเสริมการทำเกษตรกรรมยั่งยืนที่สอดคล้องกับเงื่อนไขและสภาพพื้นที่ อาทิ วนเกษตร และเกษตรผสมผสาน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20704 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 สายตราด - หาดเล็ก ตอน 3 จังหวัดตราด | คค | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๓ สายตราด-หาดเล็ก ตอน ๓ จังหวัดตราด ระยะทาง ๒๓.๕๐๐ กิโลเมตร ในวงเงิน ๙๐๓,๒๖๖,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20705 | ขออนุมัติจัดทำบันทึกช่วยจำระหว่างราชอาณาจักรไทยกับองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปเพื่อจัดการประชุม 2016 OSCE Asian Conference | กต | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกช่วยจำระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรปเรื่องการประชุม 2016 OSCE Asian Conference ภายใต้หัวข้อหลัก การเสริมสร้างความมั่นคงที่ครอบคลุมในทุกมิติ (Aide-Memoire between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Organization for Security and Co-operation in Europe with respect to the 2016 OSCE Asian Conference on Strengthening Comprehensive Security) เป็นเอกสารเพื่อแบ่งภารกิจ หน้าที่ และความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างไทยกับองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe : OSCE) เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดการประชุมดังกล่าว ประกอบด้วยรายละเอียดสำคัญต่าง ๆ เช่น ขอบข่ายงาน ค่าใช้จ่ายที่ทั้งสองฝ่ายต้องรับผิดชอบ ความรับผิดชอบของฝ่ายไทยที่จะดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจลงตราให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมอย่างรวดเร็วและไม่มีค่าใช้จ่าย การรักษาความปลอดภัยแก่ผู้เข้าร่วมการประชุม การให้เอกสิทธิ์ที่จำเป็นแก่ OSCE (การให้การยกเว้นภาษีทางอ้อมและภาษีศุลกากรสำหรับรายการอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ฝ่าย OSCE จะนำมาใช้ในการประชุมฯ) การโอนเงินและถอนเงินของ OSCE ที่จะใช้เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักงานเลขาธิการองค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe : OSCE) โดยผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา ว่า รัฐบาลไทยเห็นชอบให้มีการแลกเปลี่ยนบันทึกช่วยจำฯ โดยไม่ต้องลงนาม ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงบันทึกฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
20706 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยกิจการกำลังพลสำรอง พ.ศ. .... | กห | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยกิจการกำลังพลสำรอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเวลาการเป็นกำลังพลสำรอง การยกเว้นการเป็นกำลังพลสำรอง การพ้นจากการเป็นกำลังพลสำรอง การผ่อนผันให้กำลังพลสำรองไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร และกรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหาร รวมถึงการแจ้งคำสั่งเรียกโดยวิธีการอื่นเมื่อมีการระดมพล ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๑๕ (๑) และวรรคสาม มาตรา ๑๖ วรรคสอง มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๑ มาตรา ๒๘ มาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๖ แห่งพระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้กฎหมายแม่บทมีผลใช้บังคับโดยสมบูรณ์และสามารถปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
||||||||||||||||||||||||
20707 | มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต 2559/60 ด้านการผลิต | กษ | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ด้านการผลิต จำนวน ๓ โครงการ ประกอบด้วย โครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดี ปี ๒๕๕๙/๖๐ โครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลาย ฤดูนาปรัง ปี ๒๕๖๐ และโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ ปี ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ส่วนงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีฯ ให้ใช้จ่ายจากเงินทุนหมุนเวียนเพื่อผลิตและขยายพันธุ์พืช ซึ่งได้รับจัดสรรจากพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการอีกจำนวน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้กรมการข้าวดำเนินการโดยการปรับแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ๑.๒ โครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลายฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๖๓๖,๕๒๐,๐๐๐ บาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบแล้ว และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๓ โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ฯ ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยในหลักเกณฑ์เดียวกันกับโครงการชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตสู้วิกฤตภัยแล้ง ซึ่งรัฐบาลจะรับภาระอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๓.๕ ต่อปี ภายในกรอบวงเงิน ๗๔,๕๕๐,๐๐๐ บาท โดยกลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจ่ายอัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๐.๐๑ ต่อปี สำหรับวิธีการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอนตามที่โครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ฯ กำหนดไว้ ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการชดเชยอัตราดอกเบี้ย ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามภาระค่าใช้จ่ายจริง ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณและกำหนดพื้นที่ดำเนินการโครงการให้ชัดเจน และให้มีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการ รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนด และให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการส่งเสริมสนับสนุนการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีฯ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองและการเก็บรักษาให้ได้คุณภาพดีและมีความแข็งแรง รวมถึงการดำเนินงานของคณะกรรมการบริหารและจัดการในการบริหารจัดการผลผลิตของหมู่บ้านและบริหารจัดการการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองในหมู่บ้าน ควรดำเนินการด้วยความโปร่งใสและสนับสนุนให้เกษตรกรได้รับเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างทั่วถึง ส่วนโครงการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชที่หลากหลายฯ ภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการปรับเปลี่ยนการปลูกข้าวไปปลูกพืชชนิดอื่น และให้มีแผนการตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอนและชัดเจน ตลอดจนติดตามการดำเนินโครงการและสถานการณ์ด้านการตลาดของพืชทดแทนอย่างต่อเนื่อง และโครงการสนับสนุนสินเชื่อให้กลุ่มชาวนาผู้ผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่ฯ ควรมีกระบวนการประสานความร่วมมือและบูรณาการงานร่วมกัน และให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรและเกษตรกรตามแนวทางของเกษตรกรแปลงใหญ่ เพื่อให้โครงการสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
20708 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย) (นายวินัย บัวประดิษฐ์ และนายวันชัย คงเกษม) | มท | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายวินัย บัวประดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวันชัย คงเกษม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง สำนักงานปลัดกระทรวง |
||||||||||||||||||||||||
20709 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (จำนวน 3 ราย 1. นายสมเกียรติ สินสุนทร ฯลฯ) | กค | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย จำนวน ๓ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายสมเกียรติ สินสุนทร กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ๑.๒ นายนิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ กรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ๑.๓ นายสัมมา คีตสิน กรรมการ ๒. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งต่อไปให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
20710 | แต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (นายกิติพงค์ พร้อมวงค์) | วท | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ แทนนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ ที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ เนื่องจากลาออก โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20711 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ (นายมานิต ธีระตันติกานนท์) | สธ | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายมานิต ธีระตันติกานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการในคณะกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แทนนายธวัช สุนทราจารย์ ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป และให้มีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการบริหารสถาบันวัคซีนแห่งชาติที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามอย่างต่อเนื่อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
20712 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) (นางภัทรภร ฐิติยาภรณ์) | นร04 | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางภัทรภร ฐิติยาภรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำด้านยุทธศาสตร์และการวางแผน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
20713 | วีดิทัศน์โครงการ Smart Online SMEs (S.O.S) by Thaitrade.com ได้รับรางวัลชนะเลิศ WSIS Prize 2016 สาขา Capacity Building ขององค์การสหประชาชาติ | พณ | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์รายงาน ดังนี้
๑. กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และถ่ายทอดความรู้ด้านการค้าออนไลน์อย่างครบวงจร เพื่อให้ SMEs สามารถทำการค้าออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านโครงการ Smart Online SMEs (S.O.S) by Thaitrade.com ครอบคลุมเทคนิคการถ่ายภาพและการเขียนบรรยายสินค้าให้เป็นที่น่าสนใจต่อลูกค้าทั่วโลก รวมทั้งอบรมเชิงปฏิบัติการขั้นสูงด้านการตลาดออนไลน์ และช่วยให้ SMEs และชุมชนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปทำการค้าออนไลน์จริง ผ่านเว็บไซต์ Thaitrade.com รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษา ติดตามผล กระตุ้นให้เกิดยอดขาย และเสริมสร้างให้ SMEs ต่อยอดการค้าออนไลน์ให้ได้ด้วยตนเอง ๒. เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โครงการ Smart Online SMEs (S.O.S) by Thaitrade.com ได้รับรางวัลชนะเลิศ “WSIS Prize 2016” (World Summit of Information Society) สาขาการพัฒนาศักยภาพ (Capacity Building) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ภายใต้องค์การสหประชาชาติ โดยได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจากทั่วโลก ในฐานะเป็นโครงการฯ ที่ประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่สร้างประโยชน์แก่สังคมและประเทศในการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในการทำการค้าออนไลน์
|
||||||||||||||||||||||||
20714 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าภายในประเทศให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในด้านต่าง ๆ ที่เป็นการสนับสนุนสังคมดิจิทัล เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ประเทศไทย ๔.๐ เช่น การกำหนดมาตรการการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์ ๒. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๒.๑ ให้สำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินโครงการสำคัญตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น โครงการเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล และโครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๒ ให้รองนายกรัฐมนตรีทุกท่านบูรณาการการจัดทำแผนที่นำทาง (Roadmap) ในเรื่องสำคัญที่จะดำเนินการเพื่อการปฏิรูปในระยะที่ ๑ ร่วมกับส่วนราชการในกำกับ แล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๙ ต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้ส่วนราชการมีเป้าหมายและทิศทางที่ชัดเจนในการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่เหลือของการบริหารราชการแผ่นดิน ๒.๓ ให้ทุกส่วนราชการที่เสนอขอเพิ่มอัตรากำลังข้าราชการต่อคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐพิจารณาทบทวนการเสนอขอเพิ่มอัตรากำลังโดยคำนึงถึงภาระงบประมาณที่เป็นค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรและปริมาณภารกิจเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดจ้างผู้ที่มีคุณวุฒิพิเศษมาดำเนินภารกิจเฉพาะ รวมทั้งการจ้างพนักงานราชการเพื่อทดแทนการบรรจุข้าราชการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20715 | การบริหารจัดการโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน | กษ | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาการขาดสารอาหารของเด็กในวัยเรียน และเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมโคนมไทยโดยใช้น้ำนมดิบในประเทศ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีนโยบายในการเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานของนมโรงเรียนให้สูงขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๕๙ โดยมีการปรับปรุงและพัฒนาตลอดห่วงโซ่ของนมโรงเรียนตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง จนถึงปลายทาง และมีแผนยกระดับนมโรงเรียนใน ๓ ส่วน ได้แก่
๑. ต้นทาง คือ มาตรฐานฟาร์มโคนม โดยใช้มาตรฐาน GAP เป็นสำคัญ โดยเฉพาะอาหารโคและความสะอาด ซึ่งฟาร์มโคนมที่ดีต้องมีแหล่งน้ำและฟาร์มที่สะอาด ได้มาตรฐาน ส่วนอาหารโคนมต้องมีคุณภาพดี ซึ่งจะทำให้น้ำนมดิบมีคุณภาพดี ๒. กลางทาง คือ มาตรฐานของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ โรงงานแปรรูป และกระบวนการขนส่ง โดยมาตรฐานของศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและโรงงานแปรรูปจะใช้มาตรฐาน GMP เป็นตัวกำหนด ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์และสหกรณ์ ๑๖๗ ศูนย์ และโรงงานแปรรูป ๖๗ แห่ง ที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนได้ผ่านมาตรฐาน GMP ครบแล้ว ส่วนกระบวนการขนส่งและจัดเก็บต้องควบคุมความสะอาดและอุณหภูมิเป็นสำคัญ ๓. ปลายทาง คือ เด็กนักเรียน โดยมีการสุ่มตรวจคุณภาพของนมที่ให้เด็กนักเรียนดื่มด้วยการตัดชิมก่อนที่จะให้เด็กนักเรียนเพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ ๖ จำนวน ๗.๔๕ ล้านคนทั่วประเทศ จะได้ดื่มนมโรงเรียน รวม ๒๖๐ วันต่อปี นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีแผนการยกระดับในการติดตาม และกำกับตามนโยบายประชารัฐ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้ดื่มนมที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่สูงขึ้น รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมอาชีพที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20716 | รายงานผลการจัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "เอกกษัตริย์อัครศิลปิน" เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี 9 มิถุนายน 2559 | วธ | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการจัดทำสารคดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เอกกษัตริย์อัครศิลปิน” เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อธำรงรักษาและสืบทอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติทุกสาขา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของศิลปวิทยาการทุกด้าน โดยในด้านศิลปวัฒนธรรม พระองค์ได้มีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราโชวาทและแนวพระราชดำริแก่ผู้ปฏิบัติงานด้านการอนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของชาติในด้านต่าง ๆ และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชประเพณีที่สำคัญ ตลอดจนปรับปรุงงานพิพิธภัณฑ์ และโบราณคดี ดังปรากฏตามเหตุการณ์ต่อไปนี้
๑. สืบเนื่องจากเมื่อคราวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินยังโรงเก็บเรือพระราชพิธีในคลองบางกอกน้อยและทอดพระเนตรเห็นเรืออยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม จึงมีพระราชดำริให้มีการฟื้นฟูการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐินโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารค และนับแต่นั้นมาก็มีการจัดกระบวนพยุหยาตราชลมารคในงานพระราชพิธีและงานรัฐพิธีสำคัญต่าง ๆ สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ๒. การอนุรักษ์ชุมชนเก่าบริเวณวัดอนงคารามวรวิหาร ซึ่งเป็นนิวาสสถานเดิมของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ถือเป็นโครงการตัวอย่างของงานอนุรักษ์ตามแนวพระราชดำริแบบองค์รวมที่บูรณาการความสำคัญของประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม มัณฑนศิลป์ และการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่ดีของชุมชนได้อย่างเหมาะสมยิ่ง ๓. ภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธรัตนสถาน ซึ่งสะท้อนถึงน้ำพระราชหฤทัยและพระอัจฉริยภาพในพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ดังพระราชดำรัสบางตอนที่พระราชทานแก่คณะผู้ถวายงาน ความว่า “...รูปฝาผนังแบบเดิมเป็นคลาสสิก และไม่เขียนรายละเอียด ตามหน้าคน เขียนใหม่ต้องเป็น Stylized เหมือนจริง เป็นจิตรกรรมสมัยใหม่ ๒ มิติ มีการตัดเส้น...อย่างการเขียนน้ำให้เป็นแบบจิตรกรรมประเพณี...เราไม่ได้เขียนให้เหมือนจริง เขียนต้องดีกว่าจินตนาการ...”
|
||||||||||||||||||||||||
20717 | วีดีทัศน์รายงานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยว ประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมอีสานใต้ | กก | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยว ประจำเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมอีสานใต้ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดนครราชสีมา สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการฯ เห็นว่า จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดที่สามารถสร้างความเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยววิถีพุทธไปยังจังหวัดต่าง ๆ ได้ เนื่องจากมีจุดแข็งอยู่ที่จำนวนของวัดที่มีมากที่สุดในประเทศไทย (จำนวน ๒,๗๑๐ วัด) วัดที่สำคัญของจังหวัดนี้ คือ วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีและเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองที่ประชาชนให้ความเคารพ รวมทั้งยังเคยเป็นที่บรรจุอัฐิของท้าวสุรนารี (ย่าโม) ด้วย นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังได้มีการประชุมเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวข้างต้นและการเสนอให้พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินเป็นมรดกโลก เนื่องจากพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวเป็นพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินแห่งแรกของประเทศไทยและเป็นหนึ่งในเจ็ดแห่งของโลก ๑.๒ เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมอีสานใต้นอกจากจะมีจุดเด่นในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมและโบราณสถานแล้ว ยังมีจุดเด่นในเรื่องของพื้นที่ที่เปรียบเสมือนประตูเชื่อมโยงการท่องเที่ยวสู่ราชอาณาจักรกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวหลักในพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ดังนั้น ความท้าทายอย่างหนึ่งที่คณะกรรมการชุดนี้จะต้องร่วมกันพิจารณาก็คือแนวทางในการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่อีสานใต้เพิ่มมากขึ้น โดยใช้ความได้เปรียบในการเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยง การเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก และการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการหรือแนวทางในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพและมาตรฐานมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าไปท่องเที่ยวในทุกพื้นที่ของประเทศไทย และสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือในระดับโลกต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
20718 | ข้อคิดเห็นของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี | นร | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑.รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) และรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดิน ดังนี้ ๑.๑ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รายงาน ๑.๑.๑ โครงการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายรัฐบาล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ จะดำเนินการทำพิธีเปิดกิจกรรมในวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๕๙ พร้อมกันทั่วประเทศ โดยส่วนกลางกำหนดจัดกิจกรรมที่จังหวัดราชบุรี ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุบลราชธานี และภาคใต้ที่จังหวัดยะลา ๑.๑.๒ แผนการปฏิรูปและการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม เพื่อเป็นการสนับสนุนการปฏิรูปตาม Roadmap ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยได้กำหนดแผนการปฏิรูปภารกิจที่สำคัญมุ่งเน้นการดำเนินการตามความรับผิดชอบหลักของกระทรวงกลาโหม ประเด็นการปฏิรูปที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาของชาติในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จำนวน ๑๑ ประเด็น ประกอบด้วย ประเด็นภารกิจหลัก ประเด็นภารกิจรอง และประเด็นภารกิจเสริม สำหรับการบริหารงานของรัฐบาลในช่วงระยะเวลาที่เหลือ (ระยะเวลา ๑ ปี ๖ เดือน) จะให้ความสำคัญกับการพิทักษ์ ปกป้อง และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน การแก้ไขปัญหาความยากจน การช่วยเหลือ และบริการ ตลอดจนสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับประชาชน การส่งเสริมความร่วมมือกับมิตรประเทศและประเทศสมาชิกอาเซียน และการดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและประเด็นที่เป็นวาระแห่งชาติ ๑.๒ รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในฐานะรองประธานกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๖ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา รายงานเกี่ยวกับแผนการปฏิรูปด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และการกีฬา ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ได้แก่ (๑) ด้านการท่องเที่ยว กำหนดยุทธศาสตร์ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ปลอดภัย สมดุล และยั่งยืน และให้การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ (๒) ด้านการกีฬา กำหนดยุทธศาสตร์ให้นักกีฬาไทยมีความเป็นเลิศด้านกีฬาในเอเชียและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพดี มีวินัย มีความสามัคคี และมีความภาคภูมิในชาติ และ (๓) ด้านวัฒนธรรม กำหนดยุทธศาสตร์ให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งคนดี มีคุณธรรม จริยธรรมและสมานฉันท์ มีรายได้และความมั่งคั่งจากการสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม รวมทั้งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ๑.๓ รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย) รายงานกรอบการดำเนินการเกี่ยวกับ (๑) การปฏิรูปด้านสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ (ด้านสาธารณสุข) ระยะ ๒๐ ปี มีเป้าหมายคือ ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน และ (๒) การปฏิรูปด้านสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้มีการดำเนินการปฏิรูปประเด็นสำคัญระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ในประเด็นต่าง ๆ เช่น ที่อยู่อาศัย การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต และการขับเคลื่อนสวัสดิการสังคมและภาคประชาสังคม เป็นต้น ๑.๔ รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รายงานเกี่ยวกับงานด้านการวิจัยของประเทศ ได้แก่ (๑) กรอบยุทธศาสตร์การวิจัยแห่งชาติ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) มีเป้าหมายเพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการวิจัยและนวัตกรรมในระดับโลก ขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน (๒) การขับเคลื่อนระบบวิจัยแบบบูรณาการของประเทศ (ปัจจุบัน-พ.ศ. ๒๕๗๙) และ (๓) ผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของไทยที่เข้าร่วมประกวดและนำเสนอในเวทีนานาชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้สนับสนุนกิจกรรมการนำผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของไทยสู่เวทีระดับนานาชาติ มีการนำผลงานฯ ของไทยเข้าร่วมประกวดและจัดแสดงนิทรรศการในเวทีนานาชาติ ตลอดจนส่งเสริมให้ผลงานที่ผ่านเวทีนานาชาติได้ขึ้นบัญชีสิ่งประดิษฐ์เพื่อพัฒนาให้เข้าสู่บัญชีนวัตกรรมและนำไปสู่ประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการขับเคลื่อนการนำผลงานวิจัยและสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของไทยไปสู่การผลิตและการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๖๐ ๓. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการขึ้นทะเบียนตามบัญชีนวัตกรรมไทยให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณเพื่อการดำเนินการดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
20719 | การขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษ | นร | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. .... ที่ถอนไปจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ให้มีกลไกในการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชั้นนอกตามแนวชายแดน เพื่อให้การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยคำนึงถึงข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบริหารจัดการในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมิให้เกิดความขัดแย้งกัน ๒. ส่วนการพัฒนาพื้นที่ชั้นในเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในรูปแบบคลัสเตอร์และพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาล เช่น เมืองยางพารา (Rubber City) โดยที่มีการจัดทำกฎหมายอีกฉบับหนึ่งอยู่แล้ว จึงให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) พิจารณาดำเนินการต่อไป เพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยให้สอดคล้องกับร่างกฎหมายตามข้อ ๑ รวมทั้งพิจารณาให้มีกลไกในการประสานงานโดยตรงกับผู้ลงทุนที่มีความสนใจและเข้าข่ายเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งนี้ ให้สอดคล้องกับแนวทางประชารัฐและการวิจัยและพัฒนาของประเทศด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติพิจารณากำหนดมาตรการในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษ เช่น ผู้อาศัยเดิมในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ตั้งขึ้นใหม่ เพื่อให้การบริหารจัดการที่ดินดังกล่าวเกิดความเหมาะสม |
||||||||||||||||||||||||
20720 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 12 สายกาฬสินธุ์ - บรรจบทางหลวงหมายเลข 12 (บ.นาไคร้) ตอน 2 จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 | คค | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณีกรมทางหลวงก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๑๒ สายกาฬสินธุ์-บรรจบทางหลวงหมายเลข ๑๒ (บ.นาไคร้) ตอน ๒ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนที่ ๑ ระยะทาง ๓๕.๗๒๒ กิโลเมตร ในวงเงิน ๑,๔๔๓,๑๑๒,๐๐๐ บาท และส่วนที่ ๒ ระยะทาง ๓๕.๗๑๔ กิโลเมตร ในวงเงิน ๑,๔๔๖,๙๖๖,๐๐๐ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
.....